×
หน้าหลัก > บทความประจำเดือน September 2025
บทความประจำเดือน September 2025
แสดง รายการ

     หลายคนอาจไม่ชินกับการพับกระจกมองข้างหลังจอดรถเสร็จเรียบร้อยแล้ว แต่ทราบหรือไม่ว่าบางสถานการณ์ คุณจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องพับกระจกเพื่อป้องกันความเสียหายที่ไม่คาดคิด จะมีอะไรบ้างไปดูกัน

 

ข้อดีของการพับกระจกมองข้างเมื่อจอดรถ

การพับกระจกมองข้างหลังจอดรถ ช่วยลดความเสี่ยงที่กระจกจะโดนชนหรือกระแทกจากรถคันอื่น และยังเป็นการช่วยให้ผู้อื่นสามารถเดินผ่านได้อย่างสะดวก ลดความเสี่ยงที่จะเผลอกระแทกกับกระจกมองข้างจนพับได้

 

สถานการณ์ใดบ้างควรพับกระจกมองข้าง?

จอดรถตามห้างสรรพสินค้า - การจอดรถในช่องจอดตามลานจอดรถห้างสรรพสินค้า ควรพับกระจกเพื่อป้องกันความเสียหายต่อกระจกมองข้าง และเป็นการเผื่อที่สำหรับคนเดินไปมาได้

 

จอดรถริมถนน - การจอดรถริมถนนควรพับกระจกมองข้างเพื่อป้องกันมอเตอร์ไซค์เฉี่ยว หรือแม้กระทั่งรถยนต์ด้วยกันเอง

 

จอดรถในที่พลุกพล่าน - เช่น ปั๊มน้ำมัน ฯลฯ เนื่องจากสถานที่บางแห่งอาจมีคนเดินผ่านพลุกพล่านไปมา อาจเกิดการกระแทกกับกระจกมองข้างได้

 

รถบางรุ่นมีระบบพับกระจกมองข้างอัตโนมัติเมื่อล็อกรถ ยังสามารถใช้เป็นข้อสังเกตในการตรวจสอบว่ารถของเราถูกล็อกดีแล้วหรือยัง หากไม่แน่ใจว่ารถของเรามีฟังก์ชันนี้อยู่หรือไม่ สามารถตรวจสอบจากคู่มือประจำรถได้

 

     ทั้งนี้ รถยนต์ส่วนใหญ่ล้วนแต่ใช้ระบบพับกระจกมองข้างไฟฟ้า ซึ่งสามารถใช้งานได้อย่างสะดวก ไม่ต้องเอื้อมแขนไปพับเหมือนกับรถรุ่นเก่า จึงควรหมั่นพับกระจกมองข้างหลังจอดรถให้เคยชินเป็นนิสัยจะดีมากเลยล่ะครับ

 

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com

.

.

.

.

_____________________________________

เราคือตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ

เทอร์โบแท้

IHI TURBO 🇯🇵

GARRETT 🇺🇸

MITSUBISHI TURBOCHARGER 🇯🇵

ซื้อกับเราได้สินค้าแท้100%

คุ้มค่ากว่า ใช้งานได้ในระยะยาว

สบายใจกว่า เทอร์โบแท้รับประกันสินค้ายาวนาน

บริการหลังการขายที่ยอดเยี่ยม

โดยทีมงานมืออาชีพ ผู้มีประสบการณ์มากกว่า 24 ปี”

สั่งอะไหล่กับเรา "ออกใบกำกับภาษี" ได้

พร้อมบริการการดูแลหลังการขายตลอดอายุการใช้งาน

⚙️เข้าชมสินค้าทั้งหมดในเว็บไซต์

คลิก: www.sqdparts.com

⚙️สั่งซื้อทางเพจ

คลิก: m.me/sqdparts

⚙️สั่งซื้อผ่านไลน์

คลิก: https://liff.line.me/1645278921-kWRPP32q/?accountId=sqdparts

คลิกYoutube : https://bit.ly/3IAJstu

คลิกTiktok : https://bit.ly/3bXmLmN

คลิกInstagram : https://bit.ly/3AFxMDx

เขียนโดย sqdparts เมื่อ Tue 30 Sep, 2025
อ่านต่อ

     น้ำมันเครื่อง ถือเป็นเลือดหล่อเลี้ยงเครื่องยนต์เลยก็ว่าได้ การเลือกใช้น้ำมันเครื่องให้เหมาะสมกับประเภทของเครื่องยนต์จึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง โดยเฉพาะน้ำมันเครื่องดีเซลและเบนซินที่หลายคนมักเข้าใจผิดว่าสามารถใช้แทนกันได้ ซึ่งความจริงแล้วทั้งสองชนิดมีคุณสมบัติที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง

 

น้ำมันเครื่องดีเซล ถูกออกแบบมาเพื่อรองรับสภาวะการทำงานที่หนักหน่วงของเครื่องยนต์ดีเซล ซึ่งมีแรงบิดสูงและอุณหภูมิในการทำงานที่สูงกว่าเครื่องยนต์เบนซิน ดังนั้น น้ำมันเครื่องดีเซลจึงมีความหนืดและความแข็งแกร่งของฟิล์มน้ำมันมากกว่า เพื่อช่วยให้ชิ้นส่วนภายในเครื่องยนต์ได้รับการหล่อลื่นอย่างเพียงพอและทนทานต่อแรงกดทับและความร้อนสูง

 

ในทางกลับกัน น้ำมันเครื่องเบนซิน ถูกออกแบบมาสำหรับเครื่องยนต์เบนซินที่ต้องการความคล่องตัวและตอบสนองต่อการเร่งความเร็วได้ดี น้ำมันเครื่องเบนซินจึงมีความหนืดน้อยกว่าและมีสารเติมแต่งที่ช่วยลดแรงเสียดทาน เพื่อให้เครื่องยนต์ทำงานได้อย่างราบรื่นและประหยัดน้ำมัน

 

เหตุผลที่ไม่ควรใช้น้ำมันเครื่องผิดประเภท

  • ความเสียหายต่อเครื่องยนต์ - หากใช้น้ำมันเครื่องดีเซลกับเครื่องยนต์เบนซิน เครื่องยนต์อาจเกิดความร้อนสูงเกินไป ทำให้ชิ้นส่วนต่างๆ เสียหายได้ เนื่องจากน้ำมันเครื่องดีเซลมีความหนืดเกินไป ทำให้การระบายความร้อนไม่ดีพอ
  • ประสิทธิภาพลดลง - การใช้น้ำมันเครื่องที่ไม่เหมาะสมจะส่งผลให้เครื่องยนต์ทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ อาจทำให้เครื่องยนต์อืด อัตราเร่งลดลง และสิ้นเปลืองน้ำมันมากขึ้น
  • อายุการใช้งานสั้นลง - การหล่อลื่นที่ไม่เพียงพอจะทำให้ชิ้นส่วนต่างๆ ในเครื่องยนต์สึกหรอเร็วขึ้น ส่งผลให้อายุการใช้งานของเครื่องยนต์สั้นลง

     จะเห็นได้ว่าน้ำมันเครื่องดีเซลและเบนซินมีคุณสมบัติที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง การเลือกใช้น้ำมันเครื่องให้ถูกประเภทจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เพื่อให้เครื่องยนต์ของรถยนต์ของคุณทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและยาวนาน ควรตรวจสอบคู่มือการใช้งานรถยนต์ของคุณเพื่อดูว่ารถของคุณต้องใช้น้ำมันเครื่องชนิดใด และปรึกษาช่างผู้เชี่ยวชาญหากไม่แน่ใจ

 

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com

.

.

.

.

_____________________________________

เราคือตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ

เทอร์โบแท้

IHI TURBO 🇯🇵

GARRETT 🇺🇸

MITSUBISHI TURBOCHARGER 🇯🇵

ซื้อกับเราได้สินค้าแท้100%

คุ้มค่ากว่า ใช้งานได้ในระยะยาว

สบายใจกว่า เทอร์โบแท้รับประกันสินค้ายาวนาน

บริการหลังการขายที่ยอดเยี่ยม

โดยทีมงานมืออาชีพ ผู้มีประสบการณ์มากกว่า 24 ปี”

