×
บล็อก
แสดง รายการ

     แนะนำรถมือสองรุ่นใหญ่ 7 ที่นั่ง ในงบประมาณไม่เกิน 3 แสนบาท เหมาะสำหรับครอบครัวขยาย หรือดัดแปลงเพื่อนำไปใช้งานแบบแคมปิ้งก็ดี จะมีรุ่นไหนให้เลือกบ้างไปดูกันเลย

 

แนะนำรถมือสอง 7 ที่นั่ง ราคาไม่เกิน 300,000 บาท

Toyota Wish รุ่นปี 2004 - 2009

ราคามือสองโดยประมาณ 210,000 - 310,000 บาท

     อันที่จริงต้องบอกว่า Toyota Wish เป็นรถแบบ 6 ที่นั่งเสียมากกว่า เพราะทุกรุ่นย่อยจะมาพร้อมเบาะนั่งแถวที่ 2 แบบกัปตันซีทแยกออกจากกัน สามารถปรับได้อย่างอิสระ มีจุดเด่นอยู่ที่ช่วงล่างแน่นหนึบเน้นความสปอร์ต เหมาะสำหรับผู้ที่ชอบขับรถเร็ว ติดตั้งเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ขนาด 2.0 ลิตร กำลังสูงสุด 150 แรงม้า ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 4 จังหวะ

 

Toyota Innova (โฉมแรก) รุ่นปี 2006 - 2011

ราคามือสองโดยประมาณ 190,000 - 280,000 บาท

     Toyota Innova โฉมแรกใช้พื้นฐานเดียวกับ Hilux Vigo และ Vigo Champ จึงมีจุดเด่นอยู่ที่ความทนทาน อะไหล่หาง่าย ค่าบำรุงรักษาไม่แพง โดยมากแล้วจะเป็นเครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตร ซึ่งหากใครกังวลเรื่องอัตราสิ้นเปลืองก็สามารถนำไปติดตั้งแก๊สได้ แต่หากได้เครื่องยนต์ดีเซล 2.5 ลิตร ก็จะโดดเด่นในเรื่องของสมรรถนะและมีอัตราสิ้นเปลืองต่ำ แลกมาด้วยค่าตัวที่สูงกว่ารุ่นเบนซินพอสมควร

 

Isuzu MU-7 (โฉมไมเนอร์เชนจ์) รุ่นปี 2017 - 2012

ราคามือสองโดยประมาณ 250,000 - 420,000 บาท

     Isuzu MU-7 โฉมสุดท้ายก่อนเปลี่ยนเป็น MU-X เป็นอีกหนึ่งรุ่นยอดนิยม โดยเฉพาะราคามือสองที่เข้าถึงได้ง่าย แม้ว่าหน้าตาอาจจะไม่โดนใจนัก แต่ก็แลกมาด้วยความทนทานสไตล์อีซูซุ ซ่อมบำรุงรักษาไม่ยาก พร้อมด้วยห้องโดยสารกว้างขวางเหมาะสำหรับการใช้งานในครอบครัว

 

Honda Odyssey (RA6) รุ่นปี 2001 - 2005

ราคามือสองโดยประมาณ 190,000 - 280,000 บาท

     Honda Odyssey เจเนอเรชันที่ 2 รหัสตัวถัง RA6 ยังคงมีรูปลักษณ์ที่สวยงามน่าใช้ ซ่อมบำรุงง่าย ระบบเครื่องยนต์ไม่ซับซ้อน เพราะเป็นเครื่องบล็อกเดียวกับ Accord แต่น่าเสียดายที่เบาะนั่งแถวที่ 2 ไม่ใช่แบบกัปตันซีทแยกเหมือนกับเจเนอเรชันแรก แต่ถึงกระนั้นก็ถือว่าเป็นรถเอ็มพีวีรุ่นหนึ่งที่น่าใช้งานแลกกับค่าตัวเริ่มต้นไม่ถึง 2 แสนบาท

 

Mitsubishi Space Wagon (รุ่นปี 2005 - 2011)

ราคามือสองโดยประมาณ 190,000 - 370,000 บาท

     อดีตรถเอ็มพีวีระดับแฟลกชิปของค่ายมิตซูบิชิ ปัจจุบันมีค่าตัวในระดับที่เข้าถึงได้ง่าย ส่วนใหญ่จะป้วนเปี้ยนในระดับ 2 - 3 แสนบาทขึ้นอยู่กับรุ่นปี ห้องโดยสารกว้างขวางรองรับครอบครัวขนาดใหญ่ แต่เครื่องยนต์ 2.4 ลิตร ที่ต้องแบกรับน้ำหนักบอดี้อันใหญ่โตก็ถือว่าตอบสนองได้แต่พอใช้ และขึ้นชื่อว่ากินน้ำมันโหด แต่หากหันไปคบแอลพีจีก็สบายใจได้ในระดับหนึ่ง

