×
ผลการค้นหา : TOYOTA
แสดง รายการ

     Toyota Hilux Travo 2026 (โตโยต้า ไฮลักซ์ ทราโว 2026) เปิดตัวและเป็นการปรับตัวครั้งใหญ่กับรถกระบะขนาด 1 ตัน ของ Toyota แม้จะพัฒนาแบบต่อยอดบนโครงสร้างตัวถังเดิม แต่จัดระเบียบไลน์อัพพร้อมชื่อเรียกในแต่ละเกรดใหม่ โดยแบ่งเป็น 4 กลุ่ม คือ กลุ่ม Standard Cab, กลุ่มยกสูง Prerunner & 4TREX และกลุ่มที่เน้นไลฟ์สไตล์กลางแจ้ง Overland ซึ่งมาแทน Revo Rocco เดิม ทุกกลุ่ม-ทุกเกรดมีเฉพาะเครื่องยนต์ดีเซล 2.8 ลิตร เทอร์โบ ส่วนระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ จากเดิมใช้ 4X4 เปลี่ยนเป็นชื่อ 4TREX นอกจากนี้ ยังเพิ่มทางเลือกรถกระบะไฟฟ้าล้วน BEV ด้วย Hilux Travo-e เจาะกลุ่มองค์กร แต่ยังขาดตระกูล GR ที่เรายังไม่ได้เห็นในการเปิดตัวครั้งนี้

 

Toyota Hilux Travo 2026 ดีไซน์ภายนอก

     Toyota Hilux Travo 2026 ได้รับการเปลี่ยนดีไซน์หน้า-หลังใหม่ เพิ่มสไตลิ่งแข็งแกร่งและโมเดิร์นมากขึ้นด้วยการเพิ่มเหลี่ยมสันเข้าไปในงานออกแบบ โดยชื่อใหม่ Travo มาจากการผสมคำระหว่าง Travel กับ Voyage หมายถึงการเดินทาง มีตัวถังให้เลือกทั้งหมด 3 รูปแบบ คือ

  • Standard Cab 2 ประตู ตอนเดียวยกสูงขับเคลื่อน 4 ล้อ (4TREX)
  • Smart Cab 2 ประตู ตอนครึ่งแค็บเปิดได้ มีทั้งยกสูงขับเคลื่อน 2 ล้อ Prerunner และยกสูงขับเคลื่อน 4 ล้อ 4TREX
  • Double Cab 4 ประตู สองตอน มีทั้งยกสูงขับเคลื่อน 2 ล้อ Prerunner และยกสูงขับเคลื่อน 4 ล้อ 4TREX เสริมด้วยรุ่น Overland เพิ่มการตกแต่งสำหรับไลฟ์สไตล์กลางแจ้ง Overland

     โดย Toyota Hilux Travo Overland นั้นมาแทนที่ Hilux Revo Rocco มีเฉพาะตัวถัง Double Cab 4 ประตู แต่แบ่งเป็น Prerunner ยกสูงขับเคลื่อน 2 ล้อ และ 4TREX ขับเคลื่อน 4 ล้อ เพิ่มการตกแต่งภายนอกมากกว่า Prerunner และ 4TREX มาตรฐาน เช่น สปอร์ตบาร์กระบะท้าย ล้ออัลลอยลายต่างกัน

Toyota Hilux Travo 2026 ดีไซน์ภายใน

     สำหรับภายใน Toyota Hilux Travo 2026 ได้รับการออกแบบใหม่ โดยเฉพาะแผงคอนโซลหน้าที่ปรับแนวคิดลบความโค้งมนมาเล่นกับรูปทรงเรขาคณิต ใช้งานง่าย จริงจัง ตรงไปตรงมา ทุกรุ่นใช้ห้องโดยสารโทนสีดำ เบาะหุ้มผ้า Caretex (ยกเว้น Smart Cab เกียร์ธรรมดาเป็น PVC) และตั้งแต่เกรด Premium ขึ้นไป ตกแต่งคอนโซลบุด้วยวัสดุผิวสัมผัสนุ่ม พวงมาลัยหุ้มหนัง มีเบรกมือไฟฟ้า ที่ชาร์จสมาร์ตโฟนไร้สาย ระบบเสียงหน้าจอสัมผัส 12.3 นิ้ว ส่วนเกรด Overland ได้เบาะหุ้มหนังสังเคราะห์ Softex แทนเบาะผ้า ฝั่งคนขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง มาตรวัดและจออินโฟเทนเมนต์ 12.3 นิ้ว แอร์อัตโนมัติแยกปรับ 2 โซน ช่องเก็บความเย็น Coolbox ขณะที่ Toyota Hilux Travo-e ก็จะได้อุปกรณ์มากพอ ๆ กับ Overland

Toyota Hilux Travo 2026 เครื่องยนต์และสมรรถนะ

     รถกระบะ Toyota Hilux ที่พ่วงด้วยชื่อ Travo ทั้งหมดจะใช้เครื่องยนต์ดีเซล 2.8 ลิตร เทอร์โบแปรผัน อินเตอร์คูลเลอร์ รหัส 1GD-FTV เป็นพื้นฐานทั้งหมด แต่รุ่นเกียร์ธรรมดา (MT) และเกียร์อัตโนมัติ (AT) จะมีสมรรถนะต่างกัน

เกียร์ธรรมดา

     กำลังสูงสุด 204 แรงม้า ที่ 3,400 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 420 นิวตันเมตร ที่ 1,400-3,400 รอบ/นาที เกียร์ธรรมดา 6 สปีด

เกียร์อัตโนมัติ

     กำลังสูงสุด 204 แรงม้า ที่ 3,400 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 500 นิวตันเมตร ที่ 1,600-2,800 รอบ/นาที เกียร์อัตโนมัติ 7 สปีด

          ในส่วนของ Toyota Hilux Travo-e ที่ใช้เทคโนโลยีไฟฟ้าล้วน (BEV) ติดตั้งมอเตอร์ 1 ตัวบนเพลาหน้า กำลัง 112 แรงม้า แรงบิด 205.5 นิวตันเมตร และ 1 ตัวบนเพลาหลังกำลัง 176 แรงม้า แรงบิด 268.6 นิวตันเมตร ขับเคลื่อน 4 ล้อ แบตเตอรี่ลิเธียมไอออนขนาด 59.2 กิโลวัตต์-ชั่วโมง ติดตั้งตรงกลางระหว่างคานแชสซีส์ยึดด้วยซับเฟรม ระยะทางวิ่งสูงสุด 315 กิโลเมตร (NEDC) รองรับ Fast Charge กำลังสูงสุด 125 กิโลวัตต์

