×
แสดง รายการ

     เชื่อว่ามีคนจำนวนไม่น้อยที่ประสบปัญหาด้านการเงินอยู่ในขณะนี้ ยิ่งถ้ามีหนี้รถต้องจ่ายทุกเดือนด้วยแล้วล่ะก็ หลายคนอาจหมุนเงินไม่ทัน ค้างค่างวดสะสมนานหลายเดือน จนเกิดคำถามว่า "ค้างค่างวดรถ 3 งวด จ่ายก่อน 1 งวดได้ไหม?" บทความนี้ เรามีคำตอบมาฝากกัน

 

ค้างค่างวดรถ 3 งวด จ่ายก่อน 1 งวด จะโดนยึดรถหรือไม่?

หลายคนทราบดีว่าหากค้างชำระค่างวดรถตั้งแต่ 3 เดือน บริษัทไฟแนนซ์จะส่งหนังสือเตือนให้ชำระค่างวดและบอกเลิกสัญญา โดยมีกำหนดระยะเวลาอีก 30 วัน เพื่อดำเนินการชำระให้เสร็จสิ้น รวมเป็นระยะเวลาทั้งสิ้น 4 เดือน เกิดเป็นคำถามว่าหากค้างค่างวดมาแล้ว 3 เดือน จะชำระเพียง 1 เดือนก่อนได้หรือไม่ โดยสามารถแบ่งออกเป็น 2 กรณี ดังนี้

 

กรณีที่ 1 ยังไม่มีหนังสือบอกเลิกสัญญา กรณีนี้สามารถจ่ายค่างวดเพียง 1 เดือนก่อน หรือจะจ่ายทั้ง 3 งวดพร้อมกันได้ โดยบริษัทไฟแนนซ์จะไม่ดำเนินการยึดรถหากชำระเพียงแค่ 1 เดือน แต่จะต้องจ่ายค่าติดตามทวงถาม,​ ค่าขาดประโยชน์ และอื่นๆ ตามที่ระบุไว้ในสัญญาเช่าซื้อ

 

กรณีที่ 2 มีหนังสือบอกเลิกสัญญามาแล้ว กรณีนี้จะมีการระบุในหนังสือชัดเจนว่าจะต้องชำระค่างวดที่ค้างอยู่เต็มจำนวนภายในระยะเวลา 30 วัน นับตั้งแต่วันที่ได้รับหนังสือ หากเป็นเช่นนี้การชำระค่างวดเพียงเดือนเดียว ก็จะนำไปสู่การถูกยึดรถอยู่ดี ทางที่ดีคุณควรรีบติดต่อกับไฟแนนซ์เพื่อเจรจาหาข้อตกลงโดยทันที ซึ่งไฟแนนซ์อาจอนุโลมให้ชำระเพียง 1 เดือนโดยไม่ยึดรถได้ แต่ลักษณะเช่นนี้จำเป็นต้องได้รับการอนุมัติเป็นกรณีไป

 

     ดังนั้น หากมีการจ่ายค่างวดล่าช้าหรือค้างชำระไม่เกิน 3 งวด คุณจะยังสามารถชำระค่างวดได้ตามปกติ (แต่มีค่าปรับล่าช้าอื่นๆ ด้วย) แต่หากเกิน 3 งวด และไม่สามารถชำระค่างวดทั้งหมดภายใน 30 วันได้ ทางไฟแนนซ์จะดำเนินการยกเลิกสัญญา และยึดรถคืน

 

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com

.

.

.

.

_____________________________________

เราคือตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ

เทอร์โบแท้

✅IHI TURBO 🇯🇵

✅GARRETT 🇺🇸

✅MITSUBISHI TURBOCHARGER 🇯🇵

✅ซื้อกับเราได้สินค้าแท้100%

✅คุ้มค่ากว่า ใช้งานได้ในระยะยาว

✅สบายใจกว่า เทอร์โบแท้รับประกันสินค้ายาวนาน

✅บริการหลังการขายที่ยอดเยี่ยม

“โดยทีมงานมืออาชีพ ผู้มีประสบการณ์มากกว่า 24 ปี”

สั่งอะไหล่กับเรา "ออกใบกำกับภาษี" ได้

พร้อมบริการการดูแลหลังการขายตลอดอายุการใช้งาน

⚙️เข้าชมสินค้าทั้งหมดในเว็บไซต์

คลิก: www.sqdparts.com

⚙️สั่งซื้อทางเพจ

คลิก: m.me/sqdparts

⚙️สั่งซื้อผ่านไลน์

คลิก: https://liff.line.me/1645278921-kWRPP32q/?accountId=sqdparts

คลิกYoutube : https://bit.ly/3IAJstu

คลิกTiktok : https://bit.ly/3bXmLmN

คลิกInstagram : https://bit.ly/3AFxMDx

เขียนโดย sqdparts เมื่อ Sat 02 Aug, 2025
อ่านต่อ

     ระบบปรับอากาศในรถยนต์ถือว่ามีความจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับการใช้รถช่วงหน้าร้อน เราจึงขอแนะนำ 4 เทคนิคง่ายๆ ที่ช่วยให้คุณสามารถใช้รถได้อย่างสบายใจในช่วงที่อากาศร้อนอบอ้าวเช่นนี้ จะทำอย่างไรได้บ้าง?

