×
ผลการค้นหา : FORD
แสดง รายการ

     ทุกวันนี้รถยนต์ที่คุณใช้งานไม่ว่าจะเป็นรถปกติ, รถไฮบริต และ รถไฟฟ้า จะต้องมีระบบระบายความร้อนด้วยน้ำที่คุณต้องดูน้ำพักหม้อน้ำเพื่อดูว่าระดับยังปกติไหม และถ้าใช้งานอยู่ดีๆ น้ำลดลงไปการหามาเติมด้วยความที่มีหลายแบบหลายสีไปหมด คุณอาจจะเผลอเอาน้ำสีอื่นมาเติมหวังว่าจะผสมเพื่อเกินสีใหม่ แต่รู้หรือไม่สิ่งเหล่านี้ที่ทำอาจจะทำให้รถของคุณพังเร็ว วันนี้ เราจะมาเฉลยว่าน้ำหม้อน้ำแต่ละสีทำอะไร และบอกว่าถ้าเติมผิดจะเกิดอะไรขึ้นรวมถึงการเติมให้ถูกต้องทำอย่างไร

สีของน้ำยาหล่อเย็น บอกอะไรเรา?

ในอดีต สีของน้ำยาหล่อเย็นเคยใช้เป็นตัวบ่งชี้เทคโนโลยีและสารเคมีที่ใช้ แต่ในปัจจุบัน สีไม่ใช่มาตรฐานสากลอีกต่อไป ผู้ผลิตแต่ละรายอาจใช้สีที่แตกต่างกันไปในเทคโนโลยีเดียวกันได้ อย่างไรก็ตาม เรายังสามารถใช้สีเป็นแนวทางเบื้องต้นในการแบ่งกลุ่มเทคโนโลยีหลักๆ ได้ดังนี้

  • สีเขียว (Green): เป็นสีของน้ำยาหล่อเย็นยุคดั้งเดิม มักใช้เทคโนโลยี IAT (Inorganic Additive Technology) ซึ่งมีส่วนผสมของสารอนินทรีย์ เช่น ซิลิเกต (Silicate) และฟอสเฟต (Phosphate) ในการเคลือบเพื่อป้องกันการกัดกร่อน มีอายุการใช้งานสั้นที่สุด คือประมาณ 2 ปี หรือ 40,000 กิโลเมตร เหมาะสำหรับรถยนต์รุ่นเก่าๆ
  • สีชมพู หรือ สีแดง (Pink / Red): เป็นสีที่นิยมใช้ในน้ำยาหล่อเย็นยุคใหม่ที่ใช้เทคโนโลยี OAT (Organic Acid Technology) ซึ่งใช้กรดอินทรีย์เป็นสารยับยั้งการกัดกร่อน ไม่มีส่วนผสมของซิลิเกตและฟอสเฟต ทำให้มีอายุการใช้งานยาวนานมาก (Long Life Coolant) ตั้งแต่ 5 ปี หรือ 160,000 กิโลเมตรขึ้นไป มักพบในรถยนต์รุ่นใหม่ๆ จากค่ายญี่ปุ่น (เช่น Toyota, Honda) และค่ายอเมริกัน (GM)
  • สีฟ้า สีส้ม หรือ สีเหลือง (Blue / Orange / Yellow): มักเป็นกลุ่มเทคโนโลยี HOAT (Hybrid Organic Acid Technology) ซึ่งเป็นการผสมผสานข้อดีของแบบ IAT และ OAT เข้าด้วยกัน โดยใช้กรดอินทรีย์ร่วมกับสารอนินทรีย์ (เช่น ซิลิเกต) เพื่อให้การป้องกันที่รวดเร็วและมีอายุการใช้งานที่ยาวนาน มักใช้ในรถยนต์ค่ายยุโรป (เช่น BMW, Mercedes-Benz) และค่ายอเมริกันบางรุ่น (เช่น Ford, Chrysler)

เติมน้ำหม้อผิดสีจะเกิดอะไรขึ้น

หากรู้เรื่องน้ำหม้อน้ำแล้ว แต่ยังฝืนที่จะเต็มผิด เช่นเทคโนโลยีต่างกัน (เช่น เอาสีเขียว IAT ไปผสมกับสีชมพู OAT) สารเคมีที่อยู่ในน้ำยาทั้งสองชนิดจะทำปฏิกิริยาต่อต้านกันเอง ซึ่งจะนำไปสู่ผลลัพธ์เลวร้ายดังนี้

กลายเป็นวุ้นหรือเจล

เรื่่องแรกคือปัญหาที่พบบ่อยที่สุด สารยับยั้งการกัดกร่อนที่ไม่เข้ากันจะทำปฏิกิริยากันและจับตัวเป็นก้อนหนาคล้ายวุ้นหรือเจลเหนียวๆ