Toyota Hilux Travo 2026 เทคโนโลยีและระบบความปลอดภัย

     ทางด้านระบบความปลอดภัย Toyota Hilux Travo รุ่น Overland กับ Travo-e จะมาพร้อมระบบช่วยขับขี่ เช่น ระบบรักษาความเร็ว Dynamic Radar Cruise Control ทำงานได้ทุกย่านความเร็ว กล้องมองภาพรอบคัน เตือนการจราจรขณะถอย เตือนรถออกนอกเลน (พร้อมดึงกลับในรุ่น Overland Plus) แต่ Travo-e ไม่มีระบบนี้และจะได้ระบบควบคุมรถให้วิ่งกลางเลน

     ส่วนระบบความปลอดภัยพื้นฐานตัวถัง Standard Cab และ Smart Cab ติดตั้งถุงลมนิรภัย 3 จุด (รวมถึงตัวถัง Double Cab ในรุ่น Prerunner กับ 4TREX ขณะที่ Overland Plus กับ Travo-e ตัวถัง Double Cab จะมีทั้งหมด 7 จุด ทุกรุ่นมีระบบเตือนมุมอับสายตา กล้องมองหลัง ระบบควบคุมการทรงตัว ควบคุมการส่ายเมื่อพ่วงท้าย เป็นต้น

 

Toyota Hilux Travo 2026 มีกี่สี

     Toyota Hilux Travo แต่ละไลน์อัพจะมีสีตัวถังให้เลือกต่างกัน ดังนี้

Toyota Hilux Travo Standard Cab

  • สีเทา Ash
  • สีเงิน Silver Metallic
  • สีขาว Super White II

Toyota Hilux Travo Prerunner & 4TREX

  • สีน้ำตาล Sulfur Metallic
  • สีดำ Attitude Black Mica
  • สีเทา Ash
  • สีเงิน Silver Metallic
  • สีขาว Super White II

Toyota Hilux Travo Overland

  • สีน้ำตาล Sulfur Metallic
  • สีดำ Attitude Black Mica
  • สีเทา Ash
  • สีขาว Platinum White Pearl Mica

Toyota Hilux Travo 2026 ราคาจำหน่าย

Toyota Hilux Travo Standard Cab

  • รุ่น 2.8 4TREX ราคา 767,000 บาท
  • รุ่น 2.8 4TREX เกียร์ออโต้  ราคา 819,000 บาท

Toyota Hilux Travo Prerunner

     Toyota Hilux Travo Prerunner แบ่งเป็น 2 ตัวถัง คือ Smart Cab และ Double Cab

Smart Cab

  • รุ่น 2.8 Smart ราคา 789,000 บาท
  • รุ่น 2.8 Smart เกียร์ออโต้ ราคา 839,000 บาท
  • รุ่น 2.8 Premium ราคา 859,000 บาท
  • รุ่น 2.8 Premium เกียร์ออโต้ ราคา 909,000 บาท

Double Cab

  • รุ่น 2.8 Smart ราคา 895,000 บาท
  • รุ่น 2.8 Smart เกียร์ออโต้ ราคา 945,000 บาท
  • รุ่น 2.8 Premium ราคา 949,000 บาท
  • รุ่น 2.8 Premium เกียร์ออโต้ ราคา 999,000 บาท

Toyota Hilux Travo 4TREX

          Toyota Hilux Travo 4TREX แบ่งเป็น 2 ตัวถัง คือ Smart Cab และ Double Cab

Smart Cab

  • รุ่น 2.8 4TREX Premium ราคา 984,000 บาท
  • รุ่น 2.8 4TREX Premium เกียร์ออโต้ ราคา 1,029,000 บาท

Double Cab

  • รุ่น 2.8 4TREX Premium ราคา 1,090,000 บาท

Toyota Hilux Travo Overland

  • รุ่น 2.8 Overland ราคา 1,102,000 บาท
  • รุ่น 2.8 Overland เกียร์ออโต้ ราคา 1,102,000 บาท
  • รุ่น 2.8 Overland 4TREX เกียร์ออโต้ ราคา 1,292,000 บาท
  • รุ่น 2.8 Overland Plus 4TREX เกียร์ออโต้ ราคา 1,366,000 บาท

Toyota Hilux Travo-e

  • รุ่น Double Cab 4TREX ราคา 1,491,000 บาท

สรุปความน่าสนใจของ Toyota Hilux Travo 2026

          สำหรับใครที่เชื่อมั่นรถกระบะตระกูล Hilux ของ Toyota อยู่แล้ว ในยุคของ Travo มีการปล่อยออปชั่นหรือกั๊กน้อยลง (ไม่ว่าจะด้วยสถานการณ์และการแข่งขันก็ตามที) การจัดระเบียบรุ่นย่อยใหม่ให้เหมาะกับกลุ่มเป้าหมายยิ่งขึ้น ในภาพรวมราคาปรับขึ้นเล็กน้อยแลกกับอุปกรณ์มาตรฐานที่มากกว่าเดิม

          ขณะเดียวกันทุกรุ่นได้เครื่องยนต์ดีเซล 2.8 ลิตร 204 แรงม้า เท่ากันหมด (หากไม่นับ Travo-e) แต่ประหยัดกว่าเครื่องยนต์ 2.4 ลิตร โดยเทียบระหว่าง Toyota Hilux Travo 2.8 Prerunner ตัวถัง Double Cab เกียร์ออโต้ อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย 14.5 กิโลเมตร/ลิตร (EcoSticker) กับ Toyota Hilux Revo 2.4 Prerunner เกียร์ออโต้ ที่ทำอัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ยได้ 13.7 กิโลเมตร/ลิตร (EcoSticker)

          อย่างไรก็ตาม Toyota Hilux Travo ใหม่ จะยังไม่มีรุ่นความสูงมาตรฐานอย่าง Z Edition ในตอนนี้ รวมถึงตระกูล GR ซึ่งคาดว่าตามมาในอนาคต ส่วนตลาดรถกระบะเชิงพาณิชย์ Toyota ซึ่งเป็นตลาดที่ใหญ่ยังมอบให้ Hilux Revo รับหน้าที่ควบคู่กับ Hilux Champ ส่วนเรื่องดีไซน์ถือว่าเป็นความชอบส่วนบุคคล รอดูผลจากยอดขายว่าจะทิ้งห่าง Isuzu D-Max ได้หรือไม่ มากน้อยแค่ไหน 

 

ขอบคุณข้อมูลจาก kapook.com

.

.

.

.

