×
ผลการค้นหา : IHI
แสดง รายการ

     ความเชื่อที่ว่าการเติมน้ำมันตอนเช้าจะได้น้ำมันเยอะกว่าการเติมน้ำมันตอนบ่าย เนื่องจากเป็นช่วงเวลาที่น้ำมันยังไม่ขยายตัว ความเชื่อนี้เป็นจริงหรือไม่ เราจะมาเฉลยกัน

 

หลายคนมีความเชื่อว่าการเติมน้ำมันตอนเช้าจะได้ปริมาณน้ำมันเยอะกว่า เนื่องจากตอนเช้าเป็นช่วงเวลาที่อากาศเย็นมาตลอดทั้งคัน น้ำมันจึงยังไม่ขยายตัว เมื่อเติมแล้วจะได้ปริมาณเต็มเม็ดเต็มหน่วยมากกว่า แต่ปัจจุบันก็ยังไม่มีข้อมูลทางวิทยาศาสตร์หรือผู้เชี่ยวชาญออกมาฟันธงว่าความเชื่อดังกล่าวเป็นเรื่องจริง!

 

ตามหลักแล้วถังเก็บน้ำมันของปั๊มน้ำมันทุกแห่ง จะถูกติดตั้งฝังไว้ใต้ดินลึกจากพื้นผิวประมาณ 1 - 1.5 เมตรตามที่กฎหมายกำหนด อีกทั้งยังมีการควบคุมอุณหภูมิให้เหมาะสมอยู่ตลอดเวลาทั้งวันทั้งคัน อุณหภูมิของอากาศภายนอกจึงไม่มีผลทำให้น้ำมันขยายหรือหดตัวได้

 

     ดังนั้น การเติมน้ำมันรถจึงสามารถเลือกเติมตามเวลาที่สะดวกได้ เพราะไม่ว่าจะเติมในช่วงเวลาใด ก็ไม่มีผลต่อปริมาณน้ำมันที่ได้รับแม้แต่น้อยครับ ขอแค่เน้นว่าเป็นทางผ่าน ไม่ต้องขับอ้อมเพื่อวนไปเติมน้ำมันเสมอๆ แค่นี้ก็ช่วยเซฟค่าน้ำมันได้ไม่น้อยแล้วล่ะครับ

 

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com

.

.

.

.

_____________________________________

เราคือตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ

เทอร์โบแท้

IHI TURBO 🇯🇵

GARRETT 🇺🇸

MITSUBISHI TURBOCHARGER 🇯🇵

ซื้อกับเราได้สินค้าแท้100%

คุ้มค่ากว่า ใช้งานได้ในระยะยาว

สบายใจกว่า เทอร์โบแท้รับประกันสินค้ายาวนาน

บริการหลังการขายที่ยอดเยี่ยม

โดยทีมงานมืออาชีพ ผู้มีประสบการณ์มากกว่า 24 ปี”

สั่งอะไหล่กับเรา "ออกใบกำกับภาษี" ได้

พร้อมบริการการดูแลหลังการขายตลอดอายุการใช้งาน

⚙️เข้าชมสินค้าทั้งหมดในเว็บไซต์

คลิก: www.sqdparts.com

⚙️สั่งซื้อทางเพจ

คลิก: m.me/sqdparts

⚙️สั่งซื้อผ่านไลน์

คลิก: https://liff.line.me/1645278921-kWRPP32q/?accountId=sqdparts

คลิกYoutube : https://bit.ly/3IAJstu

คลิกTiktok : https://bit.ly/3bXmLmN

คลิกInstagram : https://bit.ly/3AFxMDx

เขียนโดย sqdparts เมื่อ Thu 02 May, 2024
อ่านต่อ

     จอดรถหลบแดด ถือเป็นสิ่งที่คนส่วนใหญ่มักทำกัน เพราะรถจะได้ไม่โดนความร้อนจากแสงแดดทำร้ายจนทำให้สีซีดจางลง และเวลากลับมาขึ้นรถจะได้ไม่เจอความร้อนที่ระอุภายในรถอีกด้วย โดยทั่วไปหากเราจอดรถในที่จอดรถที่เป็นอาคาร หรือที่บังแดดสำหรับจอดรถ ก็ถือเป็นการช่วยไม่ให้รถตากแดดได้ แต่กรณีที่ การจอดรถใต้ต้นไม้อาจดูเป็นทางเลือกที่ดีในการหลบแดด แต่แท้จริงแล้วมีอันตรายและผลเสียตามมามากมาย ดังนี้