เกิดการอุดตัน

หากเติมผิดมักจะมีสิ่งที่สังเกตได้คือ การเกิด วุ้น เจล หรือตะกอนที่เกิดขึ้น จะลอยไปอุดตันตามส่วนต่างๆ ของระบบระบายความร้อน โดยเฉพาะในช่องทางที่แคบ เช่น รังผึ้งหม้อน้ำ (Radiator Core), ท่อทางเดินน้ำ และ ฮีทเตอร์คอร์ (Heater Core) ที่ใช้ทำความร้อนในห้องโดยสาร

ประสิทธิภาพการระบายความร้อนลดลงอย่างรุนแรง

เมื่อระบบอุดตัน น้ำยาหล่อเย็นจะไม่สามารถไหลเวียนเพื่อนำความร้อนออกจากเครื่องยนต์ได้สะดวก ทำให้ เครื่องยนต์ร้อนจัด (Overheating) ซึ่งเป็นอันตรายอย่างยิ่ง

สูญเสียคุณสมบัติป้องกันสนิม

ปฏิกิริยาเคมีจะทำให้สารป้องกันการกัดกร่อนในน้ำยาทั้งสองชนิดเสื่อมสภาพลงอย่างรวดเร็ว ทำให้ชิ้นส่วนโลหะภายในเครื่องยนต์และหม้อน้ำที่สัมผัสกับน้ำโดยตรง เกิดสนิมและการกัดกร่อนได้ง่ายขึ้น

ชิ้นส่วนสำคัญเสียหาย

  • ปั๊มน้ำ ตะกอนแข็งที่เกิดขึ้นอาจไปทำลายซีลของปั๊มน้ำ ทำให้เกิดการรั่วซึมและปั๊มน้ำพังได้
  • เครื่องยนต์ หากปล่อยให้เครื่องยนต์ร้อนจัดเป็นเวลานาน อาจทำให้เกิดความเสียหายร้ายแรง เช่น ปะเก็นฝาสูบแตก หรือฝาสูบโก่ง ซึ่งมีค่าใช้จ่ายในการซ่อมสูงมาก

ดังนั้นหากเติมผิดถ้ารถยังไม่ติดเครื่องควรถ่ายออก แต่ถ้าเติมออกจากอู่และไม่ได้เช็ค ก่อนออกจากอู่ควรหยุดรถเช็คก่อนว่าน้ำหม้อน้ำผิดปกติหรือไม่ แนะนำให้ถ่ายภาพก่อนที่จะเปลี่ยนสีของน้ำหม้อน้ำเดิมไว้ก่อนดีกว่า

การเติมน้ำหม้อน้ำให้ถูกต้องทำอย่างไร

หากรถของคุณยังอยู่ในระยะประกันหรือสายเข้าศูนย์ตลอดเวลาเรื่องนี้อาจจะไม่ต้องคิดอะไร แต่ถ้าคนที่ไม่อยากเข้าศูนย์เพราะประหยัดเงิน จะต้องทำสิ่งต่างๆ ดังนี้

  • เปิดคู่มือประจำรถ ถือเป็นวิธีที่ดีและแม่นยำที่สุด ในคู่มือจะระบุชนิดหรือมาตรฐาน (Specification) ของน้ำยาหล่อเย็นที่ผู้ผลิตรถยนต์แนะนำไว้อย่างชัดเจน เช่น "Use Toyota Super Long Life Coolant" หรือ "Meets GM Dex-Cool specifications"
  • ดูที่ฉลากผลิตภัณฑ์ เมื่อไปเลือกซื้อ อย่าดูแค่สี! ให้อ่านฉลากข้างขวดอย่างละเอียด มองหาว่าน้ำยาหล่อเย็นนั้นเป็นประเภท IAT, OAT หรือ HOAT และผ่านการรับรองมาตรฐานสำหรับรถยนต์ยี่ห้อใดบ้าง
  • ใช้ของเดิมเป็นเกณฑ์ หากไม่แน่ใจ และน้ำยาหล่อเย็นในรถยังเป็นของเดิมจากโรงงาน ให้ใช้สีเดิมเป็นแนวทางเบื้องต้น แล้วหาซื้อน้ำยาหล่อเย็นที่มี "เทคโนโลยี" เดียวกัน (ซึ่งมักจะเป็นสีเดียวกันสำหรับยี่ห้อนั้นๆ)
  • ปรึกษาศูนย์บริการหรือช่างผู้ชำนาญ หากยังไม่มั่นใจ การสอบถามจากศูนย์บริการของรถยนต์ยี่ห้อนั้นๆ หรืออู่ซ่อมรถที่ไว้ใจได้ คือทางออกที่ปลอดภัยที่สุด

โดยสรุปแล้วการเลือกน้ำยาหล่อเย็นที่ถูกต้อง ควรให้ความสำคัญกับ "เทคโนโลยี (IAT, OAT, HOAT)" และ "มาตรฐานที่ผู้ผลิตรถยนต์แนะนำ" เป็นหลัก โดยใช้สีเป็นเพียงแนวทางเบื้องต้น การดูแลรักษาระบบหล่อเย็นอย่างถูกวิธีจะช่วยยืดอายุการใช้งานของเครื่องยนต์ ป้องกันปัญหารถความร้อนขึ้น และช่วยให้คุณขับขี่ได้อย่างมั่นใจและปลอดภัย

 

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com

.