 

แนะนำเทคนิคแก้ แอร์รถยนต์ไม่เย็น ให้เย็นเจี๊ยบช่วงหน้าร้อน

1. ใช้ที่บังแดดทุกครั้งหลังจอดรถ

แม้ว่ารถของเราจะมีฟิล์มกรองแสงที่ช่วยสะท้อนรังสี UV และความร้อนได้ขั้นหนึ่งแล้ว แต่ก็ควรมีที่บังแดดแบบพับได้ติดรถเอาไว้ด้วย เพื่อช่วยป้องกันความร้อนอีกชั้นหนึ่ง จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันความร้อนจากแสงแดด และยังช่วยยืดอายุชิ้นส่วนพลาสติกบนแผงคอนโซลไม่ให้แตกกรอบง่ายอีกด้วย

 

2. เปิดกระจกทุกบานก่อนออกรถ

หากมีความจำเป็นต้องจอดรถทิ้งไว้กลางแดด ก่อนออกเดินทางทุกครั้งควรลดกระจกทั้ง 4 บานลงเพื่อไล่ความร้อนออกไปเสียก่อน จะช่วยให้ห้องโดยสารไม่ร้อนจัดจนเกินไป และยังเป็นการลดภาระการทำงานของระบบแอร์ได้อีกทางหนึ่งด้วย

 

3. เปลี่ยนฟิล์มกรองแสง

ฟิล์มกรองแสงรถยนต์จะมีอายุการใช้งานประมาณ 5 - 7 ปี จากนั้นประสิทธิภาพในการกันความร้อนจะค่อยๆ ลดลงเรื่อยๆ หากพบว่าฟิล์มเริ่มเสื่อมสภาพก็ควรพิจารณาเปลี่ยนฟิล์มกรองแสงเสียใหม่ เลือกที่มีค่าการป้องกันความร้อนสูงๆ จะช่วยให้ห้องโดยสารเย็นสบายมากยิ่งขึ้นอีกทั้งยังเป็นการช่วยลดภาระการทำงานของระบบแอร์ได้อีกทางหนึ่งด้วย

 

4. ล้างแอร์เมื่อจำเป็น

แอร์รถยนต์จำเป็นต้องมีการล้างทำความสะอาดเช่นเดียวกับแอร์บ้าน จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำความเย็นของห้องโดยสารได้ โดยเฉพาะเมื่อรถมีกลิ่นเหม็นอับ ความเย็นไม่ฉ่ำเท่าที่ควร การล้างแอร์จะเป็นการแก้ปัญหาเบื้องต้นเพื่อให้แอร์กลับมาเย็นเจี๊ยบดังเดิมได้ 

 

ปัจจุบันการล้างแอร์มีทั้งแบบถอดตู้และไม่ถอดตู้ ซึ่งให้ผลลัพธ์หลังการล้างแตกต่างกันไป โดยที่การล้างแบบถอดตู้จะเป็นการรื้อตู้แอร์และนำคอยล์เย็นออกมาทำความสะอาด อีกทั้งช่างยังสามารถทำความสะอาดส่วนอื่นๆ ของระบบปรับอากาศได้เกือบทั้งหมด แต่ก็แลกมาด้วยค่าใช้จ่ายที่สูงกว่า และต้องใช้ระยะเวลานาน ส่วนการล้างแอร์แบบไม่ถอดตู้ จะใช้โฟมหรือน้ำยาเข้าไปทำความสะอาดที่แผงคอยล์เย็นควบคู่ไปกับการส่องกล้อง ซึ่งมีข้อดีคือค่าใช้จ่ายถูกกว่า และใช้ระยะเวลาไม่นาน เหมาะสำหรับรถที่ผ่านการใช้งานไม่นานนัก และมีการล้างแอร์เป็นประจำสม่ำเสมอ

 

     หากปฏิบัติได้ตามข้อแนะนำข้างต้นนี้ รับรองว่าคุณจะสามารถใช้รถได้อย่างสบายใจตลอดช่วงหน้าร้อนนี้แน่นอนครับ

 

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com

.

.

.

.

_____________________________________

เราคือตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ

เทอร์โบแท้

✅IHI TURBO 🇯🇵

✅GARRETT 🇺🇸

✅MITSUBISHI TURBOCHARGER 🇯🇵

✅ซื้อกับเราได้สินค้าแท้100%

✅คุ้มค่ากว่า ใช้งานได้ในระยะยาว

✅สบายใจกว่า เทอร์โบแท้รับประกันสินค้ายาวนาน

✅บริการหลังการขายที่ยอดเยี่ยม

“โดยทีมงานมืออาชีพ ผู้มีประสบการณ์มากกว่า 24 ปี”

สั่งอะไหล่กับเรา "ออกใบกำกับภาษี" ได้

พร้อมบริการการดูแลหลังการขายตลอดอายุการใช้งาน

⚙️เข้าชมสินค้าทั้งหมดในเว็บไซต์

คลิก: www.sqdparts.com

⚙️สั่งซื้อทางเพจ

คลิก: m.me/sqdparts

⚙️สั่งซื้อผ่านไลน์

คลิก: https://liff.line.me/1645278921-kWRPP32q/?accountId=sqdparts

คลิกYoutube : https://bit.ly/3IAJstu

คลิกTiktok : https://bit.ly/3bXmLmN

คลิกInstagram : https://bit.ly/3AFxMDx

เขียนโดย sqdparts เมื่อ Sat 02 Aug, 2025
อ่านต่อ

     ใครที่ใช้รถบ่อยๆ คงจะสังเกตเรื่องของน้ำมันเชื้อเพลิงที่เป็นเหมือนกับแหล่งพลังงานของรถในการขับเคลื่อนไป แต่ถ้าอยู่ดีๆ ถ้าเกิดไฟเตือนขึ้นหลายคนก็มักจะไปเติมทันที แล้วถ้าไม่เติมปล่อยไว้ก่อน ทำแบบนี้บ่อยๆ ผลเสียที่ได้มานั้นอาจจะร้ายแรงกว่าที่คิด วันนี้ เราจะพาคุณมาดู 3 คำเตือน หากไฟเตือนเติมน้ำมันขึ้นบ่อยแล้วไม่เติม อาจจะทำให้เกิดอะไรขึ้นบ้าง

 

3 คำเตือนหากคุณปล่อยให้ไฟเตือนน้ำมันขึ้นบ่อยๆ 

 

1. ความเสียหายต่อชิ้นส่วนรถยนต์

  • ปั๊มน้ำมันเชื้อเพลิง (ปั๊มติ๊ก) พังก่อนเวลาอันควร นี่คือผลกระทบที่ร้ายแรงและพบบ่อยที่สุด ปั๊มติ๊กซึ่งเป็นชิ้นส่วนที่ทำหน้าที่ดูดน้ำมันจากถังส่งไปยังเครื่องยนต์ จะแช่อยู่ในถังน้ำมัน โดยอาศัยน้ำมันเชื้อเพลิงในการ หล่อลื่นและระบายความร้อน

 

  • เมื่อน้ำมันหมด: ปั๊มติ๊กจะดูดอากาศเข้ามาแทน ทำให้ตัวปั๊มทำงานหนักขึ้นในสภาพที่แห้งและเกิดความร้อนสูงสะสม เมื่อเกิดเหตุการณ์นี้บ่อยครั้ง จะทำให้ปั๊มเสื่อมสภาพและเสียหายถาวรได้ ซึ่งค่าเปลี่ยนปั๊มติ๊กนั้นมีราคาสูง

  • ระบบเชื้อเพลิงอุดตัน ที่ก้นถังน้ำมันมักจะมีตะกอนหรือสิ่งสกปรกขนาดเล็กตกค้างอยู่ เมื่อคุณขับรถจนน้ำมันใกล้หมด ปั๊มติ๊กจะดูดเอาตะกอนเหล่านี้เข้าไปในระบบด้วย

 

  • ผลที่ตามมา: ตะกอนจะเข้าไปอุดตันที่ กรองน้ำมันเชื้อเพลิง และอาจเล็ดลอดไปถึง หัวฉีด ทำให้การฉีดน้ำมันเชื้อเพลิงไม่สมบูรณ์ ส่งผลให้เครื่องยนต์สะดุด กำลังตก และหากอุดตันรุนแรงอาจต้องเสียค่าใช้จ่ายในการล้างหรือเปลี่ยนหัวฉีด

  • สร้างความเสียหายให้แคทตาไลติกคอนเวอร์เตอร์ (Catalytic Converter) เมื่อน้ำมันเหลือน้อย การจ่ายน้ำมันไปยังเครื่องยนต์อาจไม่สม่ำเสมอ ทำให้เครื่องยนต์เกิดอาการสะดุดหรือ "Misfire" (การจุดระเบิดผิดจังหวะ) ซึ่งจะทำให้มีน้ำมันเชื้อเพลิงที่ยังไม่เผาไหม้ถูกปล่อยออกไปทางท่อไอเสีย เมื่อไปเจอกับความร้อนสูงของแคทตาไลติกคอนเวอร์เตอร์ (ท่อแคท) อาจทำให้ชิ้นส่วนภายในหลอมละลายและเสียหายได้ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งชิ้นส่วนที่มีราคาสูงมาก

 

2. ปัญหาเฉพาะสำหรับเครื่องยนต์ดีเซล

สำหรับคนที่ใช้รถกระบะหรือรถที่ใช้เครื่องยนต์ดีเซล การปล่อยให้น้ำมันหมดถังจะสร้างปัญหาที่ยุ่งยากกว่ารถเบนซิน เนื่องจากอากาศจะเข้าไปในระบบทางเดินน้ำมัน ทำให้เกิด "ฟองอากาศ" ในระบบ เมื่อเติมน้ำมันแล้วจะ สตาร์ทรถไม่ติด จนกว่าจะทำการ ไล่ลม (Bleeding) ออกจากระบบให้หมดก่อน ซึ่งต้องอาศัยความชำนาญหรือต้องเรียกช่างมาจัดการให้


 

3. ความเสี่ยงด้านความปลอดภัยและค่าใช้จ่ายแฝง

นอกเหนือจากความเสียหายของตัวรถแล้ว ยังมีความเสี่ยงอื่นๆ ตามมาอีกด้วยไม่ว่าจะเป็น

 

  • เสี่ยงเกิดอุบัติเหตุ: การที่รถดับกลางถนน, บนทางด่วน หรือบริเวณทางโค้ง อาจเป็นสาเหตุให้เกิดอุบัติเหตุซ้ำซ้อนได้

  • อันตรายจากการจอดในที่เปลี่ยว: หากรถเสียในเวลากลางคืนหรือในเส้นทางที่ไม่คุ้นเคย อาจเสี่ยงต่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน

  • เสียเวลาและค่าใช้จ่าย: คุณจะต้องเสียเวลาในการรอความช่วยเหลือ และอาจมีค่าใช้จ่ายสำหรับบริการน้ำมันฉุกเฉิน หรือค่ารถลากไปยังอู่ซ่อมรถ ที่เรียกว่าเสียเยอะมาก

เห็นไหมครับว่า หากคุณไม่เติมน้ำมันตามที่ไฟขึ้นบ่อยๆ ก็อาจจะส่งเสียเยอะกว่าที่คิด ดังนั้นเราไม่ควรปล่อยให้ไฟเตือนน้ำมันขึ้นถ้าไม่จำเป็นครับ

 

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com

.

.

.

.

_____________________________________

เราคือตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ

เทอร์โบแท้

✅IHI TURBO 🇯🇵

✅GARRETT 🇺🇸

✅MITSUBISHI TURBOCHARGER 🇯🇵

✅ซื้อกับเราได้สินค้าแท้100%

✅คุ้มค่ากว่า ใช้งานได้ในระยะยาว

✅สบายใจกว่า เทอร์โบแท้รับประกันสินค้ายาวนาน

✅บริการหลังการขายที่ยอดเยี่ยม

“โดยทีมงานมืออาชีพ ผู้มีประสบการณ์มากกว่า 24 ปี”

สั่งอะไหล่กับเรา "ออกใบกำกับภาษี" ได้

พร้อมบริการการดูแลหลังการขายตลอดอายุการใช้งาน

⚙️เข้าชมสินค้าทั้งหมดในเว็บไซต์

คลิก: www.sqdparts.com

⚙️สั่งซื้อทางเพจ

คลิก: m.me/sqdparts

⚙️สั่งซื้อผ่านไลน์

คลิก: https://liff.line.me/1645278921-kWRPP32q/?accountId=sqdparts

คลิกYoutube : https://bit.ly/3IAJstu

คลิกTiktok : https://bit.ly/3bXmLmN

คลิกInstagram : https://bit.ly/3AFxMDx

เขียนโดย sqdparts เมื่อ Fri 01 Aug, 2025
อ่านต่อ

     เวลาที่คุณจะขับรถออกจากบ้านหรือขี่มอเตอร์ไซค์มักจะมีเกี่ยวกับกฏระเบียบข้อบังคับ และกฏหมายเกี่ยวกับการขับรถเยอะมาก แต่คณอจจะเผิกเฉยอยู่ วันนี้ เราจะมารวม 5 อันดับกฏหมายจราจรใกล้ตัวที่พูดเลยว่า ผิดนิดเดียวค่าปรับสูง แต่หลายคนเฉยจนบางที่นำไปสู่เหตุการณ์บางปลายได้ พร้อมแล้วเริ่มกันเลย

 

 

5 กฎหมายจราจรใกล้ตัว ผิดนิดเดียวโดนปรับค่าปรับแพง!

 

1. ขับรถโดยประมาทจนเหยียบน้ำกระเด็นใส่ผู้อื่น (ความผิดทางอาญาและแพ่ง)

เคยไหมที่ขับรถผ่านแอ่งน้ำแล้วน้ำกระเด็นไปโดนคนเดินเท้าหรือรถคันอื่น? แม้จะดูเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่หากการกระทำนั้นเกิดจากความประมาท และทำให้ผู้อื่นได้รับความเสียหายต่อร่างกาย เสื้อผ้า หรือทรัพย์สิน คุณอาจเข้าข่ายความผิดได้!

 

  • โทษ: จำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับ 5,000 – 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

  • คำแนะนำ: ลดความเร็วเมื่อเข้าใกล้บริเวณที่มีน้ำขัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีคนเดินเท้าหรือจักรยานอยู่ริมถนน

 

2. กั๊กที่จอดรถบนถนนสาธารณะ (การจราจรทางบก)

ถนนสาธารณะมีไว้สำหรับทุกคน การนำสิ่งของใดๆ มาวางเพื่อจับจองพื้นที่จอดรถส่วนตัว หรือการจอดรถในลักษณะที่กีดขวางการจราจร ถือเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายและสร้างความเดือดร้อนให้ผู้อื่น

 

  • โทษ: ปรับสูงสุด 10,000 บาท

  • คำแนะนำ: เคารพสิทธิในการใช้พื้นที่สาธารณะร่วมกัน หลีกเลี่ยงการกระทำที่เป็นการกีดขวางหรือสร้างความไม่สะดวกให้ผู้ใช้รถใช้ถนนคนอื่น

 

3. ไม่หยุดรถให้คนข้ามทางม้าลาย (การจราจรทางบก)

ทางม้าลายคือสัญลักษณ์ความปลอดภัยที่ชัดเจนสำหรับคนเดินเท้า การไม่หยุดรถให้คนข้ามทางม้าลายถือเป็นความผิดร้ายแรงที่อาจนำไปสู่อุบัติเหตุได้ แต่ถ้าไม่หยุด หรือเหยียบทับก็มีความผิดโดยมีโทษดัวดังนี้

 

  • โทษ: ปรับสูงสุด 4,000 บาท

  • คำแนะนำ: เมื่อเห็นทางม้าลาย ให้ชะลอความเร็วและเตรียมหยุดรถเสมอ หากมีคนยืนรอข้ามหรือกำลังข้ามอยู่ ให้หยุดรถเพื่อให้คนเดินเท้าข้ามไปก่อน

 

4. ไม่เปิดไฟเลี้ยว (การจราจรทางบก)

การไม่เปิดไฟเลี้ยวดูเหมือนเป็นเรื่องเล็กน้อยที่หลายคนละเลย แต่แท้จริงแล้วเป็นพฤติกรรมที่อันตรายอย่างยิ่ง เพราะเป็นการไม่ส่งสัญญาณให้ผู้ร่วมทางทราบถึงทิศทางที่คุณกำลังจะไป และเป็นสาเหตุอันดับต้นๆ ของอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นตลอด

 

  • โทษ: ปรับสูงสุด 500 บาท

  • คำแนะนำ: เปิดไฟเลี้ยวทุกครั้งเมื่อต้องการเปลี่ยนช่องทาง เลี้ยว หรือกลับรถ ให้สัญญาณล่วงหน้าในระยะที่เหมาะสม เพื่อให้ผู้ขับขี่คนอื่นมีเวลาตอบสนอง

 

5. จอดรถขวางทางเข้า-ออกบ้านผู้อื่น (การจราจรทางบก)

การจอดรถกีดขวางทางเข้า-ออกของบ้านผู้อื่น ไม่ว่าจะจอดเพียงชั่วคราวหรือไม่ก็ตาม ถือเป็นการละเมิดสิทธิและสร้างความเดือดร้อนอย่างมาก

 

  • โทษ: ปรับสูงสุด 5,000 บาท

  • คำแนะนำ: ตรวจสอบให้แน่ใจเสมอว่าพื้นที่ที่คุณจอดรถนั้นไม่กีดขวางทางเข้า-ออกของบ้านเรือน ร้านค้า หรืออาคารใดๆ

ของแถมกฏหมายที่ใกล้ตัว

"ขายของออนไลน์ไม่บอกราคา"

 

แม้ว่าในภาพจะมีข้อความนี้อยู่ด้วย แต่ควรทำความเข้าใจว่าข้อนี้เป็นกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการคุ้มครองผู้บริโภคในการซื้อขายสินค้าออนไลน์ ไม่ใช่กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการขับขี่โดยตรง แต่ก็เป็นกฎหมายสำคัญที่ผู้ประกอบการออนไลน์ควรทราบ

 

  • โทษ (การค้า): ปรับสูงสุด 10,000 บาท

สุดท้ายนี้กฏจราจรคือข้อที่ควรปฏิบัติเพื่อความปลอดภัยและสะท้อนวินัยจราจรของคนไทย แถมวินัยคนในชาติอย่าเมินและปฏิบัติกันเพื่อลดอุบัติเหตุและสร้างสังคมที่ดีกัน และพบอะไรผิดปกติ ก็ควรจะแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ แม้อาจจะดูเป็นคนขี้ฟ้อง แต่ถ้าเห็นผิดคนก็อาจจะทำตามกัน ก็ควรให้ตำรวจมาห้ามคนผิดเหล่านั้นทำกันครับ

 

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com

.

.

.

.

_____________________________________

เราคือตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ

เทอร์โบแท้

✅IHI TURBO 🇯🇵

✅GARRETT 🇺🇸

✅MITSUBISHI TURBOCHARGER 🇯🇵

✅ซื้อกับเราได้สินค้าแท้100%

✅คุ้มค่ากว่า ใช้งานได้ในระยะยาว

✅สบายใจกว่า เทอร์โบแท้รับประกันสินค้ายาวนาน

✅บริการหลังการขายที่ยอดเยี่ยม

“โดยทีมงานมืออาชีพ ผู้มีประสบการณ์มากกว่า 24 ปี”

สั่งอะไหล่กับเรา "ออกใบกำกับภาษี" ได้

พร้อมบริการการดูแลหลังการขายตลอดอายุการใช้งาน

⚙️เข้าชมสินค้าทั้งหมดในเว็บไซต์

คลิก: www.sqdparts.com

⚙️สั่งซื้อทางเพจ

คลิก: m.me/sqdparts

⚙️สั่งซื้อผ่านไลน์

คลิก: https://liff.line.me/1645278921-kWRPP32q/?accountId=sqdparts

คลิกYoutube : https://bit.ly/3IAJstu

คลิกTiktok : https://bit.ly/3bXmLmN

คลิกInstagram : https://bit.ly/3AFxMDx

เขียนโดย sqdparts เมื่อ Fri 01 Aug, 2025
อ่านต่อ

     ทุกวันนี้รถยนต์ส่วนใหญ่จะมีระบบเปิด / ปิด ไฟหน้าอัตโนมัติอยู่แล้ว ซึ่งติดมาเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน บางคันสามารถปิดได้ บางคันจะบังคับให้เปิดตลอด คำถามคือ ถ้าเรากดเปิดตลอดเวลาต่อให้ดับเครื่องรถแล้ว จะทำให้แบตเตอรี่รถยนต์หมดได้เร็วกว่าปกติหรือไม่ วันนี้รามีคำตอบครับ

 

ไฟหน้า Auto ทำแบตเตอรี่รถหมดไวหรือไม่ ?

เรื่องนี้ต้องบอกตามนี้ว่า ไฟหน้า Auto ไม่ได้ทำให้แบตเตอรี่หมดเร็ว แต่ตรงข้ามครับการใช้โหมด Auto ยังอาจจะช่วยถนอมแบตเตอรี่ได้ดีกว่าการเปิด-ปิดเองในบางสถานการณ์ด้วยซ้ำไปตัวอย่างเช่น

 

1. เมื่อเครื่องยนต์ทำงาน (รถวิ่งปกติ)

  • แหล่งพลังงานหลักคือไดชาร์จ (Alternator) เมื่อเครื่องยนต์ติดอยู่ "ไดชาร์จ" จะเป็นตัวผลิตกระแสไฟฟ้าเพื่อป้อนให้กับระบบต่างๆ ทั้งหมดในรถยนต์ ไม่ว่าจะเป็น ไฟหน้า, แอร์, เครื่องเสียง, ที่ปัดน้ำฝน ฯลฯ

 

  • แบตเตอรี่เป็นแค่แหล่งพักไฟ ในขณะนี้ ไดชาร์จจะผลิตไฟมากพอที่จะเลี้ยงระบบทั้งหมด และยังมีเหลือพอที่จะ "ชาร์จไฟกลับเข้าแบตเตอรี่" อีกด้วย ดังนั้น การที่ไฟหน้าจะติดหรือไม่ติด แทบไม่มีผลต่อภาระของแบตเตอรี่เลย เพราะไดชาร์จเป็นผู้รับผิดชอบหลัก

 

เท่ากับ เวลาที่รถวิ่งหรือใช้ปกติเปิดไฟหน้า Auto หรือเปิดเอง ก็ใช้ไฟจากไดชาร์จเป็นหลักเหมือนกัน ไม่ได้ทำให้แบตเตอรี่หมดไวขึ้น

 

2. เมื่อดับเครื่องยนต์

หากคุณดับเครื่องแล้วรพบบไฟหน้าอัตโนมัติจะ ถูกออกแบบมาให้ "ดับไฟเองโดยอัตโนมัติ" เมื่อเราดับเครื่องยนต์, ล็อกรถ หรือเปิดประตูรถ (แล้วแต่การออกแบบของรถแต่ละรุ่น) แม้ว่าบางรุ่นอาจจะมีฟังก์ชัน "Follow-Me-Home" ที่ไฟจะติดอยู่ครู่หนึ่ง (เช่น 30 วินาที) เพื่อส่องทางให้เราเดินเข้าบ้าน แล้วก็จะดับไปเอง

 

อีกข้อดีที่สำคัญที่สุดของโหมดไฟหน้า Auto คือ ช่วยป้องกันการลืมปิดไฟหน้า ซึ่งเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้แบตเตอรี่หมดเกลี้ยงในชั่วข้ามคืน การเปิดไฟทิ้งไว้ขณะดับเครื่อง จะเป็นการดึงพลังงานจากแบตเตอรี่โดยตรงจนหมด แม้ว่าไฟหน้าอัตโนมัติจะทำงานกับ Auto จริงอยู่ที่ว่าตัวเซ็นเซอร์วัดแสงและวงจรควบคุมของระบบ Auto นั้นมีการใช้ไฟฟ้าเลี้ยงอยู่ตลอดเวลาแม้จะดับเครื่องไปแล้ว แต่มันกินไฟในปริมาณที่ "น้อยมากๆๆ" ครับ น้อยกว่าระบบกันขโมยหรือนาฬิกาในรถเสียอีก จึงไม่มีผลทำให้แบตเตอรี่หมดไวอย่างแน่นอน

 

ดังนั้น คุณสามารถเปิดไฟหน้าไว้ที่ตำแหน่ง "Auto" ตลอดเวลาได้อย่างสบายใจครับ เป็นฟังก์ชันที่ออกแบบมาเพื่อความสะดวกสบายและความปลอดภัย ช่วยลดโอกาสการเกิดข้อผิดพลาดจากผู้ใช้งานได้เป็นอย่างดีและถนอมแบเตอตรี่รถและไฟหน้าของคุณด้วย แล้วแบเตอตรี่รถใช้ได้นานแค่ไหน เราจะมาไขคำตอบในครั้งหน้า

 

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com

.

.

.

.

_____________________________________

เราคือตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ

เทอร์โบแท้

✅IHI TURBO 🇯🇵

✅GARRETT 🇺🇸

✅MITSUBISHI TURBOCHARGER 🇯🇵

✅ซื้อกับเราได้สินค้าแท้100%

✅คุ้มค่ากว่า ใช้งานได้ในระยะยาว

✅สบายใจกว่า เทอร์โบแท้รับประกันสินค้ายาวนาน

✅บริการหลังการขายที่ยอดเยี่ยม

“โดยทีมงานมืออาชีพ ผู้มีประสบการณ์มากกว่า 24 ปี”

สั่งอะไหล่กับเรา "ออกใบกำกับภาษี" ได้

พร้อมบริการการดูแลหลังการขายตลอดอายุการใช้งาน

⚙️เข้าชมสินค้าทั้งหมดในเว็บไซต์

คลิก: www.sqdparts.com

⚙️สั่งซื้อทางเพจ

คลิก: m.me/sqdparts

⚙️สั่งซื้อผ่านไลน์

คลิก: https://liff.line.me/1645278921-kWRPP32q/?accountId=sqdparts

คลิกYoutube : https://bit.ly/3IAJstu

คลิกTiktok : https://bit.ly/3bXmLmN

คลิกInstagram : https://bit.ly/3AFxMDx

เขียนโดย sqdparts เมื่อ Fri 01 Aug, 2025
อ่านต่อ

     จากเหตุการณ์ฺอุบัติเหตุใหญ่รอบล่าสุดในต่างประเทศ ได้คร่าชีวิตของนักกีฬาฟุตบอลดังจนเป็นการสูญเสียครั้งใหญ่นั้น นักวิจารณ์ด้านรถได้ออกมาคาดการณ์ว่าอาจจะจากเรื่องของการขับรถเร็วหรือ ยางระเบิด ทำให้ไม่สามารถควบคุมรถจนเกิดเหตุการณ์เศร้าเกิดขึ้น วันนี้ เราจะมาถอดบทเรียนเกี่ยวกับ ยางรถ ระเบิดถึงสาเหตุและวิธีรับมือ พร้อมแล้วมาเริ่มกันเลย

 

ทำไมยางรถถึงระเบิดได้

 

สำหรัวเหตุที่ยางรถยนต์หรือมอเตอร์ไซค์จะระเบิดได้นั้น ขอแบ่งเป็นสาเหตุใหญ่ๆ ดังนี้

 

1. ปัญหาจากสภาพของยางโดยตรง

  • ลมยางไม่เหมาะสม: ถือเป็นสาเหตุอันดับต้นๆ

 

  • ลมยางอ่อนเกินไป: เมื่อลมยางอ่อน แก้มยางจะมีการบิดตัวและยืดหยุ่นมากกว่าปกติขณะรถวิ่ง ทำให้เกิดการเสียดสีและสร้างความร้อนสะสมที่แก้มยางและโครงสร้างยางภายในอย่างรวดเร็ว เมื่อความร้อนสูงถึงจุดหนึ่ง เนื้อยางจะเสื่อมสภาพและฉีกขาดได้

 

  • ลมยางแข็งเกินไป: แม้จะพบได้ไม่บ่อยเท่าลมยางอ่อน แต่การเติมลมยางที่แข็งเกินไปจะทำให้หน้ายางสัมผัสพื้นถนนได้ไม่เต็มที่ ลดความสามารถในการยึดเกาะถนน และเมื่อรถตกหลุมหรือกระแทกอย่างรุนแรง ยางที่แข็งกระด้างจะไม่สามารถซับแรงกระแทกได้ดีพอ ทำให้โครงสร้างภายในเสียหายและอาจระเบิดได้

 

  • ยางเก่าหรือเสื่อมสภาพ: ปกติยางรถยนต์มีอายุการใช้งาน โดยทั่วไปแนะนำให้เปลี่ยนทุกๆ 3-5 ปี หรือเมื่อระยะทางครบ 50,000 กิโลเมตร (แล้วแต่อย่างใดถึงก่อน) แม้ดอกยางจะยังดูดีอยู่ก็ตาม เพราะเนื้อยางจะเริ่มแข็งกระด้างและสูญเสียความยืดหยุ่นไปตามกาลเวลา ทำให้มีรอยแตกลายงาที่มองไม่เห็น และโครงสร้างภายในเปราะบางลง เสี่ยงต่อการระเบิดได้ง่าย

