×
หน้าหลัก > ข่าวและประกาศ
บทความ : ข่าวและประกาศ
แสดง รายการ

     ปัจจุบันรถยนต์เริ่มติดตั้งระบบที่ชาร์จไร้สาย หรือ Wireless Charger มาให้มากขึ้น แม้ว่าจะเป็นอุปกรณ์ที่ช่วยอำนวยความสะดวกได้เมื่อเทียบกับการชาร์จแบบสาย แต่อุปกรณ์ชิ้นนี้ยังอาจส่งผลเสียที่หลายคนไม่เคยคาดคิดมาก่อนได้ จะมีอะไรบ้าง เราจะพาไปดูกัน

 

5 ข้อเสียของ Wireless Charger ที่ติดมากับรถ

ประสิทธิภาพในการชาร์จต่ำ - โดยทั่วไปแล้ว Wireless Charger จะชาร์จได้ช้ากว่าการชาร์จแบบมีสาย ทำให้ต้องใช้เวลานานกว่าในการชาร์จแบตเตอรี่จนเต็ม

 

ความร้อนสูง - การชาร์จแบบไร้สายจะทำให้เกิดความร้อนได้มากกว่าการชาร์จแบบมีสาย ซึ่งอาจส่งผลต่ออายุการใช้งานของแบตเตอรี่ในระยะยาว

 

ตำแหน่งการวางต้องเป๊ะ - การวางสมาร์ทโฟนบนแท่นชาร์จต้องอยู่ในตำแหน่งที่ถูกต้องและแน่นหนา หากวางไม่ดีอาจทำให้การชาร์จขัดข้องหรือไม่ทำงานได้ มารู้ตัวอีกทีก็ถึงจุดหมายแล้ว

 

อาจถูกรบกวนจากวัตถุแปลกปลอม - วัตถุโลหะหรือวัตถุอื่นๆ ที่วางอยู่ใกล้กับแท่นชาร์จอาจรบกวนสัญญาณและทำให้การชาร์จไม่ทำงานได้ ซึ่งถือเป็นข้อแนะนำของรถแทบทุกรุ่นที่มีระบบชาร์จไร้สายว่าจะต้องไม่วางเหรียญหรือโลหะบนที่ชาร์จโดยเด็ดขาด

 

ราคาสูง - เทคโนโลยี Wireless Charger ยังมีราคาค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับการชาร์จแบบมีสาย แม้ว่าผู้ใช้งานจะไม่ได้จ่ายเงินซื้ออุปกรณ์นี้โดยตรง แต่การต้องเพิ่มเงินซื้อรุ่นท็อปเพื่อแลกกับระบบชาร์จไร้สาย ก็ดูไม่คุ้มค่าเงินเท่าไหร่นักเมื่อเทียบกับการชาร์จด้วยสายที่ทั้งเร็วและยังสามารถยกมือถือมาใช้งานขณะอยู่ภายในรถได้

 

     ที่ชาร์จไร้สายเป็นเทคโนโลยีที่สะดวกสบาย แต่ก็มีข้อจำกัดและข้อเสียที่ต้องพิจารณา จึงควรเปรียบเทียบข้อดีข้อเสียและเลือกใช้ให้เหมาะสมกับความต้องการของตนเองครับ

 

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com

.

.

.

.

_____________________________________

เราคือตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ

เทอร์โบแท้

IHI TURBO 🇯🇵

GARRETT 🇺🇸

MITSUBISHI TURBOCHARGER 🇯🇵

ซื้อกับเราได้สินค้าแท้100%

คุ้มค่ากว่า ใช้งานได้ในระยะยาว

สบายใจกว่า เทอร์โบแท้รับประกันสินค้ายาวนาน

บริการหลังการขายที่ยอดเยี่ยม

โดยทีมงานมืออาชีพ ผู้มีประสบการณ์มากกว่า 24 ปี”

