×
บล็อก
แสดง รายการ

ซื้อของแท้ 👍

บ๊ายบายของก๊อปสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์‼️

งานประชุมตัวแทนจำหน่ายเทอร์โบแท้ Garrett

ทวีปเอเชีย ครั้งนี้จัดที่ประเทศไทย🇹🇭

SQD ตัวแทนจำหน่าย อย่างเป็นทางการ

เทอร์โบแท้ Garrett 🇺🇲

เทอร์โบของแท้ต้องซื้อกับตัวแทนจำหน่ายเท่านั้น‼️

สู่มือคนไทย ในราคาคนไทย 🇹🇭

Garrett Advancing Motion 🇺🇲

เทคโนโลยี จากแบรนด์เทอร์โบ

อันดับ 1 ของโลก 🌍

เทอร์โบมาตรฐานสากลที่ทั่วโลกให้การยอมรับ👍

พบกันที่ SQD

 

เราคือตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ

เทอร์โบแท้

✅IHI TURBO 🇯🇵

✅GARRETT 🇺🇸

✅MITSUBISHI TURBOCHARGER 🇯🇵

✅ซื้อกับเราได้สินค้าแท้100%

✅คุ้มค่ากว่า ใช้งานได้ในระยะยาว

✅สบายใจกว่า เทอร์โบแท้รับประกันสินค้ายาวนาน

✅บริการหลังการขายที่ยอดเยี่ยม

“โดยทีมงานมืออาชีพ ผู้มีประสบการณ์มากกว่า 24 ปี”

สั่งอะไหล่กับเรา "ออกใบกำกับภาษี" ได้

พร้อมบริการการดูแลหลังการขายตลอดอายุการใช้งาน

⚙️เข้าชมสินค้าทั้งหมดในเว็บไซต์

คลิก: www.sqdparts.com

⚙️สั่งซื้อทางเพจ

คลิก: m.me/sqdparts

⚙️สั่งซื้อผ่านไลน์

คลิก: https://liff.line.me/1645278921-kWRPP32q/?accountId=sqdparts

คลิกYoutube : https://bit.ly/3IAJstu

คลิกTiktok : https://bit.ly/3bXmLmN

คลิกInstagram : https://bit.ly/3AFxMDx

เขียนโดย sqdparts เมื่อ Fri 16 May, 2025
อ่านต่อ

    เคยสงสัยหรือไม่ว่าการตั้งวาล์วแท้จริงแล้วคืออะไร ทำไมต้องตั้งวาลว์ และรถแบบไหนจำเป็นต้องตั้งวาล์วบ้าง และต้องตั้งทุกกี่กิโลเมตรจึงจะเหมาะสม บทความนั้ เราจะพาไปหาคำตอบกันครับ

 

การตั้งวาล์วคืออะไร?

การ "ตั้งวาล์ว" คือกระบวนการปรับระยะห่างระหว่างวาล์วไอดีและวาล์วไอเสียกับส่วนประกอบที่เกี่ยวข้อง เช่น กระเดื่องวาล์ว หรือโดยตรงกับเพลาลูกเบี้ยว ให้มีค่าตามที่ผู้ผลิตรถยนต์กำหนด การปรับตั้งนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการทำงานที่ราบรื่นและมีประสิทธิภาพของเครื่องยนต์สันดาปภายใน ไม่ว่าจะเป็นเครื่องยนต์เบนซิน ดีเซล หรือที่ใช้เชื้อเพลิงทางเลือกอย่าง LPG/CNG

