×
บล็อก
แสดง รายการ

     ในช่วงฤดูร้อนที่มีอากาศร้อนจัด เราจะมีวิธีอย่างไรเพื่อช่วยปกป้องรถยนต์คันโปรดให้ยังคงสภาพดีไปอีกยาวนาน บทความนี้ เรามีเคล็ดลับดีๆ มาฝากกัน

 

วิธีดูแลรถช่วงหน้าร้อน ที่ไม่ควรมองข้ามช่วยยืดอายุการใช้งาน

1. ขัดเคลือบสีป้องกันสีซีด - การขัดเคลือบสีรถเป็นประจำจะช่วยปกป้องสีรถจากรังสี UV ทำให้สีรถไม่ซีดจาง ช่วยให้สีรถดูสดใสเหมือนใหม่เสมอ และยังช่วยป้องกันคราบสกปรกเกาะติดตัวรถได้ง่ายอีกด้วย

2. ติดฟิล์มกรองแสงกันร้อนสูง - การติดฟิล์มกรองแสงจะช่วยลดความร้อนภายในรถได้อย่างมาก ทำให้อุณหภูมิภายในรถไม่สูงเกินไป ช่วยลดภาระการทำงานของเครื่องปรับอากาศ และยังช่วยป้องกันรังสี UV ที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพได้อีกด้วย

 

หากฟิล์มกรองแสงเดิมมีการเสื่อมสภาพ หรือกันร้อนไม่ดีพอ การเปลี่ยนฟิล์มกรองแสงที่มีค่ากันความร้อนสูงจะช่วยให้คุณรู้สึกแฮปปี้ขึ้นเยอะ

 

3. ใช้ม่านบังแดดเมื่อจอดรถกลางแดด - การใช้ม่านบังแดดจะช่วยลดความร้อนภายในรถได้ โดยเฉพาะบริเวณที่โดนแดดโดยตรง เช่น ด้านหน้ารถ และด้านข้าง ช่วยป้องกันสีซีดจาง และช่วยรักษาสภาพของชิ้นส่วนพลาสติกให้มีอายุยาวนาน ไม่แตกหักง่ายอีกด้วย

4. เช็กระบบระบายความร้อน - ระบบระบายความร้อนของรถยนต์มีความสำคัญอย่างมาก โดยเฉพาะในช่วงหน้าร้อน ควรตรวจสอบระดับน้ำหล่อเย็นให้เพียงพอ ตรวจสอบการทำงานของพัดลมหม้อน้ำ เพื่อให้ระบบระบายความร้อนทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

5. หลีกเลี่ยงเก็บสิ่งของต้องห้าม - สิ่งของบางอย่าง เช่น กระป๋องสเปรย์, ไฟแช็ค, น้ำหอม หรือของเหลวไวไฟอื่นๆ หากถูกแสงแดดโดยตรง อาจเกิดความร้อนสะสมและระเบิดได้ ควรหลีกเลี่ยงการเก็บสิ่งของเหล่านี้ไว้ในรถโดยเฉพาะในช่วงหน้าร้อน

 

     ด้วยการดูแลรักษาตามคำแนะนำเหล่านี้ รถของคุณจะพร้อมใช้งานและรักษาสภาพดีไปได้อย่างยาวนานครับ

 

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com

.

.

.

.

_____________________________________

เราคือตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ

เทอร์โบแท้

IHI TURBO 🇯🇵

GARRETT 🇺🇸

MITSUBISHI TURBOCHARGER 🇯🇵

ซื้อกับเราได้สินค้าแท้100%

คุ้มค่ากว่า ใช้งานได้ในระยะยาว

สบายใจกว่า เทอร์โบแท้รับประกันสินค้ายาวนาน

บริการหลังการขายที่ยอดเยี่ยม

โดยทีมงานมืออาชีพ ผู้มีประสบการณ์มากกว่า 24 ปี”