 

  • ยางมีความเสียหาย: รอยบาดแผล, รอยบวม, หรือการถูกของมีคมทิ่มตำ สามารถทำลายโครงสร้างภายในของยางได้ แม้จะเป็นเพียงรูรั่วซึมเล็กน้อย แต่เมื่อรถวิ่งด้วยความเร็วสูง ความร้อนและแรงดันที่เพิ่มขึ้นอาจทำให้แผลเล็กๆ นั้นขยายตัวและฉีกขาดจนระเบิดได้

 

2. ปัญหาจากพฤติกรรมการใช้งาน

  • บรรทุกน้ำหนักเกิน: ยางแต่ละเส้นมีพิกัดการรับน้ำหนักสูงสุดกำหนดไว้ การบรรทุกน้ำหนักเกินกว่ามาตรฐานจะสร้างแรงกดมหาศาลให้กับยาง ทำให้ยางแบนลงและเกิดความร้อนสะสมสูงเช่นเดียวกับภาวะลมยางอ่อน

 

  • ขับรถด้วยความเร็วสูงต่อเนื่อง: การขับรถเร็วเป็นเวลานานๆ ทำให้ยางต้องเสียดสีกับพื้นถนนอย่างรุนแรงและต่อเนื่อง เกิดเป็นความร้อนสะสมมหาศาล ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่เร่งให้ยางเสื่อมสภาพและเพิ่มความเสี่ยงในการระเบิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากลมยางอ่อนอยู่แล้ว

 

  • การเบรกกะทันหันบ่อยครั้ง: การเบรกอย่างรุนแรงทำให้เกิดความร้อนสูงที่จานเบรก ซึ่งความร้อนนี้สามารถส่งผ่านไปยังกระทะล้อและยางได้โดยตรง การทำเช่นนี้บ่อยๆ จะทำให้ยางร้อนจัดและเสื่อมสภาพเร็วขึ้น

 

3. ปัจจัยภายนอก

และยังมีปัจจัยอื่นๆ ที่ทำให้เกิดเหตุ

 

  • การตกหลุมหรือกระแทกอย่างรุนแรง: การขับรถตกหลุมอย่างแรง หรือขับไปกระแทกกับขอบทาง, ก้อนหิน อาจทำให้โครงสร้างผ้าใบและเส้นลวดภายในยางฉีกขาดได้ทันที แม้ภายนอกจะไม่ปรากฏร่องรอยเสียหายชัดเจน แต่ความเสียหายภายในนี้จะกลายเป็นจุดอ่อนที่พร้อมจะระเบิดได้ทุกเมื่อ

 

  • อากาศร้อนจัด: สภาพอากาศที่ร้อนจัด โดยเฉพาะในฤดูร้อนของประเทศไทย จะทำให้อุณหภูมิบนพื้นถนนสูงมาก ซึ่งส่งผลให้ยางมีความร้อนสะสมสูงขึ้นไปอีก และเพิ่มความเสี่ยงในการระเบิด

 

  • รวมถึงสิ่งของที่ตกบนพื้นที่มีคมก็อาจจะทำให้ยางแตกและระเบิดได้เช่นกัน

 

วิธีรับมือเมื่อรถยางระเบิดขณะขับขี่

เมื่อยางรถยนต์ระเบิด ผู้ขับขี่จะรู้สึกได้ถึงอาการผิดปกติของรถในทันที สิ่งสำคัญที่สุดคือการตั้งสติและปฏิบัติตามขั้นตอนต่อไปนี้

 

  1. ตั้งสติและจับพวงมาลัยให้มั่น: เมื่อยางระเบิด รถจะเสียการทรงตัวและมีแนวโน้มที่จะถูกดึงไปทางด้านที่ยางระเบิดอย่างรุนแรง ให้ใช้มือทั้งสองข้างจับพวงมาลัยให้แน่นและมั่นคง พยายามประคองรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถเดิมให้ได้มากที่สุด อย่ากระชากหรือหักพวงมาลัยกะทันหัน

 

  1. ยกเท้าออกจากคันเร่งช้าๆ เพื่อให้ความเร็วของรถลดลงเองตามธรรมชาติ การลดความเร็วกะทันหันอาจทำให้รถเสียการควบคุมมากขึ้น หริอรถบ้างคันสามารถใช้ Engine Break ได้ก็ควรจะใช้

 

  1. ข้อควรระวังที่สำคัญที่สุดคือ ห้าม เหยียบเบรกอย่างรุนแรงหรือกะทันหันเด็ดขาด เพราะจะทำให้รถเสียหลักและอาจพลิกคว่ำได้ ให้ใช้วิธีแตะเบรกเบาๆ และย้ำๆ เป็นจังหวะเพื่อชะลอความเร็ว

 

  1. อย่าดึงเบรคมือเพราะการดึงเบรกมือในขณะที่รถยังมีความเร็วสูงจะทำให้ล้อล็อกและรถหมุนอย่างควบคุมไม่ได้ ซึ่งอันตรายอย่างยิ่ง

 

  1. มองหาที่ปลอดภัยและให้สัญญาณ: เมื่อควบคุมรถได้และมีความเร็วลดลงในระดับที่ปลอดภัยแล้ว ให้มองหากระจกมองข้างและกระจกหลังเพื่อประเมินสถานการณ์รอบตัว จากนั้นเปิดสัญญาณไฟเลี้ยวเพื่อขอทางและนำรถเข้าจอดในบริเวณที่ปลอดภัย เช่น ไหล่ทาง หรือพื้นที่ว่างริมถนน

 

  1. ลดเกียร์ (สำหรับเกียร์ธรรมดา) หากขับรถเกียร์ธรรมดา เมื่อความเร็วลดลงแล้ว สามารถลดเกียร์ลงมาเป็นเกียร์ต่ำเพื่อช่วยชะลอความเร็วของรถได้

 

เมื่อจอดรถเรียบร้อยแล้วควรทำอย่างไร?

หลังจากนำรถเข้าจอดในที่ปลอดภัยได้สำเร็จแล้ว ให้ปฏิบัติดังนี้:

 

  • เปิดไฟฉุกเฉิน: เพื่อเป็นสัญญาณเตือนให้รถคันอื่นที่สัญจรไปมาทราบและเพิ่มความระมัดระวัง

 

  • ดับเครื่องยนต์และใส่เบรกมือ: เพื่อป้องกันรถเคลื่อนที่

 

  • ประเมินสถานการณ์: ลงจากรถด้วยความระมัดระวัง (ควรลงทางด้านที่ปลอดภัยจากกระแสรถ) และสำรวจความเสียหาย หากสามารถเปลี่ยนยางอะไหล่เองได้และมีอุปกรณ์ครบถ้วน ให้ดำเนินการด้วยความปลอดภัย แต่หากไม่แน่ใจหรือไม่สามารถทำได้ ควรติดต่อขอความช่วยเหลือจากบริการช่วยเหลือฉุกเฉินบนท้องถนน บริษัทประกันภัย หรือช่างผู้ชำนาญ

 

 

 

แนวทางการป้องกันเพื่อลดความเสี่ยงยางระเบิด

การป้องกันย่อมดีกว่าการแก้ไข การดูแลรักษายางรถยนต์อย่างสม่ำเสมอจะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดยางระเบิดได้อย่างมีนัยสำคัญ:

 

  • ตรวจเช็กลมยางเป็นประจำ: ควรตรวจวัดแรงดันลมยางอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง และก่อนการเดินทางไกลทุกครั้ง โดยเติมลมยางให้ได้ตามค่ามาตรฐานที่ผู้ผลิตรถยนต์แนะนำ ซึ่งโดยทั่วไปจะระบุไว้ที่แผ่นป้ายบริเวณเสากลางของประตูฝั่งคนขับ การมีลมยางที่อ่อนหรือแข็งเกินไปล้วนเป็นสาเหตุของยางระเบิดได้

 

  • สังเกตสภาพยางรถยนต์: ตรวจสอบสภาพโดยรวมของยางอย่างสม่ำเสมอ มองหาร่องรอยความเสียหาย เช่น รอยบาด บวม แตก หรือมีวัตถุแปลกปลอมทิ่มตำ หากพบความผิดปกติควรรีบปรึกษาช่างผู้ชำนาญ

 

  • ไม่บรรทุกน้ำหนักเกิน: การบรรทุกน้ำหนักเกินกว่าที่รถและยางจะรับไหว จะสร้างแรงกดดันและความร้อนให้กับยางมากเกินไป เพิ่มความเสี่ยงต่อการระเบิด

 

  • สลับยางและตั้งศูนย์ถ่วงล้อ: ควรทำการสลับยางตามระยะที่กำหนด (โดยทั่วไปทุกๆ 10,000 กิโลเมตร) เพื่อให้ยางทุกเส้นมีการสึกหรอที่สม่ำเสมอ พร้อมทั้งตรวจสอบและตั้งศูนย์ถ่วงล้อเพื่อให้การขับขี่สมดุล

 

  • หลีกเลี่ยงการขับขี่ด้วยความเร็วสูงต่อเนื่อง: การขับรถด้วยความเร็วสูงเป็นเวลานานทำให้เกิดความร้อนสะสมในยางสูงขึ้น ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญ

 

  • เลือกใช้ยางที่มีคุณภาพและเหมาะสม: เมื่อถึงเวลาเปลี่ยนยาง ควรเลือกใช้ยางที่มีคุณภาพได้มาตรฐานและเหมาะสมกับประเภทการใช้งานของรถ

 

การเตรียมพร้อมและมีความรู้ในการรับมือกับเหตุการณ์รถยางระเบิด จะช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถจัดการกับสถานการณ์ฉุกเฉินได้อย่างปลอดภัยและลดความรุนแรงของอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ และทั้งนี้ก็ขอแสดงความเสียกับนักกีฬาที่จากไปเพราะอุบัติเหตุท่านนี้ด้วยครับ

 

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com

.

.

.

.

_____________________________________

เราคือตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ

เทอร์โบแท้

✅IHI TURBO 🇯🇵

✅GARRETT 🇺🇸

✅MITSUBISHI TURBOCHARGER 🇯🇵

✅ซื้อกับเราได้สินค้าแท้100%

✅คุ้มค่ากว่า ใช้งานได้ในระยะยาว

✅สบายใจกว่า เทอร์โบแท้รับประกันสินค้ายาวนาน

✅บริการหลังการขายที่ยอดเยี่ยม

“โดยทีมงานมืออาชีพ ผู้มีประสบการณ์มากกว่า 24 ปี”

สั่งอะไหล่กับเรา "ออกใบกำกับภาษี" ได้

พร้อมบริการการดูแลหลังการขายตลอดอายุการใช้งาน

⚙️เข้าชมสินค้าทั้งหมดในเว็บไซต์

คลิก: www.sqdparts.com

⚙️สั่งซื้อทางเพจ

คลิก: m.me/sqdparts

⚙️สั่งซื้อผ่านไลน์

คลิก: https://liff.line.me/1645278921-kWRPP32q/?accountId=sqdparts

คลิกYoutube : https://bit.ly/3IAJstu

คลิกTiktok : https://bit.ly/3bXmLmN

คลิกInstagram : https://bit.ly/3AFxMDx

เขียนโดย sqdparts เมื่อ Fri 01 Aug, 2025
อ่านต่อ
แสดง รายการ
ร้านค้าออนไลน์ และ ขายของออนไลน์ โดย © 2006-2025 Vevo Systems Co., Ltd.