     เมื่อเครื่องยนต์ทำงาน ชิ้นส่วนต่างๆ ภายในจะเกิดการขยายตัวเนื่องจากความร้อน และมีการสึกหรอตามอายุการใช้งาน ส่งผลให้ระยะห่างของวาล์วเปลี่ยนแปลงไป หากระยะห่างมากเกินไป (วาล์วห่าง) จะทำให้วาล์วเปิดได้ไม่เต็มที่ ไอดีไหลเข้าและไอเสียไหลออกไม่สะดวก กำลังเครื่องยนต์ตก เร่งไม่ขึ้น และอาจมีเสียงดังผิดปกติ หากระยะห่างน้อยเกินไป (วาล์วยัน) วาล์วอาจปิดไม่สนิท ทำให้กำลังอัดรั่ว เกิดความร้อนสะสมที่วาล์วและบ่าวาล์ว ส่งผลให้วาล์วไหม้หรือเสียหายได้

ความถี่ในการตั้งวาล์ว

ระยะทางหรือระยะเวลาในการตั้งวาล์วจะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับประเภทของเครื่องยนต์ รุ่นรถยนต์ และประเภทของเชื้อเพลิงที่ใช้ โดยทั่วไปมีแนวทางดังนี้ -

เครื่องยนต์เบนซิน - รถยนต์ส่วนใหญ่ที่ใช้น้ำมันเบนซิน จะมีระยะการตั้งวาล์วอยู่ที่ประมาณ 80,000 - 100,000 กิโลเมตร หรือตามที่ระบุในคู่มือรถยนต์

เครื่องยนต์ดีเซล - เครื่องยนต์ดีเซลมักมีความทนทานสูงกว่า แต่ก็ควรตรวจสอบและตั้งวาล์วตามระยะที่ผู้ผลิตกำหนด ซึ่งอาจใกล้เคียงกับเครื่องยนต์เบนซิน หรือนานกว่านั้นในบางรุ่น

เครื่องยนต์ LPG/CNG - รถยนต์ที่ใช้เชื้อเพลิง LPG หรือ CNG มีแนวโน้มที่บ่าวาล์วจะสึกหรอเร็วกว่า เนื่องจากความร้อนในการเผาไหม้ที่สูงกว่า ดังนั้นจึงควรตรวจสอบและตั้งวาล์วบ่อยกว่ารถยนต์ที่ใช้น้ำมัน โดยทั่วไปแนะนำที่ 40,000 - 80,000 กิโลเมตร หรือตามคำแนะนำของผู้ติดตั้งแก๊สและคู่มือรถยนต์

     การตั้งวาล์วเป็นงานที่ต้องใช้ความชำนาญและเครื่องมือเฉพาะ ควรให้ช่างผู้เชี่ยวชาญทำการปรับตั้งเพื่อให้ได้ค่าที่ถูกต้องและไม่ส่งผลเสียต่อเครื่องยนต์ในระยะยาว การดูแลรักษาและตั้งวาล์วตามระยะเวลาที่เหมาะสม จะช่วยให้เครื่องยนต์ทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ประหยัดเชื้อเพลิง และมีอายุการใช้งานที่ยาวนานยิ่งขึ้นครับ

 

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com

.

.

.

.

_____________________________________

เราคือตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ

เทอร์โบแท้

IHI TURBO 🇯🇵

GARRETT 🇺🇸

MITSUBISHI TURBOCHARGER 🇯🇵

ซื้อกับเราได้สินค้าแท้100%

คุ้มค่ากว่า ใช้งานได้ในระยะยาว

สบายใจกว่า เทอร์โบแท้รับประกันสินค้ายาวนาน

บริการหลังการขายที่ยอดเยี่ยม

โดยทีมงานมืออาชีพ ผู้มีประสบการณ์มากกว่า 24 ปี”

