×
ผลการค้นหา : รถยนต์ไฟฟ้า
แสดง รายการ

     หากคุณเป็นคนใช้รถที่มีแต่ใช้งานอย่างเดียว หากรถมีการขึ้นสัญญาณไฟสีแดงที่เป็นรูปอุณหภูมิ ขึ้นมาที่หน้าจอรถ มันคืออะไรและอันตรายแค่ไหน วันนี้ เรามาเฉลยเรื่องนี้กัน

 

ไฟแท่งสีแดงเครื่องหมาย H คืออะไร

สำหรับ ไฟแดงรูปเทอร์โมมิเตอร์ หรือรูปปรอทวัดไข้ เป็นสัญญาณเตือนว่าเครื่องยนต์กำลังมีอุณหภูมิ "สูงเกินไป" หรือที่เรียกว่า "เครื่องโอเวอร์ฮีท" (Overheat) ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ไฟฟ้าหรือรถยนต์เครื่องสันดาบไฟนี้ก็จะขึ้นได้เสมอ

 

เครื่องหมายนี้เป็นหนึ่งในสัญญาณเตือนที่สำคัญที่สุดที่คุณไม่ควรละเลยโดยเด็ดขาด!

 

ไฟเตือนนี้จะสว่างขึ้นเมื่อระบบระบายความร้อนของเครื่องยนต์มีปัญหา ทำให้เครื่องยนต์ไม่สามารถระบายความร้อนออกไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ และอุณหภูมิภายในเครื่องยนต์สูงขึ้นจนถึงระดับที่เป็นอันตรายต่อชิ้นส่วนต่างๆ

 

ถ้าปล่อยให้ขึ้นรถจะพังได้ไหม?

หากคุณเห็นไฟนี้แลัวขับรถต่อบอกเลว่ารถคุณจะ "พังได้แน่นอนครับ" และอาจจะพังหนักมากจนถึงขั้นต้อง "ยกเครื่องใหม่" หรือเปลี่ยนเครื่องยนต์ไปเลยก็ได้

 

การปล่อยให้เครื่องยนต์โอเวอร์ฮีทและยังขับต่อไป จะทำให้เกิดความเสียหายร้ายแรงต่อเครื่องยนต์ได้ดังนี้

  1. ปะเก็นฝาสูบแตก/โก่ง: นี่คือความเสียหายที่พบบ่อยที่สุดและเป็นจุดเริ่มต้นของปัญหาใหญ่หลายอย่าง เมื่อความร้อนสูงจัด ปะเก็น (ซึ่งเป็นซีลกันรั่วระหว่างฝาสูบและเสื้อสูบ) จะไม่สามารถทนทานได้ ทำให้ไอดีไอเสียรั่ว และน้ำมันเครื่องกับน้ำหล่อเย็นอาจปนกันได้
  2. ฝาสูบโก่ง/บิดเบี้ยว: ความร้อนที่สูงมากจะทำให้โลหะของฝาสูบเกิดการขยายตัวและโก่งงออย่างถาวร ซึ่งทำให้เครื่องยนต์ทำงานผิดปกติอย่างรุนแรง และแก้ไขได้ยาก อาจจะต้องเปลี่ยนฝาสูบใหม่ หรือต้องบดหน้าฝาสูบ (ซึ่งอาจไม่สมบูรณ์ 100%)
  3. ลูกสูบติด/ละลาย: เมื่ออุณหภูมิสูงเกินไป ฟิล์มน้ำมันเครื่องที่เคลือบลูกสูบจะสูญเสียคุณสมบัติการหล่อลื่น ทำให้ลูกสูบเสียดสีกับกระบอกสูบโดยตรงจนเกิดการสึกหรออย่างรวดเร็วและรุนแรง อาจถึงขั้นลูกสูบติด หรือบางส่วนของลูกสูบละลายได้
  4. เสื้อสูบเสียหาย: ความร้อนสูงสามารถทำให้เสื้อสูบซึ่งเป็นโครงสร้างหลักของเครื่องยนต์เกิดความเสียหาย บิดเบี้ยว หรือเป็นรอยได้
  5. น้ำมันเครื่องเสื่อมสภาพ: ความร้อนสูงจะทำให้น้ำมันเครื่องเสื่อมสภาพเร็วกว่าปกติ สูญเสียคุณสมบัติการหล่อลื่นและระบายความร้อน ทำให้ชิ้นส่วนภายในสึกหรอเร็วขึ้น

ดังนั้นทันทีที่คุณเห็นไฟเตือนอุณหภูมิเครื่องยนต์สีแดงสว่างขึ้นสิ่งที่ควรทำคือ

  • ควรรีบจอดรถทันทีในที่ปลอดภัย
  • ดับเครื่องยนต์ ปล่อยให้เครื่องยนต์เย็นลงก่อน แล้วจึงค่อยตรวจสอบหาสาเหตุ
  • และห้ามเปิดฝาหม้อน้ำตอนเครื่องร้อนจัดเด็ดขาด เพราะแรงดันน้ำร้อนอาจพุ่งออกมาเป็นอันตรายได้
  • ถ้าไม่มั่นใจเรียกศูนย์บริการหรือนรถยกเพื่อไปศูนย์บริการจะดีที่สุด

การเมินเฉยต่อสัญญาณนี้จะนำไปสู่ค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมที่สูงมาก และอาจทำให้รถไม่สามารถใช้งานได้อีกต่อไป

 

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com

.

