×
บล็อก
แสดง รายการ

     กระบะไฟฟ้าขนาดกลางไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป เพราะก่อนหน้านี้ Isuzu ประกาศเตรียมเปิดตัว D-Max EV ภายในปี 2025 ขณะที่ Toyota ก็มีแผนเปิดตัว Hilux (หรือ Hilux Revo) เวอร์ชันไฟฟ้าล้วนในปี 2026 และล่าสุด Ford ก็ประกาศเตรียมเปิดตัว Ranger EV ในอีก 3 ปีข้างหน้านี้

 

อันที่จริง Ford ไม่ได้ประกาศเตรียมเปิดตัว Ranger EV ชัดๆ เสียทีเดียว หากแต่ระบุว่ามีแผนเปิดตัวรถกระบะขนาดกลางขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าที่พัฒนาขึ้นบนแพล็ตฟอร์มใหม่ภายในปี 2027 นี้ โดยเน้นจับกลุ่มลูกค้าที่มองหาความคุ้มค่า ระยะทางขับขี่ที่มากกว่า อเนกประสงค์กว่า และรองรับการใช้งานได้หลากหลาย

 

จึงมีความเป็นไปได้สูงว่ารถกระบะรุ่นดังกล่าวก็คือ Ranger ที่วางจำหน่ายในปัจจุบัน ขณะที่ "แพล็ตฟอร์มใหม่" ก็เป็นไปได้ว่าอาจจะเป็น Ranger ที่พัฒนาขึ้นบนแพล็ตฟอร์มใหม่ทั้งหมด หรือ Ranger EV อาจถูกพัฒนาขึ้นบนแพล็ตฟอร์มสำหรับระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าโดยเฉพาะก็เป็นได้

 

ก่อนหน้านี้ ฟอร์ตเผยโฉม Ranger PHEV ขุมพลัง Plug-in Hybrid เมื่อเดือนกันยายนปีที่แล้ว โดยมีกำหนดเริ่มวางจำหน่ายตั้งแต่ปี 2025 เป็นต้นไป ซึ่งจะมาพร้อมเครื่องยนต์เบนซิน 2.3 EcoBoost ควบคู่กับมอเตอร์และแบตเตอรี่ที่ให้ระยะทางขับขี่ในโหมดไฟฟ้าสูงสุด 45 กม. ทั้งยังมีฟังก์ชัน Pro Power Onboard ที่สามารถจ่ายไฟให้กับอุปกรณ์ไฟฟ้าภายนอกได้

 

ส่วนความคืบหน้าของ Ford Ranger EV ต้องรอรายละเอียดกันอีกครั้ง

 

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com

.

.

.

.

_____________________________________

เราคือตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ

เทอร์โบแท้

IHI TURBO 🇯🇵

GARRETT 🇺🇸

MITSUBISHI TURBOCHARGER 🇯🇵

ซื้อกับเราได้สินค้าแท้100%

คุ้มค่ากว่า ใช้งานได้ในระยะยาว

สบายใจกว่า เทอร์โบแท้รับประกันสินค้ายาวนาน

บริการหลังการขายที่ยอดเยี่ยม

โดยทีมงานมืออาชีพ ผู้มีประสบการณ์มากกว่า 24 ปี”

สั่งอะไหล่กับเรา "ออกใบกำกับภาษี" ได้

พร้อมบริการการดูแลหลังการขายตลอดอายุการใช้งาน

⚙️เข้าชมสินค้าทั้งหมดในเว็บไซต์

คลิก: www.sqdparts.com

⚙️สั่งซื้อทางเพจ

คลิก: m.me/sqdparts

⚙️สั่งซื้อผ่านไลน์

คลิก: https://liff.line.me/1645278921-kWRPP32q/?accountId=sqdparts

คลิกYoutube : https://bit.ly/3IAJstu

คลิกTiktok : https://bit.ly/3bXmLmN

คลิกInstagram : https://bit.ly/3AFxMDx

เขียนโดย sqdparts เมื่อ Wed 11 Sep, 2024
อ่านต่อ

     เลขตัวถังรถยนต์ หรือ VIN (Vehicle Identification Number) เปรียบเสมือนบัตรประชาชนของรถยนต์เลยครับ เป็นชุดตัวเลขและอักษรที่ไม่ซ้ำกันสำหรับรถยนต์ทุกคัน ซึ่งใช้ระบุข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับรถคันนั้น ๆ เช่น

 

ยี่ห้อและรุ่นรถ - บอกว่ารถคันนี้เป็นรถยี่ห้ออะไร รุ่นอะไร

ปีที่ผลิต - บอกว่ารถคันนี้ผลิตขึ้นเมื่อปีใด

โรงงานผลิต - บอกว่ารถคันนี้ผลิตมาจากโรงงานไหน ประเทศอะไร

รายละเอียดทางเทคนิค - เช่น ขนาดเครื่องยนต์ ประเภทเกียร์ เป็นต้น

ทำไมเลขตัวถังถึงสำคัญ?

เลขตัวถังมีประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับรถยนต์แต่ละคัน ไม่ว่าจะเป็นการจดทะเบียนรถยนต์ การตรวจสอบประวัติรถ การเคลมประกัน รวมถึงกรณีรถหาย เจ้าหน้าที่ตำรวจจะใช้เลขตัวถังในการตรวจสอบ เนื่องจากเป็นเลขที่สามารถดัดแปลงแก้ไขได้ยากกว่าป้ายทะเบียน

เลขตัวถังอยู่ตรงไหนของรถ?

ตำแหน่งของเลขตัวถังรถยนต์จะแตกต่างกันไปในแต่ละรุ่นและยี่ห้อ แต่โดยทั่วไปจะพบเลขตัวถังได้ในตำแหน่งดังนี้

  • ห้องเครื่อง - บริเวณใกล้กับผนังกันเพลิง
  • ใต้พรมด้านคนขับ - บริเวณขอบประตู
  • ใต้เบาะหลัง - บริเวณโครงรถ
  • กรอบกระจกหน้ารถ - มุมด้านซ้ายล่าง

ตัวอย่างเลขตัวถัง

เลขตัวถังรถยนต์มักจะมีความยาวประมาณ 17 หลัก และประกอบด้วยตัวอักษรและตัวเลขผสมกัน ตัวอย่างเช่น "JM1ABC123456789" โดยแต่ละหลักจะมีความหมายเฉพาะตัว

 

ทั้งนี้ เลขตัวถังรถยนต์เป็นรหัสประจำตัวของรถยนต์ที่มีความสำคัญอย่างมาก ทั้งในการจดทะเบียนรถ การตรวจสอบประวัติรถ และการดำเนินการอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับรถยนต์ หรือแม้กระทั่งการซื้อรถมือสอง ก็ควรตรวจสอบเลขตัวถังให้ตรงกันทั้งเล่มจดทะเบียนและตัวรถ

 

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com

.

.

.

.

_____________________________________

เราคือตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ

เทอร์โบแท้

IHI TURBO 🇯🇵

GARRETT 🇺🇸

MITSUBISHI TURBOCHARGER 🇯🇵

ซื้อกับเราได้สินค้าแท้100%

คุ้มค่ากว่า ใช้งานได้ในระยะยาว

สบายใจกว่า เทอร์โบแท้รับประกันสินค้ายาวนาน

บริการหลังการขายที่ยอดเยี่ยม

โดยทีมงานมืออาชีพ ผู้มีประสบการณ์มากกว่า 24 ปี”

สั่งอะไหล่กับเรา "ออกใบกำกับภาษี" ได้

พร้อมบริการการดูแลหลังการขายตลอดอายุการใช้งาน

⚙️เข้าชมสินค้าทั้งหมดในเว็บไซต์

คลิก: www.sqdparts.com

⚙️สั่งซื้อทางเพจ

คลิก: m.me/sqdparts

⚙️สั่งซื้อผ่านไลน์

คลิก: https://liff.line.me/1645278921-kWRPP32q/?accountId=sqdparts

คลิกYoutube : https://bit.ly/3IAJstu

คลิกTiktok : https://bit.ly/3bXmLmN

คลิกInstagram : https://bit.ly/3AFxMDx

เขียนโดย sqdparts เมื่อ Wed 11 Sep, 2024
อ่านต่อ

     การเปลี่ยนยางรถยนต์ถือเป็นค่าใช้จ่ายก้อนโต ทีนี้หลายคนเกิดความสงสัยว่าเมื่อถึงเวลาเปลี่ยนยางทั้งที ควรเลือกเข้าศูนย์เปลี่ยนยางยอดนิยม หรือเปลี่ยนตามร้านข้างทางทั่วไปดี บทความนี้ เราจะมาเปรียบเทียบข้อดี-ข้อเสียของแต่ละแบบกัน

 

เปลี่ยนยางที่ศูนย์ยอดนิยม

ข้อดี

  • มาตรฐานสูงกว่า - ศูนย์เปลี่ยนยางชื่อดังแทบทุกแห่งมักมีมาตรฐานในการทำงานสูง มีเครื่องมือที่ทันสมัย และช่างที่มีความรู้ความสามารถ
  • มีบริการครบวงจร - มีบริการเสริมต่างๆ ครบครัน เช่น การถ่วงล้อ ตั้งศูนย์ด้วยเครื่องมาตรฐาน บริการปะยาง รวมถึงบริการด้านอื่นๆ เช่น การเปลี่ยนถ่ายของเหลว, เปลี่ยนแบตเตอรี่, ซ่อมช่วงล่าง และอื่นๆ
  • การรับประกันครอบคลุม - ศูนย์เปลี่ยนยางมักมีการรับประกันสินค้าและบริการที่ครอบคลุม ช่วยให้ลูกค้ารู้สึกสบายใจกว่า
  • ผ่อน 0% - ศูนย์เปลี่ยนยางยอดนิยมมักมีโปรโมชันผ่อน 0% ลูกค้าจึงไม่จำเป็นต้องจ่ายเงินก้อนโตสำหรับการเปลี่ยนยางแต่ละครั้ง

ข้อเสีย

  • ราคาสูงกว่า - โดยทั่วไปจะมีราคาสูงกว่าร้านข้างนอก
  • คิวรอค่อนข้างนาน - โดยเฉพาะในช่วงวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ อาจจะต้องรอคิวนานเป็นพิเศษ

เปลี่ยนยางที่ร้านทั่วไป

ข้อดี

  • ราคาถูกกว่า - ร้านเปลี่ยนยางทั่วไปมักจะมีราคาถูกกว่าศูนย์ชื่อดัง และสามารถต่อรองราคาได้

ข้อเสีย

  • มาตรฐานอาจไม่แน่นอน - อาจแตกต่างกันไปในแต่ละร้าน บางร้านอาจไม่มีเครื่องมือที่ทันสมัย หรือช่างอาจไม่มีความรู้เพียงพอ
  • ส่วนใหญ่ไม่มีโปร 0% - ร้านเปลี่ยนยางทั่วไปมักต้องจ่ายเงินเต็มจำนวน หรือหากเลือกวิธีการผ่อนชำระก็อาจมีดอกเบี้ยได้
  • การรับประกัน - บางครั้งอาจไม่มีการรับประกันสินค้าและบริการ
  • ตัวเลือกอาจมีน้อย - ร้านหลายแห่งอาจมีตัวเลือกยาง ทั้งขนาด รุ่น และยี่ห้อให้เลือกน้อยกว่า

สิ่งที่ควรพิจารณาเมื่อเลือกเปลี่ยนยาง

  • งบประมาณ - กำหนดงบประมาณที่ต้องการจะจ่ายในแต่ละครั้ง เพื่อให้สามารถกำหนดยี่ห้อและรุ่น รวมถึงคุณสมบัติของยางที่ต้องการได้
  • ความสำคัญของบริการ - หากต้องการบริการที่ครบวงจรและมีมาตรฐานสูง ควรเลือกศูนย์ชื่อดัง แต่ถ้าเน้นเรื่องราคา จ่ายเงินก้อนเดียวจบ อาจเลือกร้านทั่วไปได้
  • ความน่าเชื่อถือของร้าน - ควรตรวจสอบรีวิวจากลูกค้าคนอื่นๆ ซึ่งปัจจุบันสามารถหาได้บนสมาร์ทโฟน เช่น แอปพลิเคชัน Google Maps เป็นต้น

     การเลือกเปลี่ยนยางที่ไหนดีขึ้นอยู่กับความต้องการและความสำคัญของแต่ละบุคคล ถ้าคุณเน้นเรื่องความสะดวกสบาย บริการครบวงจร และมาตรฐานสูง ศูนย์ชื่อดังจะเป็นตัวเลือกที่ดี แต่ถ้าคุณเน้นเรื่องราคา อาจเลือกร้านทั่วไปที่น่าเชื่อถือได้

 

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com

.

.

.

.

_____________________________________

เราคือตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ

เทอร์โบแท้

IHI TURBO 🇯🇵

GARRETT 🇺🇸

MITSUBISHI TURBOCHARGER 🇯🇵

ซื้อกับเราได้สินค้าแท้100%

คุ้มค่ากว่า ใช้งานได้ในระยะยาว

สบายใจกว่า เทอร์โบแท้รับประกันสินค้ายาวนาน

บริการหลังการขายที่ยอดเยี่ยม

โดยทีมงานมืออาชีพ ผู้มีประสบการณ์มากกว่า 24 ปี”