สั่งอะไหล่กับเรา "ออกใบกำกับภาษี" ได้

พร้อมบริการการดูแลหลังการขายตลอดอายุการใช้งาน

⚙️เข้าชมสินค้าทั้งหมดในเว็บไซต์

คลิก: www.sqdparts.com

⚙️สั่งซื้อทางเพจ

คลิก: m.me/sqdparts

⚙️สั่งซื้อผ่านไลน์

คลิก: https://liff.line.me/1645278921-kWRPP32q/?accountId=sqdparts

คลิกYoutube : https://bit.ly/3IAJstu

คลิกTiktok : https://bit.ly/3bXmLmN

คลิกInstagram : https://bit.ly/3AFxMDx

เขียนโดย sqdparts เมื่อ Sun 11 May, 2025
อ่านต่อ

     เข้าสู่ช่วงฤดูร้อนที่มีสภาพอากาศร้อนจัด ระบบปรับอากาศถือเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้การใช้รถเป็นไปอย่างราบรื่นและสะดวกสบาย หากว่าแอร์เกิดไม่เย็นขึ้นมาแล้วล่ะก็ รับรองว่าการเดินทางเปรียบเสมือนฝันร้ายอย่างแน่นอน บทความนี้ เราจะพาไปรู้จัก 5 สาเหตุแอร์ไม่เย็นที่พบได้บ่อย จะได้แก้ไขปัญหาเบื้องต้นได้ทัน มีอะไรบ้าง?

 

5 สาเหตุแอร์ไม่เย็นในช่วงหน้าร้อน

1. น้ำยาแอร์ไม่พอ

น้ำยาแอร์เป็นหัวใจสำคัญของระบบปรับอากาศ หากมีปริมาณไม่เพียงพอ หรือเกิดการรั่วซึมในระบบ จะส่งผลให้ความสามารถในการทำความเย็นลดลงอย่างมาก สังเกตได้จากลมที่ออกมาจากช่องแอร์จะมีความเย็นน้อยลง หรือในบางครั้งอาจมีแต่ลมร้อนออกมา

     สาเหตุของการรั่วซึมอาจเกิดจากอายุการใช้งานของท่อทางน้ำยาแอร์ที่เสื่อมสภาพ ข้อต่อหลวม หรือความเสียหายจากอุบัติเหตุ การแก้ไขคือการเติมน้ำยาแอร์ แต่หากมีการรั่วซึม ควรรีบหารอยรั่วและทำการซ่อมแซมก่อนเติม เพื่อป้องกันปัญหาเดิมกลับมา

2. คอมเพรสเซอร์ไม่ทำงาน

คอมเพรสเซอร์แอร์ทำหน้าที่อัดน้ำยาแอร์และหมุนเวียนในระบบ หากคอมเพรสเซอร์ไม่ทำงาน หรือทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ ก็จะไม่สามารถสร้างแรงดันและความเย็นที่เพียงพอได้ สาเหตุของคอมเพรสเซอร์มีปัญหาอาจมาจากอายุการใช้งาน ความเสียหายจากภายใน หรือปัญหาจากระบบไฟฟ้าที่จ่ายไปยังคอมเพรสเซอร์ สังเกตได้จากลมที่ออกมาไม่เย็นเลย หรืออาจมีเสียงดังผิดปกติจากคอมเพรสเซอร์

     วิธีแก้ปัญหาจำเป็นต้องนำรถเข้าอู่หรือร้านทำแอร์รถยนต์โดยเฉพาะ เพื่อทำการเปลี่ยนคอมเพรสเซอร์และอัดน้ำยากลับเข้าไป จะทำให้แอร์รถยนต์กลับมาเย็นดังเดิม ซึ่งปัจจุบันคอมเพรสเซอร์มีทั้งแบบแท้ศูนย์ และแบบเทียบที่มีราคาถูกกว่า ซึ่งประสิทธิภาพและอายุการใช้งานมักแตกต่างกัน

3. แผงคอยล์ร้อนสกปรกหรืออุดตัน

แผงคอยล์ร้อน (Condenser) ทำหน้าที่ระบายความร้อนของน้ำยาแอร์ที่ถูกอัดมา หากแผงคอยล์ร้อนสกปรก มีฝุ่นละออง เศษใบไม้ หรือสิ่งสกปรกต่างๆ อุดตัน จะทำให้การระบายความร้อนไม่ดี ส่งผลให้ระบบปรับอากาศทำงานหนักขึ้นและไม่สามารถทำความเย็นได้อย่างเต็มที่