สั่งอะไหล่กับเรา "ออกใบกำกับภาษี" ได้

พร้อมบริการการดูแลหลังการขายตลอดอายุการใช้งาน

⚙️เข้าชมสินค้าทั้งหมดในเว็บไซต์

คลิก: www.sqdparts.com

⚙️สั่งซื้อทางเพจ

คลิก: m.me/sqdparts

⚙️สั่งซื้อผ่านไลน์

คลิก: https://liff.line.me/1645278921-kWRPP32q/?accountId=sqdparts

คลิกYoutube : https://bit.ly/3IAJstu

คลิกTiktok : https://bit.ly/3bXmLmN

คลิกInstagram : https://bit.ly/3AFxMDx

เขียนโดย sqdparts เมื่อ Tue 30 Sep, 2025
อ่านต่อ

     รถยนต์เป็นสินทรัพย์ที่มีมูลค่าสูง แถมยังมีค่าเสื่อมอย่างหนักแม้ว่าจะใช้งานน้อยก็ตาม ดังนั้น หากคุณคิดที่จะเก็บรักษารถยนต์ของคุณให้มีสภาพดีไปอย่างยาวนานแล้วล่ะก็ บทความนี้ เรามีเคล็ดลับดูแลรถยนต์ให้มีอายุเกิน 20 ปีมาฝากกัน

 

7 เคล็ดลับดูแลรถให้มีอายุการใช้งานเกิน 20 ปี มีอะไรบ้าง?

1. เช็กระยะทุก 10,000 กม.

ควรนำรถเข้ารับการเช็กระยะทุก 10,000 กม. แม้ว่าจะพ้นช่วงระยะรับประกันไปแล้วก็ตาม เพราะนอกจากจะเป็นการเปลี่ยนถ่ายของเหลวและชิ้นส่วนตามระยะเวลาที่เหมาะสมแล้ว ยังช่วยให้เจ้าของรถสามารถพบความปกติที่เกิดขึ้นตั้งแต่เนิ่นๆ งบประมาณการซ่อมไม่บานปลาย แถมยังไม่ลุกลามจนเกิดความเสียหายต่อระบบอื่นๆ ของตัวรถอีกด้วย

 

2. เลือกใช้น้ำมันเครื่องสังเคราะห์แท้ 100%

แม้ว่าน้ำมันเครื่องเกรดธรรมดา (Mineral Oil) และเกรดกึ่งสังเคราะห์ (Semi Synthetic) จะสามารถใข้งานได้เหมือนกัน แต่น้ำมันเครื่องเกรดสังเคราะห์แท้ 100% (Fully Synthetic) มีคุณสมบัติป้องกันการสึกหรอของเครื่องยนต์ได้ดีกว่ามาก ช่วยลดการเกิดคราบเขม่าและตะกอนสะสม ทำให้อายุการใช้งานของเครื่องยนต์ยาวนานยิ่งขึ้น

 

3. หลีกเลี่ยงการจอดรถทิ้งไว้นานเกินไป

การจอดรถทิ้งไว้นานเกินไปไม่ใช่เรื่องดีเท่าไหร่นัก เนื่องจากชิ้นส่วนบางอย่างจำเป็นต้องมีการหมุนหรือขยับเพื่อคงสภาพดีไว้ ไม่ว่าจะเป็นชิ้นส่วนในห้องเผาไหม้, ระบบช่วงล่าง และของเหลวต่างๆ ที่มีการเสื่อมสภาพอยู่ตลอดเวลา

 

หรือแม้กระทั่งซีลยางต่างๆ จำเป็นต้องได้รับความร้อนจากการเผาไหม้ของเครื่องยนต์ จะช่วยให้ยางนิ่มและมีสภาพดีต่อเนื่องยาวนาน มิเช่นนั้นแล้วซีลจะเสื่อมสภาพไว ส่งผลให้เกิดการรั่วซึมของของเหลวต่างๆ ได้

 

4. หาอู่นอกที่ไว้ใจได้

หากคิดจะเก็บรักษารถยนต์ไว้เกิน 10 ปี ลองหาอู่นอกไว้เป็นทางเลือกนอกเหนือจากศูนย์บริการเพียงอย่างเดียว จะช่วยลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นลงได้ อีกทั้งอู่นอกที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง มักวิเคราะห์และแก้ไขปัญหาได้อย่างตรงจุดมากกว่า จะช่วยลดความน่าปวดหัวในการบำรุงรักษาลงไปได้