 

Ford Everest (โฉมไมเนอร์เชนจ์) รุ่นปี 2007 - 2011

ราคามือสองโดยประมาณ 270,000 - 350,000 บาท

     งบไม่เกินสามแสนก็สามารถเป็นเจ้าของ Ford Everest เจเนอเรชันแรกได้ แนะนำให้เล่นรุ่นปรับโฉมไมเนอร์เชนจ์ที่ได้เครื่องยนต์ดีเซลคอมมอนเรล Duratorq แล้ว เนื่องจากพละกำลังดีกว่า อัตราสิ้นเปลืองต่ำกว่า และรูปโฉมที่ดูทันสมัยมากกว่า

 

Kia Grand Carnival รุ่นปี 2006 - 2012

ราคามือสองโดยประมาณ 260,000 - 420,000 บาท

     Kia Grand Carnaval เป็นรถ 11 ที่นั่งแท้ๆ มีพื้นที่ภายในห้องโดยสารกว้างขวาง เพดานโปร่ง พร้อมเครื่องยนต์ดีเซล 2.9 ลิตรที่มีเรี่ยวแรงใช้ได้ ขับทางไกลสบาย แต่ต้องใส่ใจในด้านบำรุงรักษากันสักนิด โดยเฉพาะการหาอู่เฉพาะทางเพื่อซ่อมแซมปัญหาต่างๆ ที่จะทยอยเกิดตามอายุการใช้งาน

 

     ทั้งนี้ การเลือกซื้อรถมือสองจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องดูสภาพรถให้รอบคอบ ต้องไม่ผ่านการชนหนัก หรือพลิกคว่ำ สามารถตรวจสอบประวัติการซ่อมบำรุงที่ผ่านมาได้ ทางที่ดีหากดูรถมือสองไม่เป็นแล้วล่ะก็ ควรพาช่างหรือผู้เชี่ยวชาญไปช่วยเลือกด้วย เพื่อให้ได้รถที่มีสภาพดีเหมาะกับการใช้งานมากที่สุดครับ

 

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com

.

.

.

.

_____________________________________

เราคือตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ

เทอร์โบแท้

IHI TURBO 🇯🇵

GARRETT 🇺🇸

MITSUBISHI TURBOCHARGER 🇯🇵

ซื้อกับเราได้สินค้าแท้100%

คุ้มค่ากว่า ใช้งานได้ในระยะยาว

สบายใจกว่า เทอร์โบแท้รับประกันสินค้ายาวนาน

บริการหลังการขายที่ยอดเยี่ยม

โดยทีมงานมืออาชีพ ผู้มีประสบการณ์มากกว่า 24 ปี”

สั่งอะไหล่กับเรา "ออกใบกำกับภาษี" ได้

พร้อมบริการการดูแลหลังการขายตลอดอายุการใช้งาน

⚙️เข้าชมสินค้าทั้งหมดในเว็บไซต์

คลิก: www.sqdparts.com

⚙️สั่งซื้อทางเพจ

คลิก: m.me/sqdparts

⚙️สั่งซื้อผ่านไลน์

คลิก: https://liff.line.me/1645278921-kWRPP32q/?accountId=sqdparts

คลิกYoutube : https://bit.ly/3IAJstu

คลิกTiktok : https://bit.ly/3bXmLmN

คลิกInstagram : https://bit.ly/3AFxMDx

เขียนโดย sqdparts เมื่อ Fri 06 Jun, 2025
อ่านต่อ

     การปรับมุมมองกระจกมองข้างที่ดี จะช่วยเพิ่มทัศนวิสัยด้านหลังให้ชัดเจนและปลอดภัยมากยิ่งขึ้น แล้วการปรับกระจกมองข้างที่ถูกต้องควรทำอย่างไร?