สั่งอะไหล่กับเรา "ออกใบกำกับภาษี" ได้

พร้อมบริการการดูแลหลังการขายตลอดอายุการใช้งาน

⚙️เข้าชมสินค้าทั้งหมดในเว็บไซต์

คลิก: www.sqdparts.com

⚙️สั่งซื้อทางเพจ

คลิก: m.me/sqdparts

⚙️สั่งซื้อผ่านไลน์

คลิก: https://liff.line.me/1645278921-kWRPP32q/?accountId=sqdparts

คลิกYoutube : https://bit.ly/3IAJstu

คลิกTiktok : https://bit.ly/3bXmLmN

คลิกInstagram : https://bit.ly/3AFxMDx

เขียนโดย sqdparts เมื่อ Wed 27 Nov, 2024
อ่านต่อ

     การจอดรถหลบแดดเป็นสิ่งที่หลายคนนิยมทำกัน เพราะนอกจากจะช่วยลดความร้อนสะสมของห้องโดยสารได้แล้วนั้น ยังช่วยรักษาสีรถให้เงางามนานขึ้นด้วย แต่ทราบหรือไม่ว่าการจอดรถหลบแดดบริเวณใต้ต้นไม้ อาจส่งผลเสียต่อสีรถได้มากกว่าที่คิด จะมีอะไรบ้าง เราจะพาไปดูกัน

 

4 สาเหตุที่ไม่ควรจอดรถใต้ต้นไม้

1. มูลนก - การจอดรถใต้ต้นไม้เสี่ยงต่อการถูกมูลนกร่วงหล่นใส่ แม้ว่าจะดูเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่มูลนกมักมีฤทธิ์เป็นกรด หากปล่อยทิ้งไว้จนแห้งเป็นระยะเวลานานๆ อาจถึงขึ้นทำให้สีรถด่าง ล้างอย่างไรก็ล้างไม่ออกเลยทีเดียว

2. ยางต้นไม้ - ต้นไม้บางประเภทอาจมียางที่สามารถร่วงหล่นใส่สีรถได้ ซึ่งยางที่ว่านี้นอกจากจะยากต่อการทำความสะอาดแล้ว ยังเสี่ยงทำให้เกิดรอยด่างที่ขจัดไม่ออกได้เช่นกัน

3. ผลจากต้นไม้ - ต้นไม้บางต้นอาจมีการออกดอกผล ซึ่งสามารถหล่นกระแทกมายังรถได้ ซึ่งหากเป็นผลที่มีขนาดใหญ่ก็อาจเสี่ยงต่อรอยบุบ แต่หากเป็นผลที่ไม่สุก หรือมีความอ่อนนิ่ม ก็อาจเลอะเทอะเปื้อนสีรถได้ ยิ่งถ้าหากเป็นเนื้อที่มีฤทธิ์เป็นกรด ก็อาจทำลายสีรถได้เช่นกัน

4. ใบไม้และกิ่งไม้ - แม้ว่าใบไม้และกิ่งไม้เล็กๆ จะไม่ส่งผลให้เกิดริ้วรอย แต่หากเป็นใบไม้ขนาดเล็กจำนวนมากแล้วล่ะก็ ใบไม้เหล่านี้อาจเข้าไปอยู่ตามซอกต่างๆ ของตัวถัง ยากต่อการเก็บทำความสะอาด หากปล่อยทิ้งไว้จนใบเน่าเสีย ก็จะเกิดเป็นคราบที่ยากต่อการทำความสะอาด หรือบางครั้งใบเหล่านี้อาจไปอุดตันท่ออากาศของระบบแอร์ หรือไส้กรองอากาศได้

 

     ดังนั้น หากเป็นไปได้ควรนำรถไปจอดใต้หลังคาที่สามารถกันแดดได้อย่างมิดชิดจะดีกว่า แต่หากมีความจำเป็นต้องจอดรถใต้ต้นไม้จริงๆ แล้วล่ะก็ ควรจอดเพียงชั่วครั้งชั่วคราว ระยะเวลาไม่นานมาก ก็จะช่วยลดความเสี่ยงอันตรายต่อสีรถได้ครับ

 

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com

.