สั่งอะไหล่กับเรา "ออกใบกำกับภาษี" ได้

พร้อมบริการการดูแลหลังการขายตลอดอายุการใช้งาน

⚙️เข้าชมสินค้าทั้งหมดในเว็บไซต์

คลิก: www.sqdparts.com

⚙️สั่งซื้อทางเพจ

คลิก: m.me/sqdparts

⚙️สั่งซื้อผ่านไลน์

คลิก: https://liff.line.me/1645278921-kWRPP32q/?accountId=sqdparts

คลิกYoutube : https://bit.ly/3IAJstu

คลิกTiktok : https://bit.ly/3bXmLmN

คลิกInstagram : https://bit.ly/3AFxMDx

เขียนโดย sqdparts เมื่อ Wed 11 Sep, 2024
อ่านต่อ

     น้ำมันเครื่อง เปรียบได้กับเลือดหล่อเลี้ยงเครื่องยนต์ มีหน้าที่ช่วยลดแรงเสียดทาน ลดความร้อน และหล่อลื่นชิ้นส่วนต่างๆ ภายในเครื่องยนต์ให้ทำงานได้อย่างราบรื่น แล้วทราบหรือไม่ว่าหากน้ำมันเครื่องแห้งแต่ยังฝืนใช้งานจะเกิดอะไรขึ้น?

 

หากน้ำมันเครื่องแห้งจะเกิดอะไรขึ้น?

เมื่อน้ำมันเครื่องหมดหรือแห้งลง จะทำให้ชิ้นส่วนต่างๆ ภายในเครื่องยนต์เกิดการเสียดสีกันโดยตรง ส่งผลให้เกิดความร้อนสูงขึ้นและสึกหรออย่างรวดเร็ว ชิ้นส่วนที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด ได้แก่ ลูกสูบ ก้านสูบ และเพลาข้อเหวี่ยง ซึ่งอาจทำให้เกิดรอยขีดข่วน บิ่น หรือแตกหักได้ นอกจากนี้ ยังอาจทำให้เกิดการสึกหรอของแหวนลูกสูบ ทำให้น้ำมันเครื่องรั่วซึมเข้าไปในห้องเผาไหม้ และทำให้เกิดควันขาวออกมาจากท่อไอเสียได้

 

4 สัญญาณเตือนบ่งบอกว่าน้ำมันเครื่องแห้ง

  • เครื่องยนต์มีเสียงดังผิดปกติ - เมื่อไม่มีน้ำมันเครื่องหล่อลื่น ชิ้นส่วนต่างๆ จะเกิดการเสียดสีกัน ทำให้เกิดเสียงดังผิดปกติจากเครื่องยนต์ได้
  • เครื่องยนต์ร้อนจัด - น้ำมันเครื่องมีส่วนช่วยในการควบคุมความร้อนของเครื่องยนต์ หากน้ำมันเครื่องแห้งจะทำให้เครื่องยนต์ร้อนจัดและอาจทำให้เกิดความเสียหายต่อชิ้นส่วนภายในได้
  • เครื่องยนต์สูญเสียกำลัง - เมื่อเครื่องยนต์ขาดน้ำมันหล่อลื่น จะทำให้กำลังอัดลดลง ทำให้เครื่องยนต์อืดและเร่งไม่ขึ้น เกิดควันขาวออกจากท่อไอเสีย
  • มีสัญญาณเตือนบนหน้าปัด - หากน้ำมันเครื่องแห้งจะส่งผลให้เกิดสัญญาณไฟรูปน้ำมันเครื่องสีแดงโชว์บนหน้าปัด บ่งบอกถึงแรงดันน้ำมันเครื่องต่ำกว่าที่กำหนดไว้ และอาจส่งผลให้ไฟเอนจิ้นโชว์ได้เช่นกัน

เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาจากน้ำมันเครื่องหมด ควรหมั่นตรวจสอบระดับน้ำมันเครื่องเป็นประจำตามระยะทางที่ระบุในคู่มือรถยนต์ นอกจากนี้ ควรเลือกใช้น้ำมันเครื่องที่มีคุณภาพและเหมาะสมกับรถยนต์ของคุณ และเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องตามกำหนดเวลาที่กำหนดไว้ การดูแลรักษาน้ำมันเครื่องอย่างสม่ำเสมอจะช่วยยืดอายุการใช้งานของเครื่องยนต์และลดค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมในระยะยาวได้

 

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com

.

.

.

.