_____________________________________

เราคือตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ

เทอร์โบแท้

IHI TURBO 🇯🇵

GARRETT 🇺🇸

MITSUBISHI TURBOCHARGER 🇯🇵

ซื้อกับเราได้สินค้าแท้100%

คุ้มค่ากว่า ใช้งานได้ในระยะยาว

สบายใจกว่า เทอร์โบแท้รับประกันสินค้ายาวนาน

บริการหลังการขายที่ยอดเยี่ยม

โดยทีมงานมืออาชีพ ผู้มีประสบการณ์มากกว่า 24 ปี”

สั่งอะไหล่กับเรา "ออกใบกำกับภาษี" ได้

พร้อมบริการการดูแลหลังการขายตลอดอายุการใช้งาน

⚙️เข้าชมสินค้าทั้งหมดในเว็บไซต์

คลิก: www.sqdparts.com

⚙️สั่งซื้อทางเพจ

คลิก: m.me/sqdparts

⚙️สั่งซื้อผ่านไลน์

คลิก: https://liff.line.me/1645278921-kWRPP32q/?accountId=sqdparts

คลิกYoutube : https://bit.ly/3IAJstu

คลิกTiktok : https://bit.ly/3bXmLmN

คลิกInstagram : https://bit.ly/3AFxMDx

 

เขียนโดย sqdparts เมื่อ Sat 15 Nov, 2025
อ่านต่อ

     การเลือกเทอร์โบชาร์จเจอร์สำหรับรถกระบะ Toyota Revo เพื่อเปลี่ยนใหม่ ถือเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ เพื่อให้ได้สมรรถนะที่เหมาะสมกับความต้องการและงบประมาณของคุณ คู่มือนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจและตัดสินใจได้ง่ายขึ้น

 

1. ทำความเข้าใจประเภทของเทอร์โบสำหรับ Toyota Revo

เทอร์โบของ Toyota Revo มีหลายแบบ ขึ้นอยู่กับรุ่นและปีที่ผลิต โดยหลักๆ แล้วแบ่งได้ดังนี้:

  • เทอร์โบเดิม (Standard Turbo): เป็นเทอร์โบที่ติดตั้งมากับรถจากโรงงาน เหมาะสำหรับการใช้งานทั่วไป ไม่ต้องการการดัดแปลงเครื่องยนต์เพิ่มเติม และให้สมรรถนะที่สมดุลทั้งด้านพละกำลังและการประหยัดน้ำมัน
  • เทอร์โบอัปเกรด (Upgrade Turbo): เป็นเทอร์โบที่ถูกดัดแปลงจากเทอร์โบเดิม เช่น เปลี่ยนใบพัดเป็นแบบ billet (อลูมิเนียมเกรดพิเศษ) ที่มีน้ำหนักเบาและแข็งแรงกว่า ทำให้เทอร์โบติดบูสต์ได้เร็วขึ้นและรองรับแรงดันบูสต์ที่สูงขึ้นได้ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเพิ่มสมรรถนะของรถโดยไม่ต้องดัดแปลงเครื่องยนต์มากนัก
  • เทอร์โบโมดิฟาย (Modify Turbo): เป็นเทอร์โบที่ถูกสร้างขึ้นใหม่หรือดัดแปลงอย่างมากเพื่อรองรับกำลังเครื่องยนต์ที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก เช่น การเปลี่ยนโข่งหลังให้ใหญ่ขึ้น หรือเปลี่ยนขนาดใบพัดใหม่ทั้งหมด เหมาะสำหรับรถที่ต้องการกำลังม้าสูงๆ และมีการปรับจูนเครื่องยนต์อย่างเต็มระบบ (เช่น การรีแมปกล่อง ECU)

2. ปัจจัยที่ต้องพิจารณาก่อนเลือกซื้อ

  • วัตถุประสงค์การใช้งาน:
    • ใช้งานทั่วไปในชีวิตประจำวัน: หากต้องการเปลี่ยนเพราะของเดิมเสีย และไม่ได้เน้นเรื่องความแรง ควรเลือกเทอร์โบเดิมหรือเทอร์โบเทียบเท่าของเดิม ซึ่งหาซื้อง่ายและราคาไม่แพงมากนัก
    • ต้องการเพิ่มสมรรถนะเล็กน้อย: หากต้องการให้รถขับสนุกขึ้น ตอบสนองได้ดีขึ้น ควรพิจารณาเทอร์โบอัปเกรด ซึ่งจะช่วยให้รถมีกำลังและแรงบิดเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยที่ยังคงความทนทานไว้
    • เน้นความแรงสูงสุด (รถแข่ง/รถซิ่ง): หากต้องการกำลังม้าสูงๆ สำหรับการใช้งานหนัก หรือเพื่อการแข่งขัน ควรเลือกเทอร์โบโมดิฟายที่ออกแบบมาสำหรับแรงม้าสูงโดยเฉพาะ อย่างไรก็ตาม การติดตั้งเทอร์โบประเภทนี้จำเป็นต้องมีการอัปเกรดชิ้นส่วนอื่นๆ ของเครื่องยนต์และระบบส่งกำลังร่วมด้วย
  • รุ่นเครื่องยนต์ (2.4L หรือ 2.8L):
  • เครื่องยนต์ 2.4L (2GD): เทอร์โบเดิมของรุ่นนี้มีขนาดเล็กกว่ารุ่น 2.8L หากต้องการเพิ่มความแรง การเปลี่ยนไปใช้เทอร์โบของรุ่น 2.8L (1GD) หรือเทอร์โบอัปเกรดที่ออกแบบมาสำหรับ 2.4L จะช่วยให้รถมีกำลังมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
  • เครื่องยนต์ 2.8L (1GD): เทอร์โบเดิมของรุ่นนี้มีขนาดใหญ่กว่าและเป็นแบบลูกปืน (Ball Bearing) ซึ่งช่วยให้การตอบสนองดีกว่า หากต้องการเพิ่มความแรง อาจพิจารณาการอัปเกรดใบพัดหรือเทอร์โบโมดิฟาย
  • งบประมาณ:
  • เทอร์โบเดิม/เทียบเท่า: มีราคาถูกที่สุด
  • เทอร์โบอัปเกรด/โมดิฟาย: มีราคาสูงขึ้นตามคุณภาพและสมรรถนะที่เพิ่มขึ้น
  • ความเข้ากันได้: ควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าเทอร์โบใหม่ที่คุณจะซื้อสามารถติดตั้งแทนของเดิมได้โดยไม่ต้องดัดแปลงท่อทางเดินอากาศหรือท่อไอเสียมากนัก หากเลือกเทอร์โบที่มีขนาดแตกต่างจากเดิมมาก อาจต้องมีการดัดแปลงระบบท่อไอดีและท่อไอเสีย ซึ่งจะเพิ่มค่าใช้จ่ายและเวลาในการติดตั้ง

3. อาการที่บ่งบอกว่าเทอร์โบเสีย

ก่อนตัดสินใจเปลี่ยนเทอร์โบ ควรสังเกตอาการเหล่านี้เพื่อยืนยันว่าถึงเวลาที่ต้องเปลี่ยนแล้ว:

  • เสียงหวีดหอนดังผิดปกติ: เสียงคล้ายไซเรนหรือเสียงหวีดแหลมๆ ขณะที่เทอร์โบกำลังทำงาน
  • ควันดำหรือควันขาว: เกิดจากการที่น้ำมันเครื่องรั่วเข้าไปในระบบไอเสียและถูกเผาไหม้
  • เครื่องยนต์ไม่มีกำลัง: แรงอัดอากาศลดลง ทำให้รถอืดและเร่งไม่ขึ้น
  • มีน้ำมันเครื่องรั่วซึม: บริเวณแกนเทอร์โบหรือท่อทางเดินน้ำมัน
  • ใบพัดเทอร์โบเสียหาย: อาจมีอาการบิ่น แตก หรือแกนเทอร์โบหลวม ทำให้เกิดเสียงผิดปกติและสมรรถนะลดลง