อันตรายจากการจอดรถใต้ต้นไม้

  1. ขี้นก ขี้นกมีฤทธิ์เป็นกรด สามารถกัดกร่อนทำให้ผิวสีรถของคุณด่างได้
  2. ยางจากต้นไม้ ยางไม้เป็นศัตรูร้ายตัวฉกาจของสีรถ หากหยดใส่รถ ถ้าไม่ล้างให้สะอาดแล้วปล่อยทิ้งไว้จะกลายเป็นคราบฝังลึกขัดออกยาก
  3. น้ำฝน น้ำฝนที่ตกลงมาบนต้นไม้อาจชะล้างยางต้นไม้หรือสิ่งสกปรกอื่นๆ ตกลงมาบนรถ ทำให้รถเปื้อนหรือเกิดรอยได้
  4. ผลจากต้นไม้ ผลจากต้นไม้อาจทำให้ตัวรถบุบหรือเปื้อนเลอะเทอะได้
  5. ใบไม้ และกิ่งไม้ ใบไม้อาจเข้าไปที่ห้องเครื่องหรือระบบแอร์ ทำให้ระบบต่างๆ ทำงานผิดปกติได้ กิ่งไม้อาจทำให้รถเป็นรอยหรือบุบได้
  6. สัตว์เลื้อยคลาน ต้นไม้เป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของสัตว์เลื้อยคลาน เช่น งู ตะขาบ หนู แมลงสาบ เป็นต้น หากจอดรถใต้ต้นไม้เป็นเวลานาน สัตว์เหล่านี้อาจเข้ามาอาศัยในรถได้
  7. กลิ่นเหม็น ต้นไม้บางชนิดมีกลิ่นเหม็น เช่น ต้นยาง ต้นมะม่วง เป็นต้น หากจอดรถใต้ต้นไม้เหล่านี้เป็นเวลานาน กลิ่นเหม็นอาจติดรถได้
  8. ความชื้น ต้นไม้จะคายความชื้นออกมาตลอดเวลา ซึ่งความชื้นนี้อาจทำให้สีรถซีดจาง หรือเกิดคราบเชื้อราได้

     นอกจากอันตรายและผลเสียที่กล่าวมาแล้ว จอดรถใต้ต้นไม้อาจทำให้รถของคุณดูสกปรกและเก่าเร็วขึ้นได้ เนื่องจากคราบสกปรกจากใบไม้ ยางไม้ ขี้นก และผลจากต้นไม้ อาจเกาะติดกับสีรถได้ง่ายและล้างออกยาก

     การจอดรถใต้ต้นไม้ แม้จะมีข้อดีคือช่วยบังแดด แต่ก็มีอันตรายหรือผลเสียตามมามากมายหลายประการ หากต้องการหลีกเลี่ยงอันตรายหรือผลเสียเหล่านี้ ควรเลือกที่จอดรถที่มีหลังคาหรือโครงสร้างอื่นๆ ป้องกันแดดฝนแทนการจอดใต้ต้นไม้