_____________________________________

เราคือตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ

เทอร์โบแท้

IHI TURBO 🇯🇵

GARRETT 🇺🇸

MITSUBISHI TURBOCHARGER 🇯🇵

ซื้อกับเราได้สินค้าแท้100%

คุ้มค่ากว่า ใช้งานได้ในระยะยาว

สบายใจกว่า เทอร์โบแท้รับประกันสินค้ายาวนาน

บริการหลังการขายที่ยอดเยี่ยม

โดยทีมงานมืออาชีพ ผู้มีประสบการณ์มากกว่า 24 ปี”

สั่งอะไหล่กับเรา "ออกใบกำกับภาษี" ได้

พร้อมบริการการดูแลหลังการขายตลอดอายุการใช้งาน

⚙️เข้าชมสินค้าทั้งหมดในเว็บไซต์

คลิก: www.sqdparts.com

⚙️สั่งซื้อทางเพจ

คลิก: m.me/sqdparts

⚙️สั่งซื้อผ่านไลน์

คลิก: https://liff.line.me/1645278921-kWRPP32q/?accountId=sqdparts

คลิกYoutube : https://bit.ly/3IAJstu

คลิกTiktok : https://bit.ly/3bXmLmN

คลิกInstagram : https://bit.ly/3AFxMDx

เขียนโดย sqdparts เมื่อ Wed 11 Sep, 2024
อ่านต่อ

     หลายคนอาจสงสัยว่าหลังฝนตกแล้วทำไมต้องเสียเวลาไปล้างรถ ในเมื่อฝนก็ช่วยชะล้างความสกปรกให้แล้ว แต่ความจริงแล้ว น้ำฝนไม่ได้ทำความสะอาดรถของคุณได้อย่างสมบูรณ์แบบ หากปล่อยให้คราบสกปรกเกาะติดนานๆ อาจทำให้เกิดปัญหาตามมาได้มากมาย บทความนี้ เราจะมาบอกเหตุผลว่าทำไมฝนตกคุณก็ควรล้างรถอยู่ดี

 

สาเหตุที่ 1 มีคราบสกปรกฝังแน่น - ฝนที่ตกลงมาจะพัดพาฝุ่นละออง มลพิษต่างๆ ที่ปะปนอยู่ในอากาศมาเกาะติดบนตัวรถ เมื่อน้ำระเหยไปจะเหลือคราบสกปรกฝังแน่นอยู่บนผิวรถ ทำให้สีรถหมองคล้ำ นอกจากนี้ คราบยางมะตอยและคราบใบไม้ที่เกาะติดกับตัวรถ เมื่อโดนฝนจะยิ่งทำให้คราบเหล่านี้จับตัวกันแน่นขึ้น ยิ่งปล่อยทิ้งไว้นาน ยิ่งล้างออกยาก

 

สาเหตุที่ 2 อาจก่อให้เกิดสนิม - น้ำฝนในปัจจุบันมีฤทธิ์เป็นกรดเล็กน้อย เนื่องจากมลพิษทางอากาศ เมื่อน้ำฝนตกลงมาและเกาะติดบนตัวรถเป็นเวลานาน จะทำปฏิกิริยากับผิวรถ ทำให้เกิดรอยด่างและสนิมได้ง่าย โดยเฉพาะบริเวณที่สีรถลอกหรือมีรอยขีดข่วน นอกจากนี้ คราบเกลือที่เกาะติดบนตัวรถก็มีฤทธิ์กัดกร่อนสูง ทำให้สีรถเสียหายและเกิดสนิมได้เร็วขึ้น

 

สาเหตุที่ 3 ซากแมลงตาย - เมื่อขับรถขณะฝนตก แมลงจะมาชนกับกระจกหน้ารถและตัวรถ ทำให้เกิดคราบแมลงติดอยู่ หากปล่อยทิ้งไว้นาน คราบแมลงจะแข็งตัวและยากต่อการขจัดออก

 

สาเหตุที่ 4 เป็นอันตรายต่อสีรถ - คราบสกปรกที่เกาะติดบนตัวรถเป็นเวลานาน จะทำให้สีรถหมองคล้ำและเกิดรอยด่าง แสงแดดและอุณหภูมิที่สูงจะทำปฏิกิริยากับคราบสกปรกที่เกาะอยู่บนตัวรถ ทำให้สีรถซีดเร็วขึ้น

 

สาเหตุที่ 5 ทัศนวิสัยไม่ชัดเจน - คราบฝน คราบแมลง และคราบสกปรกอื่นๆ ที่เกาะติดบนกระจกหน้ารถจะบดบังทัศนวิสัยในการขับขี่ ทำให้มองเห็นถนนได้ไม่ชัดเจน และอาจก่อให้เกิดอุบัติเหตุได้

 

การล้างรถหลังฝนตกเป็นสิ่งสำคัญเพื่อรักษาสภาพสีรถ ป้องกันการเกิดสนิม และเพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่ หากปล่อยให้คราบสกปรกเกาะติดบนตัวรถเป็นเวลานาน จะต้องใช้เวลามากขึ้นในการทำความสะอาด และอาจต้องเสียค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมเพิ่มเติม ดังนั้น การหมั่นล้างรถเป็นประจำจึงเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการรักษารถของคุณให้ดูใหม่และมีอายุการใช้งานที่ยาวนานขึ้นครับ

 

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com

.