 

5. หมั่นตรวจสอบปัญหาเฉพาะรุ่น

รถยนต์เมื่อผ่านการใช้งานไประยะหนึ่ง มักจะพบปัญหาเฉพาะรุ่นที่เกิดขึ้นเฉพาะรถยี่ห้อและรุ่นเดียวกัน การรับรู้ปัญหาเหล่านี้จะช่วยให้เจ้าของรถเฝ้าระวังปัญหาที่อาจเกิดขึ้น และนำไปสู่การแก้ไขได้อย่างตรงจุด โดยปัจจุบันมีกลุ่มสังคมออนไลน์มากมายที่คอยช่วยเหลือและให้คำปรึกษาเฉพาะทาง

 

6. ดูแลรักษาสีรถอย่างดี

นอกจากสมรรถนะที่ดีแล้ว สภาพภายนอกของรถยังเป็นสิ่งที่เจ้าของรถต้องดูแลใส่ใจ เพราะต่อให้รถขับดีแค่ไหน แต่สภาพโทรมจนแทบดูไม่ได้ ก็คงรู้สึกไม่ดีกับรถเท่าไหร่นัก ทางที่ดีควรหมั่นขัดเคลือบสีรถ ซ่อมแซมรอยขีดข่วนที่เกิดขึ้นจากการใช้งาน หากมีงบประมาณขึ้นมาหน่อยล่ะก็ การเคลือบแก้วหรือเคลือบเซรามิกก็จะช่วยให้รถมีสภาพดีไปอีกยาวนานโดยไม่ต้องทำสี เจ้าของรถเองก็รู้สึกภูมิใจและอยากเก็บรถไว้ใช้งานยาวๆ

 

7. หลีกเลี่ยงการแต่งรถที่ไม่จำเป็น

หลีกเลี่ยงการแต่งรถที่เน้นความสวยงาม เช่น การติดสเกิร์ตรอบคัน เพราะส่วนมากไม่ได้มีผลกับการขับขี่ แต่แลกมาด้วยการถูกเจาะชิ้นส่วนตัวถัง เสี่ยงต่อการเกิดสนิม หรือการเปลี่ยนล้อที่ไม่ได้มาตรฐาน ก็จะแลกมาด้วยความแข็งแรงที่ลดลง ทางที่ดีนำงบประมาณที่มีไปทุ่มเทกับการบำรุงรักษาด้วยอะไหล่แท้ที่มีมาตรฐาน จะช่วยให้รถมีอายุการใช้งานยืนยาว และคงสมรรถนะไว้เทียบเท่ากับสมัยป้ายแดง

 

     แม้ว่าคนอื่นจะมองว่ารถของเราเป็นรถเก่า แต่หากดูแลบำรุงรักษาให้อยู่ในสภาพดีแล้วล่ะก็ รับรองว่าจะยังใช้งานได้อย่างดีไม่แพ้รถใหม่เลยล่ะครับ

 

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com

.

.

.

.

_____________________________________

เราคือตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ

เทอร์โบแท้

IHI TURBO 🇯🇵

GARRETT 🇺🇸

MITSUBISHI TURBOCHARGER 🇯🇵

ซื้อกับเราได้สินค้าแท้100%

คุ้มค่ากว่า ใช้งานได้ในระยะยาว

สบายใจกว่า เทอร์โบแท้รับประกันสินค้ายาวนาน

บริการหลังการขายที่ยอดเยี่ยม

โดยทีมงานมืออาชีพ ผู้มีประสบการณ์มากกว่า 24 ปี”

สั่งอะไหล่กับเรา "ออกใบกำกับภาษี" ได้

พร้อมบริการการดูแลหลังการขายตลอดอายุการใช้งาน

⚙️เข้าชมสินค้าทั้งหมดในเว็บไซต์

คลิก: www.sqdparts.com

⚙️สั่งซื้อทางเพจ

คลิก: m.me/sqdparts

⚙️สั่งซื้อผ่านไลน์

คลิก: https://liff.line.me/1645278921-kWRPP32q/?accountId=sqdparts

คลิกYoutube : https://bit.ly/3IAJstu

คลิกTiktok : https://bit.ly/3bXmLmN

คลิกInstagram : https://bit.ly/3AFxMDx

เขียนโดย sqdparts เมื่อ Tue 30 Sep, 2025
อ่านต่อ

     ยางรถยนต์เป็นชิ้นส่วนที่มีอายุการใช้งานไม่ต่างไปจากชิ้นส่วนอื่นๆ ของรถยนต์ แต่เคยสงสัยหรือไม่ว่ายางรถยนต์แต่ละเส้น สามารถใช้งานได้กี่กิโลเมตร หรือกี่ปี จึงจะต้องเปลี่ยนใหม่ บทความนี้ เรามีคำตอบมาฝากกันครับ

