×
ผลการค้นหา : HONDA
แสดง รายการ

     คนบ่นไม่ได้ใช้ คนใช้ไม่เคยบ่น! เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับสิ่งของหลาย ๆ อย่างนะครับ โดยเฉพาะในยุคโซเชียลมีเดียแบบนี้ เรื่องของ “รถ EV” คือหนึ่งในนั้น ยิ่งเมื่อมีข่าวในเชิงลบออกมาทีไร โลกโซเชียลก็จะกระหน่ำทันที จนทำให้หลายคนอดสงสัยไม่ได้ว่า หากซื้อรถ EV มาใช้งานครบ 8 ปี เมื่อหมดประกันแบตเตอรี่ แล้วจะอย่างไรต่อ?

 

บางคนบอกว่าเมื่อใช้รถไฟฟ้าครบ 8-10 ปี หากแบตเตอรี่เสื่อมหรือพัง รถคันนั้นอาจจะไม่ต่างกับเศษเหล็ก หรือต้องเปลี่ยนแบตเตอรี่ใหม่ราคาไม่ต่างกับการซื้อรถใหม่ได้เกือบ 1 คัน แท้จริงแล้วมันเลวร้ายขนาดนั้นเชียวหรือ! เอาจริง ๆ คำตอบในอีก 8 ปีข้างหน้า ถ้าพูดตอนนี้คงไม่มีใครรู้แน่นอนครับว่าถึงตอนนั้นสถานการณ์ EV จะเป็นอย่างไร

 

หลังจากที่ผมมีโอกาสได้ทดลองขับรถ EV แบบใช้งานจริงในชีวิตประจำวัน ยอมรับครับว่าสิ่งที่อยู่ตรงหน้ามันดีมาก ไม่ว่าจะขับทางไกลหรือในเมือง ช่วยประหยัดได้จริง อัตราเร่งก็ดี ต้องยอมรับว่าแม้ EV จะมีคอนเซปต์รักษ์โลก แต่คนที่ซื้อรถไฟฟ้ามาขับ เขามองเรื่องความประหยัดมาเป็นอันดับแรกกันทั้งนั้น ซึ่งมันตอบโจทย์ได้ในทันที

 

มีพรรคพวกถามผมเข้ามาว่า หากวันนี้ในงบเท่า ๆ กัน ควรจะเลือกซื้อ EV หรือรถเครื่องยนต์สันดาป หรือไฮบริดดี และราคาขายต่อ EV ในอนาคตจะหล่นฮวบจริงหรือไม่ บอกเลยว่ามันคือคำถามที่ตอบยากกกก! เพราะหากจะเปรียบเทียบกันจริง ๆ ระหว่างรถไฟฟ้ากับรถใช้น้ำมันเชื้อเพลิง มันยังมีปัจจัยอื่นที่เกี่ยวข้องอีกมากมายครับ

 

จากประสบการณ์ที่ได้คุยกับคนที่ซื้อรถไฟฟ้ามาขับ ทุกคนไม่เคยบ่นและไม่เคยคิดถึงเรื่องการขายต่อใน 8-10 ปีข้างหน้า มีแต่บอกว่าคิดว่าจะไม่กลับไปใช้รถน้ำมันอีกแล้ว ส่วนบางคนที่มีทุนทรัพย์เพียงพอก็ซื้อ EV มาขับเพิ่มอีกคันก็มี (อันนี้ก็ไม่ว่ากัน) ในที่นี้ขอพูดถึง EV ที่คนส่วนใหญ่ของประเทศใช้กันในระดับไม่เกิน 1 ล้านบาทก็แล้วกันนะครับ

 

รถ EV ระดับไม่เกินล้านที่ทำตลาดในบ้านเราตอนนี้มี ORA Good Cat, MG4, MG ES, MG ZS EV, BYD ATTO3 และ BYD Dolphin ส่วนรถเครื่องยนต์สันดาป จะมีตั้งแต่อีโค คาร์ ไปจนถึงรถซี-เซ็กเมนต์ อย่าง Toyota Altis, Honda Civic และ Mazda 3 รวมถึงรถอเนกประสงค์ก็มีหลายรุ่น อาทิ Corolla Cross, Veloz, CX-30 และ Mitsubishi Xpander

 

การเปรียบเทียบเรื่องความประหยัดคุ้มค่า โดยมีโจทย์คือซื้อตอนนี้แล้วขายต่อในปีที่ 8 แน่นอนว่าราคาเติมน้ำมันจะแพงกว่าราคาชาร์จไฟราว 5 เท่า ยกตัวอย่าง รถยนต์เครื่องสันดาปที่กินน้ำมันราว 15 กิโลเมตรต่อลิตร จะเสียค่าน้ำมันกิโลเมตรละ 2.60 บาท ส่วน EV ที่ผมได้ทดสอบมา จะเสียค่าชาร์จไฟกิโลเมตรละ 0.50-0.60 บาท

 

ส่วนราคาขายต่อรถเครื่องยนต์สันดาปค่ายดัง อย่าง Altis และ Civic เชื่อว่าในอีก 8 ปีข้างหน้าราคาก็ยังไม่ตกมาก หากยึดมาตรฐานราคาปัจจุบัน จากป้ายแดง 1 ล้านบาท ราคาขายต่อระดับ 4-5 แสนบาทน่าจะต้องมี ส่วน EV ตอนนี้ยังเป็นเครื่องหมายคำถามอยู่ และนี่ล่ะครับ ผมบอกว่ายังมีปัจจัยจัยอื่น ๆ ที่จะมีผลต่อราคามือสองในอนาคต

 

หนึ่งในปัจจัยสำคัญในอีก 8 ปีข้างหน้า คือ การพัฒนาแบตเตอรี่ เมื่อถึงตอนนั้นอาจจะถูกลงมาก็ได้ อย่างแบตเตอรี่ของ BYD ที่เรเว่ ออโตโมทีฟ เปิดเผยออกมาว่ารุ่นสแตนดาร์ดอยู่ที่ 528,730 บาท ในอีก 8 ปีข้างหน้า ราคาจะอยู่ที่เท่าไร ซึ่งคาดว่าราคา EV มือสองจะผันตามราคาแบตเตอรี่ ณ ตอนนั้นแน่นอน

 

แต่ครับแต่! มาถึงตรงนี้อย่าเข้าใจผิดว่าแบตเตอรี่รถ EV เมื่อหมดประกันมันจะพังแล้วต้องเปลี่ยนใหม่อย่างเดียวนะครับ ในความเป็นจริง แบตเตอรี่ในรถคันนั้นก็ยังสามารถใช้งานต่อไปได้เรื่อย ๆ เพียงแต่ว่าประสิทธิภาพจะลดลง อาทิ จากรถป้ายแดง ชาร์จเต็ม 1 ครั้ง วิ่งได้ 400 km แต่เมื่อประสิทธิภาพของแบตลดลง ก็อาจวิ่งได้ 300-350 km ประมาณนั้นครับ

 

     ฉะนั้น หัวข้อที่ผมพาดหัวไว้ “ใช้รถ EV ครบ 8 ปี แล้วไงต่อ” คำตอบก็คือยังใช้งานต่อไปได้เรื่อย ๆ ครับ ขึ้นอยู่ว่าแบตฯ จะเสื่อมมากหรือน้อยเท่านั้น แต่จะคุ้มกว่ารถสันดาปไหมอยู่ที่การใช้งานครับ ถ้าขับเยอะก็น่าจะคุ้มจนลืมประเด็นขายต่อไปได้เลย ส่วนใครที่ใช้รถสันดาปก็วางใจเรื่องราคาขายต่อได้เลย เพราะถึงวันนั้นสัดส่วนก็ยังมากกว่ารถ EV อยู่ดีครับ

 

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com

.

.

.

.

_____________________________________

เราคือตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ

เทอร์โบแท้

IHI TURBO 🇯🇵

GARRETT 🇺🇸

MITSUBISHI TURBOCHARGER 🇯🇵

ซื้อกับเราได้สินค้าแท้100%

คุ้มค่ากว่า ใช้งานได้ในระยะยาว

สบายใจกว่า เทอร์โบแท้รับประกันสินค้ายาวนาน

บริการหลังการขายที่ยอดเยี่ยม

โดยทีมงานมืออาชีพ ผู้มีประสบการณ์มากกว่า 24 ปี”

สั่งอะไหล่กับเรา "ออกใบกำกับภาษี" ได้

พร้อมบริการการดูแลหลังการขายตลอดอายุการใช้งาน

⚙️เข้าชมสินค้าทั้งหมดในเว็บไซต์

คลิก: www.sqdparts.com

⚙️สั่งซื้อทางเพจ

คลิก: m.me/sqdparts

⚙️สั่งซื้อผ่านไลน์

คลิก: https://liff.line.me/1645278921-kWRPP32q/?accountId=sqdparts

คลิกYoutube : https://bit.ly/3IAJstu

คลิกTiktok : https://bit.ly/3bXmLmN

คลิกInstagram : https://bit.ly/3AFxMDx

เขียนโดย sqdparts เมื่อ Tue 09 Apr, 2024
อ่านต่อ

 

     ราคาทางการ All-new Honda ACCORD e:HEV 2024 (Gen 11) ใหม่ ขุมพลังไฮบริด 2.0 ลิตร แรงบิดสูงสุด 335 นิวตัน-เมตร มีให้เลือก 3 รุ่นย่อย เคาะราคาจำหน่าย 1,529,000 - 1,799,000 บาท

 

ราคาทางการ All-new Honda ACCORD e:HEV 2024 ใหม่

  • รุ่น e:HEV E ราคา 1,529,000 บาท
  • รุ่น e:HEV EL ราคา 1,669,000 บาท
  • รุ่น e:HEV RS ราคา 1,799,000 บาท

     All-new Honda ACCORD e:HEV (Gen 11) ใหม่ ถูกติดตั้งอุปกรณ์มาตรฐานภายนอก ได้แก่ ไฟหน้าและไฟท้ายแบบ LED, ระบบเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ, ไฟส่องสว่างเวลากลางวันแบบ LED, กระจกมองข้างปรับ-พับอัตโนมัติ, เสาอากาศแบบครีบฉลาม, กระจกมองข้างด้านซ้ายปรับลดอัตโนมัติเมื่อถอยหลัง (เฉพาะรุ่น EL และ RS), ล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว ในรุ่น E และขนาด 18 นิ้ว ในรุ่น EL และ RS