     การแก้ไขเบื้องต้นคือการทำความสะอาดแผงคอยล์ร้อน โดยใช้น้ำฉีดล้างเบาๆ หรือใช้แปรงขนนุ่มปัดทำความสะอาด ควรระมัดระวังไม่ให้แผงคอยล์ร้อนล้มหรือเสียหาย

4. พัดลมระบายความร้อนหมุนช้าหรือไม่หมุนเลย

พัดลมที่ติดตั้งอยู่บริเวณแผงคอยล์ร้อน มีหน้าที่ช่วยระบายความร้อน หากพัดลมไม่ทำงาน หรือทำงานช้ากว่าปกติ จะส่งผลกระทบต่อการระบายความร้อนของแผงคอยล์ร้อนโดยตรง ทำให้ประสิทธิภาพการทำความเย็นลดลง สาเหตุอาจมาจากมอเตอร์พัดลมเสีย ฟิวส์ขาด หรือปัญหาจากระบบควบคุม การตรวจสอบการทำงานของพัดลมระบายความร้อนเป็นสิ่งสำคัญ หากพบว่าไม่ทำงาน ควรรีบนำรถเข้าตรวจสอบและแก้ไขทันที

5. ไส้กรองอากาศแอร์ตัน

ไส้กรองอากาศแอร์ (Cabin Air Filter) ทำหน้าที่กรองฝุ่นละอองและสิ่งสกปรกต่างๆ ที่จะเข้ามาในห้องโดยสาร หากไส้กรองอากาศแอร์ตัน จะทำให้ลมเย็นไม่สามารถไหลเวียนเข้าสู่ห้องโดยสารได้อย่างสะดวก ส่งผลให้ลมที่ออกมาจากช่องแอร์เบาและไม่เย็นเท่าที่ควร การแก้ไขปัญหานี้ทำได้ง่ายๆ โดยการเปลี่ยนไส้กรองอากาศแอร์ใหม่ตามระยะทางหรือระยะเวลาที่กำหนด ซึ่งโดยทั่วไปควรเปลี่ยนทุกๆ 10,000 - 20,000 กิโลเมตร หรืออย่างน้อยปีละครั้ง

 

     ทางที่ดีหากพบว่าระบบปรับอากาศมีปัญหา ควรนำรถเข้ารับการตรวจเช็กจากอู่ที่ไว้ใจได้ พร้อมทั้งสอบถามรายละเอียดและค่าซ่อมอย่างรอบคอบ จะได้ไม่เสียค่าใช้จ่ายบานปลายครับ

 

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com

.

.

.

.

_____________________________________

เราคือตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ

เทอร์โบแท้

IHI TURBO 🇯🇵

GARRETT 🇺🇸

MITSUBISHI TURBOCHARGER 🇯🇵

ซื้อกับเราได้สินค้าแท้100%

คุ้มค่ากว่า ใช้งานได้ในระยะยาว

สบายใจกว่า เทอร์โบแท้รับประกันสินค้ายาวนาน

บริการหลังการขายที่ยอดเยี่ยม

โดยทีมงานมืออาชีพ ผู้มีประสบการณ์มากกว่า 24 ปี”