สั่งอะไหล่กับเรา "ออกใบกำกับภาษี" ได้

พร้อมบริการการดูแลหลังการขายตลอดอายุการใช้งาน

⚙️เข้าชมสินค้าทั้งหมดในเว็บไซต์

คลิก: www.sqdparts.com

⚙️สั่งซื้อทางเพจ

คลิก: m.me/sqdparts

⚙️สั่งซื้อผ่านไลน์

คลิก: https://liff.line.me/1645278921-kWRPP32q/?accountId=sqdparts

คลิกYoutube : https://bit.ly/3IAJstu

คลิกTiktok : https://bit.ly/3bXmLmN

คลิกInstagram : https://bit.ly/3AFxMDx

เขียนโดย sqdparts เมื่อ Tue 11 Feb, 2025
อ่านต่อ

     หากว่าประสบปัญหาน้ำมันใกล้หมด ถ้าเราปิดระบบปรับอากาศ จะช่วยเพิ่มระยะทางขับขี่ไกลขึ้นได้จริงไหม? บทความนี้ เรามีคำตอบมาฝากกันครับ

 

ปิดแอร์ขับรถ เพิ่มระยะทางได้จริงไหม?

คำตอบคือ "จริง" เนื่องจากการเปิดแอร์จะทำให้เครื่องยนต์ทำงานหนักขึ้นเพื่อขับเคลื่อนคอมเพรสเซอร์ ทำให้สิ้นเปลืองน้ำมันมากขึ้น ดังนั้นการปิดแอร์จึงช่วยลดภาระของเครื่องยนต์และประหยัดน้ำมันได้ในระดับหนึ่ง

 

อย่างไรก็ตาม หากปิดแอร์เพื่อรีดระยะทางขับขี่ขณะน้ำมันใกล้หมด แม้ว่าจะช่วยเพิ่มระยะทางได้จริง แต่ทางที่ดีไม่ควรปล่อยให้น้ำมันเกลี้ยงถังบ่อยๆ เนื่องจากปั๊มติ๊กจะทำงานหนักเพื่อดูดน้ำมันที่เหลืออยู่ในถัง นานเข้าอาจทำให้ปั๊มร้อนและได้รับความเสียหายได้

 

ทางที่ดีควรรีบเติมน้ำมันเมื่อระดับน้ำมันต่ำกว่า 1 ใน 4 ของถัง หรือเติมทันทีเมื่อไฟเตือนน้ำมันโชว์บนหน้าปัด เพื่อเป็นการป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นตามมา

 

4 วิธีช่วยประหยัดน้ำมันได้เช่นกัน

  1. ขับขี่ด้วยความเร็วคงที่ - หลีกเลี่ยงการเร่งแซงที่ไม่จำเป็น ประคองความเร็วคงที่เสมอ เพียงเท่านี้ก็จะช่วยประหยัดน้ำมันได้
  2. ลดความเร็วในการขับขี่ - ใช้ความเร็วประมาณ 90-100 กม./ชม. เป็นช่วงความเร็วที่รถกินน้ำมันน้อยที่สุด
  3. เติมลมยางให้เหมาะสม - ลมยางที่อ่อนเกินไปจะทำให้รถกินน้ำมันเพิ่มมากขึ้น
  4. ไม่บรรทุกน้ำหนักที่ไม่จำเป็น - หลีกเลี่ยงการเก็บสัมภาระที่ไม่จำเป็นไว้ในรถ เพราะมีส่วนทำให้รถกินน้ำมันเพิ่มมากขึ้นในระยะยาว

     แม้ว่าการปิดแอร์จะช่วยเพิ่มระยะทางขับขี่ได้ แต่ก็ไม่ควรปล่อยให้ระดับน้ำมันต่ำอยู่บ่อยๆ จะได้ไม่เกิดปัญหาตามมาในภายหลังครับ

 

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com

.

.

.

.