     ภายในห้องโดยสารถูกติดตั้งปุ่ม Experience Selection Dial สำหรับควบคุมฟังก์ชันต่างๆ (เช่น ระบบปรับอากาศ, ระบบเครื่องเสียง, ไฟสร้างบรรยากาศภายในรถ ฯลฯ) รองรับการตั้งค่าผู้ใช้งานสูงสุด 8 แบบ, ไฟสร้างบรรยากาศ Multi-color Ambient Light), หน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่ TFT ขนาด 10.2 นิ้ว แบบ Full Graphic LCD แสดงภาพจากกล้อง Honda LaneWatch ได้, หน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่บนกระจกหน้า (HUD) ขนาด 11.5 นิ้ว, ระบบ Honda Smart Key System และกุญแจแบบ Honda Smart Key Card

     All-new Honda ACCORD e:HEV ถูกติดตั้งหน้าจอสัมผัสขนาด 12.3 นิ้ว Advanced Touch รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay และ Android Auto แบบไร้สาย เพิ่มเติมด้วยระบบ Google Built-in เป็นครั้งแรกในรถฮอนด้า เพื่อการใช้งานแอปพลิเคชัน Google Assistant, Google Maps และอื่นๆ จาก Google Play พร้อมฟังก์ชัน Honda CONNECT ที่มีระบบกุญแจ Digital Key, ช่อง USB-C รวม 4 ตำแหน่ง และรองรับการอัปเดตซอฟต์แวร์และ ECU แบบ Over-The-Air (OTA) ได้

     ภายในห้องโดยสารยังถูกติดตั้งเบาะนั่งผู้ขับขี่ปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง พร้อมระบบดันหลังไฟฟ้า 4 ทิศทาง, ระบบบันทึกตำแหน่งเบาะนั่งผู้ขับขี่และเลื่อนอัตโนมัติขณะขึ้น-ลงรถ, เบาะนั่งผู้โดยสารด้านหน้าปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง พร้อมปุ่มปรับเบาะไฟฟ้าข้างพนักพิง, ระบบฟอกอากาศ Plasmacluster, ช่องปรับอากาศสำหรับผู้โดยสารตอนหลัง,​ ม่านบังแดดด้านข้างบริเวณประตูคู่หลัง และอุปกรณ์ชาร์จแบบไร้สาย (Wireless Charger)

     สำหรับรุ่น e:HEV RS ถูกเพิ่มเติมด้วยสัญลักษณ์ RS บริเวณกระจังหน้าและกระโปรงท้าย, หลังคาซันรูฟไฟฟ้าแบบพาโนรามา, ไฟเลี้ยวหน้า-หลังแบบ LED Sequential, ไฟส่องมือเปิดประตูด้านนอก, กระจกมองข้างสีดำแบบสปอร์ต, ช่องระบายอากาศด้านข้างสีเงิน, เสาอากาศครีบฉลามสีดำแบบสปอร์ต, สปอยเลอร์หลังสีดำแบบสปอร์ต, ล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว สีดำแมตต์ และห้องโดยสารพร้อมเบาะหนังสีดำตกแต่งด้วยด้ายแดง พร้อมชุดตกแต่งสีเงิน Metallic ลาย 3 มิติ และ Piano Black

     ระบบความปลอดภัย Honda SENSING ถูกเพิ่มเติมด้วยระบบไฟหน้า LED อัจฉริยะ Adaptive Driving Beam (ADB) สามารถปรับองศาของแสงไฟอัตโนมัติเพื่อป้องกันรบกวนรถคันหน้าและคนเดินถนน, ระบบเตือนเมื่อรถคันหน้าเคลื่อนที่Lead Car Departure Notification System (LCDN) และระบบไฟหน้า Adaptive Driving Beam: ADB (เฉพาะรุ่น e:HEV RS)

     ขณะที่ฟังก์ชันอื่นๆ ประกอบด้วย ระบบเตือนการชนพร้อมระบบช่วยเบรก Collision Mitigation Braking System (CMBS), ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ Lane Keeping Assist System (LKAS), ระบบเตือนและช่วยควบคุมเมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถ Road Departure Mitigation System with Lane Departure Warning (RDM with LDW) และระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน พร้อมระบบปรับความเร็วตามรถยนต์คันหน้าที่ความเร็วต่ำ Adaptive Cruise Control with Low-Speed Follow (ACC with LSF)

     ระบบความปลอดภัยมาตรฐานอื่นๆ ได้แก่ ระบบกล้องมองภาพรอบทิศทาง (MVCS), เซ็นเซอร์กะระยะหน้า-หลัง, ไฟส่องสว่างอัตโนมัติขณะเลี้ยว Active Cornering Light (ACL), ระบบเพิ่มความเสถียรและความคล่องตัวในการขับขี่ (Motion Management System, ระบบช่วยชะลอความเร็วรถที่พวงมาลัย, ระบบควบคุมเสียงรบกวนเข้าห้องโดยสาร (ANC) พร้อมเซนเซอร์ตรวจจับเสียงรบกวนจากพื้นถนน (Road noise ANC) และระบบแสดงภาพมุมอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน (Honda LaneWatch) เป็นต้น

     All-new Honda ACCORD e:HEV (Gen 11) ติดตั้งเครื่องยนต์ไฮบริด e:HEV ทำงานร่วมกันระหว่างเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ 2.0 ลิตร Direct Injection Atkinson-Cycle และมอเตอร์ไฟฟ้าจำนวน 2 ตัว ที่ให้กำลังขับเคลื่อนสูงสุด 335 นิวตัน-เมตร ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ E-CVT มีอัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย 25 กม./ลิตร พร้อมโหมดการทำงานไฮบริด 3 โหมด คือ EV Drive Mode, Engine Drive Mode และ Regeneration

     อีกทั้งยังมีสวิตช์ฟังก์ชัน Drive Mode ที่เลือกโหมดการขับขี่ได้ 4 โหมด คือ Normal, Econ, Sport และ Individual

     ตัวถังของ All-new Honda ACCORD 2024 ใหม่ มีให้เลือกทั้งหมด 4 สี ได้แก่ สีขาว Platinum White Pearl, สีเงิน Lunar Silver Metallic, สีเทา Meteoroid Gray Metallic และสีดำ Crystal Black Pearl

 

     ทั้งนี้ All-new Honda ACCORD e:HEV 2024 มาพร้อมฟรีประกันภัยชั้น 1 ฟรีรับประกันอายุการใช้งานแบตเตอรี่ไฮบริด 10 ปี และรับประกันระบบไฮบริดทั้งระบบ 5 ปี ไม่จำกัดระยะยาง ฟรีแพ็กเกจเช็กระยะ ค่าแรง ค่าอะไหล่ 5 ปี หรือ 100,000 กม. และฟรี Honda Ultimate Care ขยายการรับประกันคุณภาพและบริการช่วยเหลือฉุกเฉินบนท้องถนน 24 ชั่วโมง อีก 2 ปี หรือ 40,000 กม. (รวมเป็น 5 ปี หรือ 140,000 กม.) กับข้อเสนอดอกเบี้ย 2.29% พร้อมให้ทดลองขับตั้งแต่วันที่ 17 ตุลาคม 2566 เป็นต้นไป

 

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com

.

.

.

.

_____________________________________

เราคือตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ

เทอร์โบแท้

IHI TURBO 🇯🇵

GARRETT 🇺🇸

ซื้อกับเราได้สินค้าแท้100%

คุ้มค่ากว่า ใช้งานได้ในระยะยาว

สบายใจกว่า เทอร์โบแท้รับประกันสินค้ายาวนาน

บริการหลังการขายที่ยอดเยี่ยม

โดยทีมงานมืออาชีพ ผู้มีประสบการณ์มากกว่า 24 ปี”

สั่งอะไหล่กับเรา "ออกใบกำกับภาษี" ได้

พร้อมบริการการดูแลหลังการขายตลอดอายุการใช้งาน

⚙️เข้าชมสินค้าทั้งหมดในเว็บไซต์

คลิก: www.sqdparts.com

⚙️สั่งซื้อทางเพจ

คลิก: m.me/sqdparts

⚙️สั่งซื้อผ่านไลน์

คลิก: https://liff.line.me/1645278921-kWRPP32q/?accountId=sqdparts

คลิกYoutube : https://bit.ly/3IAJstu

คลิกTiktok : https://bit.ly/3bXmLmN

คลิกInstagram : https://bit.ly/3AFxMDx

เขียนโดย sqdparts เมื่อ Tue 24 Oct, 2023
อ่านต่อ

     รถยนต์ไฟฟ้า ที่ขายแล้วในประเทศไทย มีให้เลือกมากมาย รถไฟฟ้าราคา หลากหลาย และ ยี่ห้อรถไฟฟ้าในไทย มากมาย ตั้งแต่แบรนด์จากประเทศจีนที่มี ราคารถไฟฟ้า จับต้องได้ อาทิ BYD, ORA และ NETA ซึ่งเหมาะกับการใช้งานในเมืองทั่วไป จนถึงแบรนด์ยุโรประดับโลก ที่มาพร้อมความหรูหราพรีเมียมสมราคาขาย อาทิ BMW, Mercedes-Benz, MINI Cooper, Audi และ Volvo เป็นต้น

     แม้ว่าสถานีชาร์จ รถไฟฟ้า ในประเทศไทยอาจยังมีจำนวนไม่มาก แต่ด้วยราคาน้ำมันที่พุ่งสูง ทำให้หลายคนหันมาเลือกใช้ รถยนต์ไฟฟ้า กันมากขึ้น และนั่นเป็นที่มาให้แบรนด์รถจำนวนมากเริ่มผลิตและนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้ามาในประเทศไทยนั่นเอง ซึ่งในปีนี้ ไทยเราก็มี รถไฟฟ้า ev เข้ามาวางจำหน่ายแล้วกว่า 26 รุ่น โดยราคาเริ่มต้นเพียง 325,000 บาทเท่านั้น

 

รถยนต์ไฟฟ้า พร้อมราคารถไฟฟ้าในไทย

-  Tesla Model 3                                                   - BYD e6

- Tesla Model Y                                                                   - Nissan Leaf

- MG4                                                                                  - MINI Cooper SE

- BYD Atto 3                                                        - Lexus UX 300e

- Volt City EV                                                                       - Jaguar i-PACE

- Wuling Hongguang                                                         - Audi e-tron GT

- Pocco                                                                                 - Volvo XC40

- Fomm One                                                                        - Volvo C40

- NETA V                                                                               - BMW iX3

- ORA Good Cat                                                                  - Mercedes-Benz EQS 450+

- ORA Good Cat GT                                                            - BMW i4

- MG EP                                                                                - Toyota bZ4X

- MG ZS EV

- BYD T3

รถยนต์ไฟฟ้า พร้อมราคารถไฟฟ้าที่ขายในไทย

 