4. คำแนะนำเพิ่มเติม

  • ปรึกษาช่างผู้เชี่ยวชาญ: หากไม่แน่ใจ ควรปรึกษาอู่ซ่อมรถที่มีความเชี่ยวชาญด้านเครื่องยนต์ดีเซลและเทอร์โบโดยเฉพาะ เพื่อให้ได้คำแนะนำที่เหมาะสมกับการใช้งานของคุณ
  • เลือกซื้อจากร้านที่น่าเชื่อถือ: ควรซื้อเทอร์โบจากตัวแทนจำหน่ายหรือร้านค้าที่มีชื่อเสียงและมีบริการหลังการขายที่ดี เพื่อป้องกันปัญหาเรื่องสินค้าไม่ได้มาตรฐานหรือของปลอม
  • การปรับจูน (Remap ECU): การเปลี่ยนเทอร์โบที่มีขนาดใหญ่ขึ้นหรือมีสเปกที่แตกต่างจากเดิม ควรทำการรีแมปกล่อง ECU ใหม่ เพื่อให้เครื่องยนต์สามารถทำงานร่วมกับเทอร์โบใหม่ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ และป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นกับเครื่องยนต์ในระยะยาว

 

_____________________________________

เราคือตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ

เทอร์โบแท้

IHI TURBO 🇯🇵

GARRETT 🇺🇸

MITSUBISHI TURBOCHARGER 🇯🇵

ซื้อกับเราได้สินค้าแท้100%

คุ้มค่ากว่า ใช้งานได้ในระยะยาว

สบายใจกว่า เทอร์โบแท้รับประกันสินค้ายาวนาน

บริการหลังการขายที่ยอดเยี่ยม

โดยทีมงานมืออาชีพ ผู้มีประสบการณ์มากกว่า 24 ปี”

สั่งอะไหล่กับเรา "ออกใบกำกับภาษี" ได้

พร้อมบริการการดูแลหลังการขายตลอดอายุการใช้งาน

⚙️เข้าชมสินค้าทั้งหมดในเว็บไซต์

คลิก: www.sqdparts.com

⚙️สั่งซื้อทางเพจ

คลิก: m.me/sqdparts

⚙️สั่งซื้อผ่านไลน์

คลิก: https://liff.line.me/1645278921-kWRPP32q/?accountId=sqdparts

คลิกYoutube : https://bit.ly/3IAJstu

คลิกTiktok : https://bit.ly/3bXmLmN

คลิกInstagram : https://bit.ly/3AFxMDx

เขียนโดย sqdparts เมื่อ Tue 09 Sep, 2025
อ่านต่อ

     ใครที่ใช้รถ Toyota Fortuner รุ่นปัจจุบันแล้วรู้สึกว่าไฟหน้าอัตโนมัติติดไวเกินไป แค่ขับผ่านร่มไม้ หรือลอดใต้สะพานไฟก็ติดแล้ว สามารถปรับตั้งค่าความไว (Sensitivity) ด้วยตัวเองแบบง่ายๆ ได้ทันที ไม่ต้องนำรถเข้าศูนย์บริการให้เสียเวลา

 

วิธีตั้งค่าความไวไฟหน้าออโต้ Toyota Fortuner

  1. กดปุ่มสตาร์ท 2 ครั้ง โดยไม่ต้องเหยียบเบรก หน้าจอจะขึ้น IGNITION ON
  2. หมุนก้านไฟหน้าจาก Auto ไปตำแหน่งไฟหรี่
  3. กดปุ่มสตาร์ท 1 ครั้ง เพื่อปิดการทำงานของระบบไฟฟ้าทั้งหมด
  4. ดึงก้านไฟหน้าเข้าหาตัวค้างไว้ หมุนสวิตช์ไฟขึ้น-ลง 5 ครั้งแล้วจึงปล่อย
  5. หากรถไม่เคยตั้งค่าไฟหน้ามาก่อน ไฟหน้าจะกระพริบ 3 ครั้ง = ความ ไวระดับ 3 ซึ่งเป็นค่ามาตรฐานจากโรงงาน
  6. หากต้องการปรับระดับความไว ให้ดึงก้านเข้าหาตัวค้างไว้อีกครั้ง แล้วหมุนขึ้น-ลงให้ได้จำนวนครั้งตามระดับความไวที่ต้องการตั้งแต่ 1-5 โดยที่ 1 = ช้าสุด และ 5 = ไวสุด หากต้องการระดับ 1 ให้หมุนขึ้น-ลง 1 ครั้ง แล้วจึงปล่อย ไฟหน้าจะกระพริบ 1 ครั้ง เป็นอันสิ้นสุดการตั้งค่า

หากใครใช้รถรุ่นนี้แล้วประสบปัญหาไฟหน้าติดไวอยู่แล้วล่ะก็ อย่าลืมนำไปลองใช้กันนะครับ

 

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com

.

.

.

.

_____________________________________

เราคือตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ

เทอร์โบแท้

IHI TURBO 🇯🇵

GARRETT 🇺🇸

MITSUBISHI TURBOCHARGER 🇯🇵

ซื้อกับเราได้สินค้าแท้100%

คุ้มค่ากว่า ใช้งานได้ในระยะยาว

สบายใจกว่า เทอร์โบแท้รับประกันสินค้ายาวนาน

บริการหลังการขายที่ยอดเยี่ยม

โดยทีมงานมืออาชีพ ผู้มีประสบการณ์มากกว่า 24 ปี”

สั่งอะไหล่กับเรา "ออกใบกำกับภาษี" ได้

พร้อมบริการการดูแลหลังการขายตลอดอายุการใช้งาน

⚙️เข้าชมสินค้าทั้งหมดในเว็บไซต์

คลิก: www.sqdparts.com

⚙️สั่งซื้อทางเพจ

คลิก: m.me/sqdparts

⚙️สั่งซื้อผ่านไลน์

คลิก: https://liff.line.me/1645278921-kWRPP32q/?accountId=sqdparts

คลิกYoutube : https://bit.ly/3IAJstu

คลิกTiktok : https://bit.ly/3bXmLmN

คลิกInstagram : https://bit.ly/3AFxMDx

เขียนโดย sqdparts เมื่อ Thu 28 Aug, 2025
อ่านต่อ

     ทุกวันนี้รถยนต์ที่คุณใช้งานไม่ว่าจะเป็นรถปกติ, รถไฮบริต และ รถไฟฟ้า จะต้องมีระบบระบายความร้อนด้วยน้ำที่คุณต้องดูน้ำพักหม้อน้ำเพื่อดูว่าระดับยังปกติไหม และถ้าใช้งานอยู่ดีๆ น้ำลดลงไปการหามาเติมด้วยความที่มีหลายแบบหลายสีไปหมด คุณอาจจะเผลอเอาน้ำสีอื่นมาเติมหวังว่าจะผสมเพื่อเกินสีใหม่ แต่รู้หรือไม่สิ่งเหล่านี้ที่ทำอาจจะทำให้รถของคุณพังเร็ว วันนี้ เราจะมาเฉลยว่าน้ำหม้อน้ำแต่ละสีทำอะไร และบอกว่าถ้าเติมผิดจะเกิดอะไรขึ้นรวมถึงการเติมให้ถูกต้องทำอย่างไร

สีของน้ำยาหล่อเย็น บอกอะไรเรา?

