×
ผลการค้นหา : ร้านเทอร์โบ
แสดง รายการ

     ระบบเกียร์ถือเป็นชิ้นส่วนสำคัญของรถยนต์ทุกคัน การเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเกียร์ตามระยะที่เหมาะสม จะช่วยยืดอายุการใช้งานให้ยาวนานมากขึ้น แล้วทราบหรือไม่ว่ารถยนต์แต่ละคันควรเปลี่ยนน้ำมันเกียร์ทุกกี่กิโลเมตร?

 

"น้ำมันเกียร์" ควรเปลี่ยนถ่ายทุกกี่กิโลเมตร?

โดยปกติแล้วรถยนต์เกียร์อัตโนมัติควรเข้ารับการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเกียร์ทุก 40,000 กม. หรือทุก 2 ปี แล้วแต่ระยะไหนถึงก่อน ขณะที่รถยนต์บางรุ่นอาจมีระยะการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเกียร์แตกต่างไปจากนี้เล็กน้อย

 

การเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเกียร์จะช่วยรักษาประสิทธิภาพในการหล่อลื่นชิ้นส่วนภายในชุดเกียร์ ช่วยลดการสึกหรอ ทำให้เกียร์ยังคงเปลี่ยนอัตราทดได้อย่างนุ่มนวล และมีอายุการใช้งานยาวนาน

 

น้ำมันเกียร์แบบ Lifetime ไม่ต้องเปลี่ยนจริงหรือ?

รถยนต์บางรุ่นระบุในคู่มือว่าใช้น้ำมันเกียร์แบบ Lifetime Transmission Fluid ซึ่งไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนน้ำมันเกียร์ตลอดอายุการใช้งาน แต่โดยหลักการแล้วน้ำมันเกียร์จะมีการเสื่อมสภาพอยู่ตลอดเวลา โดยเฉพาะการใช้งานในบ้านเราที่ต้องเผชิญอากาศร้อนและรถติดอยู่เป็นประจำ หากไม่ได้รับการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเกียร์แล้วล่ะก็ จะเกิดเศษตะกอนและสิ่งสกปรกตกค้างที่ทำให้ชุดเกียร์เสียหายในระยะยาวได้

 

ดังนั้น แม้ว่าผู้ผลิตรถยนต์จะเคลมว่าใช้น้ำมันเกียร์แบบ Lifetime แนะนำว่าควรเข้ารับการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเกียร์อยู่ดี เพราะรถยนต์ส่วนมากจะให้การรับประกันที่ 3 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตรเท่านั้น

 

เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเกียร์มีค่าใช้จ่ายกี่บาท?

ค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเกียร์จะขึ้นอยู่กับรถแต่ละรุ่นและยี่ห้อ มากน้อยขึ้นอยู่กับปริมาณน้ำมันเกียร์ที่ใช้ หากเป็นรถยนต์รุ่นยอดนิยมทั่วไปจะมีค่าใช้จ่ายที่ศูนย์บริการรวมค่าแรงประมาณ 2 พันบาท แต่หากเปลี่ยนถ่ายที่อู่หรือร้านนอกก็มักจะมีค่าใช้จ่ายต่ำกว่านั้น

 

สิ่งสำคัญที่สุดในการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเกียร์ คือการเลือกสเปกน้ำมันเกียร์ให้ถูกต้องตามเกียร์แต่ละประเภท โดยเฉพาะเกียร์อัตโนมัติแบบ CVT ที่จำเป็นต้องใช้น้ำมันเกียร์สูตรเฉพาะ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาในภายหลังนั่นเอง

 

     เมื่อทราบเช่นนี้แล้วก็ไม่ควรละเลยการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเกียร์ตามระยะ เพื่อให้รถสุดที่รักของเราอยู่ในสภาพดีไปอีกยาวนานครับ

 

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com

.

.

.

.

_____________________________________

เราคือตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ

เทอร์โบแท้

IHI TURBO 🇯🇵

GARRETT 🇺🇸

MITSUBISHI TURBOCHARGER 🇯🇵

ซื้อกับเราได้สินค้าแท้100%

คุ้มค่ากว่า ใช้งานได้ในระยะยาว

สบายใจกว่า เทอร์โบแท้รับประกันสินค้ายาวนาน

บริการหลังการขายที่ยอดเยี่ยม

โดยทีมงานมืออาชีพ ผู้มีประสบการณ์มากกว่า 24 ปี”

สั่งอะไหล่กับเรา "ออกใบกำกับภาษี" ได้

พร้อมบริการการดูแลหลังการขายตลอดอายุการใช้งาน

⚙️เข้าชมสินค้าทั้งหมดในเว็บไซต์

คลิก: www.sqdparts.com

⚙️สั่งซื้อทางเพจ

คลิก: m.me/sqdparts

⚙️สั่งซื้อผ่านไลน์

คลิก: https://liff.line.me/1645278921-kWRPP32q/?accountId=sqdparts

คลิกYoutube : https://bit.ly/3IAJstu

คลิกTiktok : https://bit.ly/3bXmLmN

คลิกInstagram : https://bit.ly/3AFxMDx

เขียนโดย sqdparts เมื่อ Thu 28 Aug, 2025
อ่านต่อ

     ใครที่ใช้รถ Toyota Fortuner รุ่นปัจจุบันแล้วรู้สึกว่าไฟหน้าอัตโนมัติติดไวเกินไป แค่ขับผ่านร่มไม้ หรือลอดใต้สะพานไฟก็ติดแล้ว สามารถปรับตั้งค่าความไว (Sensitivity) ด้วยตัวเองแบบง่ายๆ ได้ทันที ไม่ต้องนำรถเข้าศูนย์บริการให้เสียเวลา

 

วิธีตั้งค่าความไวไฟหน้าออโต้ Toyota Fortuner

  1. กดปุ่มสตาร์ท 2 ครั้ง โดยไม่ต้องเหยียบเบรก หน้าจอจะขึ้น IGNITION ON
  2. หมุนก้านไฟหน้าจาก Auto ไปตำแหน่งไฟหรี่
  3. กดปุ่มสตาร์ท 1 ครั้ง เพื่อปิดการทำงานของระบบไฟฟ้าทั้งหมด
  4. ดึงก้านไฟหน้าเข้าหาตัวค้างไว้ หมุนสวิตช์ไฟขึ้น-ลง 5 ครั้งแล้วจึงปล่อย
  5. หากรถไม่เคยตั้งค่าไฟหน้ามาก่อน ไฟหน้าจะกระพริบ 3 ครั้ง = ความ ไวระดับ 3 ซึ่งเป็นค่ามาตรฐานจากโรงงาน
  6. หากต้องการปรับระดับความไว ให้ดึงก้านเข้าหาตัวค้างไว้อีกครั้ง แล้วหมุนขึ้น-ลงให้ได้จำนวนครั้งตามระดับความไวที่ต้องการตั้งแต่ 1-5 โดยที่ 1 = ช้าสุด และ 5 = ไวสุด หากต้องการระดับ 1 ให้หมุนขึ้น-ลง 1 ครั้ง แล้วจึงปล่อย ไฟหน้าจะกระพริบ 1 ครั้ง เป็นอันสิ้นสุดการตั้งค่า

หากใครใช้รถรุ่นนี้แล้วประสบปัญหาไฟหน้าติดไวอยู่แล้วล่ะก็ อย่าลืมนำไปลองใช้กันนะครับ

 

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com

.

.

.

.

_____________________________________

เราคือตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ

เทอร์โบแท้

IHI TURBO 🇯🇵

GARRETT 🇺🇸

MITSUBISHI TURBOCHARGER 🇯🇵

ซื้อกับเราได้สินค้าแท้100%

คุ้มค่ากว่า ใช้งานได้ในระยะยาว

สบายใจกว่า เทอร์โบแท้รับประกันสินค้ายาวนาน

บริการหลังการขายที่ยอดเยี่ยม

โดยทีมงานมืออาชีพ ผู้มีประสบการณ์มากกว่า 24 ปี”

สั่งอะไหล่กับเรา "ออกใบกำกับภาษี" ได้

พร้อมบริการการดูแลหลังการขายตลอดอายุการใช้งาน

⚙️เข้าชมสินค้าทั้งหมดในเว็บไซต์

คลิก: www.sqdparts.com

⚙️สั่งซื้อทางเพจ

คลิก: m.me/sqdparts

⚙️สั่งซื้อผ่านไลน์

คลิก: https://liff.line.me/1645278921-kWRPP32q/?accountId=sqdparts

คลิกYoutube : https://bit.ly/3IAJstu

คลิกTiktok : https://bit.ly/3bXmLmN

คลิกInstagram : https://bit.ly/3AFxMDx

เขียนโดย sqdparts เมื่อ Thu 28 Aug, 2025
อ่านต่อ

     หากพูดถึงการเปลี่ยนยางรถยนต์ เรามักจะได้ยินคำว่า "ตั้งศูนย์-ถ่วงล้อ" ควบคู่กันไปเสมอ แต่เชื่อว่ามือใหม่หลายคนไม่ทราบว่าทั้ง 2 อย่างแตกต่างกันอย่างไร บทความนี้ เราจะพาไปทำความรู้จักการตั้งศูนย์และถ่วงล้อกัน

 

ตั้งศูนย์-ถ่วงล้อ คืออะไร?

มีคนจำนวนไม่น้อยเข้าใจผิดว่าการ "ตั้งศูนย์" และ "ถ่วงล้อ" คือสิ่งเดียวกัน แต่อันที่จริงแล้วทั้ง 2 อย่างมีความแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง โดยสามารถทำทั้ง 2 อย่างในคราวเดียวกันได้ หรือจะแยกทำอย่างใดอย่างหนึ่งตามอาการของรถก็ได้เช่นกัน

 

ตั้งศูนย์

การตั้งศูนย์เป็นการตั้งค่าการทำงานของระบบช่วงล่าง เพื่อไม่ให้รถเป๋ไปทางด้านซ้ายหรือขวาขณะขับขี่ หากศูนย์ล้อเป็นปกติ รถจะสามารถเคลื่อนที่ไปทิศทางตรงได้อย่างแม่นยำแม้ว่าจะมีการปล่อยพวงมาลัย หรือจับพวงมาลัยแบบหลวมๆ ก็ตาม

 

แต่หากศูนย์ล้อมีความผิดปกติ หากปล่อยมือออกจากพวงมาลัยแล้วล่ะก็ รถจะเอียงไปทางด้านซ้ายหรือด้านขวาทันที ยิ่งรถเอียงมากเท่าไหร่ แสดงว่าศูนย์ล้อยิ่งมีความผิดปกติมากขึ้นเท่านั้น ซึ่งนอกจากจะทำให้การควบคุมรถยากขึ้นแล้ว ยังส่งผลให้ยางเกิดความสึกหรอผิดปกติ ยางเสื่อมสภาพก่อนเวลาอันควรได้

 

ถ่วงล้อ

หากมองด้วยตาเปล่าจะเห็นว่ายางรถยนต์ทุกเส้นจะมีลักษณะเป็นทรงกลมโดยสมบูรณ์ แต่ในความเป็นจริงแล้วยางแต่ละเส้นไม่ได้มีการเฉลี่ยน้ำหนักเท่ากันตลอดทั้งเส้น ส่งผลให้น้ำหนักของแต่ละจุดบนเส้นรอบวงยางไม่เท่ากัน meให้เกิดแรงสะเทือนขณะเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูง โดยเฉพาะความไม่สมดุลที่เกิดขึ้นกับล้อคู่หน้า จะทำให้แรงสะเทือนส่งผ่านมายังพวงมาลัย ทำให้ผู้ขับขี่รู้สึกถึงอาการสั่นได้มากกว่าล้อคู่หลัง

 

การถ่วงล้อเป็นการนำตะกั่วถ่วงล้อไปติดไว้บริเวณด้านในของวงล้อ เพื่อให้ล้อและยางเกิดความสมดุล จะช่วยลดอาการสั่นลงให้น้อยที่สุดหรือไม่มีเลย

 

การตั้งศูนย์ - ถ่วงล้อ ทำเมื่อไหร่?

การตั้งศูนย์ และถ่วงล้อ มักจะทำทุกครั้งที่มีการเปลี่ยนยางเส้นใหม่ เพื่อปรับค่าต่างๆ ให้กลับมาเป็นปกติดังเดิม เพราะการขับรถตกหลุมอย่างรุนแรงก็อาจทำให้ศูนย์ล้อเปลี่ยนไปจากเดิมได้

 

อย่างไรก็ดี หากว่ายังไม่ถึงเวลาเปลี่ยนยางเส้นใหม่ แต่ช่วงล่างของรถมีอาการผิดเพี้ยนไป เช่น รถแฉลบไปข้างใดข้างหนึ่งเมื่อปล่อยพวงมาลัย แบบนี้จะต้องนำรถเข้ารับการ "ตั้งศูนย์" หรือหากรถมีอาการสั่นขณะวิ่งด้วยความเร็วสูง แบบนี้จะต้องเข้ารับการ "ถ่วงล้อ" เพื่อให้กลับมานิ่งดังเดิม

 

     อย่างไรก็ดี อาการผิดปกติของช่วงล่างอาจไม่สามารถแก้ปัญหาด้วยการตั้งศูนย์ - ถ่วงล้อเสมอไป เพราะหากมีการเสื่อมสภาพของชิ้นส่วนช่วงล่าง ก็อาจทำให้เกิดอาการผิดปกติได้เช่นกัน โดยมากแล้วช่างจะแนะนำให้เปลี่ยนหรือซ่อมช่วงล่าง จากนั้นจึงค่อยนำรถเข้ารับการตั้งศูนย์หรือถ่วงล้อตามความจำเป็นต่อไปครับ

 

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com

.

.

.

.

_____________________________________

เราคือตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ

เทอร์โบแท้

IHI TURBO 🇯🇵

GARRETT 🇺🇸

MITSUBISHI TURBOCHARGER 🇯🇵

ซื้อกับเราได้สินค้าแท้100%

คุ้มค่ากว่า ใช้งานได้ในระยะยาว

สบายใจกว่า เทอร์โบแท้รับประกันสินค้ายาวนาน

บริการหลังการขายที่ยอดเยี่ยม

โดยทีมงานมืออาชีพ ผู้มีประสบการณ์มากกว่า 24 ปี”

สั่งอะไหล่กับเรา "ออกใบกำกับภาษี" ได้

พร้อมบริการการดูแลหลังการขายตลอดอายุการใช้งาน

⚙️เข้าชมสินค้าทั้งหมดในเว็บไซต์

คลิก: www.sqdparts.com

⚙️สั่งซื้อทางเพจ

คลิก: m.me/sqdparts

⚙️สั่งซื้อผ่านไลน์

คลิก: https://liff.line.me/1645278921-kWRPP32q/?accountId=sqdparts

คลิกYoutube : https://bit.ly/3IAJstu

คลิกTiktok : https://bit.ly/3bXmLmN

คลิกInstagram : https://bit.ly/3AFxMDx

เขียนโดย sqdparts เมื่อ Thu 28 Aug, 2025
อ่านต่อ

     เส้นก้างปลา เป็นหนึ่งในเครื่องหมายจราจรบนพื้นทางประเภทบังคับ ซึ่งตามกฎหมายเรียกว่า "เขตปลอดภัย" หรือ "เกาะสี" มีลักษณะเป็นแถบหรือเส้นทึบสีขาวหรือสีเหลือง ตีทแยงกับแนวทิศทางการจราจร หรือเป็นลักษณะก้างปลา ล้อมรอบด้วยเส้นทึบสีขาวหรือสีเหลือง อาจตีไว้กลางถนน หรือริมด้านใดด้านหนึ่งของถนน หมายความว่า "ห้ามมิให้ผู้ใดขับรถล้ำเข้าไปในพื้นที่ดังกล่าว" หากเปรียบง่ายๆ ให้ระลึกว่า "เขตปลอดภัย" ก็คือเกาะกลางถนนหรือฟุตบาท ที่ไม่สามารถขับรถล้ำเข้าไปได้นั่นเอง

     ทั้งนี้ "เส้นกลางปลา" มีความแตกต่างจาก "เขตห้ามหยุด" ซึ่งมีลักษณะเป็นเส้นทึบสีเหลือง ลากทแยงมุมตัดกัน 45 องศา ซึ่งสามารถขับผ่านไปได้ แต่ไม่สามารถหยุดทับเส้นได้ เนื่องจากจะก่อให้เกิดการกีดขวางจราจรนั่นเองครับ

     หากผู้ใดฝ่าฝืนเส้นจราจรดังกล่าว จะมีความผิดตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ.2522 ข้อหาฝ่าฝืนเครื่องหมายบนพื้นทาง มีอัตราโทษปรับสูงสุดไม่เกิน 1,000 บาท

 

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com

.

.

.

.

_____________________________________

เราคือตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ

เทอร์โบแท้

IHI TURBO 🇯🇵

GARRETT 🇺🇸

MITSUBISHI TURBOCHARGER 🇯🇵

ซื้อกับเราได้สินค้าแท้100%

คุ้มค่ากว่า ใช้งานได้ในระยะยาว

สบายใจกว่า เทอร์โบแท้รับประกันสินค้ายาวนาน

บริการหลังการขายที่ยอดเยี่ยม

โดยทีมงานมืออาชีพ ผู้มีประสบการณ์มากกว่า 24 ปี”

สั่งอะไหล่กับเรา "ออกใบกำกับภาษี" ได้

พร้อมบริการการดูแลหลังการขายตลอดอายุการใช้งาน

⚙️เข้าชมสินค้าทั้งหมดในเว็บไซต์

คลิก: www.sqdparts.com

⚙️สั่งซื้อทางเพจ

คลิก: m.me/sqdparts

⚙️สั่งซื้อผ่านไลน์

คลิก: https://liff.line.me/1645278921-kWRPP32q/?accountId=sqdparts

คลิกYoutube : https://bit.ly/3IAJstu

คลิกTiktok : https://bit.ly/3bXmLmN

คลิกInstagram : https://bit.ly/3AFxMDx

เขียนโดย sqdparts เมื่อ Thu 28 Aug, 2025
อ่านต่อ

     รู้หรือไม่ว่าความเร็วที่โชว์บนมาตรวัด จะสูงกว่าความเร็วที่รถเคลื่อนที่จริงเสมอ เช่น เรือนไมล์โชว์ความเร็ว 100 กม./ชม. แต่ความเร็วที่วัดโดยจีพีเอสอาจอยู่เพียง 97 กม./ชม. ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น? บทความนี้ เรามีคำตอบมาฝากกัน

 

ทำไมความเร็วที่โชว์กับความเร็วจริงถึงไม่เท่ากัน?

หากใครคุ้นเคยกับระบบนำทางที่มีการบอกความเร็วของรถ หรือเคยเปิดแอปพลิเคชันตรวจวัดความเร็วที่รถกำลังเคลื่อนที่อยู่แล้วล่ะก็ คงจะทราบดีว่ารถทุกคัน (ไม่เว้นแม้แต่มอเตอร์ไซค์) จะบอกความเร็วบนมาตรวัดสูงกว่าความเร็วที่รถวิ่งจริงเสมอ ซึ่งโดยมากจะแตกต่างกันที่ราว 3-5 กม./ชม. ตลอดทุกช่วงความเร็ว หรือผู้ผลิตรถยนต์กำลังหลอกเราอยู่หรืออย่างไร?

 

เพื่อให้เข้าใจเรื่องนี้อย่างถูกต้องนั้น เราจะต้องรู้จักการทำงานของมาตรวัดความเร็วในรถยนต์กันก่อน โดยหากเป็นรถยนต์รุ่นเก่าในอดีต จะอาศัยการวัดความเร็วด้วยระบบสาย (Eddy Current Type) ส่วนรถในปัจจุบันจะอาศัยสัญญาณจากเซ็นเซอร์วัดความเร็ว (Speed Sensor) ซึ่งทั้งคู่จะตรวจวัดการหมุนของล้อ แล้วจึงแปรผลมาเป็นความเร็วที่รถกำลังเคลื่อนที่อีกทีหนึ่ง

 

จะสังเกตได้ว่าหากรถมีการออกตัวแบบล้อฟรี เข็มความเร็วจะดีดขึ้นอย่างรวดเร็วตามการหมุนของล้อในขณะนั้น ทั้งที่รถเพิ่งจะขยับตัวออกจากจุดหยุดนิ่งเท่านั้นเอง สะท้อนให้เห็นว่าความเร็วที่โชว์บนมาตรวัดไม่ใช่ความเร็วจริงเสมอไป หากแต่เป็นความเร็วจากการหมุนของล้อต่างหาก

 

เมื่อเป็นเช่นนี้ ขนาดของยางล้อจึงมีส่วนสำคัญอย่างยิ่งที่ทำให้ค่าความเร็วที่แสดงบนเรือนไมล์ผิดเพี้ยน เพราะหากเปลี่ยนไปใช้ล้อและยางที่มีขนาดใหญ่ขึ้น ก็จะทำให้รอบการหมุนของล้อช้าลง ส่งผลให้ความเร็วที่โชว์บนมาตรวัดต่ำกว่าความเป็นจริงเพิ่มมากขึ้นไปอีก

 

เพื่อเป็นการชดเชยค่าความผิดเพี้ยนเหล่านี้ ผู้ผลิตรถยนต์จึงออกแบบมาตรวัดให้แสดงความเร็วสูงกว่าความเร็วจริงเล็กน้อย เพื่อลดโอกาสที่ผู้ขับขี่จะใช้ความเร็วเกินกฎหมายกำหนดนั่นเอง

 

นอกจากนี้ ความเร็วที่แสดงบนมาตรวัดยังต้องสอดคล้องกับกฎหมายอีกด้วย โดยรถยนต์ที่สามารถวางจำหน่ายในสหภาพยุโรปได้นั้น จะต้องเป็นไปตามข้อกำหนด UN ECE Regulation 39 ซึ่งมีใจความส่วนหนึ่งระบุว่า ความเร็วที่แสดงบนมาตรวัดจะต้องไม่ต่ำกว่าความเร็วจริง และยังสามารถแสดงความเร็วได้สูงกว่าความเร็วจริง 10% + 4 กม./ชม. หรือ 6 กม./ชม. ขึ้นอยู่กับประเภทของรถ

 

นั่นหมายความว่าหากความเร็วจริงอยู่ที่ 100 กม./ชม. มาตรวัดความเร็วจะต้องแสดงผลไม่ต่ำกว่า 100 กม./ชม. และอาจเพี้ยนไปได้มากถึง 116 กม./ชม. เลยทีเดียว

 

     ทั้งหมดนี้จึงเป็นสาเหตุว่าทำไมมาตรวัดความเร็วของรถจริงสูงกว่าความเร็วจริงเสมอนั่นเองครับ

 

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com

.

.

.

.

_____________________________________

เราคือตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ

เทอร์โบแท้

IHI TURBO 🇯🇵

GARRETT 🇺🇸

MITSUBISHI TURBOCHARGER 🇯🇵

ซื้อกับเราได้สินค้าแท้100%

คุ้มค่ากว่า ใช้งานได้ในระยะยาว

สบายใจกว่า เทอร์โบแท้รับประกันสินค้ายาวนาน

บริการหลังการขายที่ยอดเยี่ยม

โดยทีมงานมืออาชีพ ผู้มีประสบการณ์มากกว่า 24 ปี”

สั่งอะไหล่กับเรา "ออกใบกำกับภาษี" ได้

พร้อมบริการการดูแลหลังการขายตลอดอายุการใช้งาน

⚙️เข้าชมสินค้าทั้งหมดในเว็บไซต์

คลิก: www.sqdparts.com

⚙️สั่งซื้อทางเพจ

คลิก: m.me/sqdparts

⚙️สั่งซื้อผ่านไลน์

คลิก: https://liff.line.me/1645278921-kWRPP32q/?accountId=sqdparts

คลิกYoutube : https://bit.ly/3IAJstu

คลิกTiktok : https://bit.ly/3bXmLmN

คลิกInstagram : https://bit.ly/3AFxMDx

เขียนโดย sqdparts เมื่อ Thu 28 Aug, 2025
อ่านต่อ

     หากคุณขับรถอยู่แล้วพบว่ามีปัายที่บอกทางทั้งลูกศร หรือแบบอื่น แต่มีพื้นหลังเป็นสีเหลือง หลายคนอาจจะสงสัยว่า ทำไมต้องมีป้ายแบบนี้ขึ้นมา ใช้สีขาวแบบเดิมไม่ได้หรอ วันนี้ เรามีคำตอบคลายข้อสงสัยให้กับผู้ใช้รถ รวมถึงคนที่กำลังจะสอบใบขับขี่ต้องรู้ด้วยนะ

 

ป้ายพื้นหลังสีเหลืองคืออะไร

ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจให้ตรงกันว่า โดยหลักแล้วป้ายจราจรที่มีพื้นหลังสีเหลือง ขอบสีดำ พร้อมสัญลักษณ์หรือข้อความสีดำนั้น จัดอยู่ในหมวด "ป้ายเตือน" (Warning Signs) หน้าที่หลักของป้ายประเภทนี้ คือการแจ้งเตือนผู้ขับขี่ให้ทราบล่วงหน้าถึงสภาพเส้นทางที่อาจก่อให้เกิดอันตราย

 

หรือจำเป็นต้องใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษ เพื่อให้ผู้ขับขี่สามารถลดความเร็วและเตรียมความพร้อมรับมือได้อย่างทันท่วงที 

 

แล้วทำไมถึงเรียกว่า "ป้ายบอกทางสีเหลือง"?

สำหรับทำไมป้ายต้องเป็นบอกทางสีเหลือง ก็เพราะว่า ในหลักการแล้วสีเหลืองคือการเตือน ดังนั้นป้ายสีเหลืองก็ทำหน้าที่ "บอกทิศทางชั่วคราว" ด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะในบริเวณที่มีการก่อสร้าง ซ่อมแซมถนน หรือมีเหตุการณ์พิเศษ ทำให้ต้องมีการเปลี่ยนแปลงเส้นทางจราจร นี่จึงเป็นที่มาที่หลายคนเรียกว่า "ป้ายบอกทางสีเหลือง"

 

โดยป้ายเหล่านี้จะทำหน้าที่แนะนำเส้นทางเลี่ยง หรือบอกให้เบี่ยงไปใช้ช่องจราจรอื่นชั่วคราว เช่น ป้ายทางเบี่ยงซ้าย/ขวา, ป้ายเปลี่ยนช่องจราจร, หรือป้ายแนะนำเส้นทางเลี่ยง ซึ่งล้วนแต่ใช้พื้นหลังสีเหลืองเพื่อเน้นย้ำให้ผู้ขับขี่เห็นได้ชัดเจนและปฏิบัติตามเพื่อความปลอดภัยและลดปัญหาการจราจร

 

ตัวอย่าง "ป้ายเตือนสีเหลือง" ที่พบบ่อยบนท้องถนน

เพื่อให้เห็นภาพชัดเจนขึ้น เรามาดูตัวอย่างป้ายเตือนสีเหลืองที่ผู้ขับขี่มักจะพบเจอเป็นประจำ พร้อมความหมายที่ต้องใส่ใจเป็นพิเศษกันดีกว่า

 

กลุ่มเตือนสภาพเส้นทาง

  • ป้ายเตือนทางโค้ง (ซ้าย/ขวา, โค้งกลับ, ทางคดเคี้ยว): สัญญาณเตือนให้ลดความเร็วก่อนถึงโค้ง เพื่อป้องกันการเสียหลักแหกโค้ง
  • ป้ายเตือนทางแยก: แจ้งให้ทราบว่าข้างหน้ามีทางแยก อาจเป็นสามแยก สี่แยก หรือทางแยกที่ซับซ้อน เพื่อให้เตรียมชะลอความเร็วและมองรถจากทิศทางอื่น
  • ป้ายเตือนวงเวียนข้างหน้า: ให้เตรียมพร้อมเข้าสู่วงเวียน โดยต้องให้สิทธิ์รถที่อยู่ในวงเวียนไปก่อน
  • ป้ายเตือนทางแคบลง: บอกให้รู้ว่าช่องจราจรข้างหน้าจะลดลง ผู้ขับขี่ต้องเพิ่มความระมัดระวังในการเบียดหรือแซง
  • ป้ายเตือนถนนลื่น: มักพบในบริเวณที่ฝนตกบ่อยหรือมีน้ำขัง เตือนให้ขับช้าลงเป็นพิเศษ เพราะรถอาจเสียการควบคุมได้ง่าย

กลุ่มเตือนสิ่งที่ต้องระวัง

  • ป้ายเตือนเขตโรงเรียน: สัญลักษณ์รูปเด็กนักเรียน เตือนให้ลดความเร็วสูงสุดและพร้อมที่จะหยุดเสมอ โดยเฉพาะช่วงเวลาเปิด-ปิดเรียน
  • ป้ายเตือนทางข้ามทางรถไฟ (มี/ไม่มีเครื่องกั้น): สัญญาณเตือนที่สำคัญอย่างยิ่ง ผู้ขับขี่ต้องชะลอและสังเกตให้แน่ใจว่าไม่มีรถไฟกำลังมา ก่อนจะขับผ่านไป
  • ป้ายเตือนระวังสัตว์: ในพื้นที่นอกเมืองหรือใกล้เขตป่า อาจมีสัตว์ป่าข้ามถนน ป้ายนี้จึงเตือนให้ขับช้าลงและสังเกตสองข้างทาง
  • ป้ายเตือนระวังหินร่วง: พบได้บ่อยในเส้นทางขึ้นเขาหรือตัดผ่านภูเขา ให้ระมัดระวังหินที่อาจร่วงหล่นลงมาบนถนน

กลุ่มเตือนในเขตงานก่อสร้าง (ป้ายบอกทางชั่วคราว)

  • ป้ายทางเบี่ยง (ซ้าย/ขวา): ป้ายลูกศรชี้ทิศทางให้เบี่ยงออกจากเส้นทางเดิม มักใช้ร่วมกับกรวยหรือแผงกั้น
  • ป้ายช่องจราจรปิดด้านหน้า: แจ้งให้ผู้ขับขี่เปลี่ยนช่องจราจรล่วงหน้า เพราะช่องทางที่ใช้อยู่กำลังจะถูกปิด
  • ป้ายคนทำงาน: เตือนให้ระวังเจ้าหน้าที่ที่กำลังปฏิบัติงานอยู่ในบริเวณนั้น

ดังนั้นแล้ว ทุกครั้งที่คุณเห็นป้ายบอกทางสีเหลืองอาจไม่ใช่ป้ายที่นำคุณไปสู่จุดหมายปลายทางโดยตรง แต่เป็นการ "เตือน" ว่าอาจจะมีอันตรายอยู่ข้างหน้า และปฏิบัติตามป้ายเตือนเหล่านี้อย่างเคร่งครัด ไม่เพียงแต่ช่วยป้องกันอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นกับตัวคุณเอง แต่ยังแสดงถึงความใส่ใจต่อเพื่อนร่วมทางอีกด้วย ครั้งต่อไปเมื่อเห็นป้ายสีเหลืองข้างหน้า

 

อย่าลืมชะลอความเร็วและเพิ่มความระมัดระวัง เพราะนั่นคือสัญญาณเตือนจากความห่วงใย เพื่อให้ทุกการเดินทางของคุณราบรื่นและปลอดภัยถึงที่หมาย

 

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com

.

.

.

.

_____________________________________

เราคือตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ

เทอร์โบแท้

IHI TURBO 🇯🇵

GARRETT 🇺🇸

MITSUBISHI TURBOCHARGER 🇯🇵

ซื้อกับเราได้สินค้าแท้100%

คุ้มค่ากว่า ใช้งานได้ในระยะยาว

สบายใจกว่า เทอร์โบแท้รับประกันสินค้ายาวนาน

บริการหลังการขายที่ยอดเยี่ยม

โดยทีมงานมืออาชีพ ผู้มีประสบการณ์มากกว่า 24 ปี”

สั่งอะไหล่กับเรา "ออกใบกำกับภาษี" ได้

พร้อมบริการการดูแลหลังการขายตลอดอายุการใช้งาน

⚙️เข้าชมสินค้าทั้งหมดในเว็บไซต์

คลิก: www.sqdparts.com

⚙️สั่งซื้อทางเพจ

คลิก: m.me/sqdparts

⚙️สั่งซื้อผ่านไลน์

คลิก: https://liff.line.me/1645278921-kWRPP32q/?accountId=sqdparts

คลิกYoutube : https://bit.ly/3IAJstu

คลิกTiktok : https://bit.ly/3bXmLmN

คลิกInstagram : https://bit.ly/3AFxMDx

เขียนโดย sqdparts เมื่อ Mon 25 Aug, 2025
อ่านต่อ
แสดง รายการ
ร้านค้าออนไลน์ และ ขายของออนไลน์ โดย © 2006-2025 Vevo Systems Co., Ltd.