.

.

.

_____________________________________

เราคือตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ

เทอร์โบแท้

IHI TURBO 🇯🇵

GARRETT 🇺🇸

MITSUBISHI TURBOCHARGER 🇯🇵

ซื้อกับเราได้สินค้าแท้100%

คุ้มค่ากว่า ใช้งานได้ในระยะยาว

สบายใจกว่า เทอร์โบแท้รับประกันสินค้ายาวนาน

บริการหลังการขายที่ยอดเยี่ยม

โดยทีมงานมืออาชีพ ผู้มีประสบการณ์มากกว่า 24 ปี”

สั่งอะไหล่กับเรา "ออกใบกำกับภาษี" ได้

พร้อมบริการการดูแลหลังการขายตลอดอายุการใช้งาน

⚙️เข้าชมสินค้าทั้งหมดในเว็บไซต์

คลิก: www.sqdparts.com

⚙️สั่งซื้อทางเพจ

คลิก: m.me/sqdparts

⚙️สั่งซื้อผ่านไลน์

คลิก: https://liff.line.me/1645278921-kWRPP32q/?accountId=sqdparts

คลิกYoutube : https://bit.ly/3IAJstu

คลิกTiktok : https://bit.ly/3bXmLmN

คลิกInstagram : https://bit.ly/3AFxMDx

เขียนโดย sqdparts เมื่อ Wed 13 Aug, 2025
อ่านต่อ

     แนะนำรถมือสองรุ่นใหญ่ 7 ที่นั่ง ในงบประมาณไม่เกิน 3 แสนบาท เหมาะสำหรับครอบครัวขยาย หรือดัดแปลงเพื่อนำไปใช้งานแบบแคมปิ้งก็ดี จะมีรุ่นไหนให้เลือกบ้างไปดูกันเลย

 

แนะนำรถมือสอง 7 ที่นั่ง ราคาไม่เกิน 300,000 บาท

Toyota Wish รุ่นปี 2004 - 2009

ราคามือสองโดยประมาณ 210,000 - 310,000 บาท

     อันที่จริงต้องบอกว่า Toyota Wish เป็นรถแบบ 6 ที่นั่งเสียมากกว่า เพราะทุกรุ่นย่อยจะมาพร้อมเบาะนั่งแถวที่ 2 แบบกัปตันซีทแยกออกจากกัน สามารถปรับได้อย่างอิสระ มีจุดเด่นอยู่ที่ช่วงล่างแน่นหนึบเน้นความสปอร์ต เหมาะสำหรับผู้ที่ชอบขับรถเร็ว ติดตั้งเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ขนาด 2.0 ลิตร กำลังสูงสุด 150 แรงม้า ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 4 จังหวะ

 

Toyota Innova (โฉมแรก) รุ่นปี 2006 - 2011

ราคามือสองโดยประมาณ 190,000 - 280,000 บาท

     Toyota Innova โฉมแรกใช้พื้นฐานเดียวกับ Hilux Vigo และ Vigo Champ จึงมีจุดเด่นอยู่ที่ความทนทาน อะไหล่หาง่าย ค่าบำรุงรักษาไม่แพง โดยมากแล้วจะเป็นเครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตร ซึ่งหากใครกังวลเรื่องอัตราสิ้นเปลืองก็สามารถนำไปติดตั้งแก๊สได้ แต่หากได้เครื่องยนต์ดีเซล 2.5 ลิตร ก็จะโดดเด่นในเรื่องของสมรรถนะและมีอัตราสิ้นเปลืองต่ำ แลกมาด้วยค่าตัวที่สูงกว่ารุ่นเบนซินพอสมควร

 

Isuzu MU-7 (โฉมไมเนอร์เชนจ์) รุ่นปี 2017 - 2012

ราคามือสองโดยประมาณ 250,000 - 420,000 บาท

     Isuzu MU-7 โฉมสุดท้ายก่อนเปลี่ยนเป็น MU-X เป็นอีกหนึ่งรุ่นยอดนิยม โดยเฉพาะราคามือสองที่เข้าถึงได้ง่าย แม้ว่าหน้าตาอาจจะไม่โดนใจนัก แต่ก็แลกมาด้วยความทนทานสไตล์อีซูซุ ซ่อมบำรุงรักษาไม่ยาก พร้อมด้วยห้องโดยสารกว้างขวางเหมาะสำหรับการใช้งานในครอบครัว

 