ในอดีต สีของน้ำยาหล่อเย็นเคยใช้เป็นตัวบ่งชี้เทคโนโลยีและสารเคมีที่ใช้ แต่ในปัจจุบัน สีไม่ใช่มาตรฐานสากลอีกต่อไป ผู้ผลิตแต่ละรายอาจใช้สีที่แตกต่างกันไปในเทคโนโลยีเดียวกันได้ อย่างไรก็ตาม เรายังสามารถใช้สีเป็นแนวทางเบื้องต้นในการแบ่งกลุ่มเทคโนโลยีหลักๆ ได้ดังนี้

  • สีเขียว (Green): เป็นสีของน้ำยาหล่อเย็นยุคดั้งเดิม มักใช้เทคโนโลยี IAT (Inorganic Additive Technology) ซึ่งมีส่วนผสมของสารอนินทรีย์ เช่น ซิลิเกต (Silicate) และฟอสเฟต (Phosphate) ในการเคลือบเพื่อป้องกันการกัดกร่อน มีอายุการใช้งานสั้นที่สุด คือประมาณ 2 ปี หรือ 40,000 กิโลเมตร เหมาะสำหรับรถยนต์รุ่นเก่าๆ
  • สีชมพู หรือ สีแดง (Pink / Red): เป็นสีที่นิยมใช้ในน้ำยาหล่อเย็นยุคใหม่ที่ใช้เทคโนโลยี OAT (Organic Acid Technology) ซึ่งใช้กรดอินทรีย์เป็นสารยับยั้งการกัดกร่อน ไม่มีส่วนผสมของซิลิเกตและฟอสเฟต ทำให้มีอายุการใช้งานยาวนานมาก (Long Life Coolant) ตั้งแต่ 5 ปี หรือ 160,000 กิโลเมตรขึ้นไป มักพบในรถยนต์รุ่นใหม่ๆ จากค่ายญี่ปุ่น (เช่น Toyota, Honda) และค่ายอเมริกัน (GM)
  • สีฟ้า สีส้ม หรือ สีเหลือง (Blue / Orange / Yellow): มักเป็นกลุ่มเทคโนโลยี HOAT (Hybrid Organic Acid Technology) ซึ่งเป็นการผสมผสานข้อดีของแบบ IAT และ OAT เข้าด้วยกัน โดยใช้กรดอินทรีย์ร่วมกับสารอนินทรีย์ (เช่น ซิลิเกต) เพื่อให้การป้องกันที่รวดเร็วและมีอายุการใช้งานที่ยาวนาน มักใช้ในรถยนต์ค่ายยุโรป (เช่น BMW, Mercedes-Benz) และค่ายอเมริกันบางรุ่น (เช่น Ford, Chrysler)

เติมน้ำหม้อผิดสีจะเกิดอะไรขึ้น

หากรู้เรื่องน้ำหม้อน้ำแล้ว แต่ยังฝืนที่จะเต็มผิด เช่นเทคโนโลยีต่างกัน (เช่น เอาสีเขียว IAT ไปผสมกับสีชมพู OAT) สารเคมีที่อยู่ในน้ำยาทั้งสองชนิดจะทำปฏิกิริยาต่อต้านกันเอง ซึ่งจะนำไปสู่ผลลัพธ์เลวร้ายดังนี้

กลายเป็นวุ้นหรือเจล

เรื่่องแรกคือปัญหาที่พบบ่อยที่สุด สารยับยั้งการกัดกร่อนที่ไม่เข้ากันจะทำปฏิกิริยากันและจับตัวเป็นก้อนหนาคล้ายวุ้นหรือเจลเหนียวๆ

เกิดการอุดตัน

หากเติมผิดมักจะมีสิ่งที่สังเกตได้คือ การเกิด วุ้น เจล หรือตะกอนที่เกิดขึ้น จะลอยไปอุดตันตามส่วนต่างๆ ของระบบระบายความร้อน โดยเฉพาะในช่องทางที่แคบ เช่น รังผึ้งหม้อน้ำ (Radiator Core), ท่อทางเดินน้ำ และ ฮีทเตอร์คอร์ (Heater Core) ที่ใช้ทำความร้อนในห้องโดยสาร

ประสิทธิภาพการระบายความร้อนลดลงอย่างรุนแรง

เมื่อระบบอุดตัน น้ำยาหล่อเย็นจะไม่สามารถไหลเวียนเพื่อนำความร้อนออกจากเครื่องยนต์ได้สะดวก ทำให้ เครื่องยนต์ร้อนจัด (Overheating) ซึ่งเป็นอันตรายอย่างยิ่ง

สูญเสียคุณสมบัติป้องกันสนิม

ปฏิกิริยาเคมีจะทำให้สารป้องกันการกัดกร่อนในน้ำยาทั้งสองชนิดเสื่อมสภาพลงอย่างรวดเร็ว ทำให้ชิ้นส่วนโลหะภายในเครื่องยนต์และหม้อน้ำที่สัมผัสกับน้ำโดยตรง เกิดสนิมและการกัดกร่อนได้ง่ายขึ้น

ชิ้นส่วนสำคัญเสียหาย

  • ปั๊มน้ำ ตะกอนแข็งที่เกิดขึ้นอาจไปทำลายซีลของปั๊มน้ำ ทำให้เกิดการรั่วซึมและปั๊มน้ำพังได้
  • เครื่องยนต์ หากปล่อยให้เครื่องยนต์ร้อนจัดเป็นเวลานาน อาจทำให้เกิดความเสียหายร้ายแรง เช่น ปะเก็นฝาสูบแตก หรือฝาสูบโก่ง ซึ่งมีค่าใช้จ่ายในการซ่อมสูงมาก

ดังนั้นหากเติมผิดถ้ารถยังไม่ติดเครื่องควรถ่ายออก แต่ถ้าเติมออกจากอู่และไม่ได้เช็ค ก่อนออกจากอู่ควรหยุดรถเช็คก่อนว่าน้ำหม้อน้ำผิดปกติหรือไม่ แนะนำให้ถ่ายภาพก่อนที่จะเปลี่ยนสีของน้ำหม้อน้ำเดิมไว้ก่อนดีกว่า