สั่งอะไหล่กับเรา "ออกใบกำกับภาษี" ได้

พร้อมบริการการดูแลหลังการขายตลอดอายุการใช้งาน

⚙️เข้าชมสินค้าทั้งหมดในเว็บไซต์

คลิก: www.sqdparts.com

⚙️สั่งซื้อทางเพจ

คลิก: m.me/sqdparts

⚙️สั่งซื้อผ่านไลน์

คลิก: https://liff.line.me/1645278921-kWRPP32q/?accountId=sqdparts

คลิกYoutube : https://bit.ly/3IAJstu

คลิกTiktok : https://bit.ly/3bXmLmN

คลิกInstagram : https://bit.ly/3AFxMDx

เขียนโดย sqdparts เมื่อ Sun 11 May, 2025
อ่านต่อ

     การขับรถทางไกลข้ามจังหวัด เครื่องยนต์และส่วนประกอบต่างๆ อาจต้องทำงานหนักมากกว่าปกติ การตรวจเช็กสภาพหลังจากการเดินทางจะช่วยให้รถของคุณอยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน และป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต บทความนี้ เราจึงขอแนะนำ 4 สิ่งที่ต้องตรวจเช็กหลังกลับจากเดินทางไกล ดังนี้

 

1. ระดับของเหลวต่างๆ - หลังจากเครื่องยนต์ทำงานหนักเป็นเวลานาน ควรตรวจสอบระดับของเหลวที่สำคัญต่างๆ เช่น น้ำมันเครื่อง น้ำหล่อเย็น น้ำมันเบรก และน้ำมันพวงมาลัยเพาเวอร์ ระดับของเหลวที่ลดลงอาจบ่งบอกถึงการรั่วซึม หรือการระเหยที่มากกว่าปกติ และจะต้องไม่มีสีที่ผิดแปลกไป ซึ่งหากปล่อยทิ้งไว้อาจส่งผลเสียต่อการทำงานของเครื่องยนต์และระบบต่างๆ ได้

2. สภาพยางรถยนต์ - สังเกตสภาพดอกยางว่ามีการสึกไม่สม่ำเสมอ หรือมีรอยแตกร้าว บวม หรือผิดปกติอื่นๆ หรือไม่ หากพบความผิดปกติ ควรรีบแก้ไขเพื่อความปลอดภัยในการขับขี่ครั้งต่อไป

3. ระบบไฟส่องสว่าง - การเดินทางไกลอาจมีการขับขี่ในเวลากลางคืน หรือสภาพอากาศที่ไม่เอื้ออำนวย ควรตรวจสอบการทำงานของไฟหน้า ไฟท้าย ไฟเลี้ยว และไฟเบรก ว่ายังคงส่องสว่างและทำงานได้อย่างปกติหรือไม่ หากพบว่ามีหลอดไฟใดดับหรือติดๆ ดับๆ ควรรีบเปลี่ยนใหม่เพื่อความปลอดภัยในการขับขี่ในครั้งต่อไป

4. ความสะอาดของรถยนต์ - แม้จะไม่ใช่การตรวจเช็กทางเทคนิคโดยตรง แต่การทำความสะอาดรถยนต์ทั้งภายนอกและภายในหลังจากการเดินทางไกลก็เป็นสิ่งสำคัญ คราบสกปรก ฝุ่นละออง หรือแมลงที่ติดอยู่บนตัวรถอาจส่งผลเสียต่อสีรถในระยะยาวได้ โดยเฉพาะช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่มีโอกาสเปื้อนดินสอพองสูง

 

     การสละเวลาเพียงเล็กน้อยเพื่อตรวจเช็กรถยนต์ของคุณหลังจากการเดินทางไกล จะช่วยให้คุณมั่นใจได้ว่ารถของคุณยังคงอยู่ในสภาพที่พร้อมใช้งาน ปลอดภัย และช่วยยืดอายุการใช้งานของรถยนต์ไปได้อีกนานครับ

 

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com

.

.

.

.