Honda Odyssey (RA6) รุ่นปี 2001 - 2005

ราคามือสองโดยประมาณ 190,000 - 280,000 บาท

     Honda Odyssey เจเนอเรชันที่ 2 รหัสตัวถัง RA6 ยังคงมีรูปลักษณ์ที่สวยงามน่าใช้ ซ่อมบำรุงง่าย ระบบเครื่องยนต์ไม่ซับซ้อน เพราะเป็นเครื่องบล็อกเดียวกับ Accord แต่น่าเสียดายที่เบาะนั่งแถวที่ 2 ไม่ใช่แบบกัปตันซีทแยกเหมือนกับเจเนอเรชันแรก แต่ถึงกระนั้นก็ถือว่าเป็นรถเอ็มพีวีรุ่นหนึ่งที่น่าใช้งานแลกกับค่าตัวเริ่มต้นไม่ถึง 2 แสนบาท

 

Mitsubishi Space Wagon (รุ่นปี 2005 - 2011)

ราคามือสองโดยประมาณ 190,000 - 370,000 บาท

     อดีตรถเอ็มพีวีระดับแฟลกชิปของค่ายมิตซูบิชิ ปัจจุบันมีค่าตัวในระดับที่เข้าถึงได้ง่าย ส่วนใหญ่จะป้วนเปี้ยนในระดับ 2 - 3 แสนบาทขึ้นอยู่กับรุ่นปี ห้องโดยสารกว้างขวางรองรับครอบครัวขนาดใหญ่ แต่เครื่องยนต์ 2.4 ลิตร ที่ต้องแบกรับน้ำหนักบอดี้อันใหญ่โตก็ถือว่าตอบสนองได้แต่พอใช้ และขึ้นชื่อว่ากินน้ำมันโหด แต่หากหันไปคบแอลพีจีก็สบายใจได้ในระดับหนึ่ง

 

Ford Everest (โฉมไมเนอร์เชนจ์) รุ่นปี 2007 - 2011

ราคามือสองโดยประมาณ 270,000 - 350,000 บาท

     งบไม่เกินสามแสนก็สามารถเป็นเจ้าของ Ford Everest เจเนอเรชันแรกได้ แนะนำให้เล่นรุ่นปรับโฉมไมเนอร์เชนจ์ที่ได้เครื่องยนต์ดีเซลคอมมอนเรล Duratorq แล้ว เนื่องจากพละกำลังดีกว่า อัตราสิ้นเปลืองต่ำกว่า และรูปโฉมที่ดูทันสมัยมากกว่า

 

Kia Grand Carnival รุ่นปี 2006 - 2012

ราคามือสองโดยประมาณ 260,000 - 420,000 บาท

     Kia Grand Carnaval เป็นรถ 11 ที่นั่งแท้ๆ มีพื้นที่ภายในห้องโดยสารกว้างขวาง เพดานโปร่ง พร้อมเครื่องยนต์ดีเซล 2.9 ลิตรที่มีเรี่ยวแรงใช้ได้ ขับทางไกลสบาย แต่ต้องใส่ใจในด้านบำรุงรักษากันสักนิด โดยเฉพาะการหาอู่เฉพาะทางเพื่อซ่อมแซมปัญหาต่างๆ ที่จะทยอยเกิดตามอายุการใช้งาน

 

     ทั้งนี้ การเลือกซื้อรถมือสองจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องดูสภาพรถให้รอบคอบ ต้องไม่ผ่านการชนหนัก หรือพลิกคว่ำ สามารถตรวจสอบประวัติการซ่อมบำรุงที่ผ่านมาได้ ทางที่ดีหากดูรถมือสองไม่เป็นแล้วล่ะก็ ควรพาช่างหรือผู้เชี่ยวชาญไปช่วยเลือกด้วย เพื่อให้ได้รถที่มีสภาพดีเหมาะกับการใช้งานมากที่สุดครับ

 

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com

.

.

.

.

_____________________________________

เราคือตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ

เทอร์โบแท้

IHI TURBO 🇯🇵

GARRETT 🇺🇸

MITSUBISHI TURBOCHARGER 🇯🇵

ซื้อกับเราได้สินค้าแท้100%

คุ้มค่ากว่า ใช้งานได้ในระยะยาว

สบายใจกว่า เทอร์โบแท้รับประกันสินค้ายาวนาน

บริการหลังการขายที่ยอดเยี่ยม

โดยทีมงานมืออาชีพ ผู้มีประสบการณ์มากกว่า 24 ปี”

สั่งอะไหล่กับเรา "ออกใบกำกับภาษี" ได้

พร้อมบริการการดูแลหลังการขายตลอดอายุการใช้งาน

⚙️เข้าชมสินค้าทั้งหมดในเว็บไซต์

คลิก: www.sqdparts.com

⚙️สั่งซื้อทางเพจ

คลิก: m.me/sqdparts

⚙️สั่งซื้อผ่านไลน์

คลิก: https://liff.line.me/1645278921-kWRPP32q/?accountId=sqdparts

คลิกYoutube : https://bit.ly/3IAJstu

คลิกTiktok : https://bit.ly/3bXmLmN

คลิกInstagram : https://bit.ly/3AFxMDx

เขียนโดย sqdparts เมื่อ Fri 06 Jun, 2025
อ่านต่อ

     กระบะไฟฟ้าขนาดกลางไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป เพราะก่อนหน้านี้ Isuzu ประกาศเตรียมเปิดตัว D-Max EV ภายในปี 2025 ขณะที่ Toyota ก็มีแผนเปิดตัว Hilux (หรือ Hilux Revo) เวอร์ชันไฟฟ้าล้วนในปี 2026 และล่าสุด Ford ก็ประกาศเตรียมเปิดตัว Ranger EV ในอีก 3 ปีข้างหน้านี้