 

การปรับกระจกมองข้างที่ถูกต้อง ไม่เพียงแต่ช่วยให้มองรถด้านหลังได้อย่างชัดเจนขึ้นเท่านั้น แต่ยังช่วยลดการเกิดมุมอับสายตา (Blind Spot) ได้ ทำให้การเปลี่ยนเลนทำได้อย่างปลอดภัย สามารถมองเห็นรถยนต์หรือมอเตอร์ไซค์ที่อยู่เยื้องไปทางด้านหลังได้ดีกว่า

 

การปรับกระจกม องข้างทำได้ง่ายๆ ดังนี้

1.ปรับตำแหน่งเบาะนั่งให้เหมาะสมที่สุด และนั่งในท่านั่งที่สบาย ตำแหน่งศีรษะพิงกับพนักพิง

2.ปรับกระจกใน แนวนอน ให้เห็นตัวรถประมาณ 1 ใน 8 ของมุมมองทั้งหมด

3.ปรับกระจกใน แนวตั้ง ให้ขอบถนนสูงประมาณ 1 ใน 4 ของมุมมองทั้งหมด

 

     มุมที่ได้จากการปรับกระจกในลักษณะนี้ จะช่วยให้มองเห็นส่วนท้ายของตัวรถได้ ทำให้สามารถกะระยะห่างระหว่างตัวรถได้ง่ายขึ้น ขณะที่ความสูงยังพอเหมาะพอที่จะเห็นพื้นถนนไปพร้อมๆ กับรถที่มีความสูงมากเป็นพิเศษ เช่น รถบรรทุก, รถบัส ฯลฯ ได้ในเวลาเดียวกันครับ

 

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com

.

.

.

.

_____________________________________

เราคือตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ

เทอร์โบแท้

IHI TURBO 🇯🇵

GARRETT 🇺🇸

MITSUBISHI TURBOCHARGER 🇯🇵

ซื้อกับเราได้สินค้าแท้100%

คุ้มค่ากว่า ใช้งานได้ในระยะยาว

สบายใจกว่า เทอร์โบแท้รับประกันสินค้ายาวนาน

บริการหลังการขายที่ยอดเยี่ยม

โดยทีมงานมืออาชีพ ผู้มีประสบการณ์มากกว่า 24 ปี”

สั่งอะไหล่กับเรา "ออกใบกำกับภาษี" ได้

พร้อมบริการการดูแลหลังการขายตลอดอายุการใช้งาน

⚙️เข้าชมสินค้าทั้งหมดในเว็บไซต์

คลิก: www.sqdparts.com

⚙️สั่งซื้อทางเพจ

คลิก: m.me/sqdparts

⚙️สั่งซื้อผ่านไลน์

คลิก: https://liff.line.me/1645278921-kWRPP32q/?accountId=sqdparts

คลิกYoutube : https://bit.ly/3IAJstu

คลิกTiktok : https://bit.ly/3bXmLmN

คลิกInstagram : https://bit.ly/3AFxMDx

เขียนโดย sqdparts เมื่อ Fri 06 Jun, 2025
อ่านต่อ

     ใครที่เคยขับรถเกียร์อัตโนมัติเมื่อช่วงสัก 15-20 ปีที่แล้ว คงเคยเห็นปุ่มที่ระบุว่า O/D อยู่ข้างคันเกียร์ แล้วรู้หรือไม่ว่าปุ่มดังกล่าวมีหน้าที่ไว้ทำอะไร แล้วทำไมรถยนต์รุ่นใหม่ๆ จึงไม่มีปุ่มที่ว่านี้แล้ว?

 

O/D OFF คืออะไร

O/D แท้จริงแล้วย่อมาจากคำว่า Overdrive ซึ่งโดยเทคนิคจะหมายถึงตำแหน่งเกียร์ที่มีอัตราทดต่ำกว่า 1.000 ซึ่งรอบการหมุนของล้อจะเท่ากับหรือเร็วกว่ารอบการหมุนของเครื่องยนต์ ส่งผลให้รถวิ่งได้เร็วขึ้นในรอบเครื่องยนต์ต่ำ ช่วยลดอัตราสิ้นเปลืองและชะลอการสึกหรอของเครื่องยนต์ลงได้ โดยมากแล้วเกียร์ O/D จะเป็นตำแหน่งเกียร์สูงสุดของรถแต่ละคัน ยกตัวอย่างเช่น รถที่มีเกียร์ 5 สปีด เกียร์​ O/D ก็คือตำแหน่งเกียร์ 5 นั่นเอง

 

กรณีกดปุ่ม O/D จะปรากฏสัญลักษณ์ O/D OFF บนหน้าปัด ช่วยป้องกันไม่ให้เกียร์ขึ้นไปถึงอัตราทดสูงสุดของรถคันนั้นๆ เช่น กรณีรถมี 5 เกียร์ หากปิดระบบ O/D เกียร์จะทำงานเฉพาะตำแหน่ง 1-4 โดยไม่ขึ้นไปถึงเกียร์ 5 จนกว่าจะมีการกดปุ่ม O/D อีกครั้งเพื่อเปิดใช้งาน

 

มาถึงตรงนี้หลายคนคงสงสัยว่าแล้วจะไปปิดระบบ O/D ทำไมกัน ในเมื่อการเปิดระบบ O/D ก็ช่วยลดอัตราสิ้นเปลืองได้อยู่แล้ว นั่นเป็นเพราะรถยนต์ในสมัยก่อนจะมีเพียง 4 เกียร์เท่านั้น การใช้งานในเมืองที่ต้องเร่งสลับเบรกอยู่บ่อยๆ จึงแนะนำให้ปิดระบบ O/D ไปเสีย จะช่วยป้องกันไม่ให้เกียร์ขึ้นไปยังตำแหน่งสูงสุด ทำให้รถมีพละกำลังพร้อมใช้งานอยู่เสมอ (ลองนึกภาพว่ารถวิ่งแค่ 60 กม./ชม. แต่สมองกลเกียร์ดันสั่งให้ขึ้นไปยังตำแหน่งเกียร์ 4 พอจะเร่งเครื่องยนต์ก็กลายเป็นเร่งไม่ขึ้น ต้องเหยียบคันเร่งให้ลึกกว่าปกติเพื่อเปลี่ยนเป็นเกียร์​ 3 หรือ 2 จึงจะมีแรงพุ่งไปข้างหน้า)

 

แต่ปัจจุบันรถยนต์ถูกพัฒนาให้มีพละกำลังเพิ่มขึ้น ประกอบกับระบบเกียร์ก็ถูกพัฒนาให้มีความฉลาดมากขึ้นด้วย ผู้ขับขี่จึงไม่จำเป็นต้องปิดระบบ O/D แต่อย่างใด จึงแทบจะไม่เห็นรถยนต์ยุคใหม่ติดตั้งปุ่ม O/D มาให้แล้ว แต่จะมาให้รูปแบบโหมด Sport หรือเกียร์บวกลบที่ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถเปลี่ยนอัตราทดได้เองเสียมากกว่า

 

     แต่ถ้าบ้านใครยังมีรถรุ่นเก่าที่มีระบบ O/D อยู่ จะลองใช้งานอย่างที่แนะนำมาข้างต้นดูก็ได้นะครับ บางทีอาจจะช่วยให้รถขับสนุกขึ้นจนติดใจเลยก็เป็นได้!

 

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com

.

.

.

.

_____________________________________

เราคือตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ

เทอร์โบแท้

IHI TURBO 🇯🇵

GARRETT 🇺🇸

MITSUBISHI TURBOCHARGER 🇯🇵

ซื้อกับเราได้สินค้าแท้100%

คุ้มค่ากว่า ใช้งานได้ในระยะยาว

สบายใจกว่า เทอร์โบแท้รับประกันสินค้ายาวนาน

บริการหลังการขายที่ยอดเยี่ยม

โดยทีมงานมืออาชีพ ผู้มีประสบการณ์มากกว่า 24 ปี”

สั่งอะไหล่กับเรา "ออกใบกำกับภาษี" ได้

พร้อมบริการการดูแลหลังการขายตลอดอายุการใช้งาน

⚙️เข้าชมสินค้าทั้งหมดในเว็บไซต์

คลิก: www.sqdparts.com

⚙️สั่งซื้อทางเพจ

คลิก: m.me/sqdparts

⚙️สั่งซื้อผ่านไลน์

คลิก: https://liff.line.me/1645278921-kWRPP32q/?accountId=sqdparts

คลิกYoutube : https://bit.ly/3IAJstu

คลิกTiktok : https://bit.ly/3bXmLmN

คลิกInstagram : https://bit.ly/3AFxMDx

เขียนโดย sqdparts เมื่อ Fri 06 Jun, 2025
อ่านต่อ

     ทุกวันนี้เราต้องยอมรับครับว่า รถยนต์นั้นก้าวล้ำไปอย่างมาก และด้วยเทคโนโลยีที่เปี่ยมล้นไปอย่างมากมายในปัจจุบันนั้น ทำให้คนจำนวนมากลืมคิดถึงชิ้นส่วนสำคัญๆ อย่างคลัทช์ ที่แม้ปัจจุบัน รถยนต์จะเป้นระบบเกียร์อัตโนมัติ แต่คลัทช์ที่อยู่ในทุกส่วนที่ต้องถ่ายทดกำลังยังเป็นชิ้นส่วนสำคัญเสมอ

 

เมื่อพูดถึงคลัทช์แล้ว เราหลายคนคงไม่เคยอาการคลัทช์หมด ที่นับว่าเป้นเรื่องใหญ่พอๆกับเครื่องฮีท ซึ่งทำให้รถไม่สามารถไปต่อได้ และนอกจากคลัทช์จะทำให้รถไม่สามารถขับต่อไปได้แล้ว ยังอาจทำให้ระบบเกียร์พังคาที่ถ้าคุณรู้เท่าไม่ถึงการณ์

 

แน่นอนของทุกอย่างมันมีสัญญาณบอกลางร้ายก่อนที่มันจะเกิดขึ้นเสมอเพียงแต่คุณจะใส่ใจมันหรือไม่ แต่ถ้าตอนนี้คุณใช้รถมือสอง หรือรถที่มีอายุนานกว่า 10 ปี มีระยะทางผ่านมาแล้ว 1.5-2 แสนกิโลเมตร ไม่ว่าจะเกียร์ธรรมดา หรือเกียร์อัตโนมัติ ...นี่เป็นเวลาที่เหมาะสมในการตรวจเช็คคลัทช์

 

วิธีตรวจเช็คคัลทช์

การตรวจเช็คคัลทช์นั้นไม่ยากและสามารถทำได้ด้วยตัวโดยไม่ต้องอาศัยผู้เชี่ยวชาญ เพียงแต่คุณต้องจับความรู้สึกให้ได้ว่ารถคุณกำลังต้องการจะบอกอะไร แล้วลองทำตามดังนี้

 

1. คลัทช์ลื่น นี่เป็นอาการเริ่มต้นที่คุณควรจะสนใจและมันเป้นลางร้ายที่บอกคุณก่อนที่คลัทช์ของคุณจะหมด อาการคลัทช์ลื่นนั้น สามารถเกิดขึ้นได้ ใน 2 กรณี คือ 1 คลัทช์ใกล้หมด ซึ่งมีสาเหตุใหญ่มาจากผ้าคลัทช์ที่เริ่มบาง และ 2.เครื่องมีกำลังเกินกว่าที่คลัทช์ จะรับได้ ซึ่งมักจะพบในรถยนต์กลุ่มที่มีการโมดิฟายเครื่องยนต์เท่านั้น

 

หากรถคุณไม่ได้โมเครื่อง แน่นอนว่า นี่เป็นสาเหตุของอาการคลัทช์ใกล้หมดที่เริ่มบ่งชี้อาการว่ารถของคุณกำลังไม่ปกติ

 

2. ความเร็วลดลงในรอบเครื่องเท่าเดิม บางครั้งในรถยนต์บางรุ่น คุณอาจไม่พบอาการคลัทช์ลื่นก็เป้นไปได้ และ นี่อาจเป้นอาหารที่ 2 ที่คุณอาจ โดยเฉพาะ ในรถยนต์เกียร์อัตโนมัติ ที่ยากมากที่คุณจะสังเกตอาการคลัทช์ลื่น บางครั้งถ้าคุณพบว่าที่ความเร็วเท่าเดิม แต่ใช้รอบเครื่องสูงขึ้นกว่าเดิม หรือรอบเครื่องเท่าเดิม แต่ได้ความเร็วต่ำกว่าที่เคยทำได้ นั่นก็เป็นอาการหนึ่งของคลัทช์ลื่นที่ช่วยเตือนคุณก่อนคลัทช์จะหมด

 

3. ขึ้นเนินชันได้ช้ากว่าปกติ บางครั้งทั้ง 2 อาการ ขั้นต้นคุณอาจจะยังไม่พบ แต่ถ้าคุณสามารถสังเกตได้ว่า รถเริ่มไต่เนินได้ช้า หรือต้องลดจังหวะเกียร์เพื่อขึ้นเนิน ทั้งๆที่ เมื่อก่อนไม่จำเป็นนั้น นี่เป็นอาการเริ่มต้นของอาการคลัทช์บาง ที่เป็นต้นเหตุอาหารคลัทช์หมด

 

อาการทั้ง 3 นี้คุณสามารถสังเกตได้และมักตบ ถ้ารถคุณเริ่มมีอาการคลัทช์ใกล้หมด แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ตามปกติแล้วคลัทช์ 1 ชุดจะมีอายุการใช้งานที่ 150,000-200,000 กิโลเมตร หากคุณต้องการให้คลัทช์ใช้งานได้นานๆ ควรจะต้องรู้จักวิธีการใช้คลัทช์ให้ถูกต้อง