_____________________________________

เราคือตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ

เทอร์โบแท้

IHI TURBO 🇯🇵

GARRETT 🇺🇸

MITSUBISHI TURBOCHARGER 🇯🇵

ซื้อกับเราได้สินค้าแท้100%

คุ้มค่ากว่า ใช้งานได้ในระยะยาว

สบายใจกว่า เทอร์โบแท้รับประกันสินค้ายาวนาน

บริการหลังการขายที่ยอดเยี่ยม

โดยทีมงานมืออาชีพ ผู้มีประสบการณ์มากกว่า 24 ปี”

สั่งอะไหล่กับเรา "ออกใบกำกับภาษี" ได้

พร้อมบริการการดูแลหลังการขายตลอดอายุการใช้งาน

⚙️เข้าชมสินค้าทั้งหมดในเว็บไซต์

คลิก: www.sqdparts.com

⚙️สั่งซื้อทางเพจ

คลิก: m.me/sqdparts

⚙️สั่งซื้อผ่านไลน์

คลิก: https://liff.line.me/1645278921-kWRPP32q/?accountId=sqdparts

คลิกYoutube : https://bit.ly/3IAJstu

คลิกTiktok : https://bit.ly/3bXmLmN

คลิกInstagram : https://bit.ly/3AFxMDx

เขียนโดย sqdparts เมื่อ Tue 11 Feb, 2025
อ่านต่อ

     เคยสงสัยหรือไม่ว่าระหว่างลมยางที่อ่อนเกินไป และลมยางที่แข็งเกินไป แบบไหนส่งผลเสียเกิดอันตรายได้มากกว่ากัน บทความนี้ เรามีคำตอบครับ

 

ลมยางอ่อน กับ ลมยางแข็ง แบบไหนอันตรายกว่า?

ทั้งลมยางอ่อนและลมยางแข็งต่างก็มีผลเสียต่อการขับขี่และความปลอดภัยของรถยนต์ทั้งสิ้น แต่ละแบบมีอันตรายที่แตกต่างกันไปดังนี้

 

ลมยางอ่อน - ยางจะบิดตัวมากขึ้นเมื่อสัมผัสกับพื้นถนน เกิดการเสียดสีกับพื้นถนนมากกว่า มีโอกาสเกิดความร้อนสะสมสูงหากขับขี่ต่อเนื่องเป็นระยะเวลานาน เพิ่มโอกาสทำให้ยางระเบิดได้

     นอกจากนี้ ลมยางอ่อนเกินไปยังทำให้การควบคุมรถทำได้ยากขึ้น รถอาจลื่นไถลง่ายขึ้น แก้มยางจะสึกเร็วกว่าปกติ และสิ้นเปลืองน้ำมันมากขึ้น

ลมยางแข็ง - ยางจะแข็งกระด้าง ทำให้การดูดซับแรงกระแทกน้อยลง ส่งผลให้การขับขี่ไม่นุ่มนวล และเกิดเสียงดังขณะขับขี่ได้ แม้ว่าลมยางแข็งจะช่วยลดอัตราสิ้นเปลืองน้ำมัน เนื่องจากแรงเสียดทานของพื้นถนนลดลง แต่ก็อาจส่งผลทำให้ระบบช่วงล่างเสื่อมสภาพไวขึ้นเช่นกัน โดยเฉพาะเมื่อต้องขับรถผ่านเส้นทางที่ผิวถนนมีลักษณะขรุขระเป็นประจำ

 

เติมลมยางเท่าไหร่จึงจะพอดี?

แรงดันลมยางที่เหมาะสมจะแตกต่างกันไปในแต่ละรุ่นและขนาดของรถ โดยปกติแล้ว ค่าแรงดันลมยางที่เหมาะสมจะระบุไว้ที่เสาประตูคนขับด้านคนขับ ควรหมั่นเช็กลมยางอย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้ง และควรตรวจสอบลมยางขณะยางเย็น เพื่อให้ได้ค่าที่ถูกต้องที่สุด

 

     อย่าลืมว่าการเติมลมยางให้ถูกต้องเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งต่อความปลอดภัยในการขับขี่ การตรวจสอบและเติมลมยางให้เหมาะสมเป็นประจำ จะช่วยยืดอายุการใช้งานของยาง ประหยัดน้ำมัน และทำให้การขับขี่ของคุณปลอดภัยมากยิ่งขึ้นครับ

 

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com

.

.

.

.

