×
ผลการค้นหา : รถยนต์
แสดง รายการ

     ระบบแอร์รถยนต์เป็นส่วนสำคัญที่ช่วยให้การขับขี่สะดวกสบาย โดยเฉพาะในสภาพอากาศร้อนชื้นของประเทศไทย แต่เมื่อใช้งานไปนาน ๆ ฝุ่นละอองและสิ่งสกปรกต่าง ๆ จะสะสมอยู่ในระบบแอร์ ทำให้ประสิทธิภาพการทำงานลดลง เกิดกลิ่นอับ และอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพของผู้ขับขี่และผู้โดยสาร การล้างแอร์รถยนต์จึงเป็นสิ่งจำเป็นที่ควรทำอย่างสม่ำเสมอ

 

ควรล้างแอร์รถยนต์ทุกกี่ปี

โดยทั่วไป ควรล้างแอร์รถยนต์ทุก ๆ 1-2 ปี หรือทุก ๆ 20,000-40,000 กิโลเมตร ขึ้นอยู่กับสภาพการใช้งาน หากใช้งานรถยนต์ในสภาพแวดล้อมที่มีฝุ่นละอองมาก หรือใช้งานแอร์เป็นประจำ ควรล้างแอร์บ่อยขึ้น เช่น ทุก ๆ 1 ปี หรือทุก ๆ 20,000 กิโลเมตร นอกจากนี้ หากมีสัญญาณบ่งชี้ว่าแอร์รถยนต์มีปัญหา เช่น ลมแอร์ไม่เย็น มีกลิ่นอับ หรือมีเสียงดังผิดปกติ การล้างแอร์อาจแก้ไขปัญหาในเบื้องต้นได้

 

ล้างแอร์รถยนต์มีทั้งหมดกี่แบบ

การล้างแอร์รถยนต์มี 2 แบบหลัก ๆ คือ

ล้างถอดตู้ เป็นการล้างแอร์ที่ต้องถอดตู้แอร์ออกมาทำความสะอาดภายนอก เหมาะสำหรับรถยนต์ที่ใช้งานมานาน หรือมีปัญหาแอร์ไม่เย็นอย่างรุนแรง การล้างแบบนี้จะทำความสะอาดได้ทั่วถึงมากกว่า แต่มีค่าใช้จ่ายสูงกว่า และใช้เวลานานกว่า

ล้างไม่ถอดตู้ เป็นการล้างแอร์โดยไม่ต้องถอดตู้แอร์ออกมา ทำความสะอาดโดยการฉีดน้ำยาเข้าไปในช่องแอร์โดยตรง เหมาะสำหรับรถยนต์ที่ใช้งานไม่นาน หรือมีปัญหาแอร์ไม่เย็นเล็กน้อย การล้างแบบนี้มีค่าใช้จ่ายถูกกว่า และใช้เวลาน้อยกว่า แต่ทำความสะอาดได้ไม่ทั่วถึงเท่าแบบถอดตู้

ล้างแอร์รถยนต์ราคาเท่าไหร่

ราคาล้างแอร์รถยนต์จะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับประเภทการล้าง รุ่นรถยนต์ และอู่ซ่อมรถยนต์ โดยทั่วไป ราคาล้างแอร์แบบไม่ถอดตู้อยู่ที่ประมาณ 500-1,500 บาท และราคาล้างแอร์แบบถอดตู้อยู่ที่ประมาณ 2,000-4,000 บาท

     การล้างแอร์รถยนต์เป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยรักษาสุขภาพของผู้ขับขี่และผู้โดยสาร และช่วยให้ระบบแอร์ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ควรเลือกประเภทการล้างแอร์ให้เหมาะสมกับสภาพรถยนต์ และเลือกอู่ซ่อมรถยนต์ที่มีความชำนาญ เพื่อให้การล้างแอร์เป็นไปอย่างมีคุณภาพ

 

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com

.

.

.

.

_____________________________________

เราคือตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ

เทอร์โบแท้

IHI TURBO 🇯🇵

GARRETT 🇺🇸

MITSUBISHI TURBOCHARGER 🇯🇵

ซื้อกับเราได้สินค้าแท้100%

คุ้มค่ากว่า ใช้งานได้ในระยะยาว

สบายใจกว่า เทอร์โบแท้รับประกันสินค้ายาวนาน

บริการหลังการขายที่ยอดเยี่ยม

โดยทีมงานมืออาชีพ ผู้มีประสบการณ์มากกว่า 24 ปี”

สั่งอะไหล่กับเรา "ออกใบกำกับภาษี" ได้

พร้อมบริการการดูแลหลังการขายตลอดอายุการใช้งาน

⚙️เข้าชมสินค้าทั้งหมดในเว็บไซต์

คลิก: www.sqdparts.com

⚙️สั่งซื้อทางเพจ

คลิก: m.me/sqdparts

⚙️สั่งซื้อผ่านไลน์

คลิก: https://liff.line.me/1645278921-kWRPP32q/?accountId=sqdparts

คลิกYoutube : https://bit.ly/3IAJstu

คลิกTiktok : https://bit.ly/3bXmLmN

คลิกInstagram : https://bit.ly/3AFxMDx

เขียนโดย sqdparts เมื่อ Tue 29 Apr, 2025
อ่านต่อ

   การขับรถผ่านลูกระนาดโดยไม่ชะลอความเร็วเป็นพฤติกรรมที่ส่งผลเสียต่อช่วงล่างรถยนต์อย่างมาก ทำให้ช่วงล่างพังไวขึ้นอย่างแน่นอน เนื่องจากช่วงล่างต้องรับแรงกระแทกอย่างรุนแรง ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อชิ้นส่วนต่างๆ และทำให้เกิดความเสียหายได้

 

ไม่ชะลอความเร็วผ่านลูกระนาด ทำไมช่วงล่างถึงพังไว?

เมื่อรถวิ่งด้วยความเร็วและผ่านลูกระนาด ช่วงล่างจะได้รับแรงกระแทกอย่างรุนแรง ซึ่งแรงกระแทกนี้จะส่งผลต่อชิ้นส่วนต่างๆ ของช่วงล่างโดยตรง แรงกระแทกจะทำให้ชิ้นส่วนต่างๆ ของช่วงล่าง เช่น โช้คอัพ ลูกหมาก ปีกนก บูชยาง และเพลาขับ ได้รับความเสียหายหรือเสื่อมสภาพเร็วกว่าปกติ

     นอกจากนี้ ยังส่งผลกระทบต่อการควบคุมรถ ทำให้รถมีอาการสั่นสะเทือน ควบคุมทิศทางได้ยาก และอาจเกิดอันตรายได้ นอกจากช่วงล่างแล้ว แรงกระแทกยังส่งผลต่อยางและล้อ ทำให้ยางบวม ล้อคดงอ หรือเกิดความเสียหายอื่นๆ ได้

 

ชิ้นส่วนไหนเสี่ยงพังมากที่สุด

ชิ้นส่วนที่เสี่ยงต่อการพังมากที่สุดเมื่อขับรถผ่านลูกระนาดโดยไม่ชะลอความเร็ว ได้แก่ โช้คอัพ ลูกหมากปีกนก และบูชยาง โช้คอัพเป็นส่วนที่รับแรงกระแทกโดยตรง หากได้รับแรงกระแทกมากเกินไป อาจทำให้โช้คอัพแตกหรือเสียหายได้

     ลูกหมากปีกนกและบูชยางเป็นส่วนที่เชื่อมต่อชิ้นส่วนต่างๆ ของช่วงล่าง หากได้รับแรงกระแทกมากเกินไป อาจทำให้ลูกหมากหลวมหรือบูชยางฉีกขาดได้ นอกจากนี้ จานเบรก คาลิปเปอร์เบรก และลูกปืนล้อ ก็เป็นชิ้นส่วนที่อาจได้รับความเสียหายจากแรงกระแทกได้เช่นกัน

ขับผ่านลูกระนาดควรปฏิบัติอย่างไร

เมื่อขับรถผ่านลูกระนาด ควรชะลอความเร็วและปล่อยให้รถค่อยๆ เคลื่อนที่ผ่าน หลีกเลี่ยงการขับรถตกหลุม หรือขับรถบนถนนที่ขรุขระ หากจำเป็นต้องขับรถผ่านลูกระนาดหรือถนนที่ไม่ดี ควรลดความเร็วให้มากที่สุด และหลีกเลี่ยงการเบรกหรือเร่งความเร็วในขณะที่รถกำลังผ่านลูกระนาด

     การดูแลรักษารถยนต์เป็นประจำ เป็นสิ่งจำเป็นเพื่อให้รถอยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน การนำรถเข้าตรวจเช็กช่วงล่างเป็นประจำ จะช่วยให้ช่างผู้ชำนาญตรวจสอบสภาพและแก้ไขปัญหาที่อาจเกิดขึ้นได้ทันท่วงที

 

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com

.

.

.

.

_____________________________________

เราคือตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ

เทอร์โบแท้

IHI TURBO 🇯🇵

GARRETT 🇺🇸

MITSUBISHI TURBOCHARGER 🇯🇵

ซื้อกับเราได้สินค้าแท้100%

คุ้มค่ากว่า ใช้งานได้ในระยะยาว

สบายใจกว่า เทอร์โบแท้รับประกันสินค้ายาวนาน

บริการหลังการขายที่ยอดเยี่ยม

โดยทีมงานมืออาชีพ ผู้มีประสบการณ์มากกว่า 24 ปี”

สั่งอะไหล่กับเรา "ออกใบกำกับภาษี" ได้

พร้อมบริการการดูแลหลังการขายตลอดอายุการใช้งาน

⚙️เข้าชมสินค้าทั้งหมดในเว็บไซต์

คลิก: www.sqdparts.com

⚙️สั่งซื้อทางเพจ

คลิก: m.me/sqdparts

⚙️สั่งซื้อผ่านไลน์

คลิก: https://liff.line.me/1645278921-kWRPP32q/?accountId=sqdparts

คลิกYoutube : https://bit.ly/3IAJstu

คลิกTiktok : https://bit.ly/3bXmLmN

คลิกInstagram : https://bit.ly/3AFxMDx

เขียนโดย sqdparts เมื่อ Tue 29 Apr, 2025
อ่านต่อ

     ยางรถยนต์แต่ละเส้นมีอายุการใช้งานประมาณกี่ปี หรือกี่กิโลเมตร จึงจำเป็นจะต้องเปลี่ยนเส้นใหม่ แล้วถ้าหากฝืนใช้ยางเก่าที่เสื่อมสภาพจะเกิดอะไรขึ้น บทความนี้ เรามีคำตอบมาฝากกัน

 

ยางรถยนต์ 1 เส้น วิ่งได้กี่ปีหรือกี่กิโลเมตร?

     โดยทั่วไปแล้วยางรถยนต์แต่ละเส้น จะมีอายุการใช้งานประมาณ 4 - 5 ปี หรือประมาณ 50,000 - 80,000 กิโลเมตร นับตั้งแต่วันที่เริ่มใช้งานครั้งแรก

     อย่างไรก็ดี อายุการใช้งานที่แท้จริงของยางจะแปรผันขึ้นอยู่กับลักษณะการใช้งาน รวมถึงสภาพของระบบช่วงล่างรถด้วย หากรถใช้งานบนถนนที่มีสภาพขรุขระและอากาศร้อนเป็นประจำ จะทำให้เนื้อยางเสื่อมสภาพไวขึ้น และหากรถมีอาการศูนย์ล้อเบี้ยว โช้กอัปเสื่อมสภาพ ก็ส่งผลให้ยางมีการสึกหรอผิดปกติได้เช่นกัน

สัญญาณบ่งบอกว่าควรเปลี่ยนยาง

  • ดอกยางสึกหรอ - เมื่อดอกยางสึกหรอจนถึงสะพานยาง หรือมีดอกยางเหลือต่ำกว่า 2 มิลลิเมตร ควรเปลี่ยนยางใหม่ เพื่อประสิทธิภาพการรีดน้ำ
  • ยางมีรอยแตก หรือบวม - หากพบรอยแตก รอยบวม หรือรอยฉีกขาดบนยาง ควรเปลี่ยนยางใหม่ทันที
  • ยางมีอายุเกิน 5 ปี - แม้ว่าดอกยางจะยังไม่สึกหรอ แต่หากยางมีอายุเกิน 5 ปี ควรเปลี่ยนยางใหม่ เพราะเนื้อยางจะเสื่อมสภาพตามอายุ
  • รถมีอาการสั่น หรือควบคุมยาก - หากรถมีอาการสั่น หรือควบคุมยากขณะขับขี่ อาจเป็นสัญญาณว่ามีปัญหายางบวม กรณีนี้ควรเปลี่ยนใหม่เช่นกัน

วิธีช่วยให้ยางมีอายุการใช้งานยาวนานขึ้น

1. หมั่นตรวจสอบช่วงล่าง - หากช่วงล่างมีสภาพสมบูรณ์ มีผลช่วยให้การสึกหรอของดอกยางเป็นไปอย่างเหมาะสม จะช่วยให้ยางมีอายุการใช้งานยาวนานยิ่งขึ้น

2. สลับยางทุก 10,000 กม. - การสลับยางจะช่วยให้ยางมีการสึกหรอใกล้เคียงกันทั้ง 4 เส้น หากไม่มีการสลับยางเลย ยางล้อคู่หน้าจะมีการสึกหรอเร็วกว่ายางล้อคู่หลัง

3. เลือกยางคุณภาพดี - ควรเลือกยางที่มีชื่อเสียงเป็นที่นิยมของตลาด ซึ่งจะมาพร้อมคุณภาพและอายุการใช้งานที่ยาวนาน ปลอดภัยต่อการขับขี่มากกว่า

     การดูแลรักษายางรถยนต์อย่างสม่ำเสมอ จะช่วยให้คุณขับขี่ได้อย่างปลอดภัย และยืดอายุการใช้งานของยางได้ครับ

 

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com

.

.

.

.

_____________________________________

เราคือตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ

เทอร์โบแท้

IHI TURBO 🇯🇵

GARRETT 🇺🇸

MITSUBISHI TURBOCHARGER 🇯🇵

ซื้อกับเราได้สินค้าแท้100%

คุ้มค่ากว่า ใช้งานได้ในระยะยาว

สบายใจกว่า เทอร์โบแท้รับประกันสินค้ายาวนาน

บริการหลังการขายที่ยอดเยี่ยม

โดยทีมงานมืออาชีพ ผู้มีประสบการณ์มากกว่า 24 ปี”

สั่งอะไหล่กับเรา "ออกใบกำกับภาษี" ได้

พร้อมบริการการดูแลหลังการขายตลอดอายุการใช้งาน

⚙️เข้าชมสินค้าทั้งหมดในเว็บไซต์

คลิก: www.sqdparts.com

⚙️สั่งซื้อทางเพจ

คลิก: m.me/sqdparts

⚙️สั่งซื้อผ่านไลน์

คลิก: https://liff.line.me/1645278921-kWRPP32q/?accountId=sqdparts

คลิกYoutube : https://bit.ly/3IAJstu

คลิกTiktok : https://bit.ly/3bXmLmN

คลิกInstagram : https://bit.ly/3AFxMDx

เขียนโดย sqdparts เมื่อ Mon 28 Apr, 2025
อ่านต่อ

     หลายคนคุ้นเคยกับตำแหน่งเกียร์ N หรือเกียร์ว่าง ของรถเกียร์อัตโนมัติ กันเป็นอย่างดีอยู่แล้ว แต่ทราบหรือไม่ว่าเกียร์ N ไม่ได้มีไว้สำหรับใช้งานบ่อยครั้งในการขับขี่ทั่วไป แต่ถูกออกแบบมาเพื่อรองรับสถานการณ์เฉพาะบางอย่างเท่านั้น เราจะพาไปดูกันว่า 3 สถานการณ์หลักที่คุณควรใช้ตำแหน่งเกียร์ N มีอะไรบ้าง

 

3 สถานการณ์ที่ควรใช้เกียร์ N (เกียร์ว่าง)

ขณะหยุดรถติดไฟแดง

เมื่อต้องหยุดรถติดไฟแดงเป็นระยะเวลาสั้นๆ การเปลี่ยนเกียร์จาก "D" (ขับเคลื่อน) มายัง "N" (เกียร์ว่าง) พร้อมกับดึงเบรกมือ จะช่วยลดภาระและความเมื่อยล้าจากการเหยียบเบรกค้างไว้ตลอดเวลา นอกจากนี้ ยังช่วยลดความเสี่ยงที่รถจะพุ่งไปข้างหน้าโดยไม่ตั้งใจหากเท้าพลาดจากแป้นเบรก

     อย่างไรก็ตาม สำหรับการหยุดรถติดไฟแดงเพียงไม่กี่วินาที การคงเกียร์ไว้ที่ "D" และเหยียบเบรกก็ยังคงเป็นทางเลือกที่สะดวกและปลอดภัย

ขณะลากรถ

ในสถานการณ์ฉุกเฉินที่รถยนต์ของคุณไม่สามารถขับเคลื่อนได้ด้วยตัวเอง และจำเป็นต้องลากรถ การเข้าเกียร์ "N" จะเป็นการตัดการเชื่อมต่อระหว่างเครื่องยนต์กับล้อ ทำให้ล้อสามารถหมุนได้อย่างอิสระโดยไม่สร้างความเสียหายให้กับระบบส่งกำลัง

     อย่างไรก็ตาม การลากรถเกียร์อัตโนมัติต้องทำด้วยความระมัดระวังและปฏิบัติตามคำแนะนำในคู่มือรถยนต์อย่างเคร่งครัด เนื่องจากรถยนต์บางรุ่นอาจมีข้อจำกัดในการลาก หรือต้องมีวิธีการลากที่แตกต่างกันออกไป

ประสบเหตุคันเร่งค้าง

ในสถานการณ์ฉุกเฉินที่คันเร่งเกิดอาการค้าง ทำให้รถยนต์ยังคงเร่งเครื่องยนต์แม้จะถอนเท้าออกจากแป้นเร่งแล้ว การเข้าเกียร์ "N" เป็นหนึ่งในวิธีที่ปลอดภัยในการตัดกำลังขับเคลื่อนจากเครื่องยนต์ไปยังล้ออย่างรวดเร็ว เพื่อป้องกันอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้น หลังจากเข้าเกียร์ว่างแล้ว ให้ใช้เบรกเพื่อควบคุมและหยุดรถอย่างปลอดภัย จากนั้นจึงดับเครื่องยนต์และตรวจสอบหาสาเหตุของอาการคันเร่งค้างต่อไป

     ตำแหน่งเกียร์ N ในรถยนต์เกียร์อัตโนมัติมีบทบาทสำคัญในสถานการณ์เฉพาะดังที่กล่าวไปข้างต้น การใช้งานเกียร์ว่างอย่างถูกต้องในสถานการณ์เหล่านี้ จะช่วยเพิ่มความสะดวกสบาย ความปลอดภัย และป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นกับรถยนต์ของคุณได้ครับ

 

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com

.

.

.

.

_____________________________________

เราคือตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ

เทอร์โบแท้

IHI TURBO 🇯🇵

GARRETT 🇺🇸

MITSUBISHI TURBOCHARGER 🇯🇵

ซื้อกับเราได้สินค้าแท้100%

คุ้มค่ากว่า ใช้งานได้ในระยะยาว

สบายใจกว่า เทอร์โบแท้รับประกันสินค้ายาวนาน

บริการหลังการขายที่ยอดเยี่ยม

โดยทีมงานมืออาชีพ ผู้มีประสบการณ์มากกว่า 24 ปี”

สั่งอะไหล่กับเรา "ออกใบกำกับภาษี" ได้

พร้อมบริการการดูแลหลังการขายตลอดอายุการใช้งาน

⚙️เข้าชมสินค้าทั้งหมดในเว็บไซต์

คลิก: www.sqdparts.com

⚙️สั่งซื้อทางเพจ

คลิก: m.me/sqdparts

⚙️สั่งซื้อผ่านไลน์

คลิก: https://liff.line.me/1645278921-kWRPP32q/?accountId=sqdparts

คลิกYoutube : https://bit.ly/3IAJstu

คลิกTiktok : https://bit.ly/3bXmLmN

คลิกInstagram : https://bit.ly/3AFxMDx

เขียนโดย sqdparts เมื่อ Mon 28 Apr, 2025
อ่านต่อ

     เคยสงสัยหรือไม่ว่าหากเติมน้ำมันที่มีค่าออกเทน 91 ผสมกับน้ำมันที่มีค่าออกเทน 95 สุดท้ายแล้วน้ำมันในถังจะกลายเป็นน้ำมันที่มีค่าออกเทนเท่าไหร่กันแน่?

 

เติม 91 ผสม 95 จะกลายเป็นน้ำมันอะไร?

     การเติมน้ำมันแก๊สโซฮอล์ 91 ผสมกับน้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95 จะได้น้ำมันที่มีค่าออกเทนอยู่ระหว่าง 91 ถึง 95 ขึ้นอยู่กับอัตราส่วนของการผสม โดยหลักการแล้ว ค่าออกเทนจะเฉลี่ยตามสัดส่วนของการผสม ยกตัวอย่างเช่น

     หากคุณเติมน้ำมันแก๊สโซฮอล์ 91 และ 95 ในปริมาณที่เท่ากัน ค่าออกเทนของน้ำมันผสมจะอยู่กึ่งกลางระหว่าง 91 และ 95 นั่นคือ 93 นั่นเอง

 

เติมน้ำมันที่มีค่าออกเทนต่างกันจะมีผลอะไรบ้าง?

     หากเป็นรถยนต์ที่รองรับน้ำมันที่มีค่าออกเทน 91 การผสมน้ำมันระหว่าง 91 และ 95 เข้าไว้ด้วยกัน จะไม่ส่งผลกระทบต่อเครื่องยนต์ แต่หากเป็นรถที่ต้องการน้ำมันออกเทน 95 การผสมน้ำมันอาจลดประสิทธิภาพของเครื่องยนต์ลงเล็กน้อย แต่โดยทั่วไปแล้วจะไม่ก่อให้เกิดความเสียหายร้ายแรงแต่อย่างใด

     นั่นเป็นเพราะกล่อง ECU ของรถจะคำนวณและปรับปริมาณการจ่ายน้ำมันตามค่าออกเทนโดยอัตโนมัติ จึงสามารถเติมผสมกันได้อย่างไม่มีปัญหา แม้ว่าน้ำมันในถังจะมีค่าออกเทนอยู่ระหว่าง 91 ถึง 95 ก็ตาม เว้นแต่รถที่รองรับเฉพาะน้ำมัน 95 อาจทำให้สมรรถนะลดลงบ้างเล็กน้อยเท่านั้น

 

     ดังนั้น คุณจึงควรตรวจสอบให้แน่ชัดว่ารถของคุณเติมน้ำมันชนิดใด และเติมชนิดน้ำมันตามที่ผู้ผลิตกำหนด เพื่อป้องกันผลเสียที่อาจเกิดขึ้นครับ

 

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com

.

.

.

.

_____________________________________

เราคือตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ

เทอร์โบแท้

IHI TURBO 🇯🇵

GARRETT 🇺🇸

MITSUBISHI TURBOCHARGER 🇯🇵

ซื้อกับเราได้สินค้าแท้100%

คุ้มค่ากว่า ใช้งานได้ในระยะยาว

สบายใจกว่า เทอร์โบแท้รับประกันสินค้ายาวนาน

บริการหลังการขายที่ยอดเยี่ยม

โดยทีมงานมืออาชีพ ผู้มีประสบการณ์มากกว่า 24 ปี”

สั่งอะไหล่กับเรา "ออกใบกำกับภาษี" ได้

พร้อมบริการการดูแลหลังการขายตลอดอายุการใช้งาน

⚙️เข้าชมสินค้าทั้งหมดในเว็บไซต์

คลิก: www.sqdparts.com

⚙️สั่งซื้อทางเพจ

คลิก: m.me/sqdparts

⚙️สั่งซื้อผ่านไลน์

คลิก: https://liff.line.me/1645278921-kWRPP32q/?accountId=sqdparts

คลิกYoutube : https://bit.ly/3IAJstu

คลิกTiktok : https://bit.ly/3bXmLmN

คลิกInstagram : https://bit.ly/3AFxMDx

เขียนโดย sqdparts เมื่อ Thu 27 Feb, 2025
อ่านต่อ

     การขับรถทางไกลต่อเนื่องเป็นระยะเวลานาน จะทำให้ความร้อนของเครื่องยนต์และเกียร์ขึ้นสูง หลายคนจึงเลือกเปิดฝากระโปรงหน้าเพื่อระบายความร้อน แต่ความเป็นจริงการเปิดฝากระโปรงหน้าหลังขับทางไกลจำเป็นหรือไม่? บทความนี้ เรามีคำตอบมาฝากกันครับ

 

ข้อดีของการเปิดฝากระโปรงหน้า

การเปิดฝากระโปรงหน้าหลังขับทางไกลมีข้อดีหลัก ๆ คือช่วยระบายความร้อนออกจากห้องเครื่องได้เร็วขึ้น โดยเฉพาะในสภาพอากาศร้อนจัด ซึ่งอาจช่วยยืดอายุการใช้งานของชิ้นส่วนบางอย่างที่ทำจากพลาสติกหรือยางได้

 

นอกจากนี้ ยังช่วยลดความร้อนสะสมในห้องเครื่อง ซึ่งอาจช่วยป้องกันปัญหาความร้อนสูง โดยเฉพาะรถติดตั้งระบบก๊าซ LPG / CNG ที่มีความร้อนสูงกว่าน้ำมันล้วน

 

ข้อเสียของการเปิดกระโปรงหน้า

อย่างไรก็ตาม การเปิดฝากระโปรงหน้าทิ้งไว้ก็มีข้อเสียที่ต้องพิจารณาเช่นกัน ประการแรกคือความเสี่ยงต่อสิ่งแปลกปลอม เช่น ฝุ่นละออง หรือสัตว์ขนาดเล็ก ที่อาจเข้าไปในห้องเครื่องได้ ประการต่อมาคือความเสี่ยงต่อการโจรกรรมชิ้นส่วนภายในห้องเครื่อง โดยเฉพาะในบางพื้นที่ที่ไม่ปลอดภัย

     แม้ว่าชิ้นส่วนบางอย่างอาจมีมูลค่าไม่มาก แต่หากถูกถอดออกไปโดยไม่รู้ตัว อาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อเครื่องยนต์ได้ เช่น ก้านวัดระดับน้ำมันเครื่อง ฯลฯ

 

สรุปแล้วหลังขับทางไกลต้องเปิดฝากระโปรงหน้าหรือไม่

โดยทั่วไปแล้ว รถยนต์สมัยใหม่มีระบบระบายความร้อนที่มีประสิทธิภาพดีพอที่จะระบายความร้อนได้เอง การเปิดฝากระโปรงหน้าจึงอาจไม่จำเป็นเสมอไป อย่างไรก็ตาม หากรถของคุณติดตั้งระบบแก๊ส LPG การเปิดฝากระโปรงหน้าอาจช่วยระบายความร้อนได้ดีขึ้น และลดความเสี่ยงในการเกิดปัญหาเกี่ยวกับระบบแก๊สได้

 

     แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือความปลอดภัย หากคุณตัดสินใจเปิดฝากระโปรงหน้า ควรจอดรถในที่ปลอดภัย และระมัดระวังการโจรกรรมด้วย

 

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com

.

.

.

.

_____________________________________

เราคือตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ

เทอร์โบแท้

IHI TURBO 🇯🇵

GARRETT 🇺🇸

MITSUBISHI TURBOCHARGER 🇯🇵

ซื้อกับเราได้สินค้าแท้100%

คุ้มค่ากว่า ใช้งานได้ในระยะยาว

สบายใจกว่า เทอร์โบแท้รับประกันสินค้ายาวนาน

บริการหลังการขายที่ยอดเยี่ยม

โดยทีมงานมืออาชีพ ผู้มีประสบการณ์มากกว่า 24 ปี”

สั่งอะไหล่กับเรา "ออกใบกำกับภาษี" ได้

พร้อมบริการการดูแลหลังการขายตลอดอายุการใช้งาน

⚙️เข้าชมสินค้าทั้งหมดในเว็บไซต์

คลิก: www.sqdparts.com

⚙️สั่งซื้อทางเพจ

คลิก: m.me/sqdparts

⚙️สั่งซื้อผ่านไลน์

คลิก: https://liff.line.me/1645278921-kWRPP32q/?accountId=sqdparts

คลิกYoutube : https://bit.ly/3IAJstu

คลิกTiktok : https://bit.ly/3bXmLmN

คลิกInstagram : https://bit.ly/3AFxMDx

เขียนโดย sqdparts เมื่อ Thu 27 Feb, 2025
อ่านต่อ
แสดง รายการ
ร้านค้าออนไลน์ และ ขายของออนไลน์ โดย © 2006-2025 Vevo Systems Co., Ltd.