 

วิธีการใช้คลัทช์ให้ถูกต้อง

1. อย่าเลี้ยงคลัทช์ หลายคนมักนิยมเหยียบแช่คลัทช์ หรือที่เราเรียกกันว่า เลี้ยงคลัทช์ โดยเฉพาะใครก็ตามที่นิยมขับรถในเขตเมืองการเหยียบคลัทช์แช่ไม่ใช่เรื่องที่ถูกต้อง และสำหรับเกียร์อัตโนมัติ นี่คือคำตอบที่ดีสำหรับ ใครที่ถามว่าทำไมต้องเปลี่ยน D เป็น N ทั้งๆที่ติดไม่นาน เพราะในเจ้าตัว Torque Convertor นั้น มันก็มีคลัทช์เช่นกัน

2. อย่าเหยีบยคลัทช์โดยไม่จำเป็น ตามปกติแล้ว คลัทช์เราจะต้องใช้งานมันนั้นก็ต่อเมื่อ เราต้องการเปลี่ยนเกียร์ ซึ่งนั่นเป็นจังหวะเดียวที่เราจะใช้ ดังนั้นใครที่ใช้คลัทช์บ่อยๆโดยไม่จำเป็น ก็จะทำให้คลัทช์หมดไว

3. อย่าพักเท้าที่คลัทช์ หลายคนมักจะชอบพักเท้ารอที่คลัทช์ เพื่อรอจังหวะเปลี่ยนเกียร์ แต่ความจริงแล้วมันเป้นพฤติกรรมที่ผิดเพราะเพียงน้ำหนักนิดเดียวที่กฏลงแป้นก็อาจทำให้จานกดคลัทช์หนีห่างจากฟลายวีล และทำให้คลัทช์สึกหรอมากกว่าปกติได้

4. หลีกเลี่ยงการทำคลัทช์ไหม้ นี่เป็นเรื่องที่ต้องจำเอาไว้เลยสำหรับขาลุยที่ชอบเฮอาตามต่างจังหวัด การขับรถทางไกล โดยเฉพาะใครที่ขึ้นเขาลงห้วยบ่อยๆ พยายามหลีกเลี่ยงการทำคลัทช์ไหม้ให้ดี เพราะการทำคลัทช์ไหม้นี้จะทำให้หน้าสัมผะสของคลัทช์ เสื่อไวกว่าปกติ และท้ายที่สุด มันก็นจะเป็นอาการเรื้อรังไปถึงคลัทช์หมด

 

ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องราวของคลัทช์ ที่เราอยากให้คุณรู้ โดยเฉพาะ อย่างยิ่งกับใครก้ตามที่ไม่เคยได้มีโอกาสสังเกตรถที่ใช้งานทุกวัน สุดท้าย เราอยากให้กฏข้อหนึ่งไว้ว่า "เราดุแลรถ แล้วรถจะดูแลเรา" และมันจะไม่งอแงยามที่คุณเรียกใช้

 

อาการคลัทช์หมดนี้ปัจจุบันหลายคนไม่ทราบจริงๆ โดยเฉพาะ อย่างยิ่งเมื่อคุณกำลังพูดถึงรถระบบเกียร์อัตโนมัติที่ก็มีคลัทช์ทำงานอยู่ข้างในเช่นกัน ความจริงเสียจองรถมักจะมีอาการเตือนล่วงเพียงแต่มันก้ขึ้นอยู่กับว่า คุรจะใส่ใจมันหรือเปล่าก็แค่นั้นเอง

 

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com

.

.

.

.

_____________________________________

เราคือตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ

เทอร์โบแท้

IHI TURBO 🇯🇵

GARRETT 🇺🇸

MITSUBISHI TURBOCHARGER 🇯🇵

ซื้อกับเราได้สินค้าแท้100%

คุ้มค่ากว่า ใช้งานได้ในระยะยาว

สบายใจกว่า เทอร์โบแท้รับประกันสินค้ายาวนาน

บริการหลังการขายที่ยอดเยี่ยม

โดยทีมงานมืออาชีพ ผู้มีประสบการณ์มากกว่า 24 ปี”

สั่งอะไหล่กับเรา "ออกใบกำกับภาษี" ได้

พร้อมบริการการดูแลหลังการขายตลอดอายุการใช้งาน

⚙️เข้าชมสินค้าทั้งหมดในเว็บไซต์

คลิก: www.sqdparts.com

⚙️สั่งซื้อทางเพจ

คลิก: m.me/sqdparts

⚙️สั่งซื้อผ่านไลน์

คลิก: https://liff.line.me/1645278921-kWRPP32q/?accountId=sqdparts

คลิกYoutube : https://bit.ly/3IAJstu

คลิกTiktok : https://bit.ly/3bXmLmN

คลิกInstagram : https://bit.ly/3AFxMDx

เขียนโดย sqdparts เมื่อ Fri 06 Jun, 2025
อ่านต่อ

     เชื่อว่าเจ้าของรถหลายคนคงสังเกตเห็นกันมาบ้าง ว่าบริเวณแผงคอนโซลภายในรถจะมีช่องเล็กๆ ติดตั้งไว้ฝั่งผู้ขับขี่แทบทุกคัน บางรุ่นก็อาจมีลักษณะเป็นสี่เหลี่ยม บางรุ่นอาจเป็นวงกลม แล้วทราบหรือไม่ว่าช่องดังกล่าวมีไว้ทำอะไร?

 

อันที่จริงแล้วช่องบนแผงคอนโซลที่ว่านี้ไม่ได้มีขึ้นมาลอยๆ เท่านั้น หากแต่ภายในจะมีเซ็นเซอร์สำหรับตรวจจับอุณหภูมิภายในห้องโดยสาร เพื่อใช้ในการทำงานของระบบปรับอากาศ ช่วยให้อุณหภูมิภายในห้องโดยสารเป็นไปตามที่ตั้งค่าไว้นั่นเอง โดยรถแทบทุกคันมักจะติดตั้งเซ็นเซอร์ตรวจจับอุณหภูมิไว้ใกล้กับผู้ขับขี่มากที่สุด และรถบางรุ่นอาจมีเซ็นเซอร์มากกว่า 1 จุดขึ้นไปก็เป็นได้

 

นอกจากนี้ ระบบปรับอากาศภายในรถแต่ละคันยังอาศัยเซ็นเซอร์อื่นๆ เพื่อใช้ในการควบคุมอุณหภูมิและคุณภาพอากาศภายในรถให้เป็นไปอย่างเหมาะสมมากที่สุด ยกตัวอย่างเช่น เซ็นเซอร์ตรวจจับแสงอาทิตย์, เซ็นเซอร์ตรวจจับความชื้น, เซ็นเซอร์ตรวจจับฝุ่นและอนุภาค และเซ็นเซอร์ตรวจจับอุณหภูมิภายนอก เป็นต้น

 

     ดังนั้น หากพบว่าระบบปรับอากาศของรถคุณเกิดมีปัญหาขึ้นมา โดยเฉพาะรถที่มีระบบปรับอากาศอัตโนมัติ ก็เป็นไปได้ว่าสาเหตุอาจเกิดจากเซ็นเซอร์เหล่านี้ทำงานผิดปกตินั่นเอง

 

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com

.

.

.

.

_____________________________________

เราคือตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ

เทอร์โบแท้

IHI TURBO 🇯🇵

GARRETT 🇺🇸

MITSUBISHI TURBOCHARGER 🇯🇵

ซื้อกับเราได้สินค้าแท้100%

คุ้มค่ากว่า ใช้งานได้ในระยะยาว

สบายใจกว่า เทอร์โบแท้รับประกันสินค้ายาวนาน

บริการหลังการขายที่ยอดเยี่ยม

โดยทีมงานมืออาชีพ ผู้มีประสบการณ์มากกว่า 24 ปี”

สั่งอะไหล่กับเรา "ออกใบกำกับภาษี" ได้

พร้อมบริการการดูแลหลังการขายตลอดอายุการใช้งาน

⚙️เข้าชมสินค้าทั้งหมดในเว็บไซต์

คลิก: www.sqdparts.com

⚙️สั่งซื้อทางเพจ

คลิก: m.me/sqdparts

⚙️สั่งซื้อผ่านไลน์

คลิก: https://liff.line.me/1645278921-kWRPP32q/?accountId=sqdparts

คลิกYoutube : https://bit.ly/3IAJstu

คลิกTiktok : https://bit.ly/3bXmLmN

คลิกInstagram : https://bit.ly/3AFxMDx

เขียนโดย sqdparts เมื่อ Fri 06 Jun, 2025
อ่านต่อ

     รถยนต์ยุคใหม่ที่ใช้ระบบสตาร์ทเครื่องยนต์แบบ Push Start ถ้าหากวันหนึ่งแบตเตอรี่รีโมทเกิดหมดขึ้นมา ก็ยังมีระบบสำรองที่ช่วยให้คุณสามารถสตาร์ทเครื่องยนต์ได้ตามปกติด้วยนะ