 

อันที่จริง Ford ไม่ได้ประกาศเตรียมเปิดตัว Ranger EV ชัดๆ เสียทีเดียว หากแต่ระบุว่ามีแผนเปิดตัวรถกระบะขนาดกลางขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าที่พัฒนาขึ้นบนแพล็ตฟอร์มใหม่ภายในปี 2027 นี้ โดยเน้นจับกลุ่มลูกค้าที่มองหาความคุ้มค่า ระยะทางขับขี่ที่มากกว่า อเนกประสงค์กว่า และรองรับการใช้งานได้หลากหลาย

 

จึงมีความเป็นไปได้สูงว่ารถกระบะรุ่นดังกล่าวก็คือ Ranger ที่วางจำหน่ายในปัจจุบัน ขณะที่ "แพล็ตฟอร์มใหม่" ก็เป็นไปได้ว่าอาจจะเป็น Ranger ที่พัฒนาขึ้นบนแพล็ตฟอร์มใหม่ทั้งหมด หรือ Ranger EV อาจถูกพัฒนาขึ้นบนแพล็ตฟอร์มสำหรับระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าโดยเฉพาะก็เป็นได้

 

ก่อนหน้านี้ ฟอร์ตเผยโฉม Ranger PHEV ขุมพลัง Plug-in Hybrid เมื่อเดือนกันยายนปีที่แล้ว โดยมีกำหนดเริ่มวางจำหน่ายตั้งแต่ปี 2025 เป็นต้นไป ซึ่งจะมาพร้อมเครื่องยนต์เบนซิน 2.3 EcoBoost ควบคู่กับมอเตอร์และแบตเตอรี่ที่ให้ระยะทางขับขี่ในโหมดไฟฟ้าสูงสุด 45 กม. ทั้งยังมีฟังก์ชัน Pro Power Onboard ที่สามารถจ่ายไฟให้กับอุปกรณ์ไฟฟ้าภายนอกได้

 

ส่วนความคืบหน้าของ Ford Ranger EV ต้องรอรายละเอียดกันอีกครั้ง

 

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com

.

.

.

.

_____________________________________

เราคือตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ

เทอร์โบแท้

IHI TURBO 🇯🇵

GARRETT 🇺🇸

MITSUBISHI TURBOCHARGER 🇯🇵

ซื้อกับเราได้สินค้าแท้100%

คุ้มค่ากว่า ใช้งานได้ในระยะยาว

สบายใจกว่า เทอร์โบแท้รับประกันสินค้ายาวนาน

บริการหลังการขายที่ยอดเยี่ยม

โดยทีมงานมืออาชีพ ผู้มีประสบการณ์มากกว่า 24 ปี”

สั่งอะไหล่กับเรา "ออกใบกำกับภาษี" ได้

พร้อมบริการการดูแลหลังการขายตลอดอายุการใช้งาน

⚙️เข้าชมสินค้าทั้งหมดในเว็บไซต์

คลิก: www.sqdparts.com

⚙️สั่งซื้อทางเพจ

คลิก: m.me/sqdparts

⚙️สั่งซื้อผ่านไลน์

คลิก: https://liff.line.me/1645278921-kWRPP32q/?accountId=sqdparts

คลิกYoutube : https://bit.ly/3IAJstu

คลิกTiktok : https://bit.ly/3bXmLmN

คลิกInstagram : https://bit.ly/3AFxMDx

เขียนโดย sqdparts เมื่อ Wed 11 Sep, 2024
อ่านต่อ

     Toyota EPU ต้นแบบกระบะไฟฟ้าขนาดกลางขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าล้วน 100% พร้อมโครงสร้างแบบ Monocoque ถูกเผยโฉมครั้งแรกในโลกที่งาน Japan Mobility Show 2023 ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น

Toyota EPU เป็นต้นแบบรถกระบะขนาดกลางขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า (BEV) มาพร้อมตัวถังแบบ 4 ประตู Double Cab และโครงสร้างที่สามารถปรับเปลี่ยนพื้นที่กระบะท้ายได้อย่างหลากหลายตามลักษณะการใช้งาน

 