_____________________________________

เราคือตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ

เทอร์โบแท้

IHI TURBO 🇯🇵

GARRETT 🇺🇸

MITSUBISHI TURBOCHARGER 🇯🇵

ซื้อกับเราได้สินค้าแท้100%

คุ้มค่ากว่า ใช้งานได้ในระยะยาว

สบายใจกว่า เทอร์โบแท้รับประกันสินค้ายาวนาน

บริการหลังการขายที่ยอดเยี่ยม

โดยทีมงานมืออาชีพ ผู้มีประสบการณ์มากกว่า 24 ปี”

สั่งอะไหล่กับเรา "ออกใบกำกับภาษี" ได้

พร้อมบริการการดูแลหลังการขายตลอดอายุการใช้งาน

⚙️เข้าชมสินค้าทั้งหมดในเว็บไซต์

คลิก: www.sqdparts.com

⚙️สั่งซื้อทางเพจ

คลิก: m.me/sqdparts

⚙️สั่งซื้อผ่านไลน์

คลิก: https://liff.line.me/1645278921-kWRPP32q/?accountId=sqdparts

คลิกYoutube : https://bit.ly/3IAJstu

คลิกTiktok : https://bit.ly/3bXmLmN

คลิกInstagram : https://bit.ly/3AFxMDx

เขียนโดย sqdparts เมื่อ Tue 11 Feb, 2025
อ่านต่อ

     อาการหลับในเป็นสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนอันดับต้นๆ ของเมืองไทย ซึ่งก่อนจะมีอาการหลับในได้นั้น ยังมีสัญญาณบางอย่างที่บ่งบอกว่าคุณไม่ควรฝืนขับรถอีกต่อไป จะมีอะไรบ้าง เราจะพาไปดูกัน

 

6 สัญญาณเตือนอาการหลับใน

  1. หาวบ่อยและต่อเนื่อง - การหาวบ่อยๆ เป็นสัญญาณบ่งบอกว่าร่างกายของคุณเหนื่อยล้าและต้องการพักผ่อน
  2. ลืมตาไม่ขึ้น - หากรู้สึกว่าหนักหนังตา ลืมตาไม่ขึ้น มีอาการตาปรือ มองเห็นภาพไม่ชัด แสดงว่าคุณเริ่มมีอาการหลับในแล้ว
  3. ขับรถส่ายไปมา - การขับรถส่ายไปมา ไม่เป็นเส้นตรง หรือขับออกนอกเลนบ่อยครั้ง เป็นสัญญาณเตือนว่าคุณกำลังจะหลับใน
  4. ใจลอย ไม่มีสมาธิ - จำไม่ได้ว่าขับรถผ่านอะไรมาบ้างในช่วง 2-3 กิโลเมตรที่ผ่านมา นั่นหมายความว่าสมาธิของคุณลดลง
  5. รู้สึกมึน หรือหนักศีรษะ - การฝืนขับรถขณะเหนื่อยล้าหรือง่วงนอน นำไปสู่อาการมึนศีรษะได้
  6. ละเลยป้ายจราจร - หากคุณเริ่มละเลยป้ายจราจรหรือสัญญาณไฟจราจร นั่นแปลว่าร่างกายของคุณอ่อนล้าเต็มที และเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุเป็นอย่างมาก

หากคุณพบอาการใดอาการหนึ่งข้างต้น ขอให้หยุดรถในที่ปลอดภัย และพักผ่อนให้เพียงพอ ก่อนที่จะเดินทางต่อ

เคล็ดลับป้องกันการหลับใน

  • พักผ่อนให้เพียงพอ - ก่อนการเดินทางควรนอนหลับให้เพียงพออย่างน้อย 7-8 ชั่วโมง
  • หลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ - แอลกอฮอล์จะทำให้ง่วงซึมมากขึ้น
  • หากิจกรรมทำระหว่างเดินทาง - เช่น ฟังเพลง พูดคุยกับเพื่อนร่วมทาง หรือเปิดหน้าต่างรถเพื่อรับอากาศ
  • หยุดพักเป็นระยะ - ทุกๆ 2 ชั่วโมง ควรหยุดพักรถเพื่อยืดเส้นยืดสาย และดื่มน้ำ
  • อย่าขับรถเพียงลำพัง - การมีเพื่อนร่วมทางจะช่วยให้คุณรู้สึกไม่เบื่อ และสามารถช่วยกันสังเกตอาการง่วงซึม