การเติมน้ำหม้อน้ำให้ถูกต้องทำอย่างไร

หากรถของคุณยังอยู่ในระยะประกันหรือสายเข้าศูนย์ตลอดเวลาเรื่องนี้อาจจะไม่ต้องคิดอะไร แต่ถ้าคนที่ไม่อยากเข้าศูนย์เพราะประหยัดเงิน จะต้องทำสิ่งต่างๆ ดังนี้

  • เปิดคู่มือประจำรถ ถือเป็นวิธีที่ดีและแม่นยำที่สุด ในคู่มือจะระบุชนิดหรือมาตรฐาน (Specification) ของน้ำยาหล่อเย็นที่ผู้ผลิตรถยนต์แนะนำไว้อย่างชัดเจน เช่น "Use Toyota Super Long Life Coolant" หรือ "Meets GM Dex-Cool specifications"
  • ดูที่ฉลากผลิตภัณฑ์ เมื่อไปเลือกซื้อ อย่าดูแค่สี! ให้อ่านฉลากข้างขวดอย่างละเอียด มองหาว่าน้ำยาหล่อเย็นนั้นเป็นประเภท IAT, OAT หรือ HOAT และผ่านการรับรองมาตรฐานสำหรับรถยนต์ยี่ห้อใดบ้าง
  • ใช้ของเดิมเป็นเกณฑ์ หากไม่แน่ใจ และน้ำยาหล่อเย็นในรถยังเป็นของเดิมจากโรงงาน ให้ใช้สีเดิมเป็นแนวทางเบื้องต้น แล้วหาซื้อน้ำยาหล่อเย็นที่มี "เทคโนโลยี" เดียวกัน (ซึ่งมักจะเป็นสีเดียวกันสำหรับยี่ห้อนั้นๆ)
  • ปรึกษาศูนย์บริการหรือช่างผู้ชำนาญ หากยังไม่มั่นใจ การสอบถามจากศูนย์บริการของรถยนต์ยี่ห้อนั้นๆ หรืออู่ซ่อมรถที่ไว้ใจได้ คือทางออกที่ปลอดภัยที่สุด

โดยสรุปแล้วการเลือกน้ำยาหล่อเย็นที่ถูกต้อง ควรให้ความสำคัญกับ "เทคโนโลยี (IAT, OAT, HOAT)" และ "มาตรฐานที่ผู้ผลิตรถยนต์แนะนำ" เป็นหลัก โดยใช้สีเป็นเพียงแนวทางเบื้องต้น การดูแลรักษาระบบหล่อเย็นอย่างถูกวิธีจะช่วยยืดอายุการใช้งานของเครื่องยนต์ ป้องกันปัญหารถความร้อนขึ้น และช่วยให้คุณขับขี่ได้อย่างมั่นใจและปลอดภัย

 

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com

.

.

.

.

_____________________________________

เราคือตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ

เทอร์โบแท้

IHI TURBO 🇯🇵

GARRETT 🇺🇸

MITSUBISHI TURBOCHARGER 🇯🇵

ซื้อกับเราได้สินค้าแท้100%

คุ้มค่ากว่า ใช้งานได้ในระยะยาว

สบายใจกว่า เทอร์โบแท้รับประกันสินค้ายาวนาน

บริการหลังการขายที่ยอดเยี่ยม

โดยทีมงานมืออาชีพ ผู้มีประสบการณ์มากกว่า 24 ปี”

สั่งอะไหล่กับเรา "ออกใบกำกับภาษี" ได้

พร้อมบริการการดูแลหลังการขายตลอดอายุการใช้งาน

⚙️เข้าชมสินค้าทั้งหมดในเว็บไซต์

คลิก: www.sqdparts.com

⚙️สั่งซื้อทางเพจ

คลิก: m.me/sqdparts

⚙️สั่งซื้อผ่านไลน์

คลิก: https://liff.line.me/1645278921-kWRPP32q/?accountId=sqdparts

คลิกYoutube : https://bit.ly/3IAJstu

คลิกTiktok : https://bit.ly/3bXmLmN

คลิกInstagram : https://bit.ly/3AFxMDx

เขียนโดย sqdparts เมื่อ Wed 13 Aug, 2025
อ่านต่อ

     หากคุณตื่นเช้ามากำลังขึ้นรถแล้วกดปุ่มสตาร์ท ซึ่งเป็นรถยนต์ไฮบริต! ซึ่งทำงานทั้งเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้า แต่กลับสตาร์ทไม่ติด แน่นอนว่าหลายคนอาจจะสงสัยว่า จริงๆ แล้วรถยนต์ไฮบริตนั้นมีวิธีการพ่วงแบตเตอรี่เหมือนกับรถยนต์ทั่วไปหรือไม่ วันนี้ เรามีคำตอบให้คุณได้ทดทดลองใช้และทำตามครับ

รู้จักแบตเตอรี่ในรถไฮบริตมีกี่ก้อน?

รถยนต์ไฮบริดทุกคันมีระบบแบตเตอรี่ 2 ชุดที่ทำงานแยกจากกันอย่างชัดเจน 8nv

  1. แบตเตอรี่ไฮบริดแรงดันสูง (High-Voltage Traction Battery)  เปรียบเหมือนกับ "ขุมพลังหลัก" ที่เป็นหัวใจของระบบไฮบริด ใช้สำหรับป้อนพลังงานให้มอเตอร์ไฟฟ้าเพื่อขับเคลื่อนตัวรถ แบตเตอรี่ลูกนี้มีขนาดใหญ่และมีแรงดันไฟฟ้าสูงหลายร้อยโวลต์ และคุณ ไม่สามารถ และ ห้าม พยายามจั๊มป์หรือยุ่งเกี่ยวกับแบตเตอรี่ลูกนี้โดยเด็ดขาด! เนื่องจากเป็นระบบไฟฟ้าแรงสูงและอันตรายอย่างยิ่ง สงวนไว้สำหรับช่างผู้ชำนาญการที่ผ่านการอบรมมาโดยเฉพาะเท่านั้น
  2. แบตเตอรี่ 12 โวลต์ (12V Auxiliary Battery) ทำหน้าที่เหมือนกับ "ผู้จัดการระบบ" โดย เป็นแบตเตอรี่ขนาดเล็กเหมือนกับที่พบในรถยนต์สันดาปทั่วไป ทำหน้าที่จ่ายไฟเลี้ยงระบบอิเล็กทรอนิกส์ทั้งหมดของรถ ไม่ว่าจะเป็นไฟส่องสว่าง, ระบบเครื่องเสียง, หน้าจอ, กล่องคอมพิวเตอร์ (ECU) และที่สำคัญที่สุดคือ ทำหน้าที่ "ปลุก" ระบบไฮบริดทั้งหมดให้ตื่นขึ้นมาทำงาน

ดังนั้น อาการ "สตาร์ทไม่ติด" ในรถไฮบริดเกือบ 100% จึงมีสาเหตุมาจาก "แบตเตอรี่ 12 โวลต์" ไฟหมด ไม่ใช่แบตเตอรี่ไฮบริดลูกใหญ่เสียอย่างที่หลายคนกังวล