.

.

.

_____________________________________

เราคือตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ

เทอร์โบแท้

IHI TURBO 🇯🇵

GARRETT 🇺🇸

MITSUBISHI TURBOCHARGER 🇯🇵

ซื้อกับเราได้สินค้าแท้100%

คุ้มค่ากว่า ใช้งานได้ในระยะยาว

สบายใจกว่า เทอร์โบแท้รับประกันสินค้ายาวนาน

บริการหลังการขายที่ยอดเยี่ยม

โดยทีมงานมืออาชีพ ผู้มีประสบการณ์มากกว่า 24 ปี”

สั่งอะไหล่กับเรา "ออกใบกำกับภาษี" ได้

พร้อมบริการการดูแลหลังการขายตลอดอายุการใช้งาน

⚙️เข้าชมสินค้าทั้งหมดในเว็บไซต์

คลิก: www.sqdparts.com

⚙️สั่งซื้อทางเพจ

คลิก: m.me/sqdparts

⚙️สั่งซื้อผ่านไลน์

คลิก: https://liff.line.me/1645278921-kWRPP32q/?accountId=sqdparts

คลิกYoutube : https://bit.ly/3IAJstu

คลิกTiktok : https://bit.ly/3bXmLmN

คลิกInstagram : https://bit.ly/3AFxMDx

เขียนโดย sqdparts เมื่อ Tue 18 Nov, 2025
อ่านต่อ

     แม้ว่ารถยนต์ไฟฟ้า (BEV) จะมีมาตรฐานการป้องกันความเสียหายของแบตเตอรี่จากน้ำและฝุ่น (เช่น IP67, IP68 และอื่นๆ) แต่ปัจจุบันกลับมีข่าวรถยนต์ไฟฟ้าได้รับความเสียหายหลังลุยน้ำท่วมอยู่บ่อยครั้ง บางกรณีแค่จอดแช่น้ำท่วมขังเฉยๆ ก็ถึงขั้นพังได้แล้ว ก่อให้เกิดคำถามว่าแท้จริงแล้วนั้น รถยนต์ไฟฟ้าสามารถลุยน้ำได้หรือไม่? บทความนี้ เราจะพาไปหาคำตอบกัน

 

รถยนต์ไฟฟ้า หรือ EV ลุยน้ำได้หรือไม่?

     เชื่อว่าหลายคนคงเคยเห็นคลิปต่างประเทศ ที่รถยนต์ไฟฟ้าสามารถขับลุยน้ำลึกได้อย่างไร้ปัญหา ขณะที่รถยนต์สันดาปกลับจอดตายกันเป็นแถว แต่เมื่อตัดภาพมาที่บ้านเรากลับพบว่ารถยนต์ไฟฟ้าหลายคันเจอปัญหาไม่สามารถใช้งานได้หลังจากขับรถลุยน้ำมา หรือเพียงแค่จอดรถตากฝนไว้หน้าบ้านก็สร้างความเสียหายได้แล้ว

     โดยปกติแล้วรถยนต์สันดาปไม่ว่าจะเบนซินหรือดีเซล จำเป็นต้องใช้อากาศในการเผาไหม้ หากว่ามีน้ำเล็ดลอดเข้าไปยังห้องเผาไหม้แล้วล่ะก็ จะทำให้ระบบเผาไหม้ของเครื่องยนต์ได้รับความเสียหาย เครื่องยนต์ดับกลางอากาศ และอาจร้ายแรงถึงขั้นก้านสูบคดหรือหัก ซึ่งหลายกรณีพบว่ามีค่าใช้จ่ายสูงไม่คุ้มค่ากับการซ่อม จนถึงขั้นแนะนำให้เปลี่ยนเครื่องยนต์ใหม่ไปเลยจะดีกว่า