     การขับขี่อย่างปลอดภัยต้องเริ่มต้นที่ตัวเราเอง การรู้จักสังเกตสัญญาณเตือนของร่างกาย และปฏิบัติตามคำแนะนำเหล่านี้ จะช่วยให้คุณเดินทางถึงที่หมายอย่างปลอดภัยครับ

 

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com

.

.

.

.

_____________________________________

เราคือตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ

เทอร์โบแท้

IHI TURBO 🇯🇵

GARRETT 🇺🇸

MITSUBISHI TURBOCHARGER 🇯🇵

ซื้อกับเราได้สินค้าแท้100%

คุ้มค่ากว่า ใช้งานได้ในระยะยาว

สบายใจกว่า เทอร์โบแท้รับประกันสินค้ายาวนาน

บริการหลังการขายที่ยอดเยี่ยม

โดยทีมงานมืออาชีพ ผู้มีประสบการณ์มากกว่า 24 ปี”

สั่งอะไหล่กับเรา "ออกใบกำกับภาษี" ได้

พร้อมบริการการดูแลหลังการขายตลอดอายุการใช้งาน

⚙️เข้าชมสินค้าทั้งหมดในเว็บไซต์

คลิก: www.sqdparts.com

⚙️สั่งซื้อทางเพจ

คลิก: m.me/sqdparts

⚙️สั่งซื้อผ่านไลน์

คลิก: https://liff.line.me/1645278921-kWRPP32q/?accountId=sqdparts

คลิกYoutube : https://bit.ly/3IAJstu

คลิกTiktok : https://bit.ly/3bXmLmN

คลิกInstagram : https://bit.ly/3AFxMDx

เขียนโดย sqdparts เมื่อ Tue 11 Feb, 2025
อ่านต่อ

     แม้ว่ารถเกียร์ธรรมดาจะมีความทนทานมากกว่าเกียร์อัตโนมัติ แต่หากใช้งานไม่ถูกวิธี อาจส่งผลเสียทำให้อายุการใช้งานของเกียร์และคลัตช์สั้นลง บทความนี้ เราจะพาไปรู้จัก 5 พฤติกรรมที่ไม่ควรทำเด็ดขาดในรถเกียร์ธรรมดา มีอะไรบ้าง?

 

5 สิ่งที่ไม่ควรทำในรถเกียร์ธรรมดา

เหยียบคลัตช์ค้างไว้ขณะติดไฟแดง - การเหยียบคลัตช์พร้อมกับเข้าเกียร์ค้างไว้ แม้ว่าจะเป็นวิธีที่สะดวกสำหรับคนบางคน แต่การเหยียบคลัตช์ค้างไว้โดยไม่จำเป็นจะทำให้ลูกปืนคลัทช์สึกหรอเร็ว จึงควรใส่เกียร์ว่างและปล่อยคลัทช์ทุกครั้งเมื่อรถหยุดนิ่ง

 

ออกตัวเลี้ยงคลัตช์ - การเลี้ยงคลัทช์ คือการปล่อยคลัทช์ค่อยๆ เพื่อให้รถออกตัวได้อย่างนุ่มนวล แต่หากเลี้ยงคลัทช์นานเกินไป จะทำให้ผ้าคลัทช์สึกหรอเร็วขึ้น อายุการใช้งานสั้นลง หากฝืนทำบ่อยๆ อาจทำให้คลัตช์เกิดการไหม้ได้

 

เหยียบคลัตช์ก่อนเหยียบเบรก - การลดความเร็วก่อนถึงจุดหยุดนิ่ง ควรเหยียบเบรกก่อนเหยียบคลัตช์เสมอ เพราะแรงจากเครื่องยนต์จะช่วยเสริมการทำงานของระบบเบรก ทำให้ระยะเบรกสั้นลง แถมยังช่วยให้ประหยัดน้ำมันเพิ่มมากขึ้นด้วย