วิธีการพ่วงแบตฯ รถไฮบริต

เมื่อรู้ว่าแบตเตอรี่ที่หมดไม่ได้เป็นก้อนใหญ่ทีนี้การพ่วงแบตเตอรี่ของของรถไฮบริตจะต้องทำตามขั้นตอนดังนี้

ค้นหาตำแหน่งแบตเตอรี่ 12 โวลต์ (หรือจุดจั๊มป์สตาร์ท)

โดยมากแล้วจะเป็นขั้วบวก โดยสามารถหาช่องชาร์จไฟได้ดังนี้

  • แบบที่ 1 (ใต้ฝากระโปรง) รถไฮบริดหลายรุ่นจะวางแบตเตอรี่ 12V ไว้ใต้ฝากระโปรงหน้าเหมือนรถปกติ
  • แบบที่ 2 (ท้ายรถ): บางรุ่น (เช่น รถไฮบริตของ Toyota) มักจะติดตั้งแบตเตอรี่ 12V ไว้ในกระโปรงท้าย แต่ไม่ต้องกังวล! วิศวกรได้ออกแบบ "จุดจั๊มป์สตาร์ทเฉพาะ" ไว้ให้ที่ห้องเครื่องยนต์แทน โดยมักจะอยู่ในกล่องฟิวส์ มีฝาพลาสติกสีแดงพร้อมสัญลักษณ์ (+) ปิดอยู่

การเชื่อมต่อสายพ่วง

สำหรับวิธีการเสียบพ่วงแบตฯ จะเหมือนกับการพ่วงแบตเตอรี่รถทั่วไปเลย ประกอบไปด้วย

  • แดง (+): คีบสายสีแดงที่ ขั้วบวก (+) ของรถคุณ (คันที่แบตหมด)
  • แดง (+): คีบปลายสายสีแดงอีกด้านที่ ขั้วบวก (+) ของรถผู้ช่วยเหลือ
  • ดำ (-): คีบสายสีดำที่ ขั้วลบ (-) ของรถผู้ช่วยเหลือ
  • ดำ (- บนตัวถัง): (จุดสำคัญที่สุดเพื่อความปลอดภัย) คีบปลายสายสีดำที่เหลือเข้ากับ ชิ้นส่วนโลหะที่ไม่มีสีเคลือบของรถคุณ เช่น หัวน็อต หรือแท่นเครื่องยนต์ที่อยู่ห่างจากแบตเตอรี่ เพื่อป้องกันประกายไฟที่อาจเกิดขึ้นใกล้แบตเตอรี่ หากหาไม่เจอแนะให้ดูคู่มือการใช้รถ

หลังจากเสียบชาร์จไฟสตาร์ทเครื่องยนต์ "รถผู้ช่วยเหลือ" และปล่อยให้ทำงานประมาณ 3-5 นาที เพื่อให้ไฟถ่ายเทไปยังแบตเตอรี่ 12V ของรถคุณ ไปที่รถไฮบริดของคุณแล้วกดปุ่ม Power เพื่อสตาร์ทรถตามปกติ เมื่อหน้าจอและระบบไฟฟ้าติดขึ้นมา ถือว่าคุณทำสำเร็จ! แต่ถ้าไม่ติดอีก แสดงว่าแบตเตอรี่หมดเลย แนะนำให้เอาแบตเตอรี่ใหม่พ่วงให้ติดและเปลี่ยนแบตเตอรี่ให้เร็วที่สุด

 

ส่วนการปลดขั้วให้ทำตรงกันข้ามกับที่ได้เสียบไปก่อนหน้านี้

 

สิ่งที่ควรทำหลังจากรถสตาร์ทติดแล้ว

เมื่อรถของคุณกลับมามีชีวิตอีกครั้ง อย่าเพิ่งรีบดับเครื่องยนต์ ควรปล่อยให้รถทำงานต่อไปอย่างน้อย 20-30 นาทีเพื่อให้ระบบไดชาร์จได้ประจุไฟกลับเข้าไปเก็บในแบตเตอรี่ 12V ให้มากที่สุด และที่สำคัญ ควรนำรถไปให้ศูนย์บริการหรือร้านแบตเตอรี่ที่เชี่ยวชาญตรวจสอบสภาพแบตเตอรี่ 12V ลูกนั้น เพราะนี่อาจเป็นสัญญาณว่าถึงเวลาที่ต้องเปลี่ยนลูกใหม่แล้ว

 

     ครั้งต่อไปที่รถไฮบริดของคุณสตาร์ทไม่ติด ไม่ต้องตื่นตระหนกอีกต่อไป เพียงทำความเข้าใจระบบและทำตามขั้นตอนอย่างรอบคอบ แต่หากไม่มั่นใจ การเรียกใช้บริการจากช่างมืออาชีพก็ยังคงเป็นทางเลือกที่ปลอดภัยที่สุดเสมอ

 

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com

.

.

.

.

_____________________________________

เราคือตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ

เทอร์โบแท้

IHI TURBO 🇯🇵

GARRETT 🇺🇸

MITSUBISHI TURBOCHARGER 🇯🇵

ซื้อกับเราได้สินค้าแท้100%

คุ้มค่ากว่า ใช้งานได้ในระยะยาว

สบายใจกว่า เทอร์โบแท้รับประกันสินค้ายาวนาน

บริการหลังการขายที่ยอดเยี่ยม

โดยทีมงานมืออาชีพ ผู้มีประสบการณ์มากกว่า 24 ปี”

สั่งอะไหล่กับเรา "ออกใบกำกับภาษี" ได้

พร้อมบริการการดูแลหลังการขายตลอดอายุการใช้งาน

⚙️เข้าชมสินค้าทั้งหมดในเว็บไซต์

คลิก: www.sqdparts.com

⚙️สั่งซื้อทางเพจ

คลิก: m.me/sqdparts

⚙️สั่งซื้อผ่านไลน์

คลิก: https://liff.line.me/1645278921-kWRPP32q/?accountId=sqdparts

คลิกYoutube : https://bit.ly/3IAJstu

คลิกTiktok : https://bit.ly/3bXmLmN

คลิกInstagram : https://bit.ly/3AFxMDx

เขียนโดย sqdparts เมื่อ Fri 08 Aug, 2025
อ่านต่อ

     เปิดตัวแล้วสำหรับ Mazda CX-5 รุ่นใหม่ล่าสุด เพื่อต่อยอดความสำเร็จ Mazdaในกลุ่ม SUV ซึ่ง CX-5 ถือว่าเป็นเรือธงอยู่ แน่นอนว่าการปรับโฉมครั้งใหญ่ที่สุดในรอบเกือบสิบปี โดยเปลี่ยนใหม่ทั้งหมดตั้งแต่โครงสร้างยันดีไซน์! รวมถึงเครื่องยนต์ใหม่เช่นเดียวกัน

 