_____________________________________

เราคือตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ

เทอร์โบแท้

IHI TURBO 🇯🇵

GARRETT 🇺🇸

MITSUBISHI TURBOCHARGER 🇯🇵

ซื้อกับเราได้สินค้าแท้100%

คุ้มค่ากว่า ใช้งานได้ในระยะยาว

สบายใจกว่า เทอร์โบแท้รับประกันสินค้ายาวนาน

บริการหลังการขายที่ยอดเยี่ยม

โดยทีมงานมืออาชีพ ผู้มีประสบการณ์มากกว่า 24 ปี”

สั่งอะไหล่กับเรา "ออกใบกำกับภาษี" ได้

พร้อมบริการการดูแลหลังการขายตลอดอายุการใช้งาน

⚙️เข้าชมสินค้าทั้งหมดในเว็บไซต์

คลิก: www.sqdparts.com

⚙️สั่งซื้อทางเพจ

คลิก: m.me/sqdparts

⚙️สั่งซื้อผ่านไลน์

คลิก: https://liff.line.me/1645278921-kWRPP32q/?accountId=sqdparts

คลิกYoutube : https://bit.ly/3IAJstu

คลิกTiktok : https://bit.ly/3bXmLmN

คลิกInstagram : https://bit.ly/3AFxMDx

เขียนโดย sqdparts เมื่อ Sun 11 May, 2025
อ่านต่อ

     เกียร์ S หรือโหมด Sport จะช่วยให้การขับรถเป็นไปอย่างคล่องตัวมากยิ่งขึ้น แต่หลายคนมองว่าการขับด้วยเกียร์ S จะทำให้รถกินน้ำมันเพิ่มมากขึ้นด้วยเช่นกัน แต่ความจริงแล้วเป็นเช่นนั้นจริงหรือไม่? บทความนี้ เรามีคำตอบมาฝากกัน

 

เกียร์ S ทำเครื่องยนต์กินน้ำมันเพิ่มขึ้นจริงหรือ?

การใช้เกียร์ S (Sport) โดยทั่วไปแล้วจะทำให้เปลืองน้ำมันมากกว่าการใช้เกียร์ D (Drive) ในการขับขี่ปกติ เนื่องจากเหตุผลดังนี้

  • รอบเครื่องยนต์สูงขึ้น - ในโหมด S เกียร์จะถูกเปลี่ยนที่รอบเครื่องยนต์ที่สูงกว่าปกติ เพื่อให้เครื่องยนต์อยู่ในช่วงกำลัง (Power Band) ที่ดีที่สุด ทำให้รถมีอัตราเร่งที่ดีขึ้น แต่การที่เครื่องยนต์หมุนรอบสูงขึ้นย่อมหมายถึงการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงมากขึ้นต่อหน่วยเวลา
  • การเปลี่ยนเกียร์ช้าลง - โหมด S จะหน่วงจังหวะการเปลี่ยนเกียร์ขึ้น (Upshift) ทำให้เครื่องยนต์ลากรอบได้นานขึ้นก่อนที่จะเปลี่ยนเกียร์ ซึ่งเป็นการใช้พลังงานและน้ำมันมากขึ้น
  • ตอบสนองคันเร่งไวขึ้น - โหมด S มักจะปรับการตอบสนองของคันเร่งให้ไวขึ้น ทำให้เพียงแค่แตะคันเร่งเบาๆ เครื่องยนต์ก็ตอบสนองอย่างรวดเร็ว ซึ่งอาจนำไปสู่พฤติกรรมการขับขี่ที่ใช้คันเร่งหนักขึ้นโดยไม่รู้ตัว
  • รถมี Engine Brake มากขึ้น - ในบางรุ่น โหมด S อาจมีการใช้ Engine Brake ที่เข้มข้นขึ้นเมื่อถอนคันเร่ง ซึ่งแม้ว่าจะช่วยชะลอรถ แต่ก็อาจไม่ได้ใช้ประโยชน์จากแรงเฉื่อยของรถเท่ากับการปล่อยให้รถไหลในเกียร์ D

เมื่อไหร่ควรใช้เกียร์ S

     เกียร์ S มีประโยชน์ในสถานการณ์ที่ต้องการสมรรถนะของเครื่องยนต์เป็นพิเศษ เช่น การเร่งแซง, การขึ้นทางชัน หรือการขับขี่ที่ต้องการความสนุกสนาน และเมื่อผ่านพ้้นสถานการณ์ดังกล่าวก็ควรกลับมาใช้เกียร์ D เพื่อการประหยัดน้ำมัน