.

.

.

_____________________________________

เราคือตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ

เทอร์โบแท้

IHI TURBO 🇯🇵

GARRETT 🇺🇸

MITSUBISHI TURBOCHARGER 🇯🇵

ซื้อกับเราได้สินค้าแท้100%

คุ้มค่ากว่า ใช้งานได้ในระยะยาว

สบายใจกว่า เทอร์โบแท้รับประกันสินค้ายาวนาน

บริการหลังการขายที่ยอดเยี่ยม

โดยทีมงานมืออาชีพ ผู้มีประสบการณ์มากกว่า 24 ปี”

สั่งอะไหล่กับเรา "ออกใบกำกับภาษี" ได้

พร้อมบริการการดูแลหลังการขายตลอดอายุการใช้งาน

⚙️เข้าชมสินค้าทั้งหมดในเว็บไซต์

คลิก: www.sqdparts.com

⚙️สั่งซื้อทางเพจ

คลิก: m.me/sqdparts

⚙️สั่งซื้อผ่านไลน์

คลิก: https://liff.line.me/1645278921-kWRPP32q/?accountId=sqdparts

คลิกYoutube : https://bit.ly/3IAJstu

คลิกTiktok : https://bit.ly/3bXmLmN

คลิกInstagram : https://bit.ly/3AFxMDx

เขียนโดย sqdparts เมื่อ Wed 27 Nov, 2024
อ่านต่อ

     การขับรถเดินหน้าและถอยหลังถือเป็นเรื่องที่กระทำกันเป็นปกติอยู่แล้ว แต่ทราบหรือไม่ว่าการถอยหลังบนทางด่วนถือเป็นเรื่องผิดกฎหมาย แถมมีโทษปรับระบุเอาไว้อย่างชัดเจน

 

ขับรถถอยหลังบนทางด่วนผิดกฎหมายนะรู้ยัง

พ.ร.บ. จราจรทางบก พ.ศ.2522 มาตรา 139 ให้อำนาจในการออกระเบียบ ตามระเบียบเกี่ยวกับการจราจรในทางพิเศษ พ.ศ.2555 ข้อ 9 โดยระบุว่า ห้ามมิให้กลับรถหรือถอยหลังรถในทางพิเศษ หากฝ่าฝืนระเบียบดังกล่าว จะมีโทษปรับไม่เกิน 1,000 บาท ตาม พ.ร.บ. จราจรทางบก มาตรา 154(2)

 

เนื่องจากทางด่วนเป็นทางที่รถยนต์ทำความเร็วสูง การถอยหลังด้วยเหตุผลใดก็แล้วแต่ เช่น ขับเลยทางออก หรือเข้าช่องทางผิด อาจส่งผลให้เกิดอุบัติเหตุอย่างรุนแรงจนอาจเกิดอันตรายถึงชีวิตได้

 

ดังนั้น การขับรถทุกครั้งควรศึกษาเส้นทางก่อนเสมอ หากเผลอขับเลยทางออกหรือขับรถผิดเส้นทาง จำเป็นจะต้องขับเดินหน้าต่อเพื่อลงทางออกข้างหน้าแทนครับ

 

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com

.

.

.

.

_____________________________________

เราคือตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ

เทอร์โบแท้

IHI TURBO 🇯🇵

GARRETT 🇺🇸

MITSUBISHI TURBOCHARGER 🇯🇵

ซื้อกับเราได้สินค้าแท้100%

คุ้มค่ากว่า ใช้งานได้ในระยะยาว

สบายใจกว่า เทอร์โบแท้รับประกันสินค้ายาวนาน

บริการหลังการขายที่ยอดเยี่ยม

โดยทีมงานมืออาชีพ ผู้มีประสบการณ์มากกว่า 24 ปี”

สั่งอะไหล่กับเรา "ออกใบกำกับภาษี" ได้

พร้อมบริการการดูแลหลังการขายตลอดอายุการใช้งาน

⚙️เข้าชมสินค้าทั้งหมดในเว็บไซต์

คลิก: www.sqdparts.com

⚙️สั่งซื้อทางเพจ

คลิก: m.me/sqdparts

⚙️สั่งซื้อผ่านไลน์

คลิก: https://liff.line.me/1645278921-kWRPP32q/?accountId=sqdparts

คลิกYoutube : https://bit.ly/3IAJstu

คลิกTiktok : https://bit.ly/3bXmLmN

คลิกInstagram : https://bit.ly/3AFxMDx

เขียนโดย sqdparts เมื่อ Wed 27 Nov, 2024
อ่านต่อ

     การขับรถเกียร์ออโต้ นั้นสะดวกสบายกว่าเกียร์ธรรมดา แต่ก็ต้องการการดูแลเอาใจใส่อย่างถูกวิธี เพื่อยืดอายุการใช้งานของเกียร์ให้ยาวนานยิ่งขึ้น หากทำผิดวิธีบ่อยๆ เกียร์อาจพังก่อนกำหนดได้ เราจะพาไปดูกันว่ามีพฤติกรรมอะไรบ้างที่ไม่ควรทำเด็ดขาด

 

5 สิ่งที่ไม่ควรทำกับเกียร์ออโต้ เสี่ยงเกียร์พังไวขึ้น

1. เร่งออกตัวกระชาก - การเร่งเครื่องแรงเกินไปทันทีที่ใส่เกียร์ D จะทำให้ชุดเกียร์และเพลาขับต้องรับแรงกระแทกอย่างรุนแรง ส่งผลให้เกิดความเสียหายต่อเฟืองและชิ้นส่วนภายในได้ง่าย อาจทำให้เฟืองสึกหรอเร็วขึ้น เกิดรอยร้าว หรือชิ้นส่วนอื่นๆ หักได้ ส่งผลให้เกียร์มีอายุการใช้งานสั้นลงอย่างมาก

2. คิกดาวน์บ่อย - การกดคันเร่งจนสุดเพื่อเรียกกำลังสูงสุดบ่อยครั้ง จะทำให้ชุดเกียร์ทำงานหนักเกินไป เกิดความร้อนสูง และน้ำมันเกียร์เสื่อมสภาพเร็วขึ้น เป็นหนึ่งในตัวการสำคัญที่ทำให้เกียร์เสื่อมสภาพไว

3. เข้าเกียร์ N ปล่อยไหล - การเปลี่ยนเกียร์จาก D ไป N ขณะรถกำลังเคลื่อนที่เป็นสิ่งที่ไม่ควรทำเด็ดขาด เนื่องจากแรงดันน้ำมันจะไม่ส่งมาที่กลไกของเกียร์ ทำให้เกิดความร้อนสูง เกียร์สึกหรอไว การปล่อยไหลขณะเข้าเกียร์ว่างจะทำได้เฉพาะเกียร์ธรรมดา และแนะนำว่าทำเฉพาะเวลาที่รถใกล้หยุดแล้วเท่านั้นเพื่อความปลอดภัย

4. ลากจูงรถ - การลากจูงรถเกียร์ออโต้โดยให้ปล่อยให้ล้อหมุนตามไปด้วยนั้น ถือเป็นสิ่งที่ไม่แนะนำอย่างเด็ดขาด เนื่องจากชุดเกียร์จะไม่มีการสร้างแรงดันน้ำมันเพื่อหล่อเลี้ยงระบบเกียร์ ทำให้เกิดความร้อนสูง และชิ้นส่วนเกิดการสึกหรออย่างรุนแรง หากรถเสียมีความจำเป็นต้องลาก ให้ใช้วิธียกล้อขับเคลื่อนขึ้น (เช่น รถขับเคลื่อนล้อหน้า ก็ให้ยกล้อหน้าลอย) หรือขึ้นรถสไลด์เลยจะดีกว่า