แนะนำเพิ่มเติมในการหลีกเลี่ยงอันตรายจากการจอดรถใต้ต้นไม้

  • หากจำเป็นต้องจอดรถใต้ต้นไม้ ควรตรวจเช็ครถอย่างละเอียดก่อนขับรถออกไปทุกครั้ง เพื่อดูว่ามีสิ่งใดตกหล่นหรือติดอยู่บนรถหรือไม่
  • หากพบว่ามีขี้นกหรือยางต้นไม้ติดอยู่บนรถ ควรล้างออกทันทีด้วยน้ำสะอาดและน้ำยาล้างรถ
  • หากพบว่ามีใบไม้หรือกิ่งไม้ร่วงหล่นอยู่บนรถ ควรเก็บออกทันทีเพื่อป้องกันไม่ให้อุดตันช่องระบายอากาศ
  • หากพบว่ามีต้นไม้ที่มีลักษณะไม่แข็งแรงหรือมีความเสี่ยงที่จะล้มทับรถ ควรหลีกเลี่ยงการจอดรถใต้ต้นไม้นั้น
  • หากต้องการจอดรถในที่ร่ม ควรเลือกที่จอดรถที่มีหลังคาหรือโครงสร้างที่แข็งแรง เพื่อปกป้องรถจากอันตรายต่างๆ

 

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com

.

.

.

.

_____________________________________

เราคือตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ

เทอร์โบแท้

IHI TURBO 🇯🇵

GARRETT 🇺🇸

MITSUBISHI TURBOCHARGER 🇯🇵

ซื้อกับเราได้สินค้าแท้100%

คุ้มค่ากว่า ใช้งานได้ในระยะยาว

สบายใจกว่า เทอร์โบแท้รับประกันสินค้ายาวนาน

บริการหลังการขายที่ยอดเยี่ยม

โดยทีมงานมืออาชีพ ผู้มีประสบการณ์มากกว่า 24 ปี”

สั่งอะไหล่กับเรา "ออกใบกำกับภาษี" ได้

พร้อมบริการการดูแลหลังการขายตลอดอายุการใช้งาน

⚙️เข้าชมสินค้าทั้งหมดในเว็บไซต์

คลิก: www.sqdparts.com

⚙️สั่งซื้อทางเพจ

คลิก: m.me/sqdparts

⚙️สั่งซื้อผ่านไลน์

คลิก: https://liff.line.me/1645278921-kWRPP32q/?accountId=sqdparts

คลิกYoutube : https://bit.ly/3IAJstu

คลิกTiktok : https://bit.ly/3bXmLmN

คลิกInstagram : https://bit.ly/3AFxMDx

เขียนโดย sqdparts เมื่อ Thu 02 May, 2024
อ่านต่อ

     ในช่วงที่ราคาน้ำมันแพงเช่นนี้ คงจะดีไม่น้อยถ้ามีวิธีประหยัดค่าน้ำมันได้ง่ายๆ เพียงแค่ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการขับรถ ไม่ต้องเสียเงินสักบาทเดียว จะทำอย่างไรได้บ้าง เราจะขอแนะนำ 5 เทคนิคขับรถเกียร์ออโต้ประหยัดน้ำมัน ดังนี้

 

1. ค่อยๆ ออกตัวจากจุดหยุดนิ่ง - ช่วงขณะเพิ่มความเร็วของรถยนต์ เป็นช่วงที่เครื่องยนต์จะกินน้ำมันมากที่สุด จึงควรเพิ่มความเร็วแบบไม่ต้องรีบร้อน ประคองคันเร่งให้เกียร์เปลี่ยนที่รอบเครื่องยนต์ประมาณ 2,000 - 2,500 รอบต่อนาทีไม่เกินนี้ จะช่วยลดอัตราสิ้นเปลืองลงได้ แถมยังเป็นการถนอมเครื่องยนต์และเกียร์ไปในตัวอีกด้วย

 

2. รักษาความเร็วคงที่ - เมื่อได้ความเร็วที่ต้องการแล้ว ควรประคองคันเร่งให้นิ่งเพื่อรักษาความเร็วคงที่อย่างต่อเนื่อง หลีกเลี่ยงการเร่งแซงที่ไม่จำเป็น และลดการเหยียบเบรกให้น้อยลงบนพื้นฐานของความปลอดภัย จะช่วยเพิ่มความประหยัดน้ำมันได้ โดยความเร็วที่ประหยัดน้ำมันที่สุดจะอยู่ช่วงระหว่าง 90 - 110 กม./ชม.

 

3. ปรับอุณหภูมิแอร์สูงขึ้นเล็กน้อย - การปรับอุณหภูมิแอร์สูงขึ้นเพียงเล็กน้อยประมาณ 1-2 องศาเซลเซียส จะช่วยลดการทำงานของคอมเพรสเซอร์แอร์ลง และเพิ่มอัตราการประหยัดน้ำมันได้

 

4. เข้าเกียร์ N ขณะหยุดติดไฟแดง - รถเกียร์ออโต้ควรเข้าเกียร์ว่าง หรือ N ขณะหยุดติดไฟแดงเกิน 10 วินาทีขึ้นไป จะช่วยลดโหลดของเครื่องยนต์ ส่งผลให้อัตราสิ้นเปลืองลดลงไปด้วย แต่หากกังวลว่ารถจะไหลโดยไม่ตั้งใจควรใส่เบรกมือหรือเหยียบเบรกค้างไว้

 

5. เติมลมยางแข็งกว่าปกติเล็กน้อย - รถยนต์ทุกคันควรเติมแรงดันลมยางให้ได้ตามที่ผู้ผลิตกำหนดไว้เสมอ แต่หากต้องการความประหยัดน้ำมันเพิ่มขึ้น ให้เติมลมยางเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 3-5 PSI จากที่ผู้ผลิตระบุ จะช่วยลดแรงเสียดทานระหว่างหน้ายางและพื้นถนน ทำให้รถประหยัดน้ำมันมากขึ้น

 

     นอกจากนี้ยังควรนำสิ่งของที่ไม่จำเป็นออกจากรถเพื่อลดน้ำหนักลงให้มากที่สุด และดูแลรักษาเครื่องยนต์และชิ้นส่วนต่างๆ ให้มีสภาพดีอยู่เสมอ ก็จะช่วยเพิ่มความประหยัดได้มากขึ้นแล้วล่ะครับ

 

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com

.

.

.

.

_____________________________________

เราคือตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ

เทอร์โบแท้

IHI TURBO 🇯🇵

GARRETT 🇺🇸

MITSUBISHI TURBOCHARGER 🇯🇵

ซื้อกับเราได้สินค้าแท้100%

คุ้มค่ากว่า ใช้งานได้ในระยะยาว

สบายใจกว่า เทอร์โบแท้รับประกันสินค้ายาวนาน

บริการหลังการขายที่ยอดเยี่ยม

โดยทีมงานมืออาชีพ ผู้มีประสบการณ์มากกว่า 24 ปี”

สั่งอะไหล่กับเรา "ออกใบกำกับภาษี" ได้

พร้อมบริการการดูแลหลังการขายตลอดอายุการใช้งาน

⚙️เข้าชมสินค้าทั้งหมดในเว็บไซต์

คลิก: www.sqdparts.com

⚙️สั่งซื้อทางเพจ

คลิก: m.me/sqdparts

⚙️สั่งซื้อผ่านไลน์

คลิก: https://liff.line.me/1645278921-kWRPP32q/?accountId=sqdparts

คลิกYoutube : https://bit.ly/3IAJstu

คลิกTiktok : https://bit.ly/3bXmLmN

คลิกInstagram : https://bit.ly/3AFxMDx

เขียนโดย sqdparts เมื่อ Thu 02 May, 2024
อ่านต่อ

     เชื่อว่าเจ้าของรถหลายคนคงสังเกตเห็นกันมาบ้าง ว่าบริเวณแผงคอนโซลภายในรถจะมีช่องเล็กๆ ติดตั้งไว้ฝั่งผู้ขับขี่แทบทุกคัน บางรุ่นก็อาจมีลักษณะเป็นสี่เหลี่ยม บางรุ่นอาจเป็นวงกลม แล้วทราบหรือไม่ว่าช่องดังกล่าวมีไว้ทำอะไร?

 

     อันที่จริงแล้วช่องบนแผงคอนโซลที่ว่านี้ไม่ได้มีขึ้นมาลอยๆ เท่านั้น หากแต่ภายในจะมีเซ็นเซอร์สำหรับตรวจจับอุณหภูมิภายในห้องโดยสาร เพื่อใช้ในการทำงานของระบบปรับอากาศ ช่วยให้อุณหภูมิภายในห้องโดยสารเป็นไปตามที่ตั้งค่าไว้นั่นเอง โดยรถแทบทุกคันมักจะติดตั้งเซ็นเซอร์ตรวจจับอุณหภูมิไว้ใกล้กับผู้ขับขี่มากที่สุด และรถบางรุ่นอาจมีเซ็นเซอร์มากกว่า 1 จุดขึ้นไปก็เป็นได้

     นอกจากนี้ ระบบปรับอากาศภายในรถแต่ละคันยังอาศัยเซ็นเซอร์อื่นๆ เพื่อใช้ในการควบคุมอุณหภูมิและคุณภาพอากาศภายในรถให้เป็นไปอย่างเหมาะสมมากที่สุด ยกตัวอย่างเช่น เซ็นเซอร์ตรวจจับแสงอาทิตย์, เซ็นเซอร์ตรวจจับความชื้น, เซ็นเซอร์ตรวจจับฝุ่นและอนุภาค และเซ็นเซอร์ตรวจจับอุณหภูมิภายนอก เป็นต้น

 

     ดังนั้น หากพบว่าระบบปรับอากาศของรถคุณเกิดมีปัญหาขึ้นมา โดยเฉพาะรถที่มีระบบปรับอากาศอัตโนมัติ ก็เป็นไปได้ว่าสาเหตุอาจเกิดจากเซ็นเซอร์เหล่านี้ทำงานผิดปกตินั่นเอง

 

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com

.

.

.

.

_____________________________________

เราคือตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ

เทอร์โบแท้

IHI TURBO 🇯🇵

GARRETT 🇺🇸

MITSUBISHI TURBOCHARGER 🇯🇵

ซื้อกับเราได้สินค้าแท้100%

คุ้มค่ากว่า ใช้งานได้ในระยะยาว

สบายใจกว่า เทอร์โบแท้รับประกันสินค้ายาวนาน

บริการหลังการขายที่ยอดเยี่ยม

โดยทีมงานมืออาชีพ ผู้มีประสบการณ์มากกว่า 24 ปี”

สั่งอะไหล่กับเรา "ออกใบกำกับภาษี" ได้

พร้อมบริการการดูแลหลังการขายตลอดอายุการใช้งาน

⚙️เข้าชมสินค้าทั้งหมดในเว็บไซต์

คลิก: www.sqdparts.com

⚙️สั่งซื้อทางเพจ

คลิก: m.me/sqdparts

⚙️สั่งซื้อผ่านไลน์

คลิก: https://liff.line.me/1645278921-kWRPP32q/?accountId=sqdparts

คลิกYoutube : https://bit.ly/3IAJstu

คลิกTiktok : https://bit.ly/3bXmLmN

คลิกInstagram : https://bit.ly/3AFxMDx

เขียนโดย sqdparts เมื่อ Mon 29 Apr, 2024
อ่านต่อ

     ระบบปรับอากาศในรถยนต์ถือว่ามีความจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับการใช้รถช่วงหน้าร้อน เราจึงขอแนะนำ 4 เทคนิคง่ายๆ ที่ช่วยให้คุณสามารถใช้รถได้อย่างสบายใจในช่วงที่อากาศร้อนอบอ้าวเช่นนี้ จะทำอย่างไรได้บ้าง?

แนะนำเทคนิคแก้ แอร์รถยนต์ไม่เย็น ให้เย็นเจี๊ยบช่วงหน้าร้อน

 

1. ใช้ที่บังแดดทุกครั้งหลังจอดรถ

แม้ว่ารถของเราจะมีฟิล์มกรองแสงที่ช่วยสะท้อนรังสี UV และความร้อนได้ขั้นหนึ่งแล้ว แต่ก็ควรมีที่บังแดดแบบพับได้ติดรถเอาไว้ด้วย เพื่อช่วยป้องกันความร้อนอีกชั้นหนึ่ง จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันความร้อนจากแสงแดด และยังช่วยยืดอายุชิ้นส่วนพลาสติกบนแผงคอนโซลไม่ให้แตกกรอบง่ายอีกด้วย

2. เปิดกระจกทุกบานก่อนออกรถ

หากมีความจำเป็นต้องจอดรถทิ้งไว้กลางแดด ก่อนออกเดินทางทุกครั้งควรลดกระจกทั้ง 4 บานลงเพื่อไล่ความร้อนออกไปเสียก่อน จะช่วยให้ห้องโดยสารไม่ร้อนจัดจนเกินไป และยังเป็นการลดภาระการทำงานของระบบแอร์ได้อีกทางหนึ่งด้วย

3. เปลี่ยนฟิล์มกรองแสง

ฟิล์มกรองแสงรถยนต์จะมีอายุการใช้งานประมาณ 5 - 7 ปี จากนั้นประสิทธิภาพในการกันความร้อนจะค่อยๆ ลดลงเรื่อยๆ หากพบว่าฟิล์มเริ่มเสื่อมสภาพก็ควรพิจารณาเปลี่ยนฟิล์มกรองแสงเสียใหม่ เลือกที่มีค่าการป้องกันความร้อนสูงๆ จะช่วยให้ห้องโดยสารเย็นสบายมากยิ่งขึ้นอีกทั้งยังเป็นการช่วยลดภาระการทำงานของระบบแอร์ได้อีกทางหนึ่งด้วย

4. ล้างแอร์เมื่อจำเป็น

แอร์รถยนต์จำเป็นต้องมีการล้างทำความสะอาดเช่นเดียวกับแอร์บ้าน จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำความเย็นของห้องโดยสารได้ โดยเฉพาะเมื่อรถมีกลิ่นเหม็นอับ ความเย็นไม่ฉ่ำเท่าที่ควร การล้างแอร์จะเป็นการแก้ปัญหาเบื้องต้นเพื่อให้แอร์กลับมาเย็นเจี๊ยบดังเดิมได้

     ปัจจุบันการล้างแอร์มีทั้งแบบถอดตู้และไม่ถอดตู้ ซึ่งให้ผลลัพธ์หลังการล้างแตกต่างกันไป โดยที่การล้างแบบถอดตู้จะเป็นการรื้อตู้แอร์และนำคอยล์เย็นออกมาทำความสะอาด อีกทั้งช่างยังสามารถทำความสะอาดส่วนอื่นๆ ของระบบปรับอากาศได้เกือบทั้งหมด แต่ก็แลกมาด้วยค่าใช้จ่ายที่สูงกว่า และต้องใช้ระยะเวลานาน ส่วนการล้างแอร์แบบไม่ถอดตู้ จะใช้โฟมหรือน้ำยาเข้าไปทำความสะอาดที่แผงคอยล์เย็นควบคู่ไปกับการส่องกล้อง ซึ่งมีข้อดีคือค่าใช้จ่ายถูกกว่า และใช้ระยะเวลาไม่นาน เหมาะสำหรับรถที่ผ่านการใช้งานไม่นานนัก และมีการล้างแอร์เป็นประจำสม่ำเสมอ

 

     หากปฏิบัติได้ตามข้อแนะนำข้างต้นนี้ รับรองว่าคุณจะสามารถใช้รถได้อย่างสบายใจตลอดช่วงหน้าร้อนนี้แน่นอนครับ

 

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com

.

.

.

.

_____________________________________

เราคือตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ

เทอร์โบแท้

IHI TURBO 🇯🇵

GARRETT 🇺🇸

MITSUBISHI TURBOCHARGER 🇯🇵

ซื้อกับเราได้สินค้าแท้100%

คุ้มค่ากว่า ใช้งานได้ในระยะยาว

สบายใจกว่า เทอร์โบแท้รับประกันสินค้ายาวนาน

บริการหลังการขายที่ยอดเยี่ยม

โดยทีมงานมืออาชีพ ผู้มีประสบการณ์มากกว่า 24 ปี”

สั่งอะไหล่กับเรา "ออกใบกำกับภาษี" ได้

พร้อมบริการการดูแลหลังการขายตลอดอายุการใช้งาน

⚙️เข้าชมสินค้าทั้งหมดในเว็บไซต์

คลิก: www.sqdparts.com

⚙️สั่งซื้อทางเพจ

คลิก: m.me/sqdparts

⚙️สั่งซื้อผ่านไลน์

คลิก: https://liff.line.me/1645278921-kWRPP32q/?accountId=sqdparts

คลิกYoutube : https://bit.ly/3IAJstu

คลิกTiktok : https://bit.ly/3bXmLmN

คลิกInstagram : https://bit.ly/3AFxMDx

เขียนโดย sqdparts เมื่อ Mon 29 Apr, 2024
อ่านต่อ

     รถยนต์ ยานพาหนะสำคัญที่ช่วยพาคุณเดินทางไปยังสถานที่ต่าง ๆ โดยปัจจุบันรถยนต์ส่วนบุคคลหลากหลายรุ่นหลายยี่ห้อให้ผู้ซื้อสามารถเลือกซื้อให้ตรงกับไลฟ์สไตล์และความชื่นชอบ รวมถึงฟังก์ชันของรถยนต์ อีกสิ่งที่สำคัญคือการขอสินเชื่อรถยนต์จากธนาคารต่าง ๆ ซึ่งหลายคนไม่ทราบว่านอกจากรูปแบบการผ่อนรถแบบปกติแล้วนั้นยังมีการผ่อนรถแบบบอลลูนด้วย

 

ผ่อนรถแบบบอลลูน คืออะไร

     การผ่อนรถแบบบอลลูนเป็นอีกหนึ่งรูปแบบของการผ่อนรถจากการขอสินเชื่อรถยนต์ เดิมทีการผ่อนแบบบอลลูนนิยมใช้ในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ เพราะถือเป็นทรัพย์สินที่มีมูลค่าสูง ทั้งยังสามารถเพิ่มมูลค่าได้ในอนาคต แต่ทุกวันนี้มีธนาคารและสถาบันการเงินหลายแห่งที่นำรูปแบบการผ่อนบอลลูนมาใช้ในการซื้อรถยนต์ โดยเฉพาะในกลุ่มรถยนต์นำเข้า หรือรถยนต์หรูที่มีราคาสูง ไปจนถึงกลุ่มรถยนต์ทั่วไป

 

รูปแบบการผ่อนรถแบบบอลลูน

การผ่อนรถแบบบอลลูน ถูกแบ่งออกเป็น 3 ส่วนหลัก ๆ ดังนี้

เงินดาวน์

     ยอดเงินที่จ่ายส่วนแรกสุด ถือเป็นเงินรับประกันว่าผู้ซื้อมีความสามารถในการชำระรถยนต์เบื้องต้นให้แก่ธนาคารหรือสถาบันการเงิน โดยเงินดาวน์คิดเป็น 20% ของมูลค่ารถยนต์ หรือขึ้นอยู่กับโปรโมชันและเงื่อนไขของธนาคาร

 

เงินบอลลูน

     เงินที่ทางสถาบันการเงินทำการหักออกไปหนึ่งส่วนโดยเป็นเงินก้อนยอดใหญ่ ซึ่งต้องชำระเมื่อถึงช่วงเวลาที่สถาบันการเงินกำหนด ส่วนใหญ่คิดเป็น 40-50% ของมูลค่ารถยนต์ โดยเป็นส่วนที่เหลือหลังจากผ่อนชำระค่างวดรถจนครบทุกงวดแล้ว

 

เงินผ่อนค่างวดรถ

     เงินผ่อนชำระงวดรถตามปกติที่ต้องชำระจนครบสัญญา คำนวณจากการหักค่าเงินดาวน์และยอดเงินบอลลูนแล้ว หารด้วยจำนวนงวดรถตามที่ระบุในสัญญา ทำให้ค่างวดที่ผ่อนชำระในแต่ละงวดถูกลงนั้นเอง

วิธีการคำนวณการผ่อนแบบบอลลูน

     หากอธิบายง่าย ๆ ให้เข้าใจ รูปแบบการผ่อนบอลลูนเปรียบเสมือนการผ่อนจ่ายด้วยเงินก้อนจำนวน 2 ก้อน คือ เงินดาวน์และเงินบอลลูน แต่จะทำให้ค่าผ่อนต่องวดนั้นถูกลงกว่าการผ่อนแบบปกติ ซึ่งเคทีซีมีตัวอย่างการผ่อนแบบปกติและการผ่อนแบบบอลลูน ดังนี้

 

การผ่อนแบบปกติ

รถยนต์มูลค่า 699,000 บาท หากดอกเบี้ยตลอดสัญญาอยู่ที่ 2.5% ต่อปี เป็นระยะเวลา 60 เดือน

  • เงินดาวน์ 20% เป็นจำนวนเงิน 139,800 บาท
  • อัตราดอกเบี้ยรายปีอยู่ที่ 17,475 บาท รวม 5 ปี (60 เดือน) เท่ากับ 87,375 บาท
  • รวมยอดที่ต้องผ่อนชำระทั้งหมด 646,575 บาท เฉลี่ยค่ารถ จำนวน 60 งวด งวดละ 10,776 บาท จะได้รับกรรมสิทธิเป็นเจ้าของรถทันทีเมื่อผ่อนชำระครบตามจำนวนเงื่อนไขสัญญา

กรณีผ่อนแบบบอลลูน

รถยนต์มูลค่า 699,000 บาท หากดอกเบี้ยตลอดสัญญาอยู่ที่ 2.5% ต่อปี เป็นระยะเวลา 60 เดือน

  • เงินดาวน์ 20% เป็นจำนวนเงิน 139,800 บาท
  • ยอดเงินบอลลูน กรณีหัก 50% ยอดสินเชื่อค่ารถจะคงเหลือ 349,500 บาท (จะถูกยกเป็นงวดที่ 60)
  • ยอดผ่อนชำระสินเชื่อจะคงเหลือ 349,500 บาท
  • อัตราดอกเบี้ยบอลลูน หากคิดที่ 5% ต่อปี จะเท่ากับ 17,475 บาทต่อปี ระยะเวลาการผ่อนชำระ 5 ปี รวมเป็น 87,375 บาท
  • รวมยอดที่ต้องผ่อนชำระทั้งหมด 436,875 บาท เฉลี่ยค่ารถ จำนวน 60 งวด งวดละ 7,281 บาท ตั้งแต่งวดที่ 1-59 และงวดที่ 60 ต้องจ่าย 349,500 บาท จึงจะได้รับกรรมสิทธิเป็นเจ้าของรถทันทีเมื่อผ่อนชำระครบตามจำนวนเงื่อนไขสัญญา

 

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com

.

.

.

.

_____________________________________

เราคือตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ

เทอร์โบแท้

IHI TURBO 🇯🇵

GARRETT 🇺🇸

MITSUBISHI TURBOCHARGER 🇯🇵

ซื้อกับเราได้สินค้าแท้100%

คุ้มค่ากว่า ใช้งานได้ในระยะยาว

สบายใจกว่า เทอร์โบแท้รับประกันสินค้ายาวนาน

บริการหลังการขายที่ยอดเยี่ยม

โดยทีมงานมืออาชีพ ผู้มีประสบการณ์มากกว่า 24 ปี”

สั่งอะไหล่กับเรา "ออกใบกำกับภาษี" ได้

พร้อมบริการการดูแลหลังการขายตลอดอายุการใช้งาน

⚙️เข้าชมสินค้าทั้งหมดในเว็บไซต์

คลิก: www.sqdparts.com

⚙️สั่งซื้อทางเพจ

คลิก: m.me/sqdparts

⚙️สั่งซื้อผ่านไลน์

คลิก: https://liff.line.me/1645278921-kWRPP32q/?accountId=sqdparts

คลิกYoutube : https://bit.ly/3IAJstu

คลิกTiktok : https://bit.ly/3bXmLmN

คลิกInstagram : https://bit.ly/3AFxMDx

เขียนโดย sqdparts เมื่อ Mon 29 Apr, 2024
อ่านต่อ
แสดง รายการ
ร้านค้าออนไลน์ และ ขายของออนไลน์ โดย © 2006-2024 Vevo Systems Co., Ltd.