×
ผลการค้นหา : รถกระบะ
แสดง รายการ

สัญญาณเตือนและอาการของเทอร์โบพังในรถ Isuzu D-Max

การที่เทอร์โบพังเป็นปัญหาที่ค่อนข้างร้ายแรงสำหรับรถดีเซลที่มีระบบอัดอากาศ หากไม่ได้รับการแก้ไขอย่างทันท่วงที อาจส่งผลเสียต่อเครื่องยนต์โดยรวมได้ หากสังเกตเห็นอาการผิดปกติเหล่านี้ ควรนำรถเข้าตรวจสอบโดยช่างผู้เชี่ยวชาญทันที

1. เสียงผิดปกติจากเทอร์โบ

  • เสียงหอนดังผิดปกติ (Whining Sound): เป็นสัญญาณที่พบบ่อยที่สุดและชัดเจนที่สุด อาการนี้เกิดจากแกนเทอร์โบหลวม ทำให้ใบพัดเสียดสีกับโข่งหรือปากเทอร์โบ
  • เสียงวี้ดแหลม (Siren Sound): เสียงคล้ายไซเรนที่ดังขึ้นตามรอบเครื่องยนต์ เป็นสัญญาณว่าแบริ่งในแกนเทอร์โบเริ่มสึกหรออย่างรุนแรง

2. ประสิทธิภาพของเครื่องยนต์ลดลง

  • รถไม่มีกำลัง อัตราเร่งตก (Loss of Power): สังเกตได้ว่ารถอืดลงอย่างชัดเจน เร่งไม่ขึ้นเหมือนเดิม โดยเฉพาะในรอบเครื่องยนต์ที่เทอร์โบควรจะทำงาน (รอบสูง) อาการนี้เกิดจากการที่เทอร์โบไม่สามารถสร้างแรงดันอากาศได้เพียงพอ
  • ควันไอเสียเปลี่ยนไป:
    • ควันดำ (Black Smoke): เกิดจากส่วนผสมของอากาศและเชื้อเพลิงไม่สมดุล คือมีน้ำมันมากเกินไปแต่อากาศน้อย ซึ่งเป็นผลมาจากเทอร์โบไม่สามารถอัดอากาศได้เต็มที่
    • ควันขาว/ควันฟ้า (White/Blue Smoke): เป็นอาการที่รุนแรงและอันตราย บ่งบอกว่ามีน้ำมันเครื่องรั่วเข้าไปในห้องเผาไหม้ สาเหตุหลักคือซีลแกนเทอร์โบชำรุด ทำให้เครื่องยนต์กินน้ำมันเครื่องอย่างผิดปกติ

3. การรั่วซึมของน้ำมันเครื่อง

  • น้ำมันเครื่องหาย/ลดลงผิดปกติ: หากต้องเติมน้ำมันเครื่องบ่อยกว่าปกติ โดยที่ไม่มีรอยรั่วซึมที่ชัดเจนภายนอกเครื่องยนต์ มีความเป็นไปได้สูงที่น้ำมันเครื่องจะถูกเผาไหม้ไปกับไอเสียผ่านทางเทอร์โบ
  • คราบน้ำมันในท่ออินเตอร์คูลเลอร์: หากถอดท่อที่ต่อจากเทอร์โบไปยังอินเตอร์คูลเลอร์แล้วพบว่ามีคราบน้ำมันเครื่องเยิ้ม แสดงว่าซีลเทอร์โบชำรุดและน้ำมันเครื่องรั่วซึม

วิธีการตรวจเช็คเบื้องต้นด้วยตัวเอง

การตรวจเช็คด้วยตัวเองควรทำด้วยความระมัดระวังและเมื่อเครื่องยนต์เย็นลงแล้วเท่านั้น:

  1. ถอดท่ออากาศที่ต่อเข้ากับปากเทอร์โบฝั่งไอดี (ฝั่งอากาศเข้า):
    • ตรวจเช็คใบพัด: ใช้ไฟฉายส่องดูว่าใบพัดมีร่องรอยการบิ่น แหว่ง หรือคดงอหรือไม่ หากพบว่ามีแสดงว่าเทอร์โบชำรุด
    • โยกแกนเทอร์โบ: ใช้มือจับที่แกนใบพัดแล้วลองโยกดูทั้งแนวขึ้น-ลง และหน้า-หลัง หากมีการขยับมากผิดปกติ แสดงว่าแกนหลวม
    • หมุนแกนเทอร์โบ: ลองใช้นิ้วหมุนใบพัดดู ควรจะหมุนได้อย่างราบรื่น หากรู้สึกฝืดหรือมีเสียงครืดคราด แสดงว่าแกนเทอร์โบมีปัญหา
  2. ตรวจเช็คคราบน้ำมัน:
    • ตรวจสอบคราบน้ำมันในท่อและรอบๆ โข่งเทอร์โบ หากมีคราบน้ำมันเยิ้มเป็นจำนวนมาก แสดงว่าซีลเทอร์โบรั่ว

คำแนะนำ: หากพบอาการผิดปกติใดๆ ข้างต้น ควรหยุดใช้รถและนำรถเข้าอู่ซ่อมหรือศูนย์บริการที่เชี่ยวชาญทันที เพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจลุกลามไปยังเครื่องยนต์ ซึ่งจะทำให้ค่าใช้จ่ายในการซ่อมสูงขึ้นมาก

 

_____________________________________

เราคือตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ

เทอร์โบแท้

IHI TURBO 🇯🇵

GARRETT 🇺🇸

MITSUBISHI TURBOCHARGER 🇯🇵

ซื้อกับเราได้สินค้าแท้100%

คุ้มค่ากว่า ใช้งานได้ในระยะยาว

สบายใจกว่า เทอร์โบแท้รับประกันสินค้ายาวนาน

บริการหลังการขายที่ยอดเยี่ยม

โดยทีมงานมืออาชีพ ผู้มีประสบการณ์มากกว่า 24 ปี”

สั่งอะไหล่กับเรา "ออกใบกำกับภาษี" ได้

พร้อมบริการการดูแลหลังการขายตลอดอายุการใช้งาน

⚙️เข้าชมสินค้าทั้งหมดในเว็บไซต์

คลิก: www.sqdparts.com

⚙️สั่งซื้อทางเพจ

คลิก: m.me/sqdparts

⚙️สั่งซื้อผ่านไลน์

คลิก: https://liff.line.me/1645278921-kWRPP32q/?accountId=sqdparts

คลิกYoutube : https://bit.ly/3IAJstu

คลิกTiktok : https://bit.ly/3bXmLmN

คลิกInstagram : https://bit.ly/3AFxMDx

เขียนโดย sqdparts เมื่อ Mon 15 Sep, 2025
อ่านต่อ

     การเลือกเทอร์โบชาร์จเจอร์สำหรับรถกระบะ Toyota Revo เพื่อเปลี่ยนใหม่ ถือเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ เพื่อให้ได้สมรรถนะที่เหมาะสมกับความต้องการและงบประมาณของคุณ คู่มือนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจและตัดสินใจได้ง่ายขึ้น

 

1. ทำความเข้าใจประเภทของเทอร์โบสำหรับ Toyota Revo

เทอร์โบของ Toyota Revo มีหลายแบบ ขึ้นอยู่กับรุ่นและปีที่ผลิต โดยหลักๆ แล้วแบ่งได้ดังนี้:

  • เทอร์โบเดิม (Standard Turbo): เป็นเทอร์โบที่ติดตั้งมากับรถจากโรงงาน เหมาะสำหรับการใช้งานทั่วไป ไม่ต้องการการดัดแปลงเครื่องยนต์เพิ่มเติม และให้สมรรถนะที่สมดุลทั้งด้านพละกำลังและการประหยัดน้ำมัน
  • เทอร์โบอัปเกรด (Upgrade Turbo): เป็นเทอร์โบที่ถูกดัดแปลงจากเทอร์โบเดิม เช่น เปลี่ยนใบพัดเป็นแบบ billet (อลูมิเนียมเกรดพิเศษ) ที่มีน้ำหนักเบาและแข็งแรงกว่า ทำให้เทอร์โบติดบูสต์ได้เร็วขึ้นและรองรับแรงดันบูสต์ที่สูงขึ้นได้ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเพิ่มสมรรถนะของรถโดยไม่ต้องดัดแปลงเครื่องยนต์มากนัก
  • เทอร์โบโมดิฟาย (Modify Turbo): เป็นเทอร์โบที่ถูกสร้างขึ้นใหม่หรือดัดแปลงอย่างมากเพื่อรองรับกำลังเครื่องยนต์ที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก เช่น การเปลี่ยนโข่งหลังให้ใหญ่ขึ้น หรือเปลี่ยนขนาดใบพัดใหม่ทั้งหมด เหมาะสำหรับรถที่ต้องการกำลังม้าสูงๆ และมีการปรับจูนเครื่องยนต์อย่างเต็มระบบ (เช่น การรีแมปกล่อง ECU)

2. ปัจจัยที่ต้องพิจารณาก่อนเลือกซื้อ

  • วัตถุประสงค์การใช้งาน:
    • ใช้งานทั่วไปในชีวิตประจำวัน: หากต้องการเปลี่ยนเพราะของเดิมเสีย และไม่ได้เน้นเรื่องความแรง ควรเลือกเทอร์โบเดิมหรือเทอร์โบเทียบเท่าของเดิม ซึ่งหาซื้อง่ายและราคาไม่แพงมากนัก
    • ต้องการเพิ่มสมรรถนะเล็กน้อย: หากต้องการให้รถขับสนุกขึ้น ตอบสนองได้ดีขึ้น ควรพิจารณาเทอร์โบอัปเกรด ซึ่งจะช่วยให้รถมีกำลังและแรงบิดเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยที่ยังคงความทนทานไว้
    • เน้นความแรงสูงสุด (รถแข่ง/รถซิ่ง): หากต้องการกำลังม้าสูงๆ สำหรับการใช้งานหนัก หรือเพื่อการแข่งขัน ควรเลือกเทอร์โบโมดิฟายที่ออกแบบมาสำหรับแรงม้าสูงโดยเฉพาะ อย่างไรก็ตาม การติดตั้งเทอร์โบประเภทนี้จำเป็นต้องมีการอัปเกรดชิ้นส่วนอื่นๆ ของเครื่องยนต์และระบบส่งกำลังร่วมด้วย
  • รุ่นเครื่องยนต์ (2.4L หรือ 2.8L):
  • เครื่องยนต์ 2.4L (2GD): เทอร์โบเดิมของรุ่นนี้มีขนาดเล็กกว่ารุ่น 2.8L หากต้องการเพิ่มความแรง การเปลี่ยนไปใช้เทอร์โบของรุ่น 2.8L (1GD) หรือเทอร์โบอัปเกรดที่ออกแบบมาสำหรับ 2.4L จะช่วยให้รถมีกำลังมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
  • เครื่องยนต์ 2.8L (1GD): เทอร์โบเดิมของรุ่นนี้มีขนาดใหญ่กว่าและเป็นแบบลูกปืน (Ball Bearing) ซึ่งช่วยให้การตอบสนองดีกว่า หากต้องการเพิ่มความแรง อาจพิจารณาการอัปเกรดใบพัดหรือเทอร์โบโมดิฟาย
  • งบประมาณ:
  • เทอร์โบเดิม/เทียบเท่า: มีราคาถูกที่สุด
  • เทอร์โบอัปเกรด/โมดิฟาย: มีราคาสูงขึ้นตามคุณภาพและสมรรถนะที่เพิ่มขึ้น
  • ความเข้ากันได้: ควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าเทอร์โบใหม่ที่คุณจะซื้อสามารถติดตั้งแทนของเดิมได้โดยไม่ต้องดัดแปลงท่อทางเดินอากาศหรือท่อไอเสียมากนัก หากเลือกเทอร์โบที่มีขนาดแตกต่างจากเดิมมาก อาจต้องมีการดัดแปลงระบบท่อไอดีและท่อไอเสีย ซึ่งจะเพิ่มค่าใช้จ่ายและเวลาในการติดตั้ง

3. อาการที่บ่งบอกว่าเทอร์โบเสีย

ก่อนตัดสินใจเปลี่ยนเทอร์โบ ควรสังเกตอาการเหล่านี้เพื่อยืนยันว่าถึงเวลาที่ต้องเปลี่ยนแล้ว:

  • เสียงหวีดหอนดังผิดปกติ: เสียงคล้ายไซเรนหรือเสียงหวีดแหลมๆ ขณะที่เทอร์โบกำลังทำงาน
  • ควันดำหรือควันขาว: เกิดจากการที่น้ำมันเครื่องรั่วเข้าไปในระบบไอเสียและถูกเผาไหม้
  • เครื่องยนต์ไม่มีกำลัง: แรงอัดอากาศลดลง ทำให้รถอืดและเร่งไม่ขึ้น
  • มีน้ำมันเครื่องรั่วซึม: บริเวณแกนเทอร์โบหรือท่อทางเดินน้ำมัน
  • ใบพัดเทอร์โบเสียหาย: อาจมีอาการบิ่น แตก หรือแกนเทอร์โบหลวม ทำให้เกิดเสียงผิดปกติและสมรรถนะลดลง

4. คำแนะนำเพิ่มเติม

  • ปรึกษาช่างผู้เชี่ยวชาญ: หากไม่แน่ใจ ควรปรึกษาอู่ซ่อมรถที่มีความเชี่ยวชาญด้านเครื่องยนต์ดีเซลและเทอร์โบโดยเฉพาะ เพื่อให้ได้คำแนะนำที่เหมาะสมกับการใช้งานของคุณ
  • เลือกซื้อจากร้านที่น่าเชื่อถือ: ควรซื้อเทอร์โบจากตัวแทนจำหน่ายหรือร้านค้าที่มีชื่อเสียงและมีบริการหลังการขายที่ดี เพื่อป้องกันปัญหาเรื่องสินค้าไม่ได้มาตรฐานหรือของปลอม
  • การปรับจูน (Remap ECU): การเปลี่ยนเทอร์โบที่มีขนาดใหญ่ขึ้นหรือมีสเปกที่แตกต่างจากเดิม ควรทำการรีแมปกล่อง ECU ใหม่ เพื่อให้เครื่องยนต์สามารถทำงานร่วมกับเทอร์โบใหม่ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ และป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นกับเครื่องยนต์ในระยะยาว

 

_____________________________________

เราคือตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ

เทอร์โบแท้

IHI TURBO 🇯🇵

GARRETT 🇺🇸

MITSUBISHI TURBOCHARGER 🇯🇵

ซื้อกับเราได้สินค้าแท้100%

คุ้มค่ากว่า ใช้งานได้ในระยะยาว

สบายใจกว่า เทอร์โบแท้รับประกันสินค้ายาวนาน

บริการหลังการขายที่ยอดเยี่ยม

โดยทีมงานมืออาชีพ ผู้มีประสบการณ์มากกว่า 24 ปี”

สั่งอะไหล่กับเรา "ออกใบกำกับภาษี" ได้

พร้อมบริการการดูแลหลังการขายตลอดอายุการใช้งาน

⚙️เข้าชมสินค้าทั้งหมดในเว็บไซต์

คลิก: www.sqdparts.com

⚙️สั่งซื้อทางเพจ

คลิก: m.me/sqdparts

⚙️สั่งซื้อผ่านไลน์

คลิก: https://liff.line.me/1645278921-kWRPP32q/?accountId=sqdparts

คลิกYoutube : https://bit.ly/3IAJstu

คลิกTiktok : https://bit.ly/3bXmLmN

คลิกInstagram : https://bit.ly/3AFxMDx

เขียนโดย sqdparts เมื่อ Tue 09 Sep, 2025
อ่านต่อ

     ใครที่ใช้รถบ่อยๆ คงจะสังเกตเรื่องของน้ำมันเชื้อเพลิงที่เป็นเหมือนกับแหล่งพลังงานของรถในการขับเคลื่อนไป แต่ถ้าอยู่ดีๆ ถ้าเกิดไฟเตือนขึ้นหลายคนก็มักจะไปเติมทันที แล้วถ้าไม่เติมปล่อยไว้ก่อน ทำแบบนี้บ่อยๆ ผลเสียที่ได้มานั้นอาจจะร้ายแรงกว่าที่คิด วันนี้ เราจะพาคุณมาดู 3 คำเตือน หากไฟเตือนเติมน้ำมันขึ้นบ่อยแล้วไม่เติม อาจจะทำให้เกิดอะไรขึ้นบ้าง

 

3 คำเตือนหากคุณปล่อยให้ไฟเตือนน้ำมันขึ้นบ่อยๆ 

 

1. ความเสียหายต่อชิ้นส่วนรถยนต์

  • ปั๊มน้ำมันเชื้อเพลิง (ปั๊มติ๊ก) พังก่อนเวลาอันควร นี่คือผลกระทบที่ร้ายแรงและพบบ่อยที่สุด ปั๊มติ๊กซึ่งเป็นชิ้นส่วนที่ทำหน้าที่ดูดน้ำมันจากถังส่งไปยังเครื่องยนต์ จะแช่อยู่ในถังน้ำมัน โดยอาศัยน้ำมันเชื้อเพลิงในการ หล่อลื่นและระบายความร้อน

 

  • เมื่อน้ำมันหมด: ปั๊มติ๊กจะดูดอากาศเข้ามาแทน ทำให้ตัวปั๊มทำงานหนักขึ้นในสภาพที่แห้งและเกิดความร้อนสูงสะสม เมื่อเกิดเหตุการณ์นี้บ่อยครั้ง จะทำให้ปั๊มเสื่อมสภาพและเสียหายถาวรได้ ซึ่งค่าเปลี่ยนปั๊มติ๊กนั้นมีราคาสูง

  • ระบบเชื้อเพลิงอุดตัน ที่ก้นถังน้ำมันมักจะมีตะกอนหรือสิ่งสกปรกขนาดเล็กตกค้างอยู่ เมื่อคุณขับรถจนน้ำมันใกล้หมด ปั๊มติ๊กจะดูดเอาตะกอนเหล่านี้เข้าไปในระบบด้วย

 

  • ผลที่ตามมา: ตะกอนจะเข้าไปอุดตันที่ กรองน้ำมันเชื้อเพลิง และอาจเล็ดลอดไปถึง หัวฉีด ทำให้การฉีดน้ำมันเชื้อเพลิงไม่สมบูรณ์ ส่งผลให้เครื่องยนต์สะดุด กำลังตก และหากอุดตันรุนแรงอาจต้องเสียค่าใช้จ่ายในการล้างหรือเปลี่ยนหัวฉีด

  • สร้างความเสียหายให้แคทตาไลติกคอนเวอร์เตอร์ (Catalytic Converter) เมื่อน้ำมันเหลือน้อย การจ่ายน้ำมันไปยังเครื่องยนต์อาจไม่สม่ำเสมอ ทำให้เครื่องยนต์เกิดอาการสะดุดหรือ "Misfire" (การจุดระเบิดผิดจังหวะ) ซึ่งจะทำให้มีน้ำมันเชื้อเพลิงที่ยังไม่เผาไหม้ถูกปล่อยออกไปทางท่อไอเสีย เมื่อไปเจอกับความร้อนสูงของแคทตาไลติกคอนเวอร์เตอร์ (ท่อแคท) อาจทำให้ชิ้นส่วนภายในหลอมละลายและเสียหายได้ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งชิ้นส่วนที่มีราคาสูงมาก

 

2. ปัญหาเฉพาะสำหรับเครื่องยนต์ดีเซล

สำหรับคนที่ใช้รถกระบะหรือรถที่ใช้เครื่องยนต์ดีเซล การปล่อยให้น้ำมันหมดถังจะสร้างปัญหาที่ยุ่งยากกว่ารถเบนซิน เนื่องจากอากาศจะเข้าไปในระบบทางเดินน้ำมัน ทำให้เกิด "ฟองอากาศ" ในระบบ เมื่อเติมน้ำมันแล้วจะ สตาร์ทรถไม่ติด จนกว่าจะทำการ ไล่ลม (Bleeding) ออกจากระบบให้หมดก่อน ซึ่งต้องอาศัยความชำนาญหรือต้องเรียกช่างมาจัดการให้


 

3. ความเสี่ยงด้านความปลอดภัยและค่าใช้จ่ายแฝง

นอกเหนือจากความเสียหายของตัวรถแล้ว ยังมีความเสี่ยงอื่นๆ ตามมาอีกด้วยไม่ว่าจะเป็น

 

  • เสี่ยงเกิดอุบัติเหตุ: การที่รถดับกลางถนน, บนทางด่วน หรือบริเวณทางโค้ง อาจเป็นสาเหตุให้เกิดอุบัติเหตุซ้ำซ้อนได้

  • อันตรายจากการจอดในที่เปลี่ยว: หากรถเสียในเวลากลางคืนหรือในเส้นทางที่ไม่คุ้นเคย อาจเสี่ยงต่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน

  • เสียเวลาและค่าใช้จ่าย: คุณจะต้องเสียเวลาในการรอความช่วยเหลือ และอาจมีค่าใช้จ่ายสำหรับบริการน้ำมันฉุกเฉิน หรือค่ารถลากไปยังอู่ซ่อมรถ ที่เรียกว่าเสียเยอะมาก

เห็นไหมครับว่า หากคุณไม่เติมน้ำมันตามที่ไฟขึ้นบ่อยๆ ก็อาจจะส่งเสียเยอะกว่าที่คิด ดังนั้นเราไม่ควรปล่อยให้ไฟเตือนน้ำมันขึ้นถ้าไม่จำเป็นครับ

 

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com

.

.

.

.

_____________________________________

เราคือตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ

เทอร์โบแท้

✅IHI TURBO 🇯🇵

✅GARRETT 🇺🇸

✅MITSUBISHI TURBOCHARGER 🇯🇵

✅ซื้อกับเราได้สินค้าแท้100%

✅คุ้มค่ากว่า ใช้งานได้ในระยะยาว

✅สบายใจกว่า เทอร์โบแท้รับประกันสินค้ายาวนาน

✅บริการหลังการขายที่ยอดเยี่ยม

“โดยทีมงานมืออาชีพ ผู้มีประสบการณ์มากกว่า 24 ปี”

สั่งอะไหล่กับเรา "ออกใบกำกับภาษี" ได้

พร้อมบริการการดูแลหลังการขายตลอดอายุการใช้งาน

⚙️เข้าชมสินค้าทั้งหมดในเว็บไซต์

คลิก: www.sqdparts.com

⚙️สั่งซื้อทางเพจ

คลิก: m.me/sqdparts

⚙️สั่งซื้อผ่านไลน์

คลิก: https://liff.line.me/1645278921-kWRPP32q/?accountId=sqdparts

คลิกYoutube : https://bit.ly/3IAJstu

คลิกTiktok : https://bit.ly/3bXmLmN

คลิกInstagram : https://bit.ly/3AFxMDx

เขียนโดย sqdparts เมื่อ Fri 01 Aug, 2025
อ่านต่อ

     ใครที่ใช้รถบ่อยๆ คงจะสังเกตเรื่องของน้ำมันเชื้อเพลิงที่เป็นเหมือนกับแหล่งพลังงานของรถในการขับเคลื่อนไป แต่ถ้าอยู่ดีๆ ถ้าเกิดไฟเตือนขึ้นหลายคนก็มักจะไปเติมทันที แล้วถ้าไม่เติมปล่อยไว้ก่อน ทำแบบนี้บ่อยๆ ผลเสียที่ได้มานั้นอาจจะร้ายแรงกว่าที่คิด วันนี้ เราจะพาคุณมาดู 3 คำเตือน หากไฟเตือนเติมน้ำมันขึ้นบ่อยแล้วไม่เติม อาจจะทำให้เกิดอะไรขึ้นบ้าง

 

3 คำเตือนหากคุณปล่อยให้ไฟเตือนน้ำมันขึ้นบ่อยๆ

 1. ความเสียหายต่อชิ้นส่วนรถยนต์

  • ปั๊มน้ำมันเชื้อเพลิง (ปั๊มติ๊ก) พังก่อนเวลาอันควร นี่คือผลกระทบที่ร้ายแรงและพบบ่อยที่สุด ปั๊มติ๊กซึ่งเป็นชิ้นส่วนที่ทำหน้าที่ดูดน้ำมันจากถังส่งไปยังเครื่องยนต์ จะแช่อยู่ในถังน้ำมัน โดยอาศัยน้ำมันเชื้อเพลิงในการ หล่อลื่นและระบายความร้อน
    • เมื่อน้ำมันหมด: ปั๊มติ๊กจะดูดอากาศเข้ามาแทน ทำให้ตัวปั๊มทำงานหนักขึ้นในสภาพที่แห้งและเกิดความร้อนสูงสะสม เมื่อเกิดเหตุการณ์นี้บ่อยครั้ง จะทำให้ปั๊มเสื่อมสภาพและเสียหายถาวรได้ ซึ่งค่าเปลี่ยนปั๊มติ๊กนั้นมีราคาสูง
  • ระบบเชื้อเพลิงอุดตัน ที่ก้นถังน้ำมันมักจะมีตะกอนหรือสิ่งสกปรกขนาดเล็กตกค้างอยู่ เมื่อคุณขับรถจนน้ำมันใกล้หมด ปั๊มติ๊กจะดูดเอาตะกอนเหล่านี้เข้าไปในระบบด้วย
    • ผลที่ตามมา: ตะกอนจะเข้าไปอุดตันที่ กรองน้ำมันเชื้อเพลิง และอาจเล็ดลอดไปถึง หัวฉีด ทำให้การฉีดน้ำมันเชื้อเพลิงไม่สมบูรณ์ ส่งผลให้เครื่องยนต์สะดุด กำลังตก และหากอุดตันรุนแรงอาจต้องเสียค่าใช้จ่ายในการล้างหรือเปลี่ยนหัวฉีด
  • สร้างความเสียหายให้แคทตาไลติกคอนเวอร์เตอร์ (Catalytic Converter) เมื่อน้ำมันเหลือน้อย การจ่ายน้ำมันไปยังเครื่องยนต์อาจไม่สม่ำเสมอ ทำให้เครื่องยนต์เกิดอาการสะดุดหรือ "Misfire" (การจุดระเบิดผิดจังหวะ) ซึ่งจะทำให้มีน้ำมันเชื้อเพลิงที่ยังไม่เผาไหม้ถูกปล่อยออกไปทางท่อไอเสีย เมื่อไปเจอกับความร้อนสูงของแคทตาไลติกคอนเวอร์เตอร์ (ท่อแคท) อาจทำให้ชิ้นส่วนภายในหลอมละลายและเสียหายได้ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งชิ้นส่วนที่มีราคาสูงมาก

2. ปัญหาเฉพาะสำหรับเครื่องยนต์ดีเซล

สำหรับคนที่ใช้รถกระบะหรือรถที่ใช้เครื่องยนต์ดีเซล การปล่อยให้น้ำมันหมดถังจะสร้างปัญหาที่ยุ่งยากกว่ารถเบนซิน เนื่องจากอากาศจะเข้าไปในระบบทางเดินน้ำมัน ทำให้เกิด "ฟองอากาศ" ในระบบ เมื่อเติมน้ำมันแล้วจะ สตาร์ทรถไม่ติด จนกว่าจะทำการ ไล่ลม (Bleeding) ออกจากระบบให้หมดก่อน ซึ่งต้องอาศัยความชำนาญหรือต้องเรียกช่างมาจัดการให้

3. ความเสี่ยงด้านความปลอดภัยและค่าใช้จ่ายแฝง

นอกเหนือจากความเสียหายของตัวรถแล้ว ยังมีความเสี่ยงอื่นๆ ตามมาอีกด้วยไม่ว่าจะเป็น

  • เสี่ยงเกิดอุบัติเหตุ: การที่รถดับกลางถนน, บนทางด่วน หรือบริเวณทางโค้ง อาจเป็นสาเหตุให้เกิดอุบัติเหตุซ้ำซ้อนได้
  • อันตรายจากการจอดในที่เปลี่ยว: หากรถเสียในเวลากลางคืนหรือในเส้นทางที่ไม่คุ้นเคย อาจเสี่ยงต่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน
  • เสียเวลาและค่าใช้จ่าย: คุณจะต้องเสียเวลาในการรอความช่วยเหลือ และอาจมีค่าใช้จ่ายสำหรับบริการน้ำมันฉุกเฉิน หรือค่ารถลากไปยังอู่ซ่อมรถ ที่เรียกว่าเสียเยอะมาก

     เห็นไหมครับว่า หากคุณไม่เติมน้ำมันตามที่ไฟขึ้นบ่อยๆ ก็อาจจะส่งเสียเยอะกว่าที่คิด ดังนั้นเราไม่ควรปล่อยให้ไฟเตือนน้ำมันขึ้นถ้าไม่จำเป็นครับ

 

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com

.

.

.

.

_____________________________________

เราคือตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ

เทอร์โบแท้

IHI TURBO 🇯🇵

GARRETT 🇺🇸

MITSUBISHI TURBOCHARGER 🇯🇵

ซื้อกับเราได้สินค้าแท้100%

คุ้มค่ากว่า ใช้งานได้ในระยะยาว

สบายใจกว่า เทอร์โบแท้รับประกันสินค้ายาวนาน

บริการหลังการขายที่ยอดเยี่ยม

โดยทีมงานมืออาชีพ ผู้มีประสบการณ์มากกว่า 24 ปี”

สั่งอะไหล่กับเรา "ออกใบกำกับภาษี" ได้

พร้อมบริการการดูแลหลังการขายตลอดอายุการใช้งาน

⚙️เข้าชมสินค้าทั้งหมดในเว็บไซต์

คลิก: www.sqdparts.com

⚙️สั่งซื้อทางเพจ

คลิก: m.me/sqdparts

⚙️สั่งซื้อผ่านไลน์

คลิก: https://liff.line.me/1645278921-kWRPP32q/?accountId=sqdparts

คลิกYoutube : https://bit.ly/3IAJstu

คลิกTiktok : https://bit.ly/3bXmLmN

คลิกInstagram : https://bit.ly/3AFxMDx

เขียนโดย sqdparts เมื่อ Sun 22 Jun, 2025
อ่านต่อ

     การขับรถท่องเที่ยวช่วงเทศกาล จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเช็กแรงดันลมยางก่อนออกเดินทางเสมอ เพราะน้ำหนักบรรทุกที่เปลี่ยนแปลงไป มีผลทำให้ค่าลมยางที่เหมาะสมเปลี่ยนไปเช่นกัน

 

ขับรถทางไกล เติมลมยางเท่าไหร่ดี?

โดยปกติแล้วเจ้าของรถควรเติมแรงดันลมยางให้ได้ตามที่ระบุไว้บนสติกเกอร์บริเวณเสาฝั่งผู้ขับขี่ โดยลมยางที่แนะนำจะแตกต่างกันขึ้นอยู่กับประเภทของรถ ดังนี้

 

รถยนต์ขนาดเล็ก : 25 - 30 ปอนด์ต่อตารางนิ้ว

รถยนต์ขนาดกลางและใหญ่ : 30 - 35 ปอนด์

รถกระบะ (ไม่บรรทุก) : 35 - 38 ปอนด์

รถตู้บรรทุก : 43 - 55 ปอนด์

 

อย่างไรก็ดี หากมีความจำเป็นต้องบรรทุกผู้โดยสารและสัมภาระเต็มคัน ควรเพิ่มแรงดันลมยางที่ล้อคู่หลังขึ้นอีก 2 - 5 ปอนด์ต่อตารางนิ้ว (PSI) เพื่อชดเชยกับน้ำหนักที่เพิ่มขึ้น จะช่วยลดโอกาสเกิดยางระเบิดขณะขับขี่ที่ความเร็วสูงได้

 

     นอกจากนี้ เจ้าของรถยังควรตรวจเช็กแรงดันลมยางอะไหล่เผื่อกรณีฉุกเฉินระหว่างทางด้วย โดยปกติแรงดันลมยางที่แนะนำคือ 40 - 50 ปอนด์ต่อตารางนิ้ว เนื่องจากการเก็บยางอะไหล่ทิ้งไว้เป็นระยะเวลานาน ลมยางอาจซึมออกทีละน้อย การเติมลมยางมากกว่าปกติจะช่วยให้ยางมีแรงดันที่เหมาะสมเมื่อถึงเวลานำมาใช้งาน

 

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com

.

.

.

.

_____________________________________

เราคือตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ

เทอร์โบแท้

IHI TURBO 🇯🇵

GARRETT 🇺🇸

MITSUBISHI TURBOCHARGER 🇯🇵

ซื้อกับเราได้สินค้าแท้100%

คุ้มค่ากว่า ใช้งานได้ในระยะยาว

สบายใจกว่า เทอร์โบแท้รับประกันสินค้ายาวนาน

บริการหลังการขายที่ยอดเยี่ยม

โดยทีมงานมืออาชีพ ผู้มีประสบการณ์มากกว่า 24 ปี”

สั่งอะไหล่กับเรา "ออกใบกำกับภาษี" ได้

พร้อมบริการการดูแลหลังการขายตลอดอายุการใช้งาน

⚙️เข้าชมสินค้าทั้งหมดในเว็บไซต์

คลิก: www.sqdparts.com

⚙️สั่งซื้อทางเพจ

คลิก: m.me/sqdparts

⚙️สั่งซื้อผ่านไลน์

คลิก: https://liff.line.me/1645278921-kWRPP32q/?accountId=sqdparts

คลิกYoutube : https://bit.ly/3IAJstu

คลิกTiktok : https://bit.ly/3bXmLmN

คลิกInstagram : https://bit.ly/3AFxMDx

เขียนโดย sqdparts เมื่อ Sat 21 Dec, 2024
อ่านต่อ

     กระบะไฟฟ้าขนาดกลางไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป เพราะก่อนหน้านี้ Isuzu ประกาศเตรียมเปิดตัว D-Max EV ภายในปี 2025 ขณะที่ Toyota ก็มีแผนเปิดตัว Hilux (หรือ Hilux Revo) เวอร์ชันไฟฟ้าล้วนในปี 2026 และล่าสุด Ford ก็ประกาศเตรียมเปิดตัว Ranger EV ในอีก 3 ปีข้างหน้านี้

 

อันที่จริง Ford ไม่ได้ประกาศเตรียมเปิดตัว Ranger EV ชัดๆ เสียทีเดียว หากแต่ระบุว่ามีแผนเปิดตัวรถกระบะขนาดกลางขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าที่พัฒนาขึ้นบนแพล็ตฟอร์มใหม่ภายในปี 2027 นี้ โดยเน้นจับกลุ่มลูกค้าที่มองหาความคุ้มค่า ระยะทางขับขี่ที่มากกว่า อเนกประสงค์กว่า และรองรับการใช้งานได้หลากหลาย

 

จึงมีความเป็นไปได้สูงว่ารถกระบะรุ่นดังกล่าวก็คือ Ranger ที่วางจำหน่ายในปัจจุบัน ขณะที่ "แพล็ตฟอร์มใหม่" ก็เป็นไปได้ว่าอาจจะเป็น Ranger ที่พัฒนาขึ้นบนแพล็ตฟอร์มใหม่ทั้งหมด หรือ Ranger EV อาจถูกพัฒนาขึ้นบนแพล็ตฟอร์มสำหรับระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าโดยเฉพาะก็เป็นได้

 

ก่อนหน้านี้ ฟอร์ตเผยโฉม Ranger PHEV ขุมพลัง Plug-in Hybrid เมื่อเดือนกันยายนปีที่แล้ว โดยมีกำหนดเริ่มวางจำหน่ายตั้งแต่ปี 2025 เป็นต้นไป ซึ่งจะมาพร้อมเครื่องยนต์เบนซิน 2.3 EcoBoost ควบคู่กับมอเตอร์และแบตเตอรี่ที่ให้ระยะทางขับขี่ในโหมดไฟฟ้าสูงสุด 45 กม. ทั้งยังมีฟังก์ชัน Pro Power Onboard ที่สามารถจ่ายไฟให้กับอุปกรณ์ไฟฟ้าภายนอกได้

 

ส่วนความคืบหน้าของ Ford Ranger EV ต้องรอรายละเอียดกันอีกครั้ง

 

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com

.

.

.

.

_____________________________________

เราคือตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ

เทอร์โบแท้

IHI TURBO 🇯🇵

GARRETT 🇺🇸

MITSUBISHI TURBOCHARGER 🇯🇵

ซื้อกับเราได้สินค้าแท้100%

คุ้มค่ากว่า ใช้งานได้ในระยะยาว

สบายใจกว่า เทอร์โบแท้รับประกันสินค้ายาวนาน

บริการหลังการขายที่ยอดเยี่ยม

โดยทีมงานมืออาชีพ ผู้มีประสบการณ์มากกว่า 24 ปี”

สั่งอะไหล่กับเรา "ออกใบกำกับภาษี" ได้

พร้อมบริการการดูแลหลังการขายตลอดอายุการใช้งาน

⚙️เข้าชมสินค้าทั้งหมดในเว็บไซต์

คลิก: www.sqdparts.com

⚙️สั่งซื้อทางเพจ

คลิก: m.me/sqdparts

⚙️สั่งซื้อผ่านไลน์

คลิก: https://liff.line.me/1645278921-kWRPP32q/?accountId=sqdparts

คลิกYoutube : https://bit.ly/3IAJstu

คลิกTiktok : https://bit.ly/3bXmLmN

คลิกInstagram : https://bit.ly/3AFxMDx

เขียนโดย sqdparts เมื่อ Wed 11 Sep, 2024
อ่านต่อ
แสดง รายการ
ร้านค้าออนไลน์ และ ขายของออนไลน์ โดย © 2006-2025 Vevo Systems Co., Ltd.