 

เข้าเกียร์ต่ำที่ความเร็วสูง - ควรเลือกตำแหน่งเกียร์ให้เหมาะสมกับความเร็วอยู่เสมอ การเปลี่ยนเกียร์ลงต่ำที่ความเร็วสูงเกินไป อาจส่งผลให้เครื่องยนต์ทำงานหนัก รอบอาจพุ่งสูงจนถึงระดับเรดไลน์ ซึ่งเป็นอันตรายอย่างมากต่อเครื่องยนต์

 

เข้าเกียร์สูงที่ความเร็วต่ำ - การใช้เกียร์สูงที่ความเร็วต่ำ จะทำให้เครื่องยนต์ทำงานหนัก และเป็นการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงโดยใช่เหตุ แถมรถยังเร่งไม่ไปอีกด้วย จึงควรเลือกใช้เกียร์ที่เหมาะสมกับความเร็วของรถ

 

     เมื่อทราบเช่นนี้แล้ว ก็ควรปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการขับขี่ เพื่อเป็นการถนอมเกียร์และเครื่องยนต์ให้คงสภาพดีไปอีกยาวนานครับ

 

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com

.

.

.

.

_____________________________________

เราคือตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ

เทอร์โบแท้

IHI TURBO 🇯🇵

GARRETT 🇺🇸

MITSUBISHI TURBOCHARGER 🇯🇵

ซื้อกับเราได้สินค้าแท้100%

คุ้มค่ากว่า ใช้งานได้ในระยะยาว

สบายใจกว่า เทอร์โบแท้รับประกันสินค้ายาวนาน

บริการหลังการขายที่ยอดเยี่ยม

โดยทีมงานมืออาชีพ ผู้มีประสบการณ์มากกว่า 24 ปี”

สั่งอะไหล่กับเรา "ออกใบกำกับภาษี" ได้

พร้อมบริการการดูแลหลังการขายตลอดอายุการใช้งาน

⚙️เข้าชมสินค้าทั้งหมดในเว็บไซต์

คลิก: www.sqdparts.com

⚙️สั่งซื้อทางเพจ

คลิก: m.me/sqdparts

⚙️สั่งซื้อผ่านไลน์

คลิก: https://liff.line.me/1645278921-kWRPP32q/?accountId=sqdparts

คลิกYoutube : https://bit.ly/3IAJstu

คลิกTiktok : https://bit.ly/3bXmLmN

คลิกInstagram : https://bit.ly/3AFxMDx

เขียนโดย sqdparts เมื่อ Tue 11 Feb, 2025
อ่านต่อ

     น้ำมันเครื่องสังเคราะห์แท้ 100% กับน้ำมันเครื่องกึ่งสังเคราะห์ แตกต่างกันอย่างไร ทำไมราคาจำหน่ายของน้ำมันเครื่องทั้งสองแบบจึงแตกต่างกันค่อนข้างมาก บทความนี้ เราจะพาไปรู้จักคุณสมบัติของน้ำมันเครื่องทั้งสองแบบกัน

 

น้ำมันเครื่อง "สังเคราะห์แท้" กับ "กึ่งสังเคราะห์" แตกต่างกันอย่างไร?

น้ำมันเครื่องสังเคราะห์แท้ (Fully Synthetic Oil)

น้ำมันเครื่องสังเคราะห์แท้ผลิตขึ้นจากสารเคมีสังเคราะห์ 100% ทำให้มีโมเลกุลขนาดเล็กและเป็นระเบียบ มีความเสถียรสูง ทนความร้อนได้ดีเยี่ยม และมีคุณสมบัติในการหล่อลื่นที่เหนือกว่าน้ำมันเครื่องชนิดอื่น ๆ ส่งผลให้เครื่องยนต์ทำงานได้อย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพสูง ลดการสึกหรอของชิ้นส่วนเครื่องยนต์ และยืดอายุการใช้งานของเครื่องยนต์ได้นานขึ้น เหมาะสำหรับรถยนต์สมรรถนะสูง รถแข่ง หรือรถยนต์ที่ใช้งานหนัก

     น้ำมันเครื่องสังเคราะห์แท้ 100% จะมีอายุการใช้งานประมาณ 10,000 - 15,000 กม.