.

.

.

_____________________________________

เราคือตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ

เทอร์โบแท้

IHI TURBO 🇯🇵

GARRETT 🇺🇸

MITSUBISHI TURBOCHARGER 🇯🇵

ซื้อกับเราได้สินค้าแท้100%

คุ้มค่ากว่า ใช้งานได้ในระยะยาว

สบายใจกว่า เทอร์โบแท้รับประกันสินค้ายาวนาน

บริการหลังการขายที่ยอดเยี่ยม

โดยทีมงานมืออาชีพ ผู้มีประสบการณ์มากกว่า 24 ปี”

สั่งอะไหล่กับเรา "ออกใบกำกับภาษี" ได้

พร้อมบริการการดูแลหลังการขายตลอดอายุการใช้งาน

⚙️เข้าชมสินค้าทั้งหมดในเว็บไซต์

คลิก: www.sqdparts.com

⚙️สั่งซื้อทางเพจ

คลิก: m.me/sqdparts

⚙️สั่งซื้อผ่านไลน์

คลิก: https://liff.line.me/1645278921-kWRPP32q/?accountId=sqdparts

คลิกYoutube : https://bit.ly/3IAJstu

คลิกTiktok : https://bit.ly/3bXmLmN

คลิกInstagram : https://bit.ly/3AFxMDx

เขียนโดย sqdparts เมื่อ Wed 11 Sep, 2024
อ่านต่อ

     หลายคนจินตนาการถึงการขับขี่ออฟโรดว่าเป็นการเดินทางที่แสนยากลำบากและสมบุกสมบัน อีกทั้งยังเป็นการทดสอบทักษะของผู้ขับขี่ได้เป็นอย่างดี เมื่อเร็วๆ นี้ ฟอร์ดจึงแนะนำเทคนิคการขับขี่ออฟโรดให้แก่ผู้เข้าร่วมทริปการขับขี่รถยนต์ฟอร์ด เอเวอเรสต์ ในต่างแดน เพื่อเตรียมความพร้อมให้แก่ผู้เข้าร่วมกิจกรรมที่มีทักษะในการขับขี่ที่แตกต่างกัน

 

รถฟอร์ด เอเวอเรสต์ มาพร้อมเทคโนโลยีล้ำสมัยที่จะพาคุณไปถึงจุดหมายและกลับมาอย่างปลอดภัยไม่ว่าจะขับรถขึ้นเขาหรือใช้งานในโหมดลากจูง โหมดการขับขี่1 ที่ปรับการทำงานของรถให้เหมาะกับสภาพถนนที่หลากหลาย รวมถึงมีแผ่นกันกระแทกใต้ท้องรถ กล้องมองรอบทิศทางอันทันสมัย และระบบล็อกเฟืองท้าย ทำให้การผจญภัยบนเส้นทางสมบุกสมบันเป็นไปได้ง่ายขึ้น อย่างไรก็ตาม ผู้ขับขี่ยังต้องอาศัยความระมัดระวัง ความตั้งใจ และทักษะบางอย่างที่ไม่ได้ใช้บ่อยนักในชีวิตประจำวัน

 

ก่อนออกเดินทางไปออฟโรด ผู้ใช้งานควรตรวจสภาพรถยนต์ให้แน่ใจว่าพร้อมใช้งานมากที่สุด แนะนำให้ชวนเพื่อนขับขี่ออฟโรด2 ไปด้วยกันอย่างน้อยสองคันเพื่อให้มั่นใจว่าสามารถช่วยเหลือกันได้ หากรถคันใดคันหนึ่งติดหล่มหรือเสียหาย ควรเตรียมอุปกรณ์ฉุกเฉินต่างๆ ติดไปด้วยทุกครั้ง เช่น ชุดปฐมพยาบาล น้ำดื่ม เชือกสำหรับลากจูง โทรศัพท์มือถือ หรือโทรศัพท์ผ่านดาวเทียม โดยสรุปฟอร์ดแนะนำเคล็ดลับสำหรับการขี่ออฟโรด ดังนี้

 