     ขณะที่รถยนต์ไฟฟ้าไม่มีระบบเผาไหม้เข้ามาเกี่ยวข้อง จึงสามารถขับรถลุยน้ำได้โดยไม่ทำให้รถดับ อย่างไรก็ดี การขับรถยนต์ไฟฟ้าลุยน้ำถือว่าเป็นสิ่งที่ไม่ปลอดภัย และไม่แนะนำให้ปฏิบัติเว้นแต่มีความจำเป็นจริงๆ เพราะแม้ว่าชิ้นส่วนของรถยนต์ไฟฟ้า โดยเฉพาะแบตเตอรี่จะถูกซีลเป็นอย่างดี และผ่านมาตรฐานการกันน้ำอันเข้มงวด แต่การใช้งานจริงอาจแตกต่างจากการทดลองในห้องแล็บ เพราะรถยนต์ไฟฟ้ายังมีชิ้นส่วนและเซ็นเซอร์อีกมากที่อาจได้รับความเสียหายในระยะยาวได้ จึงไม่ควรขับรถไฟฟ้าลุยน้ำหากไม่จำเป็น

     ทั้งยังเป็นที่น่าสังเกตว่ารถยนต์ไฟฟ้าสัญชาติจีน มักพับปัญหาได้มากกว่ารถยนต์ไฟฟ้าจากฝั่งอเมริกันและยุโรป จริงอยู่ที่ยอดขายรถ EV จีนสูงกว่ารถยนต์ไฟฟ้าชาติอื่นๆ หลายเท่าตัวนัก แต่ก็สร้างความน่ากังวลไม่น้อยว่าแท้จริงแล้วรถยนต์ไฟฟ้าจีนเหล่านี้ ได้รับการทดสอบอย่างครอบคลุมดีพอสำหรับการใช้งานในพื้นที่ที่มีสภาพอากาศแตกต่างไปจากประเทศบ้านเกิดอย่างประเทศไทยแล้วหรือยัง?

 

     หากกล่าวโดยสรุปแล้วรถยนต์ทุกประเภทไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ไฟฟ้าหรือรถยนต์สันดาป ไม่แนะนำให้ขับลุยน้ำเว้นแต่มีความจำเป็นจริงๆ เท่านั้น โดยเฉพาะรถยนต์ไฟฟ้าที่มักจะเต็มไปด้วยจุดเชื่อมต่อและเซ็นเซอร์จำนวนมาก ซึ่งอาจสร้างความเสียหายได้ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว

 

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com

.

.

.

.

_____________________________________

เราคือตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ

เทอร์โบแท้

IHI TURBO 🇯🇵

GARRETT 🇺🇸

MITSUBISHI TURBOCHARGER 🇯🇵

ซื้อกับเราได้สินค้าแท้100%

คุ้มค่ากว่า ใช้งานได้ในระยะยาว

สบายใจกว่า เทอร์โบแท้รับประกันสินค้ายาวนาน

บริการหลังการขายที่ยอดเยี่ยม

โดยทีมงานมืออาชีพ ผู้มีประสบการณ์มากกว่า 24 ปี”

สั่งอะไหล่กับเรา "ออกใบกำกับภาษี" ได้

พร้อมบริการการดูแลหลังการขายตลอดอายุการใช้งาน

⚙️เข้าชมสินค้าทั้งหมดในเว็บไซต์

คลิก: www.sqdparts.com

⚙️สั่งซื้อทางเพจ

คลิก: m.me/sqdparts

⚙️สั่งซื้อผ่านไลน์

คลิก: https://liff.line.me/1645278921-kWRPP32q/?accountId=sqdparts

คลิกYoutube : https://bit.ly/3IAJstu

คลิกTiktok : https://bit.ly/3bXmLmN

คลิกInstagram : https://bit.ly/3AFxMDx

เขียนโดย sqdparts เมื่อ Sat 30 Aug, 2025
อ่านต่อ

     ทุกครั้งที่คุณจอดรถมีคำหนึ่งที่พูดถึงคือ อย่าลืมตรวจสอบทรัพย์สินของท่านก่อนออกจากรถ ไม่ว่าจะเป็นรถปกติหรือรถยนต์ไฟฟ้าก็ตาม เพราะนอกจากของมีค่าแล้ว ยังมีวัตถุที่อันตรายห้ามลืมเด็ดขาดเพราะถ้าลืมร้ายแรงถึงขั้นทำรถไฟไหม้เสียเงินอีก จะมีอะไรบ้าง วันนี้ เรามีคำตอบ

 

8 สิ่งที่ห้ามลืมเมื่อคุณจอดรถแล้ว

1. ไฟแช็ก

ชิ้นแรกที่ต้องห้ามทันทีคือแก๊สเชื้อเพลิงที่อยู่ภายในไฟแช็กจะขยายตัวอย่างรวดเร็วเมื่อเจอความร้อนสูง ทำให้เกิดแรงดันมหาศาลจนสามารถระเบิดได้ สะเก็ดไฟจากการระเบิดอาจก่อให้เกิดเพลิงไหม้เบาะรถหรือคอนโซล ซึ่งเป็นเชื้อเพลิงอย่างดี

2. กระป๋องสเปรย์ทุกชนิด

เครื่องกระป๋องเป็นอีกสิ่งที่อันตรายเมื่อเจอความร้อนไม่ว่าจะเป็นสเปรย์ปรับอากาศ, สเปรย์แอลกอฮอล์, หรือแม้แต่สเปรย์กันยุง ภาชนะอัดแรงดันเหล่านี้คือระเบิดเวลาดีๆ นี่เอง ความร้อนจะเพิ่มแรงดันภายในกระป๋องจนเกินกว่าที่ภาชนะจะรับไหว และเกิดการระเบิดอย่างรุนแรง ทำให้รถเสียหายและสารเคมีฟุ้งกระจายเต็มห้องโดยสาร

3. พาวเวอร์แบงก์ (Power Bank) และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์

อีกชิ้นยอดนิยมที่มักจะลืมกันคือ อุปกรณ์มีแบตเตอรี่ ไม่ว่าจะเป็น มือถือ Notebook และพาวเวอร์แบ้งค์ พราะว่าภายในบรรจุแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนที่ไวต่อความร้อนสูงมาก ความร้อนจะทำให้สารเคมีภายในเสื่อมสภาพ, แบตเตอรี่บวม, เกิดการรั่วไหล และในกรณีที่เลวร้ายที่สุดคือการลัดวงจรจนเกิดการลุกไหม้หรือระเบิดได้ ถ้าอยากไว้ควรเอารถไปจอดในที่ร่มครับ

4. ขวดน้ำพลาสติก

นอกจากความเสี่ยงเรื่องสารเคมีปนเปื้อนในน้ำดื่มแล้ว ขวดน้ำที่มีน้ำอยู่ภายใน เมื่อถูกแสงแดดส่องในมุมที่พอดี มันสามารถทำหน้าที่เหมือน "เลนส์รวมแสง" ที่รวมความร้อนจากแสงอาทิตย์ไปไว้ที่จุดเดียวบนเบาะรถหรือวัสดุอื่นๆ จนเกิดความร้อนสูงและติดไฟขึ้นมาได้ ซึ่งมีกรณีตัวอย่างเกิดขึ้นจริงมาแล้วในต่างประเทศ

5. เจลแอลกอฮอล์ / น้ำยาฆ่าเชื้อ

แอลกอฮอล์เป็นสารที่ระเหยและติดไฟได้ง่าย การทิ้งไว้ในรถที่ร้อนจัดนอกจากจะเพิ่มความเสี่ยงเรื่องการติดไฟแล้ว ไอระเหยของสารเคมีที่สะสมอยู่ในห้องโดยสารที่ปิดทึบยังเป็นอันตรายต่อระบบทางเดินหายใจเมื่อคุณกลับเข้ามาในรถอีกด้วย

6. ยารักษาโรค

อีกสิ่งที่เป็นเคมีแต่แม่ไม่ทำอันตราแต่ก็อาจจะกระทบกับร่างกายนั่นคือ ยาทุกชนิดถูกออกแบบมาให้เก็บในอุณหภูมิที่ควบคุม ความร้อนสูงในรถจะทำให้โครงสร้างทางเคมีของยาเปลี่ยนไป ทำให้ยาเสื่อมประสิทธิภาพ หรืออาจกลายเป็นสารที่เป็นอันตรายต่อร่างกายได้

7. แว่นตา

หากเป็นแว่นตาที่มีกรอบเป็นพลาสติก ความร้อนอาจทำให้กรอบบิดเบี้ยวเสียรูปทรงได้ แต่ที่อันตรายกว่าคือ "เลนส์แว่นตา" ก็สามารถทำหน้าที่เป็นเลนส์รวมแสงได้เช่นเดียวกับขวดน้ำ ทำให้เกิดความเสี่ยงในการเกิดไฟไหม้ได้เช่นกัน แต่ถ้าอยากเก็บแนะนำใส่ช่องที่มักจะอยู่ในลิ้นชัก หรือ บนเพดาน

8. เอกสารสำคัญหรือของมีค่า

แม้จะไม่ใช่การระเบิด แต่การทิ้งกระเป๋าสตางค์, โน้ตบุ๊ก, หรือเอกสารที่ระบุที่อยู่ของคุณไว้ในรถ เป็นการ "เชื้อเชิญ" ให้มิจฉาชีพทุบกระจกรถเพื่อขโมยทรัพย์สิน ซึ่งนำมาซึ่งความเสียหายและความปลอดภัยในชีวิตของคุณ

     คำแนะนำ หากจำเป็นต้องวางบางสิ่งในรถที่อันตราย แนะนำให้ควรจอดถไว้ที่ร่ม ไม่ให้โดนแดด นอกจากจะเป็นการรักษาสีรถที่ดีแล้วยังไม่สร้างความร้อนในห้องโดยสารอีกด้วย

 

     ดังนั้นแล้วทุกครั้งก่อนจะล็อครถและเดินจากไป สละเวลาสักนิดมองสำรวจภายในรถของคุณอีกครั้ง การตรวจสอบง่ายๆ เพียงไม่กี่วินาที อาจช่วยป้องกันความเสียหายร้ายแรงต่อทั้งรถยนต์และตัวคุณเองได้เช่นเดียวกัน ครั้งหน้า เราจะมีคำแนะนำอะไรมาบอกอย่าลืมมาติดตามกันครับ

 

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com

.

.

.

.

_____________________________________

เราคือตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ

เทอร์โบแท้

IHI TURBO 🇯🇵

GARRETT 🇺🇸

MITSUBISHI TURBOCHARGER 🇯🇵

ซื้อกับเราได้สินค้าแท้100%

คุ้มค่ากว่า ใช้งานได้ในระยะยาว

สบายใจกว่า เทอร์โบแท้รับประกันสินค้ายาวนาน

บริการหลังการขายที่ยอดเยี่ยม

โดยทีมงานมืออาชีพ ผู้มีประสบการณ์มากกว่า 24 ปี”

สั่งอะไหล่กับเรา "ออกใบกำกับภาษี" ได้

พร้อมบริการการดูแลหลังการขายตลอดอายุการใช้งาน

⚙️เข้าชมสินค้าทั้งหมดในเว็บไซต์

คลิก: www.sqdparts.com

⚙️สั่งซื้อทางเพจ

คลิก: m.me/sqdparts

⚙️สั่งซื้อผ่านไลน์

คลิก: https://liff.line.me/1645278921-kWRPP32q/?accountId=sqdparts

คลิกYoutube : https://bit.ly/3IAJstu

คลิกTiktok : https://bit.ly/3bXmLmN

คลิกInstagram : https://bit.ly/3AFxMDx

เขียนโดย sqdparts เมื่อ Fri 22 Aug, 2025
อ่านต่อ

     แม้ว่ารถยนต์ไฟฟ้า (BEV) จะมีมาตรฐานการป้องกันความเสียหายของแบตเตอรี่จากน้ำและฝุ่น (เช่น IP67, IP68 และอื่นๆ) แต่ปัจจุบันกลับมีข่าวรถยนต์ไฟฟ้าได้รับความเสียหายหลังลุยน้ำท่วมอยู่บ่อยครั้ง บางกรณีแค่จอดแช่น้ำท่วมขังเฉยๆ ก็ถึงขั้นพังได้แล้ว ก่อให้เกิดคำถามว่าแท้จริงแล้วนั้น รถยนต์ไฟฟ้าสามารถลุยน้ำได้หรือไม่? บทความนี้ เราจะพาไปหาคำตอบกัน

 

รถยนต์ไฟฟ้า หรือ EV ลุยน้ำได้หรือไม่?

     เชื่อว่าหลายคนคงเคยเห็นคลิปต่างประเทศ ที่รถยนต์ไฟฟ้าสามารถขับลุยน้ำลึกได้อย่างไร้ปัญหา ขณะที่รถยนต์สันดาปกลับจอดตายกันเป็นแถว แต่เมื่อตัดภาพมาที่บ้านเรากลับพบว่ารถยนต์ไฟฟ้าหลายคันเจอปัญหาไม่สามารถใช้งานได้หลังจากขับรถลุยน้ำมา หรือเพียงแค่จอดรถตากฝนไว้หน้าบ้านก็สร้างความเสียหายได้แล้ว

     โดยปกติแล้วรถยนต์สันดาปไม่ว่าจะเบนซินหรือดีเซล จำเป็นต้องใช้อากาศในการเผาไหม้ หากว่ามีน้ำเล็ดลอดเข้าไปยังห้องเผาไหม้แล้วล่ะก็ จะทำให้ระบบเผาไหม้ของเครื่องยนต์ได้รับความเสียหาย เครื่องยนต์ดับกลางอากาศ และอาจร้ายแรงถึงขั้นก้านสูบคดหรือหัก ซึ่งหลายกรณีพบว่ามีค่าใช้จ่ายสูงไม่คุ้มค่ากับการซ่อม จนถึงขั้นแนะนำให้เปลี่ยนเครื่องยนต์ใหม่ไปเลยจะดีกว่า

     ขณะที่รถยนต์ไฟฟ้าไม่มีระบบเผาไหม้เข้ามาเกี่ยวข้อง จึงสามารถขับรถลุยน้ำได้โดยไม่ทำให้รถดับ อย่างไรก็ดี การขับรถยนต์ไฟฟ้าลุยน้ำถือว่าเป็นสิ่งที่ไม่ปลอดภัย และไม่แนะนำให้ปฏิบัติเว้นแต่มีความจำเป็นจริงๆ เพราะแม้ว่าชิ้นส่วนของรถยนต์ไฟฟ้า โดยเฉพาะแบตเตอรี่จะถูกซีลเป็นอย่างดี และผ่านมาตรฐานการกันน้ำอันเข้มงวด แต่การใช้งานจริงอาจแตกต่างจากการทดลองในห้องแล็บ เพราะรถยนต์ไฟฟ้ายังมีชิ้นส่วนและเซ็นเซอร์อีกมากที่อาจได้รับความเสียหายในระยะยาวได้ จึงไม่ควรขับรถไฟฟ้าลุยน้ำหากไม่จำเป็น

     ทั้งยังเป็นที่น่าสังเกตว่ารถยนต์ไฟฟ้าสัญชาติจีน มักพับปัญหาได้มากกว่ารถยนต์ไฟฟ้าจากฝั่งอเมริกันและยุโรป จริงอยู่ที่ยอดขายรถ EV จีนสูงกว่ารถยนต์ไฟฟ้าชาติอื่นๆ หลายเท่าตัวนัก แต่ก็สร้างความน่ากังวลไม่น้อยว่าแท้จริงแล้วรถยนต์ไฟฟ้าจีนเหล่านี้ ได้รับการทดสอบอย่างครอบคลุมดีพอสำหรับการใช้งานในพื้นที่ที่มีสภาพอากาศแตกต่างไปจากประเทศบ้านเกิดอย่างประเทศไทยแล้วหรือยัง?

 

     หากกล่าวโดยสรุปแล้วรถยนต์ทุกประเภทไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ไฟฟ้าหรือรถยนต์สันดาป ไม่แนะนำให้ขับลุยน้ำเว้นแต่มีความจำเป็นจริงๆ เท่านั้น โดยเฉพาะรถยนต์ไฟฟ้าที่มักจะเต็มไปด้วยจุดเชื่อมต่อและเซ็นเซอร์จำนวนมาก ซึ่งอาจสร้างความเสียหายได้ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว

 

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com

.

.

.

.

_____________________________________

เราคือตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ

เทอร์โบแท้

✅IHI TURBO 🇯🇵

✅GARRETT 🇺🇸

MITSUBISHI TURBOCHARGER 🇯🇵

ซื้อกับเราได้สินค้าแท้100%

คุ้มค่ากว่า ใช้งานได้ในระยะยาว

สบายใจกว่า เทอร์โบแท้รับประกันสินค้ายาวนาน

บริการหลังการขายที่ยอดเยี่ยม

โดยทีมงานมืออาชีพ ผู้มีประสบการณ์มากกว่า 24 ปี”

สั่งอะไหล่กับเรา "ออกใบกำกับภาษี" ได้

พร้อมบริการการดูแลหลังการขายตลอดอายุการใช้งาน

⚙️เข้าชมสินค้าทั้งหมดในเว็บไซต์

คลิก: www.sqdparts.com

⚙️สั่งซื้อทางเพจ

คลิก: m.me/sqdparts

⚙️สั่งซื้อผ่านไลน์

คลิก: https://liff.line.me/1645278921-kWRPP32q/?accountId=sqdparts

คลิกYoutube : https://bit.ly/3IAJstu

คลิกTiktok : https://bit.ly/3bXmLmN

คลิกInstagram : https://bit.ly/3AFxMDx

เขียนโดย sqdparts เมื่อ Mon 22 Jul, 2024
อ่านต่อ

     ใครที่เพิ่งเปลี่ยนรถคันใหม่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา คงจะมีความสงสัยว่าทำไมรถรุ่นใหม่ๆ มักไม่ติดตั้งยางอะไหล่มาให้ เป็นความตั้งใจลดต้นทุนของผู้ผลิตรถยนต์หรือเปล่า? บทความนี้ เรามีคำตอบมาฝากกันครับ

 

แม้ว่าการถอดยางอะไหล่ในรถรุ่นใหม่ๆ จะดูเหมือนกับการลดต้นทุนของฝั่งผู้ผลิตรถยนต์ แต่ความจริงแล้วการที่รถไม่ได้ติดตั้งยางอะไหล่มา ก็มีประโยชน์มากมายกว่าที่หลายคนคิด (เพราะต่อให้มียางอะไหล่ แต่เชื่อว่าคนส่วนใหญ่ก็เปลี่ยนยางเองไม่เป็นอยู่ดี) ซึ่งสามารถสรุปได้ 4 ข้อ ดังนี้

 

1. ช่วยลดอัตราสิ้นเปลือง

เนื่องจากยางอะไหล่ (พร้อมล้อ) อาจมีน้ำหนักมากถึง 10 กิโลกรัม ซึ่งแม้ว่าจะดูเหมือนไม่มาก แต่ก็กระทบต่ออัตราสิ้นเปลืองของตัวรถในระยะยาว เพราะลองคิดดูว่ารถบางคันใช้มากว่า 10 ปี แต่อาจไม่เคยต้องเปลี่ยนยางอะไหล่เลย แต่ตลอดระยะเวลาดังกล่าวต้องแบกน้ำหนักเพิ่มขึ้นหลายกิโลกรัมโดยไม่จำเป็น จึงเป็นสาเหตุว่าทำไมผู้ผลิตรถยนต์จึงมักเปลี่ยนจากยางอะไหล่มาเป็นชุดปะยางให้กับลูกค้าแทน

2. ช่วยเพิ่มพื้นที่เก็บสัมภาระ

ยางอะไหล่เป็นชิ้นส่วนที่กินพื้นที่เก็บสัมภาระ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับรถขนาดเล็ก การนำยางอะไหล่ออกไปจึงช่วยให้ผู้ผลิตรถยนต์สามารถออกแบบพื้นที่เก็บสัมภาระท้ายได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

3. เพิ่มพื้นที่สำหรับแบตเตอรี่รถไฮบริด และ EV

ปัจจุบันรถยนต์ไฮบริดและรถยนต์ไฟฟ้าได้รับความนิยมอย่างสูง ไม่เว้นแต่รถยนต์กลุ่ม B-segment ก็เริ่มติดตั้งเครื่องยนต์ไฮบริดมาให้แล้ว ซึ่งรถยนต์กลุ่มนี้จำเป็นต้องติดตั้งแบตเตอรี่ไฮบริดที่มีขนาดใหญ่ การถอดยางอะไหล่ออกจึงช่วยเพิ่มพื้นที่สำหรับการติดตั้งแบตเตอรี่เหล่านี้ได้

4. ช่วยลดต้นทุนของผู้ผลิต

แน่นอนว่าเหตุผลสำคัญอย่างหนึ่งคงหนีไม่พ้นการลดต้นทุนของผู้ผลิตรถยนต์ แม้ว่าจะฟังดูเป็นเรื่องไม่ค่อยดีนักสำหรับผู้บริโภคอย่างเราๆ แต่ทางฝั่งผู้ผลิตเองก็สามารถนำต้นทุนส่วนนี้ไปพัฒนาติดตั้งอุปกรณ์อื่นๆ ที่เป็นประโยชน์มากกว่าได้

 

ทั้งหมดนี้ก็คือเหตุผลว่าทำไมรถยนต์รุ่นใหม่ๆ จึงไม่ค่อยติดตั้งยางอะไหล่มาให้นั่นเอง

 

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com

.

.

.

.

_____________________________________

เราคือตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ

เทอร์โบแท้

IHI TURBO 🇯🇵

GARRETT 🇺🇸

MITSUBISHI TURBOCHARGER 🇯🇵

ซื้อกับเราได้สินค้าแท้100%

คุ้มค่ากว่า ใช้งานได้ในระยะยาว

สบายใจกว่า เทอร์โบแท้รับประกันสินค้ายาวนาน

บริการหลังการขายที่ยอดเยี่ยม

โดยทีมงานมืออาชีพ ผู้มีประสบการณ์มากกว่า 24 ปี”

สั่งอะไหล่กับเรา "ออกใบกำกับภาษี" ได้

พร้อมบริการการดูแลหลังการขายตลอดอายุการใช้งาน

⚙️เข้าชมสินค้าทั้งหมดในเว็บไซต์

คลิก: www.sqdparts.com

⚙️สั่งซื้อทางเพจ

คลิก: m.me/sqdparts

⚙️สั่งซื้อผ่านไลน์

คลิก: https://liff.line.me/1645278921-kWRPP32q/?accountId=sqdparts

คลิกYoutube : https://bit.ly/3IAJstu

คลิกTiktok : https://bit.ly/3bXmLmN

คลิกInstagram : https://bit.ly/3AFxMDx

เขียนโดย sqdparts เมื่อ Mon 10 Jun, 2024
อ่านต่อ

     ระยะหลังรถยนต์ไฟฟ้าเริ่มได้รับความนิยมมากขึ้น หนึ่งในเทรนด์ที่ตามมาติดๆ ก็คือ การเปลี่ยนยางที่ออกแบบมาเฉพาะสำหรับรถ EV ซึ่งมีราคาสูงกว่ายางปกติเกือบเท่าตัว แล้วสงสัยไหมว่ารถยนต์ไฟฟ้าจำเป็นต้องใช้ยางเฉพาะสำหรับ EV จริงหรือ? หรือเป็นเพียงแค่การตลาดของผู้ผลิตยางเท่านั้น บทความนี้ เราจะพาไปหาคำตอบกัน

 

ยางรถยนต์ไฟฟ้าต่างจากยางทั่วไปอย่างไร?

แม้ว่ารถยนต์ไฟฟ้าจะมีรูปลักษณ์หน้าตาแทบไม่ต่างไปจากรถยนต์สันดาป แต่คุณสมบัติเฉพาะตัวของรถยนต์ไฟฟ้าจำเป็นที่จะต้องเปลี่ยนยางที่ออกแบบมาสำหรับรถ EV โดยเฉพาะ เพื่อรองรับประสิทธิภาพการทำงานของตัวรถได้อย่างเหมาะสมนั่นเอง

 

1. รองรับน้ำหนักที่มากกว่า

รถยนต์ไฟฟ้ามีน้ำหนักมากกว่ารถยนต์สันดาปอย่างเห็นได้ชัด อันเป็นผลมาจากการติดตั้งชุดแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ ซึ่งอาจมีน้ำหนักตั้งแต่ 500 กก. ไปจนถึง 1 ตัน หรือมากกว่านั้น ยางที่ใช้จึงจำเป็นต้องออกแบบมาเพื่อรองรับน้ำหนักที่เพิ่มขึ้น เพื่อให้สามารถขับขี่ได้อย่างปลอดภัยทุกย่านความเร็ว

 

2. รองรับแรงบิดที่สูงกว่า

รถยนต์ไฟฟ้าสามารถสร้างแรงบิดสูงสุดจากชุดมอเตอร์ได้ในเวลาเพียงเสี้ยววินาที (Instant Torque) ยางที่ใช้จึงจำเป็นต้องรองรับแรงบิดมหาศาลที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว เนื่องจากการทำงานของรถยนต์ไฟฟ้าจะทำให้ดอกยางสึกเร็วขึ้นสูงสุดถึง 20% จึงจำเป็นต้องเติมสารประกอบพิเศษลงไปในเนื้อยาง เพื่อยืดอายุการใช้งานให้ยาวนานขึ้น

 

3. ลดแรงต้านทานการหมุนได้ดีกว่า

เนื่องจากรถยนต์ไฟฟ้ามีความอ่อนไหวต่อปัจจัยภายนอกหลายประการ ที่อาจส่งผลต่อระยะทางขับขี่ โดยเฉพาะหลักอากาศพลศาสตร์ และแรงเสียดทานที่เกิดขึ้นจากพื้นถนน ยางรถยนต์ไฟฟ้าจึงออกแบบให้มีแรงต้านทานการหมุนต่ำ จะช่วยรักษาระยะทางขับขี่ให้ได้ตามที่ผู้ผลิตเคลมไว้

 

4. เสียงรบกวนต่ำกว่า

เนื่องจากรถยนต์ไฟฟ้าไม่มีกระบวนการเผาไหม้เหมือนกับรถน้ำมันทั่วไป ทำให้รถไฟฟ้ามีการทำงานที่เงียบสนิท ผู้ขับขี่และผู้โดยสารจึงมีโอกาสได้ยินเสียงรบกวนที่เกิดขึ้นได้ง่ายกว่า ดังนั้นยางรถยนต์ไฟฟ้าจึงถูกออกแบบมาเป็นพิเศษเพื่อลดเสียงรบกวนให้น้อยที่สุดนั่นเอง

 

     เห็นไหมครับว่ารถยนต์ไฟฟ้า (EV) มีคุณสมบัติเฉพาะตัวบางประการ จำเป็นต้องใช้ยางสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าโดยเฉพาะ เพื่อรีดประสิทธิภาพให้มากที่สุด และคงไว้ซึ่งความปลอดภัยสูงสุดนั่นเอง

 

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com

.

.

.

.

_____________________________________

เราคือตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ

เทอร์โบแท้

IHI TURBO 🇯🇵

GARRETT 🇺🇸

MITSUBISHI TURBOCHARGER 🇯🇵

ซื้อกับเราได้สินค้าแท้100%

คุ้มค่ากว่า ใช้งานได้ในระยะยาว

สบายใจกว่า เทอร์โบแท้รับประกันสินค้ายาวนาน

บริการหลังการขายที่ยอดเยี่ยม

โดยทีมงานมืออาชีพ ผู้มีประสบการณ์มากกว่า 24 ปี”

สั่งอะไหล่กับเรา "ออกใบกำกับภาษี" ได้

พร้อมบริการการดูแลหลังการขายตลอดอายุการใช้งาน

⚙️เข้าชมสินค้าทั้งหมดในเว็บไซต์

คลิก: www.sqdparts.com

⚙️สั่งซื้อทางเพจ

คลิก: m.me/sqdparts

⚙️สั่งซื้อผ่านไลน์

คลิก: https://liff.line.me/1645278921-kWRPP32q/?accountId=sqdparts

คลิกYoutube : https://bit.ly/3IAJstu

คลิกTiktok : https://bit.ly/3bXmLmN

คลิกInstagram : https://bit.ly/3AFxMDx

เขียนโดย sqdparts เมื่อ Mon 10 Jun, 2024
อ่านต่อ
แสดง รายการ
ร้านค้าออนไลน์ และ ขายของออนไลน์ โดย © 2006-2025 Vevo Systems Co., Ltd.