×
ผลการค้นหา : FORD
แสดง รายการ

     Toyota EPU ต้นแบบกระบะไฟฟ้าขนาดกลางขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าล้วน 100% พร้อมโครงสร้างแบบ Monocoque ถูกเผยโฉมครั้งแรกในโลกที่งาน Japan Mobility Show 2023 ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น

Toyota EPU เป็นต้นแบบรถกระบะขนาดกลางขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า (BEV) มาพร้อมตัวถังแบบ 4 ประตู Double Cab และโครงสร้างที่สามารถปรับเปลี่ยนพื้นที่กระบะท้ายได้อย่างหลากหลายตามลักษณะการใช้งาน

 

ตัวถังของ Toyota EPU มีขนาดความยาวเพียง 5,070 มม. (Toyota Hilux Revo Double Cab มีความยาวตลอดคันอยู่ที่ 5,325 มม.) ความกว้าง 1,910 มม. ความสูง 1,710 มม. และความยาวฐานล้อ 3,350 มม. ซึ่งถือว่ามีขนาดใกล้เคียงกับ Ford Meverick ที่พัฒนาขึ้นบนพื้นฐานโครงสร้างแบบโมโนค็อกเช่นกัน พร้อมห้องโดยสารที่สามารถรองรับได้ 5 ที่นั่ง

 

โตโยต้าระบุว่าห้องโดยสารด้านหลังของ EPU ถูกออกแบบให้เชื่อมต่อกับพื้นที่กระบะท้ายเพื่อรองรับการใช้งานที่หลากหลาย สามารถตอบสนองการใช้งานเชิงไลฟ์สไตล์ รวมถึงการทำกิจกรรมนอกบ้านที่กำลังเป็นที่นิยมในปัจจุบัน

ภายในห้องโดยสารถูกตกแต่งเน้นความทันสมัย โดดเด่นด้วยพวงมาลัยแบบ Yoke คล้ายคันบังคับของเครื่องบิน ติดตั้งหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่และจออินโฟเทนเมนท์ที่จัดวางให้เหลื่อมกัน อีกทั้งยังนำปุ่มเลือกตำแหน่งเกียร์ไปติดตั้งไว้บริเวณส่วนข้างของหน้าจออีกด้วย

 

ปัจจุบันโตโยต้ายังไม่เปิดเผยรายละเอียดทางเทคนิคของ EPU ออกมา เพียงแต่ระบุว่าจะใช้พลังงานไฟฟ้าในการขับเคลื่อน อีกทั้งยังมีการออกแบบให้มีจุดศูนย์ถ่วงต่ำเป็นพิเศษเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบังคับเลี้ยวและความสบายในการโดยสาร

ขณะเดียวกัน โตโยต้ายังได้เผยโฉม LAND CRUISER Se ที่ได้รับการพัฒนาให้เป็นรถเอสยูวีพลังงานไฟฟ้าล้วน 100% (BEV) และยังถือได้ว่าเป็นเอสยูวีตระกูล Land Cruiser รุ่นแรกที่หันไปใช้ระบบขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงไปในปัจจุบัน

 

LAND CRUISER Se ถูกพัฒนาขึ้นบนโครงสร้างแบบ Monocoque ที่โตโยต้าระบุว่าให้ประสิทธิภาพการบังคับเลี้ยวที่ยอดเยี่ยม ควบคู่ไปกับความมั่นใจขณะขับขี่บนเส้นทางทุรกันดาร ขณะที่ความเงียบของระบบขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าจะช่วยเพิ่มความสบายแก่ผู้โดยสารทั้งการขับขี่ในเมืองและบนเส้นทางแบบ On-road

ส่วนอนาคตรถยนต์ต้นแบบทั้ง 2 รุ่นจะถูกพัฒนาต่อยอดอย่างไรต้องติดตามกันอีกครั้ง

 

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com

.

.

.

.

_____________________________________

เราคือตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ

เทอร์โบแท้

IHI TURBO 🇯🇵

GARRETT 🇺🇸

MITSUBISHI TURBOCHARGER 🇯🇵

ซื้อกับเราได้สินค้าแท้100%

คุ้มค่ากว่า ใช้งานได้ในระยะยาว

สบายใจกว่า เทอร์โบแท้รับประกันสินค้ายาวนาน

บริการหลังการขายที่ยอดเยี่ยม

โดยทีมงานมืออาชีพ ผู้มีประสบการณ์มากกว่า 24 ปี”

สั่งอะไหล่กับเรา "ออกใบกำกับภาษี" ได้

พร้อมบริการการดูแลหลังการขายตลอดอายุการใช้งาน

⚙️เข้าชมสินค้าทั้งหมดในเว็บไซต์

คลิก: www.sqdparts.com

⚙️สั่งซื้อทางเพจ

คลิก: m.me/sqdparts

⚙️สั่งซื้อผ่านไลน์

คลิก: https://liff.line.me/1645278921-kWRPP32q/?accountId=sqdparts

คลิกYoutube : https://bit.ly/3IAJstu

คลิกTiktok : https://bit.ly/3bXmLmN

คลิกInstagram : https://bit.ly/3AFxMDx

เขียนโดย sqdparts เมื่อ Mon 30 Oct, 2023
อ่านต่อ

     Ford Ranger Plug-in Hybrid ใหม่ ถูกเผยโฉมครั้งแรกที่ออสเตรเลีย พร้อมขุมพลังเบนซินเทอร์โบ EcoBoost 2.3 ลิตร และมอเตอร์ไฟฟ้า สามารถขับขี่ได้เป็นระยะทางสูงสุด 45 กิโลเมตรเมื่อชาร์จแบตเตอรี่จนเต็ม มีแผนวางจำหน่ายภายในปี 2025 ที่จะถึงนี้

     Ford Australia เผยโฉม Ranger Plug-in Hybrid ใหม่ ซึ่งขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบ EcoBoost ขนาด 2.3 ลิตร ผสานเข้ากับมอเตอร์ไฟฟ้าและแบตเตอรี่ ให้แรงบิดที่มากกว่า Ranger รุ่นอื่นๆ ทั้งหมด สามารถขับขี่ในโหมดไฟฟ้าได้ไกลสูงสุดราว 45 กิโลเมตรต่อการชาร์จแต่ละครั้ง (ระยะทางคาดการณ์ภายใต้มาตรฐานการทดสอบ WLTP) โดยไม่ปล่อยมลพิษจากท่อไอเสียเลยแม้แต่น้อย

 

     ฟอร์ดระบุว่าระยะทางขับขี่ในโหมดไฟฟ้าของ Ford Ranger Plug-in Hybrid ครอบคลุมการใช้งานในชีวิตประจำวันของผู้ที่ใช้กระบะ Ranger ในออสเตรเลียจำนวนกว่าครึ่งหนึ่งที่มักเดินทางเป็นระยะประมาณ 40 กิโลเมตรต่อวันหรือน้อยกว่านั้น และยังสามารถรองรับน้ำหนักลากจูงได้สูงสุด 3,500 กิโลกรัมเช่นเดียวกับ Ranger รุ่นปกติอีกด้วย

     สำหรับเวอร์ชันไฮบริดจะถูกติดตั้งระบบ Pro Power Onboard ที่มาพร้อมช่องจ่ายไฟทั้งบริเวณกระบะท้ายและภายในห้องโดยสาร ช่วยให้เจ้าของรถสามารถใช้งานอุปกรณ์ไฟฟ้าในพื้นที่ห่างไกลโดยไม่จำเป็นต้องบรรทุกเครื่องปั่นไฟไปด้วยเหมือนแต่ก่อน ซึ่งนอกจากจะเพิ่มความสะดวกในการใช้งานแล้ว ยังช่วยให้มีพื้นที่เหลือสำหรับการบรรทุกสิ่งของที่จำเป็นอื่นๆ ได้อีกต่างหาก

 

     นอกจากนี้ Ford Ranger Plug-in Hybrid จะมาพร้อมระบบขับเคลื่อนสี่ล้อและโหมดการขับขี่ที่หลากหลาย สามารถเลือกโหมดการขับขี่แบบ EV ได้ รวมถึงติดตั้งระบบช่วยเหลือการขับขี่และระบบความปลอดภัยขั้นสูงมาให้อย่างครบครัน

     ส่วนแผนการวางจำหน่ายในประเทศไทยต้องติดตามความคืบหน้าอีกครั้ง

 

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com

.

.

.

.

_____________________________________

เราคือตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ

เทอร์โบแท้

IHI TURBO 🇯🇵

GARRETT 🇺🇸

ซื้อกับเราได้สินค้าแท้100%

คุ้มค่ากว่า ใช้งานได้ในระยะยาว

สบายใจกว่า เทอร์โบแท้รับประกันสินค้ายาวนาน

บริการหลังการขายที่ยอดเยี่ยม

โดยทีมงานมืออาชีพ ผู้มีประสบการณ์มากกว่า 24 ปี”

สั่งอะไหล่กับเรา "ออกใบกำกับภาษี" ได้

พร้อมบริการการดูแลหลังการขายตลอดอายุการใช้งาน

⚙️เข้าชมสินค้าทั้งหมดในเว็บไซต์

คลิก: www.sqdparts.com

⚙️สั่งซื้อทางเพจ

คลิก: m.me/sqdparts

⚙️สั่งซื้อผ่านไลน์

คลิก: https://liff.line.me/1645278921-kWRPP32q/?accountId=sqdparts

คลิกYoutube : https://bit.ly/3IAJstu

คลิกTiktok : https://bit.ly/3bXmLmN

คลิกInstagram : https://bit.ly/3AFxMDx

เขียนโดย sqdparts เมื่อ Wed 20 Sep, 2023
อ่านต่อ

     ปัญหา "ขี้นก" แม้ว่าจะดูเป็นปัญหาเล็กๆ แต่ก็อาจสร้างความหงุดหงิดกวนใจเจ้าของรถได้ไม่น้อย เพราะนอกจากจะทำให้รถดูสกปรกมากขึ้นแล้ว หากปล่อยคราบมูลนกทิ้งไว้เป็นระยะเวลานาน ก็อาจสร้างความเสียหายให้กับสีรถได้อีกด้วย

 

     Halfords ซึ่งเป็นตัวแทนจำหน่ายอุปกรณ์ด้านยานยนต์ชื่อดังแห่งสหราชอาณาจักร เปิดเผยผลสำรวจจากผู้ใช้รถจำนวน 1,140 ราย พบว่ารถยนต์ "สีแดง" มีโอกาสที่จะถูกนกทิ้งคราบมูลสูงสุดเป็นอันดับที่ 1 อยู่ที่ 18% ตามด้วย "สีน้ำเงิน" เป็นอันดับที่ 2 อยู่ที่ 14% ส่วนสีตัวถังที่มีโอกาสเสี่ยงมูลนกตกใส่น้อยที่สุดกลับกลายเป็น "สีเขียว" ซึ่งผลสำรวจระบุว่ามีเพียง 1% เท่านั้น

 

     แม้ว่าจะไม่มีทฤษฎีที่ชัดเจนออกมารองรับว่าทำไมนกจึงเลือกที่จะปล่อยมูลใส่รถสีใดสีหนึ่งมากเป็นพิเศษ แต่เจ้าของรถ Lexus รายหนึ่งแสดงความคิดเห็นว่า นกจะเลือกปล่อยมูลใส่รถที่เพิ่งล้างเสร็จใหม่ๆ เนื่องจากพวกมันสามารถมองเห็นเงาสะท้อนบนตัวถังได้ ขณะที่เจ้าของรถ Ford รายหนึ่งระบุเพิ่มเติมว่า สีรถเฉดเข้ม เช่น สีดำ, สีแดง, สีน้ำเงิน ฯลฯ จะยิ่งเพิ่มเงาสะท้อนของพวกมันให้สามารถมองเห็นตัวเองได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น จึงทำให้มีโอกาสที่จะถูกมูลนกตกใส่ได้มากกว่า

 

     อย่างไรก็ดี ผู้ตอบแบบสอบถามรายหนึ่งแสดงความคิดเห็นว่า สีรถไม่ได้มีผลโดยตรงต่อการถูกมูลนกตกใส่ หากแต่เป็นตำแหน่งที่เจ้าของรถนำรถไปจอดมากกว่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริเวณใต้ต้นไม้, ระแนงหลังคา และอื่นๆ

     นอกจากนี้ การสำรวจดังกล่าวยังครอบคลุมไปถึงการทำความสะอาดคราบมูลนกบนตัวถังรถยนต์ โดยมีเพียง 17% ระบุว่าพวกเขารีบเช็ดคราบมูลนกออกในทันทีที่พบเห็น ขณะที่อีก 20% ระบุว่าพวกเขาจะทำการเช็ดออกภายใน 2-3 วัน แต่ที่น่าตกใจกว่านั้น คือ ผู้ตอบแบบสำรวจจำนวนถึง 55% ระบุว่าพวกเขาจะไม่ลงมือทำอะไรเลยทั้งสิ้นจนกว่าจะถึงคราวล้างรถในครั้งถัดไป

 

     Autoglym ซึ่งเป็นแบรนด์ผู้ผลิตน้ำยาขัดสีรถชื่อดังระบุว่า สาเหตุที่สีรถจะได้รับความเสียหายจากมูลนก ไม่ได้เป็นเพราะค่ากรดหรือด่างของมูลนกแต่อย่างใด หากแต่เป็นเพราะมูลนกจะทำให้แล็กเกอร์ที่เคลือบสีรถเอาไว้เกิดการอ่อนตัวและขยายออก ทำให้เกิดการเสื่อมสภาพของแล็กเกอร์ที่ถูกมูลนกตกใส่ ก่อให้เกิดเป็นรอยด้านที่ยากต่อการทำความสะอาด

 

     ดังนั้น ไม่ว่าคุณจะขับรถสีไหนอยู่ก็ตาม หากพบว่ามีขี้นกเกาะอยู่แล้วล่ะก็ ควรรีบทำความสะอาดในทันที เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดรอยในระยะยาวนั่นเอง

 

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com

.

.

.

.

_____________________________________

เราคือตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ

เทอร์โบแท้

IHI TURBO 🇯🇵

GARRETT 🇺🇸

ซื้อกับเราได้สินค้าแท้100%

คุ้มค่ากว่า ใช้งานได้ในระยะยาว

สบายใจกว่า เทอร์โบแท้รับประกันสินค้ายาวนาน

บริการหลังการขายที่ยอดเยี่ยม

โดยทีมงานมืออาชีพ ผู้มีประสบการณ์มากกว่า 24 ปี”

สั่งอะไหล่กับเรา "ออกใบกำกับภาษี" ได้

พร้อมบริการการดูแลหลังการขายตลอดอายุการใช้งาน

⚙️เข้าชมสินค้าทั้งหมดในเว็บไซต์

คลิก: www.sqdparts.com

⚙️สั่งซื้อทางเพจ

คลิก: m.me/sqdparts

⚙️สั่งซื้อผ่านไลน์

คลิก: https://liff.line.me/1645278921-kWRPP32q/?accountId=sqdparts

คลิกYoutube : https://bit.ly/3IAJstu

คลิกTiktok : https://bit.ly/3bXmLmN

คลิกInstagram : https://bit.ly/3AFxMDx

เขียนโดย sqdparts เมื่อ Wed 16 Aug, 2023
อ่านต่อ

 

  เกร็ดความรู้เกี่ยวกับรถยนต์ในวันนี้ ทางทีมงานจะพาเพื่อนๆไปทราบถึงของ การแบ่งประเภทของรถยนต์ ว่าจริงๆแล้ว การแบ่งประเภทรถยนต์เขาดูกันตรงไหนบ้าง เพราะในปัจจุบันนี้ถือว่ารถที่ออกใหม่ป้ายแดง ในแต่ละปี ค่อนข้างที่จะเยอะพอสมควร เดี๋ยวเราไปชมกันเลยครับกับเกร็ดความรู้เกี่ยวกับรถยนต์ในวันนี้

 

          เรื่องของการแบ่งประเภทของรถยนต์ ถือว่าเป็นเรื่องที่หลายๆท่านนั้นยังค่อนข้างสับสนอยู่เป็นอย่างมากว่า จริงๆแล้วการแบ่งประเภทรถยนต์ นั้นแบ่งตามขนาดรถ หรือแบ่งตามขนาดเครื่องยนต์ ซึ่งตามจริงแล้วการแบ่งประเภทของรถยนต์นั้นสามารถทำได้ดังนี้

 

1.รถยนต์ประเภท A - Segment

          รถยนต์ประเภท A - Segment จะเป็นกลุ่มรถยนต์ที่มีขนาดเครื่องยนต์ 660 cc. - ไม่เกิน 1000 cc.  ซึ่งรถประเภทนี้จะเป็นรถยนต์ที่เหมาะกับการใช้งานในเมืองและแถบชานเมือง เนื่องจากเป็นรถที่มีขนาดเล็ก ใช้งานได้คล่องแคล้ว ในเรื่องของการขับขี่และการจอดรถ โดยรถยนต์ประเภท A - Segment จะถูกเรียกว่า Kei Car ที่เฉพาะในประเทศญี่ปุ่น อย่างเช่น รถ Honda N-Box , รถ Suzuki Wagon-R  รถ Daihatsu Mira เป็นต้นส่วน รถ Toyota Aygo , รถ Suzuki Celerio ก็ถือว่าเป็นรถยนต์ ประเภท A - Segment ด้วยเช่นกัน

 

2. รถยนต์ประเภท B - Segment

          รถยนต์ประเภท B -Segment นี้จะเป็นรถยนต์ที่มีขนาดใหญ่กว่า รถยนต์ประเภท A - Segment ขึ้นมาหน่อย โดยจะเป็นเครื่องยนต์ขนาดประมาณ 1,000 cc. - 1,500 cc. โดยส่วนรถยนต์ประเภท B - Segment จะเหมาะสำหรับผู้ที่มีครอบครัวเล็กๆ หรือ ผู้ที่อยู่ในวัยทำงานที่ต้องการมีรถไว้ใช้งาน จุดเด่นๆของรถประเภท B- Segment  ถ้าใช้งานคนเดียวจะสามารถจุของได้เยอะพอสมควร ส่วนในประเทศไทยยังสามารถแบ่งรถประเภท B - Segment ได้เป็นสองประเภทอีกด้วย

 

  • รถ Eco Car (อีโคคาร์)  ก็ถือว่าเป็นรถประเภท B- Segment ด้วยเช่นกันโดยจะมีเครื่องยนต์ประมาณ 1,200 cc. เป็นส่วนใหญ่ เช่น รถ Nissan March , รถ Mitsubishi Mirage , รถ Honda Brio , รถ Suzuki Swift และ รถ Toyota Yaris รุ่นตั้งแต่ปี 2013 ขึ้นไป

 

  • รถระดับ ปกติ ก็ถือว่าเป็นรถยนต์ประเภท B-Segment ด้วยเช่นกัน โดยจะมีเครื่องยนต์ที่ใหญ่กว่ารถประเภท อีโคคาร์ มีในส่วนของออฟชั่นให้เลือกเพิ่มมากขึ้น ยกตัวอย่างเช่น รถ Toyota Vios , รถ Honda City , รถ Honda City , รถ Honda Jazz , รถ Ford Fiest , รถ Mazda2

3. รถยนต์ประเภท C-Segment

          รถยนต์ประเภท C- Segment จะเป็นรถยนต์นั่ง ที่มีขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่หรือที่หลายๆท่านนั้นชอบเรียกว่ารถยนต์ขนาด คอมแพกต์ เหมาะสำหรับเป็นรถครอบครัว โดยรถยนต์ประเภท C- Segment จะมีกาปรับแต่งเครื่องยนต์และระบบช่วงล่างใหมีสมรรถนะเพิ่มมากขึ้น รถรถยนต์ประเภท C- Segment จะมีความยาวของรถประมาณ 4.4 - 4.75 เมตร และในส่วนของความจุเครื่องยนต์ จะอยู่ที่ 1,500 cc. - 2,200 cc. ยกตัวอย่างเช่น รถ  Toyota Corolla Altis  , รถ Honda Civic , รถ Ford Focus และ รถ Mazda 3

 

4. รถยนต์ประเภท D- Segment

          รถยนต์ประเภท D - Segment จะเป็นรถยนต์ที่มีขนาดใหญ่กว่ารถประเภท C- Segment มาอีกระดับและจะมีการตกแต่งภายในให้มีความหรูหรากว่า รถประเภท C - Segment รวมถึงวัสดุที่นำมาใช้ก็จะดีกว่าอีกด้วย ส่วนเครื่องยนต์ รถ D-Segment จะมีสมรรถนะสูง เพื่อการรองรับกับขนาดของรถยนต์ ตัวอย่างรถยนต์ ประเภท D-Segment ได้แก่ Toyota Camry , Honda Accord , Nissan Teana ,Ford Fusion , Mazda 6

 5.  รถยนต์ประเภท E- Segment

          รถยนต์ประเภท E- Segment ถือว่าเป็นรถยนต์นั่งขนาดใหญ่ที่สุด หรือ ในที่ต่างประเทศเรียกว่า Full Size Car ซึ่งรถประเภทนี้จะเป็นที่นิยมอย่างมากในทวีป อเมริกา แต่เนื่องจากเป็นรถที่มีขนาดใหญ่จึงทำให้รถยนต์ประเภท E- Segment นั้นมีราคาค่อนข้างสูง เบียดกับราคารถยนต์หรูหราระดับต้นๆ และ รถยนต์ประเภท Full Size Car หรือ E- Segment นั้นยังไม่ได้รับความนิยมในตลาดบ้านเรา จึงทำให้ไม่มีรถยนต์ประเภท Full Size Car วางจำน่าย ส่วนรถยนต์ประเภท E- Segment จะเป็นรถรุ่น Toyota Avalon , Chevrolet Impala

 

 6. รถยนต์ประเภท Entry-level luxury / Compact Executive Car

          มาถึงกับรถยนต์ประเภท Entry-level luxury หรือ Compact Executive Car  จะเป็นรถยนต์ที่ขนาดเท่ากับรถคอมแพกต์ แต่จะมีความหรูหราในเรื่องของการตกแต่งและวัสดุที่นำมาใช้ และยังเป็นรถยนต์ที่มีเครื่องยนต์ขนาดใหญ่ซึ่งมีทั้งพละกำลังและสมรรถนะสูง เช่น BMW Series-3 , Mercedes-Benz C-Class , Lexus IS และ Audi A4

 

7. รถยนต์ประเภท Mid-Size Luxury Car

          รถยนต์ที่อยู่ในประเภท Mid-Size Luxury Car หรือรถยนต์นั่งหรูหราระดับกลาง แต่ด้วยตัวรถที่มีขนาดใหญ่กว่ารถยนต์ขนาดกลางธรรมดา แต่จะมีการตกแต่งรถให้มีความหรูหรา และดูมีคุณภาพ กว่ารถยนต์ขนาดใหญ่ พร้อมทั้งสมรรถนะสูงกว่ามาตราฐานของรถยนต์ที่เป็นรถยนต์ขนาดกลางและรถยนต์ขนาดใหญ่ทั่วไป รถที่จัดอยู่ในประเภท Mid-Size Luxury Car จะเป็นรถ Mercedes-Benz E-Class , รถ Bmw Series 5 , รถ Audi A6 , รถ Volvo S80 , รถ Lexus GS , รถ Toyota Crown , รถ Nissan Pressident

8.  รถยนต์ประเภท Full-Size Luxury Car

          รถยนต์ประเภท Full-Size Luxury Car หรือรถยนต์ขนาดใหญ่ประเภทหรูหรา ซึ่งรถยนต์ประเภทนี้ถือว่าเป็นรถยนต์ขนาดใหญ่ที่มาพร้อมกับความหรูหรา สำหรับเครื่องยนต์รถยนต์ประเภท Full-Size Luxury Car ส่วนใหญ่จะเป็นเครื่องยนต์แบบ 6สูบ จนถึง 12สูบ ซึ่งจะมี CC ของเครื่องยนต์อยู่ที่ 3,000 CC - 4,500 cc ยกตัวอย่างรถยนต์ประเภท Full-Size Luxury Car จะเป็น รถ Mercedes-Benz S-Class , BMW Series 7 , Audi A8 , Jaguar XJ , Maserati Quttroporte , Lexus LS

 

9. รถยนต์ประเภท Sports Car

          รถสปอร์ตส่วนใหญ่แล้วจะเป็นรถยนต์ 2 ที่นั่งสะส่วนใหญ่ ตัวถังรถยนต์นั้นจะมาในแบบคูเป้แต่บางรุ่นก็จะมาเป็นตัวถังแบบซีดาน ก็นับเเป็น Sport Car แต่จะมีการลดน้ำหนักของตัวถังให้เบากว่ารถปกติทั่วไป เพื่อที่จะทำให้รถนั้นมีสมมรรถนะให้ออกมาได้มากที่สุด รถยนต์ที่เป็น Sport Car ก็จะเป็น รถ Chevrolet Corvette , รถ Mitsubishi Lancer Evolution , รถ Subaru WRX STi , รถ Toyota 86/Subaru BR-Z

 

10. รถยนต์ประเภท Grand tourer

          ถือว่าเป็นรถสปอร์ตที่มีความหรูหรา ขึ้นมามากกว่า รถยนต์ประเภท Sports Car ขึ้นมาอีกระดับ และจะมีสมรรถนะที่เพิ่มขึ้นมาอีกระดับ โดยรถยนต์ประเภท Grand tourer นั้นได้แก่ รถ Nissan GT-R , รถ Porsche 911 , รถ Maserati Granturismo , รถ Aston Martin DB9

 

11. รถยนต์ประเภท SuperCar

 

           รถยนต์ประเภทนี้หลายๆท่านนั้นรู้จักกันเป็นอย่างดี กับรถ SuperCar ซึ่งรถ SuperCar จะเป็นรถที่เน้นในเรื่องของสมรรถนะแบบเต็มๆ และจะมีเครื่องยนต์ขนาด 6สูบขึ้นไป  รถยนต์ประเภท SuperCar ก็จะเป็น รถ Lamborghini Huracan , รถ Ferrari 458 italia , รถ McLaren MP4-12C , รถ Ferrari F12 , รถ Lamborghini Aventador

12. รถยนต์ประเภท Hypercar

           มาถึงรถยนต์ประเภทสุดท้ายที่ถือว่าเป็นที่สุดของประเภทรถที่กล่าวมาทั้งหมด นั้นก็คือ รถยนต์ประเภท Hypercar ซึ่งจะมีพละกำลังและสมรรถนะสูง โดยจะมีแรงม้าของรถ เกิน 700 - 800 แรงม้า แต่ก็จะมีบางรุ่นที่มีแรงม้าถึง 1,000 แรงม้า ซึ่งรถยนต์ประเภท Hypercar ยังสามารถทำความเร็วได้ถึง 400 กม./ชม. อีกด้วย โดยรถที่จัดอยู่ในประเภท Hypercar ได้แก่ รถ McLaren P1 , รถ Ferrari LaFerrari , รถ Bugatti Veyron , รถ Pagani Huayra

 

 

            เพื่อนคงได้ทราบกันแล้วนะครับว่ารถยนต์แบบไหนจัดอยู่ในประเภทอะไร ซึ่งถือว่าเป็นความรู้อีกอย่างนึงที่หลายๆท่านอาจจะไม่เคยได้ทราบมาก่อนว่ารถยนต์มีการแบ่งประเภท ของรถแต่ละชนิด

 

ขอบคุณข้อมูลจาก http://car.boxzaracing.com/ / one2car.com / chobrod.com

.

.

.

.

_____________________________________

เราคือตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ

เทอร์โบแท้

IHI TURBO 🇯🇵

GARRETT 🇺🇸

ซื้อกับเราได้สินค้าแท้100%

คุ้มค่ากว่า ใช้งานได้ในระยะยาว

สบายใจกว่า เทอร์โบแท้รับประกันสินค้ายาวนาน

บริการหลังการขายที่ยอดเยี่ยม

โดยทีมงานมืออาชีพ ผู้มีประสบการณ์มากกว่า 24 ปี”

สั่งอะไหล่กับเรา "ออกใบกำกับภาษี" ได้

พร้อมบริการการดูแลหลังการขายตลอดอายุการใช้งาน

⚙️เข้าชมสินค้าทั้งหมดในเว็บไซต์

คลิก: www.sqdparts.com

⚙️สั่งซื้อทางเพจ

คลิก: m.me/sqdparts

⚙️สั่งซื้อผ่านไลน์

คลิก: https://liff.line.me/1645278921-kWRPP32q/?accountId=sqdparts

คลิกYoutube : https://bit.ly/3IAJstu

คลิกTiktok : https://bit.ly/3bXmLmN

คลิกInstagram : https://bit.ly/3AFxMDx

เขียนโดย sqdparts เมื่อ Fri 11 Aug, 2023
อ่านต่อ

      เหตุการณ์น้ำมันหมดกลางทางคงไม่ใช่เรื่องที่ใครอยากให้เกิดขึ้นเป็นแน่ แต่บางครั้งการขับรถไปยังเส้นทางที่ไม่คุ้นชิน ก็อาจทำให้การเติมน้ำมันเป็นเรื่องลำบาก แล้วรู้หรือไม่ว่าหากไฟเตือนน้ำมันเกิดโชว์ขึ้นมา จะสามารถขับขี่ได้เป็นระยะทางอีกไกลมากน้อยแค่ไหน?

 

      เว็บไซต์ Comparethemarket.com แห่งประเทศอังกฤษได้ทำการสำรวจและเปิดเผยข้อมูลระยะทางขับขี่ที่รถสามารถวิ่งได้หลังจากไฟเตือนน้ำมันสว่างขึ้นบนหน้าปัด โดยคนส่วนใหญ่มักคิดว่ารถของตัวเองจะสามารถขับขี่ได้ราว 30 กิโลเมตรก่อนเครื่องยนต์จะดับลง แต่ในความเป็นจริงรถยนต์ส่วนใหญ่สามารถไปได้ไกลกว่านั้นกว่าเท่าตัวเลยทีเดียว

 

      ทั้งนี้ จากผลสำรวจพบว่า Volkswagen Passat สามารถขับขี่ได้ไกลที่สุดถึง 120 กิโลเมตรหลังจากไฟเตือนน้ำมันโชว์ ขณะที่ Volvo V40 และ Ford Mondeo ก็สามารถขับขี่ได้ไกลถึง 112 กิโลเมตรเลยทีเดียว ส่วนรถที่ขับขี่ได้น้อยที่สุดคือ BMW M3 สามารถขับต่อไปได้เพียง 51 กิโลเมตรเท่านั้น

      นั่นแปลว่าหากรถของคุณมีไฟเตือนน้ำมันหมดโชว์ขึ้นมา คุณจะสามารถขับต่อไปได้เป็นระยะทางสูงสุดอีกไม่ต่ำกว่า 50 กิโลเมตรเลยทีเดียว แต่นั่นคือตัวเลขที่ดีที่สุดที่ทำได้ หากแต่ในความเป็นจริงคุณอาจต้องเจอกับสภาพการจราจรหนาแน่น ที่ต้องเหยียบคันเร่งสลับเบรกอยู่บ่อยๆ ก็จะทำให้ระยะทางขับขี่ที่เหลือสั้นลงไปมาก

 

      ดังนั้น หากไฟเตือนน้ำมันสว่างขึ้นขณะขับขี่ในเมืองที่มีการจราจรติดขัดแล้วล่ะก็ ทางที่ดีควรรีบหาปั๊มน้ำมันเติมเลยจะดีกว่า จะได้ไม่ต้องมานั่งกังวลว่าเครื่องยนต์จะดับหรือไม่ แต่หากขับอยู่บนเส้นทางนอกเมืองที่การจราจรเบาบางและสามารถทำความเร็วได้นั้น การใช้ความเร็วคงที่ประมาณ 80-90 กม./ชม. ก็เพียงพอที่จะช่วยให้คุณขับไปถึงปั๊มน้ำมันข้างหน้าได้อย่างสบายๆ แล้ว

 

      ทางที่ดีไม่ควรปล่อยให้น้ำมันหมดจนเกลี้ยงถัง เพราะอาจทำให้ปั๊มติ๊กในถังน้ำมันได้รับความเสียหายได้ด้วยนะครับ

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com

.

.

.

.

_____________________________________

เราคือตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ

เทอร์โบแท้

IHI TURBO 🇯🇵

GARRETT 🇺🇸

ซื้อกับเราได้สินค้าแท้100%

คุ้มค่ากว่า ใช้งานได้ในระยะยาว

สบายใจกว่า เทอร์โบแท้รับประกันสินค้ายาวนาน

บริการหลังการขายที่ยอดเยี่ยม

โดยทีมงานมืออาชีพ ผู้มีประสบการณ์มากกว่า 24 ปี”

สั่งอะไหล่กับเรา "ออกใบกำกับภาษี" ได้

พร้อมบริการการดูแลหลังการขายตลอดอายุการใช้งาน

⚙️แค็ตตาล็อกสินค้า

คลิก: www.facebook.com/sqdparts/shop

⚙️เข้าชมสินค้าทั้งหมดในเว็บไซต์

คลิก: www.sqdparts.com

⚙️สั่งซื้อทางเพจ

คลิก: m.me/sqdparts

⚙️สั่งซื้อผ่านไลน์

คลิก: https://liff.line.me/1645278921-kWRPP32q/?accountId=sqdparts

คลิกYoutube : https://bit.ly/3IAJstu

คลิกTiktok : https://bit.ly/3bXmLmN

คลิกInstagram : https://bit.ly/3AFxMDx

📍 สาขารังสิต : โทร. 083-497-4416

คลิกดูโลเคชั่นที่ลิงค์นี้ได้เลยครับ

👉 https://goo.gl/maps/P9BFmJJvcUBkfGy86 👈

_______________________________________

📍 สาขาพระราม 2 : โทร. 083-497-4416

คลิกดูโลเคชั่นที่ลิงค์นี้ได้เลยครับ

👉 https://goo.gl/maps/K3f33fPzNdHkJhCq8 👈

_______________________________________

📍 สาขา 3 โคราช : โทร. 083-497-4416

คลิกดูโลเคชั่นที่ลิงค์นี้ได้เลยครับ

👉 https://goo.gl/maps/kPo4yNybTqREq2EQ8 👈

เขียนโดย sqdparts เมื่อ Mon 03 Apr, 2023
อ่านต่อ

     หลายๆท่านคงจะเคยได้ยินและสังเกตุเห็นเกี่ยวกับหมายเลขตัวถัง หรือ VIN (Vehicle Identification Number) ของรถยนต์มาบ้างหรือเห็นของรถตัวเอง แต่เชื่อว่าหลายคนยังไม่รู้ว่าจริงๆแล้วแต่ละตำแหน่งมันมีความหมายเฉพาะตัว

     โดยวันนี้เราจะมากล่าวถึงรถยนต์รุ่น Ford Everest โฉมล่าสุดเมื่อปี 2015 ว่าหมายเลขตัวถังที่มีทั้งหมด 17 ตำแหน่งนั้น แต่ละตำแหน่งนั้นมีความหมายอย่างไรบ้าง แต่ก่อนอื่นเราต้องรู้ก่อนว่า หมายเลขตัวถังจะถูกระบุไว้ตรงส่วนไหนของรถยนต์บ้าง

ตำแหน่งของหมายเลขตัวถังหรือVIN นั้นจะสามารถดูได้จาก 2 จุดคือ

1. คอนโซล IP ด้านบนฝั่งซ้าย: ซึ่งสามารถมองจากด้านหน้าได้อย่างชัดเจน

2. บน Chassis หรือที่เรียกแชสซี: จะอยู่ขอบด้านล่างฝั่งขวา ใกล้ๆเสา B Pillar

1. ตำแหน่งที่ 1,2 และ 3 : World Manufacturer Identifier

     บอกถึง plant ที่ผลิต ดังนั้นเราจึงจะเห็นว่ารถ Ford Everest ในไทยทุกคัน จะขึ้นต้นด้วย MNB

2. ตำแหน่งที่ 4 : Body style

    จะเห็นได้ว่า Ford Everest มี 5 ประตู จึงเป็น A

3. ตำแหน่งที่ 5 และ 6 — Constant Value

     2 ตำแหน่งนี้จะใช้ XX

4. ตำแหน่งที่ 7 — Product source

     Code M คือบอกว่าเป็น source เริ่มจากที่ไหนนั่นคือ ไทยและอินเดีย

5. ตำแหน่งที่ 8 — Assembly Plant

     บอกว่าประกอบจากที่ไหน A คือ ไทย, R คือ อินเดีย

6. ตำแหน่งที่ 9 — Model Line

     บอกว่าเป็น Model Line สำหรับที่ไหน Code W คือสำหรับ ไทยและอินเดีย

7. ตำแหน่งที่ 10 — Body style

     บอกว่าเป็นรถแบบไหน 5 ประตู จึงใช้ Code A

8. ตำแหน่งที่ 11 — Year Of Manufacture

     บอกถึงปีที่ผลิต นั่นคือ เรียงปีตามอักษร F,G,H,J,K,L เช่น

F คือผลิตในปี 2015

G คือผลิตในปี 2016

...

K คือผลิตในปี 2019

L คือผลิตในปี 2020

M คือผลิตในปี 2021

10. ตำแหน่งที่ 13-17 — Serial Number

     เป็นลำดับของรถยนต์ในช่วงผลิตนั้นๆ โดยใช้เลข 5 หลัก 00001 – 99999

ยกตัวอย่าง เช่น หมายเลขตัวถัง VIN: MNBAXXMAWALE98812

MNB = ผลิตจากประเทศไทย

A = ประเภทรถยนต์ 5 ประตู

XX = คงที่เหมือนกันทุกคัน

M = ต้นแบบพัฒนามาจากไทยและอินเดีย

A = โรงงานที่ประกอบคือ AAT ประเทษไทย

W = Line ผลิตสำหรับ ไทยและอินเดีย

A = Style 5 ประตู

L = ผลิตปี 2020

E = ผลิตเดือน8 = สิงหาคม

98812 = ลำดับหมายเลขตัวถังช่วงนั้นๆ

ขอบคุณข้อมูลจาก visa-autoshop.com

.

.

.

.

_____________________________________

เราคือตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ

เทอร์โบแท้

IHI TURBO 🇯🇵

GARRETT 🇺🇸

ซื้อกับเราได้สินค้าแท้100%

คุ้มค่ากว่า ใช้งานได้ในระยะยาว

สบายใจกว่า เทอร์โบแท้รับประกันสินค้ายาวนาน

บริการหลังการขายที่ยอดเยี่ยม

โดยทีมงานมืออาชีพ ผู้มีประสบการณ์มากกว่า 24 ปี”

สั่งอะไหล่กับเรา "ออกใบกำกับภาษี" ได้

พร้อมบริการการดูแลหลังการขายตลอดอายุการใช้งาน

⚙️แค็ตตาล็อกสินค้า

คลิก: www.facebook.com/sqdparts/shop

⚙️เข้าชมสินค้าทั้งหมดในเว็บไซต์

คลิก: www.sqdparts.com

⚙️สั่งซื้อทางเพจ

คลิก: m.me/sqdparts

⚙️สั่งซื้อผ่านไลน์

คลิก: https://liff.line.me/1645278921-kWRPP32q/?accountId=sqdparts

คลิกYoutube : https://bit.ly/3IAJstu

คลิกTiktok : https://bit.ly/3bXmLmN

คลิกInstagram : https://bit.ly/3AFxMDx

📍 สาขารังสิต : โทร. 083-497-4416

คลิกดูโลเคชั่นที่ลิงค์นี้ได้เลยครับ

👉 https://goo.gl/maps/P9BFmJJvcUBkfGy86 👈

_______________________________________

📍 สาขาพระราม 2 : โทร. 083-497-4416

คลิกดูโลเคชั่นที่ลิงค์นี้ได้เลยครับ

👉 https://goo.gl/maps/K3f33fPzNdHkJhCq8 👈

_______________________________________

📍 สาขา 3 โคราช : โทร. 083-497-4416

คลิกดูโลเคชั่นที่ลิงค์นี้ได้เลยครับ

👉 https://goo.gl/maps/kPo4yNybTqREq2EQ8 👈

เขียนโดย sqdparts เมื่อ Fri 02 Dec, 2022
อ่านต่อ
แสดง รายการ
ร้านค้าออนไลน์ และ ขายของออนไลน์ โดย © 2006-2024 Vevo Systems Co., Ltd.