1. จับพวงมาลัยให้มั่น

ควรจับพวงมาลัยโดยให้นิ้วหัวแม่มือทาบอยู่บนขอบด้านนอกของพวงมาลัย วิธีนี้จะช่วยลดความเสี่ยงต่อการบาดเจ็บหากพวงมาลัยหมุนกะทันหันขณะขับขี่บนพื้นผิวที่ขรุขระ คนขับควรปรับที่นั่งเพื่อให้มองเห็นด้านหน้าได้ชัดเจน ข้อดีของฟอร์ด เอเวอเรสต์ คือคุณสามารถมองเห็นขอบกระโปรงหน้ารถได้จากหลังพวงมาลัย ทำให้ควบคุมรถได้ง่ายแม้อยู่บนเส้นทางที่ท้าทาย

 

2. ขับให้ช้าที่สุดเท่าที่ทำได้

การขับรถเร็วนอกจากจะทำให้คุณมีเวลาน้อยลงในการตอบสนองหากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิด ยังทำให้หยุดรถได้ช้าลงอีกด้วย ความเร็วสูงยังเพิ่มความเสี่ยงที่รถจะเสียหายเมื่อขับผ่านสิ่งกีดขวาง การขับช้าๆ ช่วยให้ระบบกันสะเทือนดูดซับแรงกระแทกเพื่อให้นั่งสบายมากขึ้น และทำให้มีเวลาสังเกตสิ่งรอบข้าง พร้อมคาดการณ์และตอบสนองต่อสถานการณ์ได้มากขึ้น แม้บางอุปสรรคอาจต้องเร่งความเร็วให้ข้ามผ่านไปได้ เช่น การขึ้นเนินชัน แต่อุปสรรคส่วนมากควรขับผ่านด้วยความเร็วต่ำ จำไว้ว่า ควรขับช้าที่สุดเท่าที่จะทำได้ และเร็วเท่าที่จำเป็นเท่านั้น

 

3. เลือกเส้นทางที่ดีที่สุด

มองดูทางข้างหน้าและเลือกเส้นทางที่มั่นใจว่าปลอดภัยที่สุด สิ่งสำคัญคือต้องเลือกเส้นทางที่มีความเสี่ยงน้อยที่สุด เพื่อหลีกเลี่ยงความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นกับใต้ท้องรถ ให้เลือกเส้นทางที่ล้อทั้งสี่สัมผัสกับพื้นได้ตลอดเวลา หากเส้นทางแคบเป็นพิเศษ ชัน หรือมีสิ่งกีดขวางขนาดใหญ่ที่มองไม่เห็น ควรมี ‘ผู้สังเกตการณ์’ หรือเพื่อนที่ลงจากรถมาช่วยนำทางผ่านอุปสรรคได้ นอกจากนี้ ควรใช้ประโยชน์จากกล้องมองหน้ารถที่มีเส้นบอกระยะแบบ ไดนามิกของฟอร์ด เอเวอเรสต์ด้วย บางครั้งคุณอาจพบหลุม บ่อระหว่างทาง แทนที่จะขับตรงเข้าหาหลุมและเสี่ยงกันชนครูด ควรขับลงหลุมแบบทำมุมเอียง ให้ล้อค่อยๆ ลงหลุมทีละล้อ

 

4. ควบคุมรถอย่างนุ่มนวล

ควรใช้คันเร่ง เบรก และการหมุนพวงมาลัยอย่างนุ่มนวล ควบคุมรถด้วยความรู้สึกมั่นใจอยู่เสมอ การเหยียบคันเร่งแบบกะทันหันอาจทำให้รถไม่ยึดเกาะถนนหรือสูญเสียการทรงตัว โดยเฉพาะบนพื้นผิวขรุขระหรือมีสิ่งกีดขวางอย่างก้อนหินหรือท่อนไม้ เมื่อต้องเผชิญกับสิ่งกีดขวางที่ต้องใช้ความเร็วต่ำ การแตะเบรกเบาๆ ร่วมกับการใช้คันเร่งจะช่วยป้องกันไม่ให้รถกระตุกและช่วยให้ควบคุมรถผ่านสิ่งกีดขวางได้ง่ายขึ้น เกียร์ต่ำขับเคลื่อนสี่ล้อ (4L) มีประโยน์ในสถานการณ์เช่นนี้

 

5. ใช้เกียร์ต่ำ หรือเกียร์ต่ำสุดที่มี

การเปลี่ยนไปใช้เกียร์ต่ำบนเส้นทางออฟโรด2 จะช่วยให้ควบคุมรถได้ดีขึ้นในความเร็วต่ำ คุณจำเป็นต้องควบคุมรถให้ได้มากขึ้นเมื่อต้องขับขี่บนเส้นทางที่ท้าทาย หรือทางที่เต็มไปด้วยหินซึ่งมีแรงยึดเกาะน้อย หรือเมื่อต้องขับลงทางลาดชัน ผู้ขับขี่ฟอร์ด เอเวอเรสต์ เปลี่ยนมาใช้เกียร์ต่ำได้เมื่อหยุดรถและหมุนเปลี่ยนเกียร์ เกียร์ต่ำจะทำงานร่วมกับโหมดการขับขี่บางโหมด เพื่อให้ควบคุมรถได้อย่างมั่นใจ

 

6. อย่าลืมใส่ใจลมยาง

การลดแรงดันลมยางของรถเป็นหนึ่งในเทคนิคง่ายๆ ที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการขับขี่แบบออฟโรด2 และเพิ่มความสบายภายในห้องโดยสาร อีกทั้งยังช่วยยืดอายุการใช้งานของยางและลดความเสี่ยงที่จะเกิดความเสียหายทั้งต่อยางและต่อเส้นทางที่ขับผ่าน อย่างไรก็ตาม ควรปล่อยแรงดันลมยางออกในกรณีที่สามารถเติมลมยางกลับคืนก่อนกลับสู่ทางเรียบได้เท่านั้น

 

7. พร้อมที่จะเลี้ยวกลับได้เสมอหากไม่มั่นใจ

แม้จะใช้รถขับเคลื่อนสี่ล้อสมรรถนะสูงอย่างฟอร์ด เอเวอเรสต์ ที่มีโหมดการขับขี่ให้เลือก1 และมีระบบเกียร์ต่ำ แต่ผู้ขับขี่ยังคงต้องประเมินความเหมาะสมของสภาพเส้นทางออฟโรดด้วยตนเอง หากไม่มั่นใจที่จะขับผ่านเส้นทางข้างหน้า ให้หาเส้นทางอื่นอ้อมไป หรือกลับไปทางเดิมที่มา อย่าลืมว่าความปลอดภัยเป็นปัจจัยสำคัญที่สุดเสมอเมื่อขับขี่ออฟโรด2

 

8. ตรวจสภาพรถก่อนเดินทางกลับ

ก่อนกลับสู่ทางเรียบ ควรจอดรถและตรวจสอบรอบๆ ให้ละเอียดก่อน หากลดแรงดันลมยางลงก่อนหน้านี้ ก็อย่าลืมเติมลมกลับไปยังระดับที่เหมาะสมกับการขับขี่บนทางหลวง ตรวจสอบว่าป้ายทะเบียนไม่ถูกโคลนบดบัง และรถไม่ได้รับความเสียหาย หากมีสิ่งของที่ผูกไว้บนหลังคาหรือในกระบะ ให้ตรวจสอบว่าสายรัดยังคงแน่นหนาและไม่มีสิ่งใดเคลื่อนที่ได้ การตรวจสอบเหล่านี้จะช่วยให้มั่นใจว่าคุณพร้อมสำหรับการเดินทางกลับบ้านอย่างปลอดภัย

 

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com

.

.

.

.

_____________________________________

เราคือตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ

เทอร์โบแท้

IHI TURBO 🇯🇵

GARRETT 🇺🇸

MITSUBISHI TURBOCHARGER 🇯🇵

ซื้อกับเราได้สินค้าแท้100%

คุ้มค่ากว่า ใช้งานได้ในระยะยาว

สบายใจกว่า เทอร์โบแท้รับประกันสินค้ายาวนาน

บริการหลังการขายที่ยอดเยี่ยม

โดยทีมงานมืออาชีพ ผู้มีประสบการณ์มากกว่า 24 ปี”

สั่งอะไหล่กับเรา "ออกใบกำกับภาษี" ได้

พร้อมบริการการดูแลหลังการขายตลอดอายุการใช้งาน

⚙️เข้าชมสินค้าทั้งหมดในเว็บไซต์

คลิก: www.sqdparts.com

⚙️สั่งซื้อทางเพจ

คลิก: m.me/sqdparts

⚙️สั่งซื้อผ่านไลน์

คลิก: https://liff.line.me/1645278921-kWRPP32q/?accountId=sqdparts

คลิกYoutube : https://bit.ly/3IAJstu

คลิกTiktok : https://bit.ly/3bXmLmN

คลิกInstagram : https://bit.ly/3AFxMDx

เขียนโดย sqdparts เมื่อ Wed 11 Sep, 2024
อ่านต่อ
แสดง รายการ
ร้านค้าออนไลน์ และ ขายของออนไลน์ โดย © 2006-2024 Vevo Systems Co., Ltd.