รายละเอียดของ Mazda CX-5 ใหม่

มิติตัวถังใหญ่ขึ้น กว้างขวางกว่าเดิม

     All-New CX-5 ถูกสร้างขึ้นบนแพลตฟอร์มใหม่ทั้งหมด มีการขยายฐานล้อให้ยาวขึ้น 3.0 นิ้ว ส่งผลให้ตัวรถยาวขึ้นอีก 4.5 นิ้ว (ความยาวรวมประมาณ 184.6 นิ้ว) ทำให้มีขนาดเทียบเคียงกับคู่แข่งสำคัญอย่าง Honda CR-V ได้อย่างสมน้ำสมเนื้อ

     การขยายขนาดนี้ส่งผลดีโดยตรงต่อการใช้งาน เช่น ประตูใหญ่ขึ้น เข้า-ออกจากรถได้สะดวกสบายกว่าเดิม แก้ปัญหาที่ผู้ใช้รุ่นก่อนเคยติงไว้ ห้องโดยสารแถวหลังกว้างขวางขึ้น Mazda ยืนยันว่าจะมีพื้นที่สำหรับผู้โดยสารตอนหลังที่กว้างที่สุดในคลาส  และได้ขยาย พื้นที่เก็บสัมภาระท้ายเพิ่มขึ้น ฝาท้ายเปิดได้กว้างและต่ำลง ขนของง่ายขึ้น พร้อมพื้นที่ที่ยาวและสูงกว่าเดิม

ดีไซน์ Kodo ยุคใหม่ สู่ทิศทางอนาคตของ Mazda

     ดีไซน์ภายนอกได้รับการยกระดับภายใต้ปรัชญา "Kodo Design" ยุคใหม่ ที่จะกลายเป็นต้นแบบให้ Mazda รุ่นอื่นๆ ในอนาคต โดดเด่นด้วยชุดไฟหน้าแบบซ้อน (Stacked Headlights) ที่ไม่เคยมีในรุ่นไหนมาก่อน มาพร้อมกับ กระจังหน้า "Wing" Grille ถูกปรับให้คมขึ้น เสริมด้วยรายละเอียดบนกันชนที่ทำให้ตัวรถดูกว้างและดุดันขึ้น ด้านหลัง มาพร้อมโลโก้ตัวอักษร "MAZDA" พาดกลางฝาท้าย และชุดไฟท้ายดีไซน์เฉียบคม ได้รับแรงบันดาลใจจากรุ่นพี่อย่าง CX-70 ติดตั้งล้อลายสปอร์ตขนาด 19 นิ้วให้เลือกในรุ่นท็อป

ห้องโดยสารใหม่ จอยักษ์ แต่ไร้ปุ่ม!

     อีกจุดที่เรียกว่าการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญที่สุดของ CX-5 ใหม่! รองนี้ได้ หน้าจอกลางขนาดยักษ์ 15.6 นิ้ว เป็นจอที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมาในรถ Mazda มาพร้อมระบบปฏิบัติการใหม่ที่มี Google Built-In ทำให้สามารถใช้ Google Assistant, Google Maps และแอปอื่นๆ ได้โดยตรง นอกจากนี้ Mazda ตัดสินใจถอดปุ่มควบคุมและปุ่มหมุนปรับเสียงบริเวณคอนโซลกลางออกทั้งหมด! การควบคุมจะทำผ่านหน้าจอสัมผัสและปุ่มบนพวงมาลัยเท่านั้น (ซึ่งยังคงเป็นปุ่มแบบกด ไม่ใช่แบบสัมผัส) และติดตั้ง ระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ขั้นสูง (Advanced Driver Assistance System) เวอร์ชั่นล่าสุดอีกด้วย

 

ขุมพลังของ Mazda CX-5

     ในช่วงเปิดตัว All-New CX-5 จะมาพร้อมเครื่องยนต์เบนซิน Skyactiv-G 2.5 ลิตร ไร้ระบบอัดอากาศ ให้กำลัง 187 แรงม้า แรงบิด 185 ปอนด์-ฟุต (ประมาณ 251 นิวตันเมตร) จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด และระบบขับเคลื่อนสี่ล้อเป็นมาตรฐาน และคาดว่าจะมีการเปิดตัวขุมพลัง Hybrid ใหม่สำหรับ CX-5! ใสปี 2027 โดยจะใช้เครื่องยนต์ใหม่ "Skyactiv-Z" ซึ่งแตกต่างจาก CX-50 ที่ใช้ระบบไฮบริดของ Toyota โดย Mazda การันตีว่าเครื่องยนต์ใหม่นี้จะมีประสิทธิภาพเชิงความร้อนสูงกว่า และประหยัดน้ำมันกว่าเครื่องยนต์ Skyactiv-G ในปัจจุบันอย่างก้าวกระโดด

ราคาและการวางจำหน่าย

     ในส่วนของราคาจำหน่ายของ All-New 2026 Mazda CX-5 ยังไม่มีการประกาศอย่างเป็นทางการ โดยราคาในสหรัฐอเมริกาคาดว่าจะขยับขึ้นเล็กน้อยจากรุ่นปัจจุบัน ส่วนสเปคและราคาจำหน่ายอย่างเป็นทางการในประเทศไทย แฟนๆ Mazda คงต้องรอการประกาศจากตัวแทนจำหน่ายกันอีกครั้ง

 

รูปภาพเพิ่มเติม

https://www.sanook.com/auto/95904/gallery/

 

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com

.

.

.

.

_____________________________________

เราคือตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ

เทอร์โบแท้

IHI TURBO 🇯🇵

GARRETT 🇺🇸

MITSUBISHI TURBOCHARGER 🇯🇵

ซื้อกับเราได้สินค้าแท้100%

คุ้มค่ากว่า ใช้งานได้ในระยะยาว

สบายใจกว่า เทอร์โบแท้รับประกันสินค้ายาวนาน

บริการหลังการขายที่ยอดเยี่ยม

โดยทีมงานมืออาชีพ ผู้มีประสบการณ์มากกว่า 24 ปี”

สั่งอะไหล่กับเรา "ออกใบกำกับภาษี" ได้

พร้อมบริการการดูแลหลังการขายตลอดอายุการใช้งาน

⚙️เข้าชมสินค้าทั้งหมดในเว็บไซต์

คลิก: www.sqdparts.com

⚙️สั่งซื้อทางเพจ

คลิก: m.me/sqdparts

⚙️สั่งซื้อผ่านไลน์

คลิก: https://liff.line.me/1645278921-kWRPP32q/?accountId=sqdparts

คลิกYoutube : https://bit.ly/3IAJstu

คลิกTiktok : https://bit.ly/3bXmLmN

คลิกInstagram : https://bit.ly/3AFxMDx

เขียนโดย sqdparts เมื่อ Fri 25 Jul, 2025
อ่านต่อ
แสดง รายการ
ร้านค้าออนไลน์ และ ขายของออนไลน์ โดย © 2006-2025 Vevo Systems Co., Ltd.