น้ำมันเครื่องกึ่งสังเคราะห์ (Semi-Synthetic Oil)

น้ำมันเครื่องกึ่งสังเคราะห์เป็นการผสมกันระหว่างน้ำมันสังเคราะห์และน้ำมันพื้นฐานที่ได้จากการกลั่นน้ำมันดิบ ทำให้มีคุณสมบัติที่ดีกว่าน้ำมันเครื่องธรรมดา แต่ประสิทธิภาพอาจสู้สังเคราะห์แท้ไม่ได้ มีราคาถูกกว่า และเหมาะสำหรับรถยนต์ทั่วไปที่ใช้งานในชีวิตประจำวัน

     น้ำมันเครื่องกึ่งสังเคราะห์จะมีอายุการใช้งานประมาณ 7,000 - 10,000 กม.

เลือกใช้น้ำมันเครื่องแบบไหนดีกว่ากัน?

การเลือกใช้น้ำมันเครื่องสังเคราะห์แท้ 100% หรือกึ่งสังเคราะห์ โดยมากแล้วจะขึ้นอยู่กับงบประมาณและลักษณะการใช้งาน หากต้องการประสิทธิภาพสูงสุดจากการหล่อลื่นเครื่องยนต์และยืดอายุการใช้งานของเครื่องยนต์ให้ยาวนานขึ้น ควรเลือกใช้น้ำมันเครื่องสังเคราะห์แท้ 100% อย่างต่อเนื่อง แต่หากต้องการประหยัดค่าใช้จ่าย ไม่ได้เน้นประสิทธิภาพการหล่อลื่นแล้วล่ะก็ น้ำมันเครื่องกึ่งสังเคราะห์ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกใช้ได้เช่นกัน

 

     สิ่งสำคัญที่สุดไม่ว่าจะเลือกใช้น้ำมันเครื่องประเภทใดก็ตาม คือ การเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องตามระยะที่กำหนดไว้เสมอ เพราะจะช่วยคงประสิทธิภาพในการปกป้องเครื่องยนต์เอาไว้ และยังเป็นการตรวจเช็กสภาพเครื่องยนต์ไปในตัวอีกด้วย

 

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com

.

.

.

.

_____________________________________

เราคือตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ

เทอร์โบแท้

IHI TURBO 🇯🇵

GARRETT 🇺🇸

MITSUBISHI TURBOCHARGER 🇯🇵

ซื้อกับเราได้สินค้าแท้100%

คุ้มค่ากว่า ใช้งานได้ในระยะยาว

สบายใจกว่า เทอร์โบแท้รับประกันสินค้ายาวนาน

บริการหลังการขายที่ยอดเยี่ยม

โดยทีมงานมืออาชีพ ผู้มีประสบการณ์มากกว่า 24 ปี”

สั่งอะไหล่กับเรา "ออกใบกำกับภาษี" ได้

พร้อมบริการการดูแลหลังการขายตลอดอายุการใช้งาน

⚙️เข้าชมสินค้าทั้งหมดในเว็บไซต์

คลิก: www.sqdparts.com

⚙️สั่งซื้อทางเพจ

คลิก: m.me/sqdparts

⚙️สั่งซื้อผ่านไลน์

คลิก: https://liff.line.me/1645278921-kWRPP32q/?accountId=sqdparts

คลิกYoutube : https://bit.ly/3IAJstu

คลิกTiktok : https://bit.ly/3bXmLmN

คลิกInstagram : https://bit.ly/3AFxMDx

เขียนโดย sqdparts เมื่อ Tue 11 Feb, 2025
อ่านต่อ
แสดง รายการ
ร้านค้าออนไลน์ และ ขายของออนไลน์ โดย © 2006-2025 Vevo Systems Co., Ltd.