5. ละเลยเปลี่ยนน้ำมันเกียร์ - น้ำมันเกียร์ถือเป็นเลือดหล่อเลี้ยงระบบเกียร์ให้ทำงานได้อย่างสมบูรณ์ ควรเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเกียร์ตามที่คู่มือกำหนดไว้ หรือทุก 40,000 กิโลเมตร เพื่อคงประสิทธิภาพการหล่อลื่นของระบบเกียร์ และช่วยกำจัดเศษตะกอนของเกียร์ที่อาจก่อให้เกิดปัญหาในระยะยาว

 

การดูแลรักษารถเกียร์ออโต้ให้ถูกวิธี จะช่วยยืดอายุการใช้งานของเกียร์ และทำให้รถของคุณมีสมรรถนะที่ดีอยู่เสมอ การหลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม 5 ข้อที่กล่าวมาข้างต้น จะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดปัญหาที่อาจนำไปสู่การเสียหายของเกียร์ได้อย่างมีประสิทธิภาพครับ

 

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com

.

.

.

.

_____________________________________

เราคือตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ

เทอร์โบแท้

IHI TURBO 🇯🇵

GARRETT 🇺🇸

MITSUBISHI TURBOCHARGER 🇯🇵

ซื้อกับเราได้สินค้าแท้100%

คุ้มค่ากว่า ใช้งานได้ในระยะยาว

สบายใจกว่า เทอร์โบแท้รับประกันสินค้ายาวนาน

บริการหลังการขายที่ยอดเยี่ยม

โดยทีมงานมืออาชีพ ผู้มีประสบการณ์มากกว่า 24 ปี”

สั่งอะไหล่กับเรา "ออกใบกำกับภาษี" ได้

พร้อมบริการการดูแลหลังการขายตลอดอายุการใช้งาน

⚙️เข้าชมสินค้าทั้งหมดในเว็บไซต์

คลิก: www.sqdparts.com

⚙️สั่งซื้อทางเพจ

คลิก: m.me/sqdparts

⚙️สั่งซื้อผ่านไลน์

คลิก: https://liff.line.me/1645278921-kWRPP32q/?accountId=sqdparts

คลิกYoutube : https://bit.ly/3IAJstu

คลิกTiktok : https://bit.ly/3bXmLmN

คลิกInstagram : https://bit.ly/3AFxMDx

เขียนโดย sqdparts เมื่อ Wed 27 Nov, 2024
อ่านต่อ

     อาการเมารถ หรือ Motion Sickness เป็นอาการที่พบได้บ่อยโดยเฉพาะผู้โดยสาร บางคนอาจเมารถง่ายมาก แม้แต่การนั่งรถโดยสารประจำทางเพียงสั้นๆ ก็ยังรู้สึกไม่สบาย แต่บางคนกลับนั่งรถนานหลายชั่วโมงก็ไม่เป็นอะไรเลย ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น บทความนี้ เรามีคำตอบมาฝากกัน

 

อาการเมารถเกิดจากอะไร?

อาการเมารถ เกิดจากความขัดแย้งของประสาทสัมผัสต่างๆ ของร่างกาย โดยมีสาเหตุหลักมาจากความขัดแย้งระหว่างสิ่งที่ตาเห็นกับสิ่งที่หูชั้นในรับรู้ เมื่อเรานั่งรถ ตาของเราจะเห็นว่าสิ่งของต่างๆ ภายในรถอยู่นิ่ง แต่หูชั้นในกลับรับรู้ว่าร่างกายกำลังเคลื่อนที่ ทำให้สมองสับสนและส่งสัญญาณไปยังร่างกายว่าเกิดความผิดปกติขึ้น จึงทำให้เกิดอาการคลื่นไส้ อาเจียน และวิงเวียนศีรษะนั่นเอง

 

ทำไมบางคนถึงมีอาการเมารถมากกว่าคนอื่น?