 

ยางรถยนต์ใช้งานได้นานกี่ปี?

อายุการใช้งานของยางรถยนต์ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ไม่ใช่แค่ระยะเวลาเป็นปีเท่านั้น แต่ยังรวมถึงระยะทางที่ขับขี่ สภาพการใช้งาน และการบำรุงรักษา โดยทั่วไป ยางรถยนต์จะมีอายุการใช้งานประมาณ 3 - 5 ปี หรือ 50,000 - 80,000 กิโลเมตร แต่ก็อาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ตามสภาพการใช้งานจริง

 

ปัจจัยที่ส่งผลให้อายุการใช้งานยางรถยนต์สั้นลง เช่น การเร่งเครื่องอย่างรุนแรง การเบรกกะทันหัน และการเข้าโค้งด้วยความเร็วสูง ล้วนแต่เป็นสาเหตุที่ทำให้อายุการใช้งานสั้นลง รวมถึงการขับขี่บนถนนที่ขรุขระ มีเศษหิน หรือมีหลุมบ่อ จะทำให้ยางสึกหรอได้เร็วขึ้นเช่นกัน

 

4 วิธีสังเกตว่ายางรถยนต์ควรเปลี่ยนใหม่

  1. ดอกยาง - ดอกยางสึกหรอจนเหลือต่ำกว่า 6 มิลลิเมตร หรือมองเห็นเส้นบอกระดับการสึกหรอได้ชัดเจน
  2. รอยแตกบนแก้มยาง - มีรอยแตกหรือรอยบาดที่เห็นได้ชัด โดยเฉพาะบริเวณแก้มยาง ซึ่งมีโอกาสเสี่ยงต่อการระเบิดได้ง่าย
  3. ยางบวม - ยางมีอาการบวมปูดจนมองเห็นได้ และก่อให้เกิดอาการสั่นขณะรถวิ่ง
  4. ลมยางอ่อนบ่อย - หากพบว่ายางรถยนต์มีอาการลมยางอ่อนบ่อยครั้ง อาจเป็นเพราะการรั่วซึมจากตะปูที่ทิ่มค้างอยู่บริเวณหน้ายาง

     หากพบว่ายางเริ่มมีการเสื่อมสภาพ ยางแข็ง แตกลายงา หรือมีการฉีกบริเวณแก้มยาง ก็ควรรีบเปลี่ยนยางเส้นใหม่ทันที นอกจากจะช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่แล้ว ยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเกาะถนน และลดเสียงรบกวนจากยางเก่าได้อีกด้วย

 

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com

.

.

.

.

_____________________________________

เราคือตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ

เทอร์โบแท้

IHI TURBO 🇯🇵

GARRETT 🇺🇸

MITSUBISHI TURBOCHARGER 🇯🇵

ซื้อกับเราได้สินค้าแท้100%

คุ้มค่ากว่า ใช้งานได้ในระยะยาว

สบายใจกว่า เทอร์โบแท้รับประกันสินค้ายาวนาน

บริการหลังการขายที่ยอดเยี่ยม

โดยทีมงานมืออาชีพ ผู้มีประสบการณ์มากกว่า 24 ปี”