1. รถยนต์ไฟฟ้า Tesla Model 3

     เปิดตัวเป็นที่เรียบร้อยแล้วในประเทศไทย กับ Tesla Model 3 รุ่น รถยนต์เทสล่า ไฟฟ้าที่ขายดีที่สุดในโลก โดดเด่นด้วยคุณภาพที่คับแก้วกับราคาที่จับต้องได้ ดีไซน์ภายนอกและภายในเน้นความเรียบง่าย มินิมอล โดยราคาเปิดตัว รถเก๋งไฟฟ้า รุ่นนี้ในไทยนั้นเริ่มต้นเพียง 1.759 ล้านบาทเท่านั้น รุ่นเริ่มต้นมาพร้อมกับมอเตอร์ไฟฟ้าพละกำลังสูงสุด 283 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 420 นิวตันเมตร ขับเคลื่อนล้อหลัง แบตเตอรี่ Lithium-ion LFP 57.5 kWh วิ่งระยะทางสูงสุด 491 km. (มาตรฐาน WLTP) อัตราเร่ง 0-100 km/h ภายใน 6.1 วินาที ความเร็วสูงสุด 225 km/h หัวชาร์จ Type 2 AC 11 kW / CCS Combo DC Fast Charging 170 kW

ราคารถไฟฟ้า EV Tesla Model 3

  • Tesla Model 3 Rear-Wheel Drive 2023 ราคา 1,759,000 บาท
  • Tesla Model 3 Long Range 2023 ราคา 1,999,000 บาท
  • Tesla Model 3 Performance 2023 ราคา 2,309,000 บาท

 

2. รถยนต์ไฟฟ้า Tesla Model Y

     Tesla Model Y เป็น รถยนต์ Tesla ในรูปแบบ SUV ไฟฟ้า นำเข้าทั้งคัน (CBU) จากประเทศจีน โดย Tesla Thailand (Official) มาพร้อมการรับประกัน อาทิ รับประกันตัวรถ 4 ปี หรือ 80,000 กม. รับประกันแบตเตอรี่และระบบขับเคลื่อน 8 ปี หรือ 160,000 กม. (สำหรับระบบขับเคลื่อนล้อหลัง) รับประกันแบตเตอรี่และระบบขับเคลื่อน 8 ปี หรือ 192,000 กม.(สำหรับระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ Long Range และ Performance) รุ่นเริ่มต้นมากับมอเตอร์ไฟฟ้า พละกำลังสูงสุด 347 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 420 นิวตันเมตร ขับเคลื่อนล้อหลัง แบตเตอรี่ Lithium-ion LPF 57.5 kWh วิ่งระยะทางสูงสุด 455 km. (มาตรฐาน WLTP) อัตราเร่ง 0-100 km/h ภายใน 6.9 วินาที ความเร็วสูงสุด 217 km/h หัวชาร์จ Type 2 AC 11 kW / CCS Combo DC Fast Charging 170 kW

ราคารถไฟฟ้า EV Tesla Model Y

  • Tesla Model Y Rear-Wheel Drive ราคา 1,959,000 บาท
  • Tesla Model Y Long Range AWD ราคา 2,259,000 บาท
  • Tesla Model Y Performance ราคา 2,509,000 บาท

 

3. รถยนต์ไฟฟ้า MG MG4

     MG4 รถไฟฟ้า สไตล์แฮทช์แบ็ก 5 ประตู จากแบรนด์ดังอย่างเอ็มจี (MG) มาพร้อม Concept “ICON” นิยามความเป็นต้นแบบและมาตรฐานของรถยนต์ ev ยุคใหม่ โดดเด่นด้วยระบบขับเคลื่อนล้อหลัง พร้อมระบบความปลอดภัย ADVANCED SYNCHRONIZE PROTECTION SYSTEM ให้อุ่นใจในทุกการขับขี่ ระยะทางวิ่งสูงสุดต่อการชาร์จหนึ่งครั้งอยู่ที่ 425 กิโลเมตร (มาตรฐาน NEDC) ชาร์จแบบเร็ว Quick Charge จาก 10% – 80% ใช้เวลาประมาณ 35 นาที

     รถไฟฟ้า MG MG4 คันนี้มาพร้อมมอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูงสุด 170 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 250 นิวตันเมตร แบตเตอรี่ RUBIK’s CUBE Baterry ขนาดความจุ 51 kWh ผ่านมาตรฐานความปลอดภัย IP67 ในการป้องกันน้ำและฝุ่น อีกทั้งยังมีระบบระบายความร้อนแบบ LIQUID Cooling System รองรับการชาร์จด้วยไฟฟ้ากระแสสลับ AC สูงสุด 6.6kW และรองรับการชาร์จด้วยไฟฟ้ากระแสตรง DC สูงสุด 88 kW

ราคารถไฟฟ้า MG MG4 EV ราคา

  • MG 4 Electric D ราคา 869,000 บาท
  • MG 4 Electric X ราคา 969,000 บาท

 

4. รถยนต์ไฟฟ้า BYD Atto 3

     Atto 3 เป็น BYD รถไฟฟ้า อเนกประสงค์ SUV ไฟฟ้า จากแบรนด์ยักษ์ใหญ่อย่าง BYD ที่กวาดยอดจองครบ 10,000 คันเป็นที่เรียบร้อยหลังเปิดจองครั้งแรกในวันที่ 12 ธันวาคม 2565 ที่ผ่านมา โดย BYD Atto 3 เวอร์ชันที่จำหน่ายในประเทศไทยนั้น มีด้วยกัน 2 รุ่นย่อย ราคาเริ่มต้นเพียง 1.09 ล้านบาท รุ่น Standard Range มากับระบบขับเคลื่อนล้อหน้า มอเตอร์ไฟฟ้า Permanent Magnet Synchronous Motor กำลังสูงสุด 204 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 310 นิวตันเมตร พ่วงด้วยแบตเตอรี่ BYD Blade Battery ความจุ 49.9 kWh อัตราเร่ง 0-100 km/h ภายใน 7.3 วินาที ระยะทางวิ่งสูงสุดต่อการชาร์จ อยู่ที่ 410 กิโลเมตร (มาตรฐาน NEDC)

ราคารถไฟฟ้า EV BYD Atto 3

  • BYD Atto 3 Standard Range ราคา 1,099,900 บาท
  • BYD Atto 3 Extended Range ราคา 1,199,900 บาท

 

5. รถยนต์ไฟฟ้า Volt City EV

     รถยนต์ไฟฟ้าขนาดเล็ก กระทัดรัด จุดเด่นที่ ราคารถยนต์ไฟฟ้า จับต้องได้ ผ่อนเพียงเดือนละ 3,000-4,000 บาทเท่านั้น ไม่ว่าใครๆ ก็เป็นเจ้าของ Volt City EV ได้ง่ายๆ โดย Volt City EV จัดจำหน่ายโดย บริษัท อีวี ไพรมัส ผู้จำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้า แบบมัลติแบรนด์ (Multi-Brand EV Distributor) แห่งแรกของเมืองไทย และผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการของแบรนด์ DONGFENG ผู้ผลิตรถยนต์อันดับ 2 ของจีน

     Volt City EV เป็น รถไฟฟ้า EV ที่ใช้งานในเมืองได้อย่างลงตัว วิ่งได้ระยะทางสูงสุด 210 km. ต่อการชาร์จ (NEDC) ความเร็วสูงสุด 100 km/h ใช้เวลาชาร์จจาก 0-100% ประมาณ 5 ชั่วโมง 30 นาที  ภายในห้องโดยสารมีความกว้างขวาง ระบบความปลอดภัยก็ให้มาอย่างเพียงพอ และสะดวกยิ่งไปกว่านั้น เพราะ Volt City EV สามารถชาร์จไฟกับปลั๊กที่บ้านของคุณได้ ไม่จำเป็นต้องเสียค่าใช้จ่าย Wall Box

ราคารถไฟฟ้า Volt City EV

  • Volt City EV รุ่น FOR-TWO (3 ประตู 2 ที่นั่ง) รถยนต์ไฟฟ้า ราคา 325,000 บาท
  • Volt City EV รุ่น VOLT FOR-FOUR (5 ประตู 4 ที่นั่ง) รถยนต์ไฟฟ้า ราคา 385,000 บาท

 

6. รถยนต์ไฟฟ้า Wuling Hongguang MINI EV

     หลังจากการเปิดตัวเพียง 22 เดือนในประเทศจีน Wuling Hongguang MINI EV คันนี้ก็ขึ้นแท่น รถยนต์ EV ที่ขายดีที่สุดในจีน ล่าสุดในไทยก็มีผู้นำเข้าอิสระหลายเจ้าที่เริ่มนำเข้าและจัดจำหน่ายให้ได้ขับกันแล้ว รถยนต์ไฟฟ้าขนาดเล็ก Wuling Hongguang MINI EV มาในรูปแบบรถ 2 ประตูท้ายตัด 4 ที่นั่ง โดดเด่นด้วยรูปลักษณ์ทรงกล่อง หลังคาสูง สามารถเพิ่มพื้นที่เก็บสัมภาระได้ด้วยการพับเบาะแถวหลัง ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า พละกำลังสูงสุด 27 แรงม้า ทำความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 100 km/h ใช้เวลาชาร์จจาก 0-100% ประมาณ 9 ชั่วโมง และการชาร์จไฟเต็ม 1 ครั้ง สามารถวิ่งได้ประมาณ 170 กิโลเมตร

ราคารถไฟฟ้า Wuling Hongguang MINI EV

  • Wuling Hongguang MINI EV ราคา 369,000 บาท

 

7. รถยนต์ไฟฟ้า Pocco

     นอกจากราคาที่ไม่สูงนัก รถยนต์ไฟฟ้าขนาดเล็ก POCCO ยังมาพร้อมกับออปชันที่จำเป็นต่อการใช้งานทั่วไป อาทิ กล้องมองหลัง หน้าจอแสดงผลแบบสัมผัสรองรับภาษาอังกฤษ พร้อมการเชื่อมต่อกับ IOS และ Android มาอำนวยความสะดวกให้ผู้ขับขี่มากยิ่งขึ้นด้วยนะคะ

     POCCO รุ่นที่นำเข้าไทยแบ่งออกเป็น 2 รุ่น โดย POCCO รุ่น DD L จะใช้แบตเตอรีลิเธียมไอออนความจุอยู่ที่ 10.3kW สามารถวิ่งได้ระยะทางสูงสุดอยู่ที่ 128 กิโลเมตรต่อรอบการชาร์จ ขณะที่ POCCOรุ่น DD K จะใช้แบตเตอรีลิเธียมไอออนความจุอยู่ที่ 14.5kW สามารถวิ่งได้ระยะทางสูงสุดอยู่ที่ 178 กิโลเมตร โดยทั้ง 2 รุ่นของ POCCO สามารถชาร์จด้วยไฟบ้าน โดยจะใช้เวลาชาร์จแบตเตอรีจาก 0-100% ประมาณ 6-8 ชั่วโมงไม่แตกต่างกัน