ตัวถังของ Toyota EPU มีขนาดความยาวเพียง 5,070 มม. (Toyota Hilux Revo Double Cab มีความยาวตลอดคันอยู่ที่ 5,325 มม.) ความกว้าง 1,910 มม. ความสูง 1,710 มม. และความยาวฐานล้อ 3,350 มม. ซึ่งถือว่ามีขนาดใกล้เคียงกับ Ford Meverick ที่พัฒนาขึ้นบนพื้นฐานโครงสร้างแบบโมโนค็อกเช่นกัน พร้อมห้องโดยสารที่สามารถรองรับได้ 5 ที่นั่ง

 

โตโยต้าระบุว่าห้องโดยสารด้านหลังของ EPU ถูกออกแบบให้เชื่อมต่อกับพื้นที่กระบะท้ายเพื่อรองรับการใช้งานที่หลากหลาย สามารถตอบสนองการใช้งานเชิงไลฟ์สไตล์ รวมถึงการทำกิจกรรมนอกบ้านที่กำลังเป็นที่นิยมในปัจจุบัน

ภายในห้องโดยสารถูกตกแต่งเน้นความทันสมัย โดดเด่นด้วยพวงมาลัยแบบ Yoke คล้ายคันบังคับของเครื่องบิน ติดตั้งหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่และจออินโฟเทนเมนท์ที่จัดวางให้เหลื่อมกัน อีกทั้งยังนำปุ่มเลือกตำแหน่งเกียร์ไปติดตั้งไว้บริเวณส่วนข้างของหน้าจออีกด้วย

 

ปัจจุบันโตโยต้ายังไม่เปิดเผยรายละเอียดทางเทคนิคของ EPU ออกมา เพียงแต่ระบุว่าจะใช้พลังงานไฟฟ้าในการขับเคลื่อน อีกทั้งยังมีการออกแบบให้มีจุดศูนย์ถ่วงต่ำเป็นพิเศษเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบังคับเลี้ยวและความสบายในการโดยสาร

ขณะเดียวกัน โตโยต้ายังได้เผยโฉม LAND CRUISER Se ที่ได้รับการพัฒนาให้เป็นรถเอสยูวีพลังงานไฟฟ้าล้วน 100% (BEV) และยังถือได้ว่าเป็นเอสยูวีตระกูล Land Cruiser รุ่นแรกที่หันไปใช้ระบบขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงไปในปัจจุบัน

 

LAND CRUISER Se ถูกพัฒนาขึ้นบนโครงสร้างแบบ Monocoque ที่โตโยต้าระบุว่าให้ประสิทธิภาพการบังคับเลี้ยวที่ยอดเยี่ยม ควบคู่ไปกับความมั่นใจขณะขับขี่บนเส้นทางทุรกันดาร ขณะที่ความเงียบของระบบขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าจะช่วยเพิ่มความสบายแก่ผู้โดยสารทั้งการขับขี่ในเมืองและบนเส้นทางแบบ On-road

ส่วนอนาคตรถยนต์ต้นแบบทั้ง 2 รุ่นจะถูกพัฒนาต่อยอดอย่างไรต้องติดตามกันอีกครั้ง

 

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com

.

.

.

.

_____________________________________

เราคือตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ

เทอร์โบแท้

IHI TURBO 🇯🇵

GARRETT 🇺🇸

MITSUBISHI TURBOCHARGER 🇯🇵

ซื้อกับเราได้สินค้าแท้100%

คุ้มค่ากว่า ใช้งานได้ในระยะยาว

สบายใจกว่า เทอร์โบแท้รับประกันสินค้ายาวนาน

บริการหลังการขายที่ยอดเยี่ยม

โดยทีมงานมืออาชีพ ผู้มีประสบการณ์มากกว่า 24 ปี”

สั่งอะไหล่กับเรา "ออกใบกำกับภาษี" ได้

พร้อมบริการการดูแลหลังการขายตลอดอายุการใช้งาน

⚙️เข้าชมสินค้าทั้งหมดในเว็บไซต์

คลิก: www.sqdparts.com

⚙️สั่งซื้อทางเพจ

คลิก: m.me/sqdparts

⚙️สั่งซื้อผ่านไลน์

คลิก: https://liff.line.me/1645278921-kWRPP32q/?accountId=sqdparts

คลิกYoutube : https://bit.ly/3IAJstu

คลิกTiktok : https://bit.ly/3bXmLmN

คลิกInstagram : https://bit.ly/3AFxMDx

เขียนโดย sqdparts เมื่อ Mon 30 Oct, 2023
อ่านต่อ

     Ford Ranger Plug-in Hybrid ใหม่ ถูกเผยโฉมครั้งแรกที่ออสเตรเลีย พร้อมขุมพลังเบนซินเทอร์โบ EcoBoost 2.3 ลิตร และมอเตอร์ไฟฟ้า สามารถขับขี่ได้เป็นระยะทางสูงสุด 45 กิโลเมตรเมื่อชาร์จแบตเตอรี่จนเต็ม มีแผนวางจำหน่ายภายในปี 2025 ที่จะถึงนี้

     Ford Australia เผยโฉม Ranger Plug-in Hybrid ใหม่ ซึ่งขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบ EcoBoost ขนาด 2.3 ลิตร ผสานเข้ากับมอเตอร์ไฟฟ้าและแบตเตอรี่ ให้แรงบิดที่มากกว่า Ranger รุ่นอื่นๆ ทั้งหมด สามารถขับขี่ในโหมดไฟฟ้าได้ไกลสูงสุดราว 45 กิโลเมตรต่อการชาร์จแต่ละครั้ง (ระยะทางคาดการณ์ภายใต้มาตรฐานการทดสอบ WLTP) โดยไม่ปล่อยมลพิษจากท่อไอเสียเลยแม้แต่น้อย

 

     ฟอร์ดระบุว่าระยะทางขับขี่ในโหมดไฟฟ้าของ Ford Ranger Plug-in Hybrid ครอบคลุมการใช้งานในชีวิตประจำวันของผู้ที่ใช้กระบะ Ranger ในออสเตรเลียจำนวนกว่าครึ่งหนึ่งที่มักเดินทางเป็นระยะประมาณ 40 กิโลเมตรต่อวันหรือน้อยกว่านั้น และยังสามารถรองรับน้ำหนักลากจูงได้สูงสุด 3,500 กิโลกรัมเช่นเดียวกับ Ranger รุ่นปกติอีกด้วย

     สำหรับเวอร์ชันไฮบริดจะถูกติดตั้งระบบ Pro Power Onboard ที่มาพร้อมช่องจ่ายไฟทั้งบริเวณกระบะท้ายและภายในห้องโดยสาร ช่วยให้เจ้าของรถสามารถใช้งานอุปกรณ์ไฟฟ้าในพื้นที่ห่างไกลโดยไม่จำเป็นต้องบรรทุกเครื่องปั่นไฟไปด้วยเหมือนแต่ก่อน ซึ่งนอกจากจะเพิ่มความสะดวกในการใช้งานแล้ว ยังช่วยให้มีพื้นที่เหลือสำหรับการบรรทุกสิ่งของที่จำเป็นอื่นๆ ได้อีกต่างหาก

 

     นอกจากนี้ Ford Ranger Plug-in Hybrid จะมาพร้อมระบบขับเคลื่อนสี่ล้อและโหมดการขับขี่ที่หลากหลาย สามารถเลือกโหมดการขับขี่แบบ EV ได้ รวมถึงติดตั้งระบบช่วยเหลือการขับขี่และระบบความปลอดภัยขั้นสูงมาให้อย่างครบครัน

     ส่วนแผนการวางจำหน่ายในประเทศไทยต้องติดตามความคืบหน้าอีกครั้ง

 

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com

.

.

.

.

_____________________________________

เราคือตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ

เทอร์โบแท้

IHI TURBO 🇯🇵

GARRETT 🇺🇸

ซื้อกับเราได้สินค้าแท้100%

คุ้มค่ากว่า ใช้งานได้ในระยะยาว

สบายใจกว่า เทอร์โบแท้รับประกันสินค้ายาวนาน

บริการหลังการขายที่ยอดเยี่ยม

โดยทีมงานมืออาชีพ ผู้มีประสบการณ์มากกว่า 24 ปี”

สั่งอะไหล่กับเรา "ออกใบกำกับภาษี" ได้

พร้อมบริการการดูแลหลังการขายตลอดอายุการใช้งาน

⚙️เข้าชมสินค้าทั้งหมดในเว็บไซต์

คลิก: www.sqdparts.com

⚙️สั่งซื้อทางเพจ

คลิก: m.me/sqdparts

⚙️สั่งซื้อผ่านไลน์

คลิก: https://liff.line.me/1645278921-kWRPP32q/?accountId=sqdparts

คลิกYoutube : https://bit.ly/3IAJstu

คลิกTiktok : https://bit.ly/3bXmLmN

คลิกInstagram : https://bit.ly/3AFxMDx

เขียนโดย sqdparts เมื่อ Wed 20 Sep, 2023
อ่านต่อ

     ปัญหา "ขี้นก" แม้ว่าจะดูเป็นปัญหาเล็กๆ แต่ก็อาจสร้างความหงุดหงิดกวนใจเจ้าของรถได้ไม่น้อย เพราะนอกจากจะทำให้รถดูสกปรกมากขึ้นแล้ว หากปล่อยคราบมูลนกทิ้งไว้เป็นระยะเวลานาน ก็อาจสร้างความเสียหายให้กับสีรถได้อีกด้วย

 

     Halfords ซึ่งเป็นตัวแทนจำหน่ายอุปกรณ์ด้านยานยนต์ชื่อดังแห่งสหราชอาณาจักร เปิดเผยผลสำรวจจากผู้ใช้รถจำนวน 1,140 ราย พบว่ารถยนต์ "สีแดง" มีโอกาสที่จะถูกนกทิ้งคราบมูลสูงสุดเป็นอันดับที่ 1 อยู่ที่ 18% ตามด้วย "สีน้ำเงิน" เป็นอันดับที่ 2 อยู่ที่ 14% ส่วนสีตัวถังที่มีโอกาสเสี่ยงมูลนกตกใส่น้อยที่สุดกลับกลายเป็น "สีเขียว" ซึ่งผลสำรวจระบุว่ามีเพียง 1% เท่านั้น

 

     แม้ว่าจะไม่มีทฤษฎีที่ชัดเจนออกมารองรับว่าทำไมนกจึงเลือกที่จะปล่อยมูลใส่รถสีใดสีหนึ่งมากเป็นพิเศษ แต่เจ้าของรถ Lexus รายหนึ่งแสดงความคิดเห็นว่า นกจะเลือกปล่อยมูลใส่รถที่เพิ่งล้างเสร็จใหม่ๆ เนื่องจากพวกมันสามารถมองเห็นเงาสะท้อนบนตัวถังได้ ขณะที่เจ้าของรถ Ford รายหนึ่งระบุเพิ่มเติมว่า สีรถเฉดเข้ม เช่น สีดำ, สีแดง, สีน้ำเงิน ฯลฯ จะยิ่งเพิ่มเงาสะท้อนของพวกมันให้สามารถมองเห็นตัวเองได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น จึงทำให้มีโอกาสที่จะถูกมูลนกตกใส่ได้มากกว่า

 

     อย่างไรก็ดี ผู้ตอบแบบสอบถามรายหนึ่งแสดงความคิดเห็นว่า สีรถไม่ได้มีผลโดยตรงต่อการถูกมูลนกตกใส่ หากแต่เป็นตำแหน่งที่เจ้าของรถนำรถไปจอดมากกว่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริเวณใต้ต้นไม้, ระแนงหลังคา และอื่นๆ

     นอกจากนี้ การสำรวจดังกล่าวยังครอบคลุมไปถึงการทำความสะอาดคราบมูลนกบนตัวถังรถยนต์ โดยมีเพียง 17% ระบุว่าพวกเขารีบเช็ดคราบมูลนกออกในทันทีที่พบเห็น ขณะที่อีก 20% ระบุว่าพวกเขาจะทำการเช็ดออกภายใน 2-3 วัน แต่ที่น่าตกใจกว่านั้น คือ ผู้ตอบแบบสำรวจจำนวนถึง 55% ระบุว่าพวกเขาจะไม่ลงมือทำอะไรเลยทั้งสิ้นจนกว่าจะถึงคราวล้างรถในครั้งถัดไป

 

     Autoglym ซึ่งเป็นแบรนด์ผู้ผลิตน้ำยาขัดสีรถชื่อดังระบุว่า สาเหตุที่สีรถจะได้รับความเสียหายจากมูลนก ไม่ได้เป็นเพราะค่ากรดหรือด่างของมูลนกแต่อย่างใด หากแต่เป็นเพราะมูลนกจะทำให้แล็กเกอร์ที่เคลือบสีรถเอาไว้เกิดการอ่อนตัวและขยายออก ทำให้เกิดการเสื่อมสภาพของแล็กเกอร์ที่ถูกมูลนกตกใส่ ก่อให้เกิดเป็นรอยด้านที่ยากต่อการทำความสะอาด

 

     ดังนั้น ไม่ว่าคุณจะขับรถสีไหนอยู่ก็ตาม หากพบว่ามีขี้นกเกาะอยู่แล้วล่ะก็ ควรรีบทำความสะอาดในทันที เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดรอยในระยะยาวนั่นเอง

 

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com

.

.

.

.

_____________________________________

เราคือตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ

เทอร์โบแท้

IHI TURBO 🇯🇵

GARRETT 🇺🇸

ซื้อกับเราได้สินค้าแท้100%

คุ้มค่ากว่า ใช้งานได้ในระยะยาว

สบายใจกว่า เทอร์โบแท้รับประกันสินค้ายาวนาน

บริการหลังการขายที่ยอดเยี่ยม

โดยทีมงานมืออาชีพ ผู้มีประสบการณ์มากกว่า 24 ปี”

สั่งอะไหล่กับเรา "ออกใบกำกับภาษี" ได้

พร้อมบริการการดูแลหลังการขายตลอดอายุการใช้งาน

⚙️เข้าชมสินค้าทั้งหมดในเว็บไซต์

คลิก: www.sqdparts.com

⚙️สั่งซื้อทางเพจ

คลิก: m.me/sqdparts

⚙️สั่งซื้อผ่านไลน์

คลิก: https://liff.line.me/1645278921-kWRPP32q/?accountId=sqdparts

คลิกYoutube : https://bit.ly/3IAJstu

คลิกTiktok : https://bit.ly/3bXmLmN

คลิกInstagram : https://bit.ly/3AFxMDx

เขียนโดย sqdparts เมื่อ Wed 16 Aug, 2023
อ่านต่อ
แสดง รายการ
ร้านค้าออนไลน์ และ ขายของออนไลน์ โดย © 2006-2025 Vevo Systems Co., Ltd.