 

     สำหรับการขับขี่ในชีวิตประจำวัน หรือเมื่อต้องการประหยัดน้ำมัน การใช้เกียร์ D เป็นทางเลือกที่ดีกว่า อย่างไรก็ตาม การใช้เกียร์ S เป็นครั้งคราวเมื่อต้องการสมรรถนะเพิ่มเติมก็ไม่ได้เป็นอันตรายต่อรถ แต่ผู้ขับขี่ควรตระหนักว่าการใช้งานในโหมดนี้จะส่งผลให้สิ้นเปลืองน้ำมันมากกว่าอย่างแน่นอน การควบคุมคันเร่งและสไตล์การขับขี่ก็มีผลต่ออัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันเช่นกัน ไม่ว่าจะใช้เกียร์ใดก็ตามครับ

 

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com

.

.

.

.

_____________________________________

เราคือตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ

เทอร์โบแท้

IHI TURBO 🇯🇵

GARRETT 🇺🇸

MITSUBISHI TURBOCHARGER 🇯🇵

ซื้อกับเราได้สินค้าแท้100%

คุ้มค่ากว่า ใช้งานได้ในระยะยาว

สบายใจกว่า เทอร์โบแท้รับประกันสินค้ายาวนาน

บริการหลังการขายที่ยอดเยี่ยม

โดยทีมงานมืออาชีพ ผู้มีประสบการณ์มากกว่า 24 ปี”

สั่งอะไหล่กับเรา "ออกใบกำกับภาษี" ได้

พร้อมบริการการดูแลหลังการขายตลอดอายุการใช้งาน

⚙️เข้าชมสินค้าทั้งหมดในเว็บไซต์

คลิก: www.sqdparts.com

⚙️สั่งซื้อทางเพจ

คลิก: m.me/sqdparts

⚙️สั่งซื้อผ่านไลน์

คลิก: https://liff.line.me/1645278921-kWRPP32q/?accountId=sqdparts

คลิกYoutube : https://bit.ly/3IAJstu

คลิกTiktok : https://bit.ly/3bXmLmN

คลิกInstagram : https://bit.ly/3AFxMDx

เขียนโดย sqdparts เมื่อ Tue 29 Apr, 2025
อ่านต่อ

   การขับรถผ่านลูกระนาดโดยไม่ชะลอความเร็วเป็นพฤติกรรมที่ส่งผลเสียต่อช่วงล่างรถยนต์อย่างมาก ทำให้ช่วงล่างพังไวขึ้นอย่างแน่นอน เนื่องจากช่วงล่างต้องรับแรงกระแทกอย่างรุนแรง ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อชิ้นส่วนต่างๆ และทำให้เกิดความเสียหายได้

 

ไม่ชะลอความเร็วผ่านลูกระนาด ทำไมช่วงล่างถึงพังไว?

เมื่อรถวิ่งด้วยความเร็วและผ่านลูกระนาด ช่วงล่างจะได้รับแรงกระแทกอย่างรุนแรง ซึ่งแรงกระแทกนี้จะส่งผลต่อชิ้นส่วนต่างๆ ของช่วงล่างโดยตรง แรงกระแทกจะทำให้ชิ้นส่วนต่างๆ ของช่วงล่าง เช่น โช้คอัพ ลูกหมาก ปีกนก บูชยาง และเพลาขับ ได้รับความเสียหายหรือเสื่อมสภาพเร็วกว่าปกติ

     นอกจากนี้ ยังส่งผลกระทบต่อการควบคุมรถ ทำให้รถมีอาการสั่นสะเทือน ควบคุมทิศทางได้ยาก และอาจเกิดอันตรายได้ นอกจากช่วงล่างแล้ว แรงกระแทกยังส่งผลต่อยางและล้อ ทำให้ยางบวม ล้อคดงอ หรือเกิดความเสียหายอื่นๆ ได้

 

ชิ้นส่วนไหนเสี่ยงพังมากที่สุด

ชิ้นส่วนที่เสี่ยงต่อการพังมากที่สุดเมื่อขับรถผ่านลูกระนาดโดยไม่ชะลอความเร็ว ได้แก่ โช้คอัพ ลูกหมากปีกนก และบูชยาง โช้คอัพเป็นส่วนที่รับแรงกระแทกโดยตรง หากได้รับแรงกระแทกมากเกินไป อาจทำให้โช้คอัพแตกหรือเสียหายได้

     ลูกหมากปีกนกและบูชยางเป็นส่วนที่เชื่อมต่อชิ้นส่วนต่างๆ ของช่วงล่าง หากได้รับแรงกระแทกมากเกินไป อาจทำให้ลูกหมากหลวมหรือบูชยางฉีกขาดได้ นอกจากนี้ จานเบรก คาลิปเปอร์เบรก และลูกปืนล้อ ก็เป็นชิ้นส่วนที่อาจได้รับความเสียหายจากแรงกระแทกได้เช่นกัน

ขับผ่านลูกระนาดควรปฏิบัติอย่างไร

เมื่อขับรถผ่านลูกระนาด ควรชะลอความเร็วและปล่อยให้รถค่อยๆ เคลื่อนที่ผ่าน หลีกเลี่ยงการขับรถตกหลุม หรือขับรถบนถนนที่ขรุขระ หากจำเป็นต้องขับรถผ่านลูกระนาดหรือถนนที่ไม่ดี ควรลดความเร็วให้มากที่สุด และหลีกเลี่ยงการเบรกหรือเร่งความเร็วในขณะที่รถกำลังผ่านลูกระนาด

     การดูแลรักษารถยนต์เป็นประจำ เป็นสิ่งจำเป็นเพื่อให้รถอยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน การนำรถเข้าตรวจเช็กช่วงล่างเป็นประจำ จะช่วยให้ช่างผู้ชำนาญตรวจสอบสภาพและแก้ไขปัญหาที่อาจเกิดขึ้นได้ทันท่วงที

 

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com

.

.

.

.

_____________________________________

เราคือตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ

เทอร์โบแท้

IHI TURBO 🇯🇵

GARRETT 🇺🇸

MITSUBISHI TURBOCHARGER 🇯🇵

ซื้อกับเราได้สินค้าแท้100%

คุ้มค่ากว่า ใช้งานได้ในระยะยาว

สบายใจกว่า เทอร์โบแท้รับประกันสินค้ายาวนาน

บริการหลังการขายที่ยอดเยี่ยม

โดยทีมงานมืออาชีพ ผู้มีประสบการณ์มากกว่า 24 ปี”

สั่งอะไหล่กับเรา "ออกใบกำกับภาษี" ได้

พร้อมบริการการดูแลหลังการขายตลอดอายุการใช้งาน

⚙️เข้าชมสินค้าทั้งหมดในเว็บไซต์

คลิก: www.sqdparts.com

⚙️สั่งซื้อทางเพจ

คลิก: m.me/sqdparts

⚙️สั่งซื้อผ่านไลน์

คลิก: https://liff.line.me/1645278921-kWRPP32q/?accountId=sqdparts

คลิกYoutube : https://bit.ly/3IAJstu

คลิกTiktok : https://bit.ly/3bXmLmN

คลิกInstagram : https://bit.ly/3AFxMDx

เขียนโดย sqdparts เมื่อ Tue 29 Apr, 2025
อ่านต่อ
แสดง รายการ
ร้านค้าออนไลน์ และ ขายของออนไลน์ โดย © 2006-2025 Vevo Systems Co., Ltd.