ราคารถไฟฟ้า EV POCCO

  • POCCO รุ่น DD L ราคา 389,000 บาท
  • POCCO รุ่น DD K ราคา 449,000 บาท

 

8. รถยนต์ไฟฟ้า Fomm One

     รถยนต์ไฟฟ้าขนาดเล็ก ที่ใครเห็นก็คงบอกว่าดูเหมือนรถยนต์ที่มาจากอนาคต เพราะมีด้านหน้ายื่นยาวคล้ายจรวด อีกทั้งยังมาพร้อมกระจกบานใหญ่ ต่างจากรถยนต์ทั่วไป โดย Fomm ONE รองรับได้ 4 ที่นั่ง ใช้เวลาชาร์จไฟฟ้าประมาณ 6-8 ชั่วโมง และสามารถวิ่งได้ไกลถึง 180 กิโลเมตร ด้วยขนาดเล็กกระทัดรัด Fomm ONE จึงดูเหมาะกับการขี่ในเมือง ซอกแซกเข้าซอยและหาที่จอดได้ง่าย ไปตามสถานที่ต่างๆ ได้สะดวกสบายกว่ารถยนต์ทั่วไป ในส่วนของการขับเคลื่อน มอเตอร์ไฟฟ้าที่ให้มาสามารถทำพละกำลังสูงสุดได้ที่ 13.5 แรงม้า ทำความเร็วสูงสุด 80 km/h

ราคารถไฟฟ้า EV Fomm ONE

  • Fomm ONE ราคา 499,000 บาท

 

9. รถยนต์ไฟฟ้า NETA V

     NETA V รถยนต์ไฟฟ้า สไตล์ Compact Crossover ยกสูง แบบ 5 ประตู 5 ที่นั่ง ซึ่งขนาดรถอยู่ในกลุ่มเดียวกับ B-Segment อาทิ Honda City, Mazda 2 และ Toyota Yaris โดยเป็นรุ่นแรกที่แบรนด์ NETA ประเทศไทย จัดจำหน่ายให้คนไทยได้เป็นเจ้าของ ซึ่ง NETA V มาพร้อมมอเตอร์ไฟฟ้าหนึ่งตัว กำลังสูงสุด 95 แรงม้า สามารถวิ่งได้ไกลถึง 384 กิโลเมตร ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง (NEDC) ทำความเร็วสูงสุด 124 km/h

ราคารถไฟฟ้า EV NETA V

  • NETA V ราคา 549,000 บาท

 

10. รถยนต์ไฟฟ้า ORA Good Cat

     รถเก๋งไฟฟ้า ที่หลายคนได้เห็นกันแล้วบนถนน หนึ่งในนั้นคือ ORA Good Cat จากค่าย GWM (Great Wall Motor) โดยรุ่นมาตรฐานมีพละกำลังสูงถึง 143 แรงม้า ในเรื่องมิติตัวรถนั้นให้มาไม่ต่างกันในทั้งสามรุ่น แต่จุดแตกต่างคือเรื่องของแบตเตอรี่ ORA Good Cat รุ่น รุ่น 500 Ultra ให้แบตเตอรี่ Lithium Ternary ช่วยให้รถวิ่งได้ไกลสูงสุด 500 กิโลเมตร ต่อการชาร์จไฟเต็ม 1 ครั้ง (ชาร์จไฟแบบธรรมดา ใช้เวลา 10 ชั่วโมง) และมีระบบชาร์จเร็ว จาก 0-80% ใน 60 นาที และ 30-80% ใน 40 นาที

     ในขณะที่ ORA Good Cat รุ่น 400 Tech และ 400 Pro ให้แบตเตอรี่ Lithium-ion ช่วยให้รถวิ่งได้ไกลสูงสุด 400 กิโลเมตร (ชาร์จไฟแบบธรรมดา ใช้เวลา 8 ชั่วโมง) สามารถชาร์จเร็ว 0-80% ใน 45 นาที และ 30-80% ใน 32 นาที

ราคารถไฟฟ้า EV ORA Good Cat

  • ORA Good Cat 400 Tech ราคา 763,000 บาท
  • ORA Good Cat 400 Pro ประมาณ 828,500 บาท
  • ORA Good Cat 500 Ultra ประมาณ 959,500 บาท

 

11. รถยนต์ไฟฟ้า ORA Good Cat GT

     รถเก๋งไฟฟ้า ORA Good Cat GT ที่ทาง GWM เพิ่งเปิดตัวเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมาถูกจองเกลี้ยงไปทั้งหมด 500 คิว ภายในระยะเวลาเพียง 58 นาทีเท่านั้น ซึ่งเจ้าแมวเหมียวคันนี้ถูกพัฒนาต่อยอดจากรุ่น 500ULTRA แต่ปรับเปลี่ยนและเพิ่มเติมอุปกรณ์ออปชั่นต่างๆ โดยจุดเด่นที่ชัดเจนที่สุดก็คือ การดีไซน์ทั้งภายนอกและภายในที่ดูสปอร์ตมากขึ้น โดยเฉพาะไฮไลท์สีแดงที่แฝงตามจุดต่างๆ ทั้งกันชนหน้า-หลัง, คาลิปเปอร์เบรก, ประทับตรา GT สีแดง รวมไปถึงการตกแต่งห้องโดยสารด้านในด้วยสีแดงสลับดำ เน้นย้ำความสปอร์ตเต็มขั้นอีกด้วย มอเตอร์ไฟฟ้าของรุ่นนี้มีกำลังสูงสุด 171 แรงม้า อัตราเร่ง 0-100 km/h ใน 8.5 วินาที ชาร์จแบบ AC จาก 0-100% ใช้เวลา 10 ชั่วโมง ชาร์จแบบ DC Fast Charge จาก 30-80% ใช้เวลา 40 นาที สามารถวิ่งได้ 500 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง (NEDC)

ราคารถไฟฟ้า EV ORA Good Cat GT

  • ORA Good Cat GT ราคา 1,286,000 บาท

 

12. รถยนต์ไฟฟ้า MG EP

     ครั้งแรกในไทยสำหรับ รถไฟฟ้า MG สไตล์สเตชันแวกอน เหมาะสำหรับครอบครัวและตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่หลากหลาย โดย MG EP มาพร้อมแบตเตอรี่ Lithium-ion สามารถขับเคลื่อนได้ระยะทางสูงสุด 380 กิโลเมตรต่อการชาร์จเต็ม 1 ครั้ง มอเตอร์ไฟฟ้าที่ให้มามีพละกำลังถึง 163 แรงม้า ทำความเร็วสูงสุด 185 km/h และ MG EP มีรูปแบบการขับขี่ทั้งหมด 3 รูปแบบ ได้แก่ โหมด Normal โหมด Eco และ โหมด Sport

     ในส่วนของการชาร์จแบตเตอรี่ MG EP มีระบบชาร์จ DC Fast Charging สามารถชาร์จตั้งแต่ 0-80% ใน 40 นาที ขณะที่การชาร์จ AC ชาร์จตั้งแต่ 0-100% ผ่าน MG Home Charger ใช้เวลาประมาณ 7 ชั่วโมง 15 นาที

ราคารถไฟฟ้า EV MG EP

  • MG EP รุ่น Standard ราคา 761,000 บาท
  • MG EP PLUS ราคา 771,000 บาท

 

13. รถยนต์ไฟฟ้า MG ZS EV

SUV ไฟฟ้า พื้นที่ภายในกว้างขวาง MG ZS EV ขับเคลื่อนด้วยระบบมอเตอร์ไฟฟ้า พละกำลังสูงสุด 177 แรงม้า อัตราเร่ง 0-100 km/h อยู่ที่ 8.6 วินาที  และในการชาร์จเต็ม 1 ครั้ง ขับได้ไกลถึง 403 กิโลเมตร รุ่นนี้รองรับการชาร์จ 2 รูปแบบด้วยกัน ได้แก่ การชาร์จเร็ว (Quick Charge) สามารถชาร์จจาก 30-80 % ภายใน 30 นาที และการชาร์จแบบธรรมดา ผ่าน MG Home Charger 0-100 % ใช้เวลาประมาณ 7 ชั่วโมง 15 นาที

     รถไฟฟ้า MG มาพร้อมการโปรโมตให้ ZS EV เป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่ใช้งานง่ายและสะดวก ด้วยระบบการชาร์จ 2 รูปแบบ รองรับทั้งแบบ Quick Charge และ Normal Charge พร้อมทั้งสถานี MG Super Charge ที่ติดตั้งแล้วกว่า 120 แห่งทั่วประเทศไทย

ราคารถไฟฟ้า MG ZS EV

  • NEW MG ZS EV D ราคา 949,000 บาท
  • NEW MG ZS EV X ราคา 1,023,000 บาท

 

14. รถยนต์ไฟฟ้า BYD T3 และ M3

     BYD T3 รถตู้ไฟฟ้า เชิงพาณิชย์ ตู้ทึบ ตอบโจทย์การขนส่งในเมือง ช่วยให้คุณประหยัดค่าใช้จ่าย และคุ้มค่ามากยิ่งขึ้นในยุคนี้ อีกทั้ง T3 ยังเป็นรถตู้ที่มีความคล่องตัวสูง ขับขี่ง่าย หาที่จอดสะดวก ชิ้นส่วนการดูแลรักษาน้อยกว่ารถตู้น้ำมันแบบเดิมๆ และมีสมรรถนะเพียงพอต่อการใช้งานทั่วไป รวมถึงการใช้เพื่อการขนส่งสิ่งของต่างๆ ตามต้องการ ระยะทางวิ่งสูงสุด 233 กม. (WLTC) ชาร์จกระแสสลับ AC จาก 0-100% ภายใน 7.6 ชั่วโมง ชาร์จกระแสตรง DC Fast Charging 1.3 ชั่วโมง สามารถรองรับน้ำหนักสินค้าได้กว่า 700 กก. นอกจากนั้น ยังมี BYD M3 รถตู้ไฟฟ้า สำหรับโดยสารทั้งแบบ 5 ที่นั่งและแบบ รถยนต์ไฟฟ้า 7 ที่นั่ง สไตล์ MPV ตอบโจทย์กลุ่มตลาดรถยนต์ไฟฟ้าครอบครัวใหญ่อีกด้วย

ราคารถไฟฟ้า BYD T3 และ M3

  • BYD T3 ราคา 990,000 บาท
  • BYD M3 รถไฟฟ้า 5 ที่นั่งราคา 1,059,000 บาท
  • BYD M3 รถไฟฟ้า 7 ที่นั่งราคา 1,089,000 บาท

 

15. รถไฟฟ้า BYD e6

     บีวายดี e6 รถตู้ไฟฟ้า ในรูปแบบรถ MPV ขนาดคอมแพกต์ หรือคล้ายรถตู้ ตอบโจทย์กับคนที่ชื่นชอบรถอเนกประสงค์ที่มีพื้นที่เก็บสัมภาระและห้องโดยสารกว้างขวาง มาพร้อมระบบหน้าจออินโฟเทนเมนต์แบบสัมผัสขนาด 10 นิ้ว ที่สามารถหมุนใช้ได้ทั้งแนวตั้งและแนวนอน นอกจากนั้นแล้ว เบาะโดยสารจะเป็นแบบ 2 แถว รองรับผู้โดยสารได้ 5 คน (ในรุ่น 5 ที่นั่ง) พร้อมช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง รวมถึงระบบกรองอากาศ BYD e6 มาพร้อมมอเตอร์ไฟฟ้าพละกำลังสูงสุด 94 แรงม้า ทำความเร็วสูงสุด 130 km/h ในการชาร์จหนึ่งครั้งสามารถวิ่งได้ระยะทางสูงสุด 500 กม. (NEDC) สามารถชาร์จไฟได้ทั้งกระแสสลับ AC และกระแสตรง DC

ราคารถไฟฟ้า BYD e6

  • BYD e6 ราคา 1,390,000 บาท

 

16. Nissan Leaf รถยนต์ไฟฟ้า

     รถไฟฟ้า ev ที่มาพร้อมเทคโนโลยีอัจฉริยะ เพื่อการขับขี่ในอนาคตจากนิสสัน (Nissan Intelligent M obility) อาทิ ระบบเบรกมือไฟฟ้า และ ระบบ e-Pedal ที่สามารถเร่งและเบรกได้ในแป้นเดียว โดย Nissan Leaf มาในรูปแบบ รถเก๋งไฟฟ้า ตัวถังแฮตช์แบ็ก 5 ประตู พอเพียงกับการใช้งานทั่วไป Nissan Leaf มาพร้อมมอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูงสุด 180 แรงม้า สามารถวิ่งได้ระยะทางสูงสุด 311 กิโลเมตรต่อการชาร์จ 1 ครั้ง การชาร์จปกติ 3.6 kW onboard Charger ใช้เวลา 12 ชั่วโมง การชาร์จ Double Speed 6.6 kW onboard Charger ใช้เวลา 6 ชั่วโมง

ราคารถไฟฟ้า EV Nissan Leaf

  • Nissan Leaf ราคา 959,000 บาท

 

17. MINI Cooper SE รถยนต์ไฟฟ้า

     รถยนต์ไฟฟ้า EV รุ่นแรกจากแบรนด์ MINI Cooper โดย MINI Cooper SE  รถยนต์ไฟฟ้าขนาดเล็ก  คันนี้ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า พละกำลังสูงสุด 184 แรงม้าแบตเตอรี่ lithium-ion ความจุ 32.6 kWh ขับเคลื่อนล้อหน้า วิ่งได้ระยะทางสูงสุด 217 กิโลเมตร ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง (มาตรฐาน NEDC) อัตราเร่ง 0-100 km/h ภายใน 7.3 วินาที และทำความเร็วสูงสุดได้ที่ 150 km/h เจ้า MINI Cooper SE รองรับการชาร์จได้หลายรูปแบบ ทั้งไฟบ้าน AC และ DC Quick Charge สำหรับการชาร์จเร็ว 10-80% ใช้เวลาประมาณ 28 นาที แต่ด้วยระยะทางที่วิ่งได้น้อยกว่ารถยนต์ไฟฟ้าคู่แข่งในราคาใกล้เคียงกัน ทำให้หลายคนมองว่า MINI Cooper SE คันนี้เหมาะกับการใช้เป็นรถสำรอง หรือใช้ขับในเมืองมากกว่าการขับระยะทางไกลๆ

ราคารถไฟฟ้า EV MINI Cooper SE

  • MINI Cooper SE ราคา 2,290,000 บาท

 

18. Lexus UX 300e รถยนต์ไฟฟ้า

Lexus UX 300e รถยนต์ไฟฟ้า Crossover สุดพรีเมียม ขนาด 5 ที่นั่ง มอเตอร์ไฟฟ้าให้กำลังสูงสุด 204 แรงม้า มีอัตราเร่งจาก 0-100 km/h ภายในเวลา 7.5 วินาที ระยะทางวิ่ง 300 กิโลเมตรต่อการชาร์จ 1 ครั้ง (WLTP) แม้ว่าจะใช้ Layout ภายในรถเดียวกับ Toyota C-HR แต่ทาง Lexus เลือกใช้วัสดุคุณภาพสูงและมีความปราณีตมากกว่า นอกจากนั้นแล้ว ภายในห้องโดยสารยังดูโปร่งโล่งมากกว่า C-HR อีกด้วย (แม้ว่าจะใช้แพลตฟอร์มเดียวกัน)

ราคารถไฟฟ้า EV Lexus UX

  • Lexus UX 300e ราคา 3,490,000 บาท

 

19. Jaguar i-PACE รถยนต์ไฟฟ้า EV

     Jaguar i-PACE รถยนต์ไฟฟ้าครอสโอเวอร์ ทรงคูเป้ ขนาด 5 ที่นั่ง มิติตัวถังมีขนาดที่พอดิบพอดี ไม่ใหญ่เทอะทะ สามารถขับขี่ในเมืองได้อย่างคล่องตัว โดย Jaguar i-PACE ใช้มอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว ให้กำลังสูงสุด 400 แรงม้า ขับเคลื่อน 4 ล้อ AWD อัตราเร่ง 0-100 km/h ภายใน 4.8 วินาที พร้อมแบตเตอรี่ไฟฟ้าความจุ 90 kWh ระยะทางวิ่งสูงสุดต่อการชาร์จ 1 ครั้งอยู่ที่ 470 กิโลเมตร

ราคารถไฟฟ้า EV Jaguar i-PACE

  • i-PACE AWD S ราคา 5,500,000 บาท
  • i-PACE AWD SE ราคา 6,000,000 บาท
  • i-PACE AWD HSE ราคา 6,500,000 บาท

 

20. Audi e-tron GT รถยนต์ไฟฟ้า EV

     รถยนต์ไฟฟ้าจากแบรนด์ Audi ขุมพลังมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ Permanent Excited Synchronous Machine โดย Normal Mode กำลังสูงสุด 476 แรงม้า และ Boost Mode กำลังสูงสุด 530 แรงม้า อัตราเร่ง 0-100 km/h ภายใน 4.5 วินาที  (Normal Mode) และอัตราเร่ง 0-100 km/h ภายใน 4.1 วินาที (Boost Mode)

     Audi e-tron สามารถวิ่งได้ 540 กิโลเมตร (รุ่น e-tron GT) 523 กิโลเมตร (รุ่น e-tron GT Performance) ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง การชาร์จไฟฟ้า AC 3 phase 11 kW ใช้เวลาชาร์จจาก 0% ประมาณ 9 ชั่วโมง ส่วนการชาร์จไฟฟ้า AC 3 phase 22 kW ใช้เวลาชาร์จจาก 0% ประมาณ 4 ชั่วโมง 30 นาที และการชาร์จไฟฟ้า DC 270 kW ใช้เวลาชาร์จจาก 0% ประมาณ 20 นาที

ราคารถไฟฟ้า EV Audi e-tron GT

  • Audi e-tron GT quattro ราคา 6,390,000 บาท
  • Audi e-tron GT quattro Performance ราคา 6,790,000 บาท

 

21. Volvo ไฟฟ้า XC40 Recharge Pure Electric

     Volvo XC40 Recharge Pure Electric มาในรูปแบบรถยนต์ไฟฟ้าอเนกประสงค์ขนาดกระทัดรัด เป็นรถยนต์ไฟฟ้าแบรนด์หรูที่ราคาอยู่ในเกณฑ์จับต้องได้จริง มาพร้อมขุมพลังมอเตอร์ไฟฟ้า พละกำลังสูงสุด 408 แรงม้า พร้อมแบตเตอรี่ไฟฟ้าความจุ 78 kWh ส่งกำลังผ่านระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ขับขี่ได้เป็นระยะทางสูงสุด 400 กิโลเมตร ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง (มาตรฐาน WLTP) ระบบชาร์จ Wall Box กระแสสลับ AC กำลังชาร์จ 11 kW 0-100% ภายใน 7.1 ชั่วโมง และระบบ Super Charge กระแสตรง DC Quick Charge 0-80% ภายใน 40 นาที

     Volvo ให้มาจัดเต็มทั้ง เครื่องชาร์จ Wall Box พร้อมบริการตรวจสภาพระบบไฟฟ้า และติดตั้ง นอกจากนั้นยังมี Volvo Assistance บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชั่วโมง นาน 5 ปี

ราคารถไฟฟ้า Volvo XC40 Recharge Pure Electric

  • Volvo XC40 Recharge Pure Electric ราคา 2,590,000 บาท

 

22.  Volvo ไฟฟ้า C40 Recharge Pure Electric

     ฝาแฝด Volvo XC40 โดยให้ลุคที่ดูสปอร์ตยิ่งขึ้น เพราะมาในรูปแบบท้ายลาด คล้ายรถคูเป้ รถยนต์ไฟฟ้า Volvo C40 มากับมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว พละกำลังสูงสุด 408 แรงม้า พร้อมแบตเตอรี่ 78 kWh ส่งกำลังผ่านระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ขับขี่ได้เป็นระยะทางสูงสุด 420 กิโลเมตร ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง (มาตรฐาน WLTP) ระบบชาร์จไฟฟ้ากระแสสลับ AC ใช้เวลาประมาณ 8 ชั่วโมง และระบบชาร์จไฟฟ้ากระแสตรง DC รองรับการชาร์จสูงสุด 150 kW ใช้เวลาประมาณ 40 นาที

ราคารถไฟฟ้า Volvo C40 Recharge Pure Electric

  • Volvo C40 Recharge Pure Electric ราคา 2,750,000 บาท

 

23. รถไฟฟ้า BMW iX3 EV

     รถไฟฟ้า BMW พร้อมราคาคุ้มค่าตัว โดย BMW iX3 สร้างขึ้นมาจาก BMW X3 Platform ซึ่งเป็นรุ่นตัวถังที่ขายดีที่สุด โดย BMW iX3 มาในรูปแบบรถ SUV ไฟฟ้า การออกแบบหรูหราทั้งภายนอกและภายใน BMW iX3 ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า 1 ตัว พละกำลังสูงสุด 286 แรงม้า เกียร์อัตโนมัติ Single Speed with fixed ratio อัตราเร่ง 0-100 km/h ภายใน 6.8 วินาที สามารถทำความเร็วสูงสุดได้ที่ 180 km/h (locked) การชาร์จไฟฟ้า AC 3 phase wallbox 11 kW ใช้เวลาชาร์จจาก 0% ประมาณ 7.5 ชั่วโมง การชาร์จ DC 150 kW ใช้เวลาชาร์จจาก 0-80% ประมาณ 34 นาที โดย BMW iX3 วิ่งได้ระยะทางสูงสุด 460 km. ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง (มาตรฐาน WLTP)

ราคารถไฟฟ้า EV BMW iX3

  • BMW iX3 ราคา 3,399,000 บาท

 

24. รถเบนซ์ไฟฟ้า EQS 450+

     Mercedes-Benz eqs450+ รถยนต์ EV รถไฟฟ้าในไทย ราคารถยนต์ไฟฟ้า EV รถเบนซ์ไฟฟ้า

Mercedes-Benz EQS 450+ รถเก๋งไฟฟ้า ซีดานระดับ Luxury จากแบรนด์ดังประเทศเยอรมนี มากับชุดขุมพลังขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า Permanent Magnet Synchronous 1 ตัว ให้กำลังสูงสุด 333 แรงม้า อัตราเร่งจาก 0-100 km/h ในเวลา 6.2 วินาที ทำความเร็วสูงสุดได้ 210 km/h พร้อมกับแบตเตอรี่ Lithium-ion ขนาด 107.8 kWh ชาร์จไฟเต็ม 1 ครั้ง วิ่งได้ไกลถึง 770 กม. (WLTP) การชาร์จด้วยไฟฟ้ากระแสสลับ AC จาก 10 – 100% ใช้เวลา 4 ชั่วโมง และการชาร์จด้วยไฟฟ้ากระแสตรง DC จาก 20 – 80% ภายในเวลา 23 นาที

ราคารถไฟฟ้า EV Mercedes-Benz EQS 450+

  • Mercedes-Benz EQS 450+ AMG Premium ราคา 8,570,000 บาท
  • Mercedes-Benz EQS 450+ Edition 1 ราคา 8,870,000 บาท

 

25. รถไฟฟ้า BMW i4

     BMW i4 วางจำหน่ายด้วยกันทั้งหมด 2 รุ่นย่อย ได้แก่ BMW i4 eDrive40 มาพร้อมมอเตอร์ไฟฟ้า 1 ตัว กำลังสูงสุด 340 แรงม้า ขับเคลื่อนล้อคู่หลัง แบตเตอรี่ไฟฟ้าความจุ 83.9 kWh ระยะทางวิ่งสูงสุด 590 กิโลเมตร ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง (WLTP) อัตราเร่ง 0 – 100 km/h ภายใน 5.7 วินาที ความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 190 km/h รองรับการชาร์จไฟแบบ AC 11 kW ใช้เวลา 8.25 ชั่วโมง และการชาร์จไฟแบบ DC 205 kW ใช้เวลาเพียง 31 นาที

     อีกรุ่นหนึ่งได้แก่ BMW i4 M50 ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว มาพร้อมมอเตอร์ไฟฟ้าด้านหน้า 258 แรงม้า และมอเตอร์ไฟฟ้าด้านหลัง 313 แรงม้า กำลังรวมสูงสุด 544 แรงม้า ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ xDrive แบตเตอรี่ไฟฟ้าความจุ 83.9 kWh ระยะทางวิ่งสูงสุด 510 กิโลเมตร ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง (WLTP) อัตราเร่ง 0 – 100 km/h ภายใน 3.9 วินาที ความเร็วสูงสุด 225 km/h รองรับการชาร์จไฟแบบ AC 11 kW ใช้เวลา 8.25 ชั่วโมง และการชาร์จไฟแบบ DC 205 kW ใช้เวลา 31 นาที

ราคารถไฟฟ้า EV BMW i4

  • BMW i4 eDrive40 M Sport ราคา 4,499,000 บาท
  • BMW i4 M50 ราคา 4,999,000

 

26. โตโยต้าไฟฟ้า Toyota bZ4X

     Toyota bZ4X รถเก๋งไฟฟ้า 100% คันแรกจากแบรนด์โตโยต้า มาในรูปแบบ C-SUV โครงสร้างตัวถังใช้แพลตฟอร์ม e-TNGA ซึ่งพัฒนามาเพื่อรถยนต์ไฟฟ้าโดยเฉพาะ Toyota bZ4X ใช้ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ พร้อมมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว กำลังสูงสุดรวมทั้งระบบ 218 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 337 นิวตันเมตร และแบตเตอรี่ Lithium-ion ความจุ 71.4 kWh มาพร้อมโหมดการขับขี่ X-MODE อัตราเร่ง 0 – 100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ภายใน 6.9 วินาที ระยะทางวิ่งสูงสุดต่อการชาร์จอยู่ที่ 411 กิโลเมตร (มาตรฐาน WLTP) รองรับการชาร์จด้วยไฟฟ้ากระแสสลับ AC สูงสุด 6.6 kW และการชาร์จด้วยไฟฟ้ากระแสตรง DC สูงสุด 150 kW สามารถใช้ DC Fast Charge อัดประจุจาก 0 – 80% ได้ภายในเวลา 30 นาที

ราคารถไฟฟ้า EV Toyota bZ4X

  • Toyota bZ4X AWD ราคา 1,836,000 บาท

 

     นอกจากลิสต์ 26 รถยนต์ไฟฟ้า ที่เรานำมาฝากทั้งหมดนี้ คาดว่าในปีนี้ 2023 และ ปี 2024 จะมีรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นอื่นๆ เข้ามาจำหน่ายในประเทศไทยเพิ่มอีกจำนวนไม่น้อย ไม่ว่าจะเป็น BYD Dolphin, BYD Seal, BYD Tang, Hyundai Ioniq 5, Hyundai Ioniq 6, KIA EV6, NETA S และ ORA Grand Cat เป็นต้น

 

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com

.

.

.

.

_____________________________________

เราคือตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ

เทอร์โบแท้

✅IHI TURBO 🇯🇵

✅GARRETT 🇺🇸

ซื้อกับเราได้สินค้าแท้100%

คุ้มค่ากว่า ใช้งานได้ในระยะยาว

สบายใจกว่า เทอร์โบแท้รับประกันสินค้ายาวนาน

บริการหลังการขายที่ยอดเยี่ยม

โดยทีมงานมืออาชีพ ผู้มีประสบการณ์มากกว่า 24 ปี”

สั่งอะไหล่กับเรา "ออกใบกำกับภาษี" ได้

พร้อมบริการการดูแลหลังการขายตลอดอายุการใช้งาน

⚙️เข้าชมสินค้าทั้งหมดในเว็บไซต์

คลิก: www.sqdparts.com

⚙️สั่งซื้อทางเพจ

คลิก: m.me/sqdparts

⚙️สั่งซื้อผ่านไลน์

คลิก: https://liff.line.me/1645278921-kWRPP32q/?accountId=sqdparts

คลิกYoutube : https://bit.ly/3IAJstu

คลิกTiktok : https://bit.ly/3bXmLmN

คลิกInstagram : https://bit.ly/3AFxMDx

เขียนโดย sqdparts เมื่อ Mon 09 Oct, 2023
อ่านต่อ

 

  เกร็ดความรู้เกี่ยวกับรถยนต์ในวันนี้ ทางทีมงานจะพาเพื่อนๆไปทราบถึงของ การแบ่งประเภทของรถยนต์ ว่าจริงๆแล้ว การแบ่งประเภทรถยนต์เขาดูกันตรงไหนบ้าง เพราะในปัจจุบันนี้ถือว่ารถที่ออกใหม่ป้ายแดง ในแต่ละปี ค่อนข้างที่จะเยอะพอสมควร เดี๋ยวเราไปชมกันเลยครับกับเกร็ดความรู้เกี่ยวกับรถยนต์ในวันนี้

 

          เรื่องของการแบ่งประเภทของรถยนต์ ถือว่าเป็นเรื่องที่หลายๆท่านนั้นยังค่อนข้างสับสนอยู่เป็นอย่างมากว่า จริงๆแล้วการแบ่งประเภทรถยนต์ นั้นแบ่งตามขนาดรถ หรือแบ่งตามขนาดเครื่องยนต์ ซึ่งตามจริงแล้วการแบ่งประเภทของรถยนต์นั้นสามารถทำได้ดังนี้

 

1.รถยนต์ประเภท A - Segment

          รถยนต์ประเภท A - Segment จะเป็นกลุ่มรถยนต์ที่มีขนาดเครื่องยนต์ 660 cc. - ไม่เกิน 1000 cc.  ซึ่งรถประเภทนี้จะเป็นรถยนต์ที่เหมาะกับการใช้งานในเมืองและแถบชานเมือง เนื่องจากเป็นรถที่มีขนาดเล็ก ใช้งานได้คล่องแคล้ว ในเรื่องของการขับขี่และการจอดรถ โดยรถยนต์ประเภท A - Segment จะถูกเรียกว่า Kei Car ที่เฉพาะในประเทศญี่ปุ่น อย่างเช่น รถ Honda N-Box , รถ Suzuki Wagon-R  รถ Daihatsu Mira เป็นต้นส่วน รถ Toyota Aygo , รถ Suzuki Celerio ก็ถือว่าเป็นรถยนต์ ประเภท A - Segment ด้วยเช่นกัน

 

2. รถยนต์ประเภท B - Segment

          รถยนต์ประเภท B -Segment นี้จะเป็นรถยนต์ที่มีขนาดใหญ่กว่า รถยนต์ประเภท A - Segment ขึ้นมาหน่อย โดยจะเป็นเครื่องยนต์ขนาดประมาณ 1,000 cc. - 1,500 cc. โดยส่วนรถยนต์ประเภท B - Segment จะเหมาะสำหรับผู้ที่มีครอบครัวเล็กๆ หรือ ผู้ที่อยู่ในวัยทำงานที่ต้องการมีรถไว้ใช้งาน จุดเด่นๆของรถประเภท B- Segment  ถ้าใช้งานคนเดียวจะสามารถจุของได้เยอะพอสมควร ส่วนในประเทศไทยยังสามารถแบ่งรถประเภท B - Segment ได้เป็นสองประเภทอีกด้วย

 

  • รถ Eco Car (อีโคคาร์)  ก็ถือว่าเป็นรถประเภท B- Segment ด้วยเช่นกันโดยจะมีเครื่องยนต์ประมาณ 1,200 cc. เป็นส่วนใหญ่ เช่น รถ Nissan March , รถ Mitsubishi Mirage , รถ Honda Brio , รถ Suzuki Swift และ รถ Toyota Yaris รุ่นตั้งแต่ปี 2013 ขึ้นไป

 

  • รถระดับ ปกติ ก็ถือว่าเป็นรถยนต์ประเภท B-Segment ด้วยเช่นกัน โดยจะมีเครื่องยนต์ที่ใหญ่กว่ารถประเภท อีโคคาร์ มีในส่วนของออฟชั่นให้เลือกเพิ่มมากขึ้น ยกตัวอย่างเช่น รถ Toyota Vios , รถ Honda City , รถ Honda City , รถ Honda Jazz , รถ Ford Fiest , รถ Mazda2

3. รถยนต์ประเภท C-Segment

          รถยนต์ประเภท C- Segment จะเป็นรถยนต์นั่ง ที่มีขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่หรือที่หลายๆท่านนั้นชอบเรียกว่ารถยนต์ขนาด คอมแพกต์ เหมาะสำหรับเป็นรถครอบครัว โดยรถยนต์ประเภท C- Segment จะมีกาปรับแต่งเครื่องยนต์และระบบช่วงล่างใหมีสมรรถนะเพิ่มมากขึ้น รถรถยนต์ประเภท C- Segment จะมีความยาวของรถประมาณ 4.4 - 4.75 เมตร และในส่วนของความจุเครื่องยนต์ จะอยู่ที่ 1,500 cc. - 2,200 cc. ยกตัวอย่างเช่น รถ  Toyota Corolla Altis  , รถ Honda Civic , รถ Ford Focus และ รถ Mazda 3

 

4. รถยนต์ประเภท D- Segment

          รถยนต์ประเภท D - Segment จะเป็นรถยนต์ที่มีขนาดใหญ่กว่ารถประเภท C- Segment มาอีกระดับและจะมีการตกแต่งภายในให้มีความหรูหรากว่า รถประเภท C - Segment รวมถึงวัสดุที่นำมาใช้ก็จะดีกว่าอีกด้วย ส่วนเครื่องยนต์ รถ D-Segment จะมีสมรรถนะสูง เพื่อการรองรับกับขนาดของรถยนต์ ตัวอย่างรถยนต์ ประเภท D-Segment ได้แก่ Toyota Camry , Honda Accord , Nissan Teana ,Ford Fusion , Mazda 6

 5.  รถยนต์ประเภท E- Segment

          รถยนต์ประเภท E- Segment ถือว่าเป็นรถยนต์นั่งขนาดใหญ่ที่สุด หรือ ในที่ต่างประเทศเรียกว่า Full Size Car ซึ่งรถประเภทนี้จะเป็นที่นิยมอย่างมากในทวีป อเมริกา แต่เนื่องจากเป็นรถที่มีขนาดใหญ่จึงทำให้รถยนต์ประเภท E- Segment นั้นมีราคาค่อนข้างสูง เบียดกับราคารถยนต์หรูหราระดับต้นๆ และ รถยนต์ประเภท Full Size Car หรือ E- Segment นั้นยังไม่ได้รับความนิยมในตลาดบ้านเรา จึงทำให้ไม่มีรถยนต์ประเภท Full Size Car วางจำน่าย ส่วนรถยนต์ประเภท E- Segment จะเป็นรถรุ่น Toyota Avalon , Chevrolet Impala

 

 6. รถยนต์ประเภท Entry-level luxury / Compact Executive Car

          มาถึงกับรถยนต์ประเภท Entry-level luxury หรือ Compact Executive Car  จะเป็นรถยนต์ที่ขนาดเท่ากับรถคอมแพกต์ แต่จะมีความหรูหราในเรื่องของการตกแต่งและวัสดุที่นำมาใช้ และยังเป็นรถยนต์ที่มีเครื่องยนต์ขนาดใหญ่ซึ่งมีทั้งพละกำลังและสมรรถนะสูง เช่น BMW Series-3 , Mercedes-Benz C-Class , Lexus IS และ Audi A4

 

7. รถยนต์ประเภท Mid-Size Luxury Car

          รถยนต์ที่อยู่ในประเภท Mid-Size Luxury Car หรือรถยนต์นั่งหรูหราระดับกลาง แต่ด้วยตัวรถที่มีขนาดใหญ่กว่ารถยนต์ขนาดกลางธรรมดา แต่จะมีการตกแต่งรถให้มีความหรูหรา และดูมีคุณภาพ กว่ารถยนต์ขนาดใหญ่ พร้อมทั้งสมรรถนะสูงกว่ามาตราฐานของรถยนต์ที่เป็นรถยนต์ขนาดกลางและรถยนต์ขนาดใหญ่ทั่วไป รถที่จัดอยู่ในประเภท Mid-Size Luxury Car จะเป็นรถ Mercedes-Benz E-Class , รถ Bmw Series 5 , รถ Audi A6 , รถ Volvo S80 , รถ Lexus GS , รถ Toyota Crown , รถ Nissan Pressident

8.  รถยนต์ประเภท Full-Size Luxury Car

          รถยนต์ประเภท Full-Size Luxury Car หรือรถยนต์ขนาดใหญ่ประเภทหรูหรา ซึ่งรถยนต์ประเภทนี้ถือว่าเป็นรถยนต์ขนาดใหญ่ที่มาพร้อมกับความหรูหรา สำหรับเครื่องยนต์รถยนต์ประเภท Full-Size Luxury Car ส่วนใหญ่จะเป็นเครื่องยนต์แบบ 6สูบ จนถึง 12สูบ ซึ่งจะมี CC ของเครื่องยนต์อยู่ที่ 3,000 CC - 4,500 cc ยกตัวอย่างรถยนต์ประเภท Full-Size Luxury Car จะเป็น รถ Mercedes-Benz S-Class , BMW Series 7 , Audi A8 , Jaguar XJ , Maserati Quttroporte , Lexus LS

 

9. รถยนต์ประเภท Sports Car

          รถสปอร์ตส่วนใหญ่แล้วจะเป็นรถยนต์ 2 ที่นั่งสะส่วนใหญ่ ตัวถังรถยนต์นั้นจะมาในแบบคูเป้แต่บางรุ่นก็จะมาเป็นตัวถังแบบซีดาน ก็นับเเป็น Sport Car แต่จะมีการลดน้ำหนักของตัวถังให้เบากว่ารถปกติทั่วไป เพื่อที่จะทำให้รถนั้นมีสมมรรถนะให้ออกมาได้มากที่สุด รถยนต์ที่เป็น Sport Car ก็จะเป็น รถ Chevrolet Corvette , รถ Mitsubishi Lancer Evolution , รถ Subaru WRX STi , รถ Toyota 86/Subaru BR-Z

 

10. รถยนต์ประเภท Grand tourer

          ถือว่าเป็นรถสปอร์ตที่มีความหรูหรา ขึ้นมามากกว่า รถยนต์ประเภท Sports Car ขึ้นมาอีกระดับ และจะมีสมรรถนะที่เพิ่มขึ้นมาอีกระดับ โดยรถยนต์ประเภท Grand tourer นั้นได้แก่ รถ Nissan GT-R , รถ Porsche 911 , รถ Maserati Granturismo , รถ Aston Martin DB9

 

11. รถยนต์ประเภท SuperCar

 

           รถยนต์ประเภทนี้หลายๆท่านนั้นรู้จักกันเป็นอย่างดี กับรถ SuperCar ซึ่งรถ SuperCar จะเป็นรถที่เน้นในเรื่องของสมรรถนะแบบเต็มๆ และจะมีเครื่องยนต์ขนาด 6สูบขึ้นไป  รถยนต์ประเภท SuperCar ก็จะเป็น รถ Lamborghini Huracan , รถ Ferrari 458 italia , รถ McLaren MP4-12C , รถ Ferrari F12 , รถ Lamborghini Aventador

12. รถยนต์ประเภท Hypercar

           มาถึงรถยนต์ประเภทสุดท้ายที่ถือว่าเป็นที่สุดของประเภทรถที่กล่าวมาทั้งหมด นั้นก็คือ รถยนต์ประเภท Hypercar ซึ่งจะมีพละกำลังและสมรรถนะสูง โดยจะมีแรงม้าของรถ เกิน 700 - 800 แรงม้า แต่ก็จะมีบางรุ่นที่มีแรงม้าถึง 1,000 แรงม้า ซึ่งรถยนต์ประเภท Hypercar ยังสามารถทำความเร็วได้ถึง 400 กม./ชม. อีกด้วย โดยรถที่จัดอยู่ในประเภท Hypercar ได้แก่ รถ McLaren P1 , รถ Ferrari LaFerrari , รถ Bugatti Veyron , รถ Pagani Huayra

 

 

            เพื่อนคงได้ทราบกันแล้วนะครับว่ารถยนต์แบบไหนจัดอยู่ในประเภทอะไร ซึ่งถือว่าเป็นความรู้อีกอย่างนึงที่หลายๆท่านอาจจะไม่เคยได้ทราบมาก่อนว่ารถยนต์มีการแบ่งประเภท ของรถแต่ละชนิด

 

ขอบคุณข้อมูลจาก http://car.boxzaracing.com/ / one2car.com / chobrod.com

.

.

.

.

_____________________________________

เราคือตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ

เทอร์โบแท้

IHI TURBO 🇯🇵

GARRETT 🇺🇸

ซื้อกับเราได้สินค้าแท้100%

คุ้มค่ากว่า ใช้งานได้ในระยะยาว

สบายใจกว่า เทอร์โบแท้รับประกันสินค้ายาวนาน

บริการหลังการขายที่ยอดเยี่ยม

โดยทีมงานมืออาชีพ ผู้มีประสบการณ์มากกว่า 24 ปี”

สั่งอะไหล่กับเรา "ออกใบกำกับภาษี" ได้

พร้อมบริการการดูแลหลังการขายตลอดอายุการใช้งาน

⚙️เข้าชมสินค้าทั้งหมดในเว็บไซต์

คลิก: www.sqdparts.com

⚙️สั่งซื้อทางเพจ

คลิก: m.me/sqdparts

⚙️สั่งซื้อผ่านไลน์

คลิก: https://liff.line.me/1645278921-kWRPP32q/?accountId=sqdparts

คลิกYoutube : https://bit.ly/3IAJstu

คลิกTiktok : https://bit.ly/3bXmLmN

คลิกInstagram : https://bit.ly/3AFxMDx

เขียนโดย sqdparts เมื่อ Fri 11 Aug, 2023
อ่านต่อ

     เจ้าของรถหลายคนอาจเคยเห็นปุ่มที่มีหน้าตาแปลกๆ คล้ายกับรถที่กำลังลื่นไถล ทั้งยังมีคำว่า OFF อยู่ด้วยกัน แล้วคุณทราบหรือไม่ว่าปุ่มดังกล่าวมีหน้าที่ทำอะไร แล้วทำไมจึงไม่ควรกดปิดโดยเด็ดขาด เราจะพาคุณไปหาคำตอบกัน

 

ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว คืออะไร?

     รถยนต์ป้ายแดงสมัยนี้ล้วนแต่ถูกติดตั้ง "ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว" มาให้เป็นฟังก์ชันมาตรฐานจากโรงงาน โดยระบบที่ว่านี้อาจมีชื่อเรียกแตกต่างกันไปตามแต่ละผู้ผลิต เช่น Toyota จะใช้คำว่า VSC ที่ย่อมาจาก Vehicle Stability Control, Honda ใช้คำว่า VSA หรือ Vehicle Stability Control หรือกระทั่งรถยุโรปอย่าง Mercedes-Benz ก็เรียกระบบนี้ว่า ESP หรือ Electronic Stability Program เป็นต้น

 

     ไม่ว่าระบบดังกล่าวจะมีชื่อเรียกว่าอย่างไร แต่ทุกระบบล้วนมีหลักการทำงานพื้นฐานเหมือนกันทั้งหมด คือ ช่วยป้องกันไม่ให้รถลื่นไถลออกนอกเส้นทาง โดยเฉพาะบนถนนเปียกที่มีโอกาสเสี่ยงต่อการลื่นไถลได้มากกว่าถนนแห้ง และยังถือเป็นฟังก์ชันความปลอดภัยที่เซฟชีวิตและทรัพย์สินของผู้ใช้รถใช้ถนนมาแล้วนับไม่ถ้วน

ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว ทำงานอย่างไร?

     "ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว" จะอาศัยการทำงานของเซ็นเซอร์จำนวนมากที่ติดตั้งอยู่ในตำแหน่งต่างๆ ของตัวรถ เช่น Yaw Rate Sensor สำหรับตรวจจับการเอียงของตัวรถ, Wheel Speed Sensor จับการหมุนของล้อแต่ละข้าง, Steering Angle Sensor ตรวจจับองศาของพวงมาลัย และอื่นๆ

 

     หากระบบตรวจพบว่ารถเริ่มเสียการทรงตัว ก็จะทำการสั่งลดความเร็วของล้อข้างใดข้างหนึ่งเพื่อแก้อาการของตัวรถ เช่น หากรถเริ่มมีอาการหน้าดื้อขณะเข้าโค้งซ้าย ระบบจะสั่งลดความเร็วของล้อหลังซ้ายด้วยเวลาเพียงเสี้ยววินาทีเพื่อดึงรถกลับมาในเส้นทาง ซึ่งระหว่างนี้ผู้ขับขี่อาจไม่ทราบเลยว่าระบบได้มีการทำงานเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เว้นแต่จะสังเกตเห็นไฟสัญลักษณ์รูปรถลื่นไถลสีเหลืองกระพริบบนหน้าปัดในช่วงระหว่างที่ระบบกำลังทำงานเท่านั้น

 

จำเป็นต้องกดปุ่มที่มีคำว่า OFF หรือไม่?

     โดยปกติแล้วทุกครั้งที่สตาร์ทเครื่องยนต์ ระบบควบคุมเสถียรภาพจะเริ่มทำงานในโหมด Standby เสมอ เผื่อว่าเกิดเหตุฉุกเฉินก็จะสามารถเข้าช่วยเหลือผู้ขับขี่ได้อย่างทันท่วงที แต่หากผู้ขับขี่ต้องการปิดฟังก์ชันดังกล่าว ก็เพียงแค่กดปุ่มรูปรถลื่นไถลที่มีคำว่า OFF กำกับไว้ (บางรุ่นอาจต้องกดค้าง 3-5 วินาที) จนกระทั่งเครื่องหมายรูปเดียวกันปรากฏขึ้นบนหน้าปัด จะเป็นการปิดระบบชั่วคราวจนกว่าจะมีการสตาร์ทเครื่องยนต์อีกครั้ง หรือกดปุ่มซ้ำเพื่อสั่งระบบให้กลับมาทำงานดังเดิม

     อย่างไรก็ดี ผู้ผลิตรถยนต์จะแนะนำให้ปิดการทำงานของระบบควบคุมเสถียรภาพในบางกรณีเท่านั้น เช่น รถติดหล่มโคลนหรือหิมะ การปิดฟังก์ชันดังกล่าวจะช่วยให้ล้อสามารถหมุนฟรีเพื่อเพิ่มโอกาสหลุดออกจากหล่มได้ แต่การขับขี่ในชีวิตประจำวันทั่วไปไม่ควรปิดโดยเด็ดขาด มิเช่นนั้นแล้วอาจเกิดอันตรายจากถนนลื่น โดยเฉพาะในช่วงฤดูฝนที่มีโอกาสเกิดอุบัติเหตุได้ง่ายกว่าฤดูอื่น

 

     ดังนั้น ทางที่ดีคุณไม่ควรไปยุ่งกับปุ่มปิดการทำงานของระบบควบคุมเสถียรภาพโดยเด็ดขาดครับ

 

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com

.

.

.

.

_____________________________________

เราคือตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ

เทอร์โบแท้

IHI TURBO 🇯🇵

GARRETT 🇺🇸

ซื้อกับเราได้สินค้าแท้100%

คุ้มค่ากว่า ใช้งานได้ในระยะยาว

สบายใจกว่า เทอร์โบแท้รับประกันสินค้ายาวนาน

บริการหลังการขายที่ยอดเยี่ยม

โดยทีมงานมืออาชีพ ผู้มีประสบการณ์มากกว่า 24 ปี”

สั่งอะไหล่กับเรา "ออกใบกำกับภาษี" ได้

พร้อมบริการการดูแลหลังการขายตลอดอายุการใช้งาน

⚙️เข้าชมสินค้าทั้งหมดในเว็บไซต์

คลิก: www.sqdparts.com

⚙️สั่งซื้อทางเพจ

คลิก: m.me/sqdparts

⚙️สั่งซื้อผ่านไลน์

คลิก: https://liff.line.me/1645278921-kWRPP32q/?accountId=sqdparts

คลิกYoutube : https://bit.ly/3IAJstu

คลิกTiktok : https://bit.ly/3bXmLmN

คลิกInstagram : https://bit.ly/3AFxMDx

เขียนโดย sqdparts เมื่อ Mon 07 Aug, 2023
อ่านต่อ

     รถยนต์ไฮบริด คืออะไร รถยนต์ไฮบริด หรือ Hybrid Electric Vehicle (HEV) เป็นหนึ่งในประเภทของรถยนต์ไฟฟ้า ที่มีการผสมผสานการทำงานระหว่างเครื่องยนต์กับมอเตอร์ไฟฟ้า

 

รถยนต์ไฮบริด คืออะไร

     รถยนต์ไฮบริด คือรถยนต์ที่ประกอบด้วยเครื่องยนต์สันดาปภายใน พร้อมมีมอเตอร์ไฟฟ้าเสริมกำลังขับเคลื่อน และสนับสนุนการเบรกแบบผันกลับ (Regenerative Braking) เพื่อเก็บสำรองพลังงานในรูปแบบพลังงานไฟฟ้า เป็นการผสมผสานระหว่างเครื่องยนต์กับมอเตอร์ไฟฟ้า ซึ่งทำให้ระบบการขับเคลื่อนมีประสิทธิภาพสูงขึ้น สิ้นเปลืองเชื้อเพลิงต่ำกว่ารถยนต์ปกติ

ประหยัดเชื้อเพลิง

     กำลังที่ผลิตจากเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้า ทำให้อัตราเร่งของรถยนต์สูงกว่ารถยนต์ที่มีเครื่องยนต์ขนาดเดียวกัน อาจใช้เครื่องยนต์รูปแบบพิเศษ เช่น เครื่องยนต์แบบ Atkinson เพื่อเน้นประสิทธิภาพการทำงาน หรือใช้วัสดุน้ำหนักเบา (Lightweight materials) ร่วมด้วยเพื่อลดความสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงอีกต่อหนึ่ง

     ปัจจุบันรถยนต์ไฮบริดในตลาดมีหลายรูปแบบ เช่น Full Hybrid ที่สามารถมีกำลังขับทางไฟฟ้าได้ถึง 100% ขณะที่รูปแบบ Mild Hybrid หมายถึง ชุดส่งกำลังแบบไฮบริดที่มีสัดส่วนกำลังขับโดยเครื่องยนต์ ไม่เกิน 40%

HEV ในตลาดไทย

     ตัวอย่าง รถยนต์ไฮบริดที่วางขายในตลาดเมืองไทย เช่น Toyota Altis Hybrid,Honda CR-V Hybrid 2020 ,Toyota C-HR 2020,Nissan X-trail, Mercedes-Benz C 300 e AMG Dynamic,BMW 745Le xDrive M Sport,Nissan Kicks e-POWER,Honda Accord Hybrid เป็นต้น

 

ขอบคุณข้อมูลจาก autospinn.com

.

.

.

.

_____________________________________

เราคือตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ

เทอร์โบแท้

IHI TURBO 🇯🇵

GARRETT 🇺🇸

ซื้อกับเราได้สินค้าแท้100%

คุ้มค่ากว่า ใช้งานได้ในระยะยาว

สบายใจกว่า เทอร์โบแท้รับประกันสินค้ายาวนาน

บริการหลังการขายที่ยอดเยี่ยม

โดยทีมงานมืออาชีพ ผู้มีประสบการณ์มากกว่า 24 ปี”

สั่งอะไหล่กับเรา "ออกใบกำกับภาษี" ได้

พร้อมบริการการดูแลหลังการขายตลอดอายุการใช้งาน

⚙️เข้าชมสินค้าทั้งหมดในเว็บไซต์

คลิก: www.sqdparts.com

⚙️สั่งซื้อทางเพจ

คลิก: m.me/sqdparts

⚙️สั่งซื้อผ่านไลน์

คลิก: https://liff.line.me/1645278921-kWRPP32q/?accountId=sqdparts

คลิกYoutube : https://bit.ly/3IAJstu

คลิกTiktok : https://bit.ly/3bXmLmN

คลิกInstagram : https://bit.ly/3AFxMDx

เขียนโดย sqdparts เมื่อ Fri 26 May, 2023
อ่านต่อ
แสดง รายการ
ร้านค้าออนไลน์ และ ขายของออนไลน์ โดย © 2006-2024 Vevo Systems Co., Ltd.