 

โดยปกติแล้วเมื่อแบตเตอรี่กุญแจรีโมทเริ่มอ่อน ระบบจะแสดงข้อความเตือนบนหน้าจอในรถเพื่อให้คุณรีบเปลี่ยนแบตเตอรี่โดยเร็ว แต่หากละเลยปล่อยให้แบตเตอรี่หมดเกลี้ยงแล้วล่ะก็ จะทำให้คุณไม่สามารถล็อก-ปลดล็อกประตู รวมถึงสตาร์ทเครื่องยนต์ได้ตามปกติ เนื่องจากตัวรถจะไม่สามารถสื่อสารกับกุญแจได้นั่นเอง แต่หากเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นมาจริงๆ ก็ไม่ต้องตกใจไป เพราะยังมีระบบสำรองที่ช่วยคุณ

 

คุณสามารถปลดล็อกและสตาร์ทเครื่องยนต์ได้ โดยมีวิธีปฏิบัติง่ายๆ ดังนี้

     1. ใช้กุญแจที่ซ่อนอยู่ในตัวรีโมทเพื่อปลดล็อกรถ โดยวิธีการถอดกุญแจจะแตกต่างกันไปตามแต่ละยี่ห้อ จากนั้นใช้กุญแจไขบริเวณมือเปิดประตูเพื่อปลดล็อก ซึ่งระหว่างนี้อาจทำให้สัญญาณกันขโมยดังขึ้นได้

     2. ให้นำรีโมทไปแตะบริเวณปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์ แล้วจึงกดสตาร์ทเครื่องยนต์ตามปกติ เครื่องยนต์จะติดขึ้น และสัญญาณกันขโมยจะดับไปเอง (ตำแหน่งสำหรับแตะกุญแจของรถบางรุ่นอาจแตกต่างกันออกไป โปรดศึกษาจากคู่มืออีกครั้ง)

 

ทางที่ดีเมื่อเดินทางไปถึงจุดหมายแล้ว ควรรีบเปลี่ยนแบตเตอรี่รีโมทโดยเร็ว เพื่อป้องกันอาการ "รีโมทลืมรถ" ซึ่งจะทำให้รีโมทไม่สามารถใช้งานกับรถคันเดิมได้อีก ซึ่งแบตเตอรี่ที่ใช้กับรีโมทส่วนมากมักเป็นถ่านกระดุมที่สามารถหาซื้อได้ทั่วไป และเปลี่ยนด้วยตัวเองได้ไม่ยาก เพียงแต่ต้องเลือกขนาดให้ตรงกับของเดิมเท่านั้น

 

     เพียงเท่านี้รีโมทก็จะกลับมาใช้งานได้ตามปกติด้วยค่าใช้จ่ายไม่กี่สิบบาท ประหยัดเงินกว่าการเข้าศูนย์ที่อาจต้องเสียค่าเปลี่ยนเป็นหลักร้อยหรือหลักพันบาทก็มี

 

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com

.

.

.

.

_____________________________________

เราคือตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ

เทอร์โบแท้

IHI TURBO 🇯🇵

GARRETT 🇺🇸

MITSUBISHI TURBOCHARGER 🇯🇵

ซื้อกับเราได้สินค้าแท้100%

คุ้มค่ากว่า ใช้งานได้ในระยะยาว

สบายใจกว่า เทอร์โบแท้รับประกันสินค้ายาวนาน

บริการหลังการขายที่ยอดเยี่ยม

โดยทีมงานมืออาชีพ ผู้มีประสบการณ์มากกว่า 24 ปี”

สั่งอะไหล่กับเรา "ออกใบกำกับภาษี" ได้

พร้อมบริการการดูแลหลังการขายตลอดอายุการใช้งาน

⚙️เข้าชมสินค้าทั้งหมดในเว็บไซต์

คลิก: www.sqdparts.com

⚙️สั่งซื้อทางเพจ

คลิก: m.me/sqdparts

⚙️สั่งซื้อผ่านไลน์

คลิก: https://liff.line.me/1645278921-kWRPP32q/?accountId=sqdparts

คลิกYoutube : https://bit.ly/3IAJstu

คลิกTiktok : https://bit.ly/3bXmLmN

คลิกInstagram : https://bit.ly/3AFxMDx

เขียนโดย sqdparts เมื่อ Thu 05 Jun, 2025
อ่านต่อ
แสดง รายการ
ร้านค้าออนไลน์ และ ขายของออนไลน์ โดย © 2006-2025 Vevo Systems Co., Ltd.