สาเหตุที่บางคนมีอาการเมารถได้มากกว่าคนอื่นเกิดจากหลายปัจจัย ได้แก่

  • พันธุกรรม - การมีประวัติครอบครัวมีอาการเมารถบ่อย จะทำให้มีความเสี่ยงเกิดภาวะเมารถได้ง่ายขึ้นเช่นกัน
  • อายุ - เด็กเล็กและผู้สูงอายุจะมีโอกาสเป็นโรคเมารถได้มากกว่าผู้ใหญ่
  • เพศ - ผู้หญิงมีโอกาสเป็นโรคเมารถมากกว่าผู้ชาย โดยเฉพาะในช่วงที่มีประจำเดือน หรือช่วงตั้งครรภ์
  • ปัญหาสุขภาพ - ผู้ที่มีปัญหาสุขภาพหรือมีโรคประจำตัว เช่น ไมเกรน โรคน้ำในหูไม่เท่ากัน หรือโรคเกี่ยวกับหูชั้นใน จะมีโอกาสเกิดภาวะเมารถได้ง่ายกว่าคนปกติ
  • ปัจจัยอื่นๆ - ความเครียด การพักผ่อนไม่เพียงพอ การกินอาหารไม่ตรงเวลา หรือการดื่มแอลกอฮอล์ เหล่านี้ก็อาจทำให้เกิดอาการเมารถได้ง่ายขึ้นเช่นกัน

5 วิธีลดอาการเมารถ

  1. พยายามเลือกที่นั่งที่นิ่งที่สุด เช่น เบาะนั่งตอนหน้าหรือนั่งใกล้หน้าต่าง
  2. มองออกไปนอกหน้าต่าง เช่น เส้นขอบฟ้า จะช่วยให้สมองประมวลข้อมูลได้สอดคล้องกันมากขึ้น
  3. หลีกเลี่ยงการอ่านหนังสือหรือเล่นโทรศัพท์ เพราะจะเพิ่มโอกาสทำให้สมองเกิดความสับสนมากขึ้น
  4. ทานอาหารเบาๆ ไม่ทานจนอิ่มเกินไป และหลีกเลี่ยงอาหารที่มีกลิ่นฉุน
  5. ทานยาแก้เมารถ จะช่วยบรรเทาภาวะเวียนศีรษะลงได้หากจำเป็น

เมื่อทราบเช่นนี้แล้วหากใครมีอาการเมารถเป็นประจำ ก็ลองเลือกวิธีที่เหมาะสมนำไปใช้ดูนะครับ

 

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com

.

.

.

.

_____________________________________

เราคือตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ

เทอร์โบแท้

IHI TURBO 🇯🇵

GARRETT 🇺🇸

MITSUBISHI TURBOCHARGER 🇯🇵

ซื้อกับเราได้สินค้าแท้100%

คุ้มค่ากว่า ใช้งานได้ในระยะยาว

สบายใจกว่า เทอร์โบแท้รับประกันสินค้ายาวนาน

บริการหลังการขายที่ยอดเยี่ยม

โดยทีมงานมืออาชีพ ผู้มีประสบการณ์มากกว่า 24 ปี”

สั่งอะไหล่กับเรา "ออกใบกำกับภาษี" ได้

พร้อมบริการการดูแลหลังการขายตลอดอายุการใช้งาน

⚙️เข้าชมสินค้าทั้งหมดในเว็บไซต์

คลิก: www.sqdparts.com

⚙️สั่งซื้อทางเพจ

คลิก: m.me/sqdparts

⚙️สั่งซื้อผ่านไลน์

คลิก: https://liff.line.me/1645278921-kWRPP32q/?accountId=sqdparts

คลิกYoutube : https://bit.ly/3IAJstu

คลิกTiktok : https://bit.ly/3bXmLmN

คลิกInstagram : https://bit.ly/3AFxMDx

เขียนโดย sqdparts เมื่อ Wed 27 Nov, 2024
อ่านต่อ

     ปัจจุบันที่จอดรถส่วนมากจะมีหมอนกั้นล้อเพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ขับขี่จอดรถเข้าลึกจนเกินไป แต่ทราบหรือไม่ว่าแท้จริงแล้วคุณไม่ควรถอยรถ (หรือเดินหน้าเข้า) จนกระทั่งล้อแตะกับหมอนกั้นล้อ สาเหตุเป็นเพราะอะไร เราจะพาไปหาคำตอบกัน?

 

3 สาเหตุที่ไม่ควรถอยรถ จนล้อแตะหมอนกั้นล้อ?

สาเหตุที่ 1 อาจทำให้กันชนเสียหาย - เนื่องจากหมอนกั้นล้อของสถานที่แต่ละแห่งอาจมีความสูงไม่เท่ากัน หากอาศัยเพียงความเคยชินว่าการจอดรถจะต้องถอยหรือเดินหน้าเข้าจนล้อแตะกับหมอนกั้น ก็อาจเกิดการเบียดกับหมอนกั้นจนเกิดรอยครูดบริเวณใต้กันชนได้

 

ยิ่งถ้าหากรถเตี้ยมากๆ ด้วยแล้วล่ะก็ อาจถึงขึ้นทำให้กันชนเผยอหรือบิดเบี้ยวผิดรูปได้เลยทีเดียว

 

สาเหตุที่ 2 หากเป็นรถขนาดใหญ่ อาจเผลอชนกำแพงได้ - หากเป็นรถที่มีความยาวมากๆ การอาศัยให้รถหยุดด้วยการถอยจนล้อแตะหมอนกั้นล้อเพียงอย่างเดียว อาจทำให้เผลอชนเข้ากับกำแพงของลานจอดรถได้ จึงควรเช็กกล้องมองหลัง หรือฟังเสียงสัญญาณเซ็นเซอร์กะระยะควบคู่กันไปด้วย

 

สาเหตุที่ 3 ส่งผลเสียต่อระบบช่วงล่าง - การกระแทกของล้อรถกับหมอนกั้นล้ออย่างรุนแรงซ้ำๆ อาจส่งผลกระทบต่อระบบช่วงล่างของรถ เช่น บูช หรือปีกนก อาจเกิดการสึกหรอเร็วกว่าปกติ ทำให้การควบคุมรถไม่นุ่มนวล และอาจเกิดเสียงดังขณะขับขี่ได้

 

     ดังนั้น เพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นกับรถยนต์ของคุณ ควรหลีกเลี่ยงการถอยรถจนล้อแตะหมอนกั้นล้อ และควรฝึกฝนการถอยรถให้ชำนาญ เพื่อให้สามารถจอดรถได้อย่างแม่นยำและปลอดภัยดีกว่าครับ

 

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com

.

.

.

.

_____________________________________

เราคือตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ

เทอร์โบแท้

IHI TURBO 🇯🇵

GARRETT 🇺🇸

MITSUBISHI TURBOCHARGER 🇯🇵

ซื้อกับเราได้สินค้าแท้100%

คุ้มค่ากว่า ใช้งานได้ในระยะยาว

สบายใจกว่า เทอร์โบแท้รับประกันสินค้ายาวนาน

บริการหลังการขายที่ยอดเยี่ยม

โดยทีมงานมืออาชีพ ผู้มีประสบการณ์มากกว่า 24 ปี”

สั่งอะไหล่กับเรา "ออกใบกำกับภาษี" ได้

พร้อมบริการการดูแลหลังการขายตลอดอายุการใช้งาน

⚙️เข้าชมสินค้าทั้งหมดในเว็บไซต์

คลิก: www.sqdparts.com

⚙️สั่งซื้อทางเพจ

คลิก: m.me/sqdparts

⚙️สั่งซื้อผ่านไลน์

คลิก: https://liff.line.me/1645278921-kWRPP32q/?accountId=sqdparts

คลิกYoutube : https://bit.ly/3IAJstu

คลิกTiktok : https://bit.ly/3bXmLmN

คลิกInstagram : https://bit.ly/3AFxMDx

เขียนโดย sqdparts เมื่อ Tue 19 Nov, 2024
อ่านต่อ
แสดง รายการ
ร้านค้าออนไลน์ และ ขายของออนไลน์ โดย © 2006-2024 Vevo Systems Co., Ltd.