สั่งอะไหล่กับเรา "ออกใบกำกับภาษี" ได้

พร้อมบริการการดูแลหลังการขายตลอดอายุการใช้งาน

⚙️เข้าชมสินค้าทั้งหมดในเว็บไซต์

คลิก: www.sqdparts.com

⚙️สั่งซื้อทางเพจ

คลิก: m.me/sqdparts

⚙️สั่งซื้อผ่านไลน์

คลิก: https://liff.line.me/1645278921-kWRPP32q/?accountId=sqdparts

คลิกYoutube : https://bit.ly/3IAJstu

คลิกTiktok : https://bit.ly/3bXmLmN

คลิกInstagram : https://bit.ly/3AFxMDx

เขียนโดย sqdparts เมื่อ Tue 30 Sep, 2025
อ่านต่อ

     แบตเตอรี่แบบแห้งแท้จริงแล้วไม่ใช้แบตเตอรี่ที่ไม่มีน้ำกลั่น แต่เป็นชื่อที่ชาวบ้านมักใช้เรียกแบตเตอรี่แบบ MF หรือ Maintenance Free ซึ่งไม่จำเป็นต้องเติมน้ำกลั่นเหมือนกับแบตเตอรี่น้ำปกติ ว่าแต่แบตเตอรี่ชนิดนี้สามารถชาร์จไฟได้หรือไม่? แล้วสาเหตุที่ทำให้แบตเตอรี่ MF เสื่อมไวคืออะไร? บทความนี้ เราจะพาไปหาคำตอบกัน

 

แบตเตอรี่แห้ง หรือแบต MF ชาร์จไฟได้หรือไม่?

ก่อนอื่นต้องเข้าใจว่าแบตเตอรี่แห้ง แท้จริงแล้วก็คือแบตเตอรี่ที่มีการเติมกรดและผนึกซีลมาจากโรงงาน โดยเจ้าของรถไม่จำเป็นต้องเติมน้ำกลั่นบ่อยเหมือนกับแบตน้ำ แต่ถึงอย่างไรแบตเตอรี่แบบ MF ก็มีโอกาสที่น้ำกรดจะพร่องจนทำให้แบตเตอรี่เสื่อมสภาพเร็วกว่าที่ควรจะเป็น จึงควรเช็กแบตเตอรี่เมื่อผ่านการใช้งานประมาณ 1 ปี

 

ส่วนแบตเตอรี่แบบ MF แม้ว่าจะดูเหมือนไม่มีช่องเติมน้ำ แต่แท้จริงแล้วช่องเติมน้ำกลั่นของแบตประเภทนี้จะถูกติดสติกเกอร์ทับเอาไว้ จนดูเหมือนไม่มีช่องเติมน้ำเท่านั้นเอง วิธีเติมก็ง่ายมากเพียงแค่ลอกสติกเกอร์ด้านบนออก ก็จะเจอช่องเติมน้ำกลั่นเหมือนกับแบตน้ำปกติทุกประการ

 

คำถามที่ว่าแบตเตอรี่แบบ MF (หรือแบตแห้งที่หลายคนเรียกกัน) สามารถชาร์จไฟได้หรือไม่? คำตอบคือ "ได้" หากแบตเตอรี่ยังไม่เสื่อม แต่รถไม่ค่อยมีการใช้งานมากนัก การชาร์จแบตเตอรี่จะช่วยยืดอายุการใช้งานให้ยาวนานขึ้นได้

 

แบตเตอรี่แห้ง หรือแบต MF เสื่อมไวเกิดจากอะไร?

สาเหตุที่ทำให้แบตเตอรี่รถยนต์เสื่อมสภาพไว มักเกิดจาก 3 ปัจจัย ดังนี้

 

1. ใช้รถน้อย - การขับรถระยะทางสั้นๆ เป็นประจำจะส่งผลให้อายุการใช้งานของแบตเตอรี่สั้นลงได้ เนื่องจากแบตเตอรี่ไม่มีเวลาเพียงพอที่จะถูกชาร์จจนเต็ม ทำให้อายุการใช้งานสั้นลง

 

2. เกิดคราบขี้เกลือที่ขั้วแบต - คราบขี้เกลือที่เกาะบนขั้วแบตเตอรี่เกิดจากปฏิกิริยาของน้ำกรดที่ระเหยไปโดยอากาศ มักเกิดจากการเติมน้ำกลั่นเกินกว่าที่กำหนดเอาไว้ หากปล่อยไว้ไม่ดูแล จะทำให้การไหลผ่านของไฟฟ้าลดลง เกิดการกัดกร่อนของโลหะบนขั้วแบตเตอรี่ ทำให้แบตเตอรี่เสื่อมสภาพไวขึ้น

 

3. ความร้อนสูง - แบตเตอรี่เป็นอุปกรณ์ที่ต้องเผชิญความร้อนอยู่ตลอดเวลาขณะใช้งาน ยิ่งเครื่องยนต์มีความร้อนสูงมากเท่าไหร่ (โดยเฉพาะรถติดก๊าซ LPG หรือ CNG) ยิ่งทำให้แบตเสื่อมสภาพเร็วขึ้นเท่านั้น จะสังเกตได้ว่าแบตเตอรี่รถยุโรปที่มักติดไว้บริเวณกระโปรงท้ายรถ มักมีอายุการใช้งานยาวนานกว่ามาก สาเหตุเป็นเพราะความร้อนที่น้อยกว่านั่นเอง

 

แบตเตอรี่เป็นชิ้นส่วนที่ราคาไม่สูงมากก็จริง แต่หากหมั่นดูแลอย่างเหมาะสม ก็จะช่วยลดค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษารถของคุณได้ไม่น้อยทีเดียวครับ

 

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com

.

.

.

.

_____________________________________

เราคือตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ

เทอร์โบแท้

IHI TURBO 🇯🇵

GARRETT 🇺🇸

MITSUBISHI TURBOCHARGER 🇯🇵

ซื้อกับเราได้สินค้าแท้100%

คุ้มค่ากว่า ใช้งานได้ในระยะยาว

สบายใจกว่า เทอร์โบแท้รับประกันสินค้ายาวนาน

บริการหลังการขายที่ยอดเยี่ยม

โดยทีมงานมืออาชีพ ผู้มีประสบการณ์มากกว่า 24 ปี”

สั่งอะไหล่กับเรา "ออกใบกำกับภาษี" ได้

พร้อมบริการการดูแลหลังการขายตลอดอายุการใช้งาน

⚙️เข้าชมสินค้าทั้งหมดในเว็บไซต์

คลิก: www.sqdparts.com

⚙️สั่งซื้อทางเพจ

คลิก: m.me/sqdparts

⚙️สั่งซื้อผ่านไลน์

คลิก: https://liff.line.me/1645278921-kWRPP32q/?accountId=sqdparts

คลิกYoutube : https://bit.ly/3IAJstu

คลิกTiktok : https://bit.ly/3bXmLmN

คลิกInstagram : https://bit.ly/3AFxMDx

เขียนโดย sqdparts เมื่อ Tue 30 Sep, 2025
อ่านต่อ

     หลายคนอาจสงสัยว่าหลังฝนตกแล้วทำไมต้องเสียเวลาไปล้างรถ ในเมื่อฝนก็ช่วยชะล้างความสกปรกให้แล้ว แต่ความจริงแล้ว น้ำฝนไม่ได้ทำความสะอาดรถของคุณได้อย่างสมบูรณ์แบบ หากปล่อยให้คราบสกปรกเกาะติดนานๆ อาจทำให้เกิดปัญหาตามมาได้มากมาย บทความนี้ เราจะมาบอกเหตุผลว่าทำไมฝนตกคุณก็ควรล้างรถอยู่ดี

 

สาเหตุที่ 1 มีคราบสกปรกฝังแน่น - ฝนที่ตกลงมาจะพัดพาฝุ่นละออง มลพิษต่างๆ ที่ปะปนอยู่ในอากาศมาเกาะติดบนตัวรถ เมื่อน้ำระเหยไปจะเหลือคราบสกปรกฝังแน่นอยู่บนผิวรถ ทำให้สีรถหมองคล้ำ นอกจากนี้ คราบยางมะตอยและคราบใบไม้ที่เกาะติดกับตัวรถ เมื่อโดนฝนจะยิ่งทำให้คราบเหล่านี้จับตัวกันแน่นขึ้น ยิ่งปล่อยทิ้งไว้นาน ยิ่งล้างออกยาก

 

สาเหตุที่ 2 อาจก่อให้เกิดสนิม - น้ำฝนในปัจจุบันมีฤทธิ์เป็นกรดเล็กน้อย เนื่องจากมลพิษทางอากาศ เมื่อน้ำฝนตกลงมาและเกาะติดบนตัวรถเป็นเวลานาน จะทำปฏิกิริยากับผิวรถ ทำให้เกิดรอยด่างและสนิมได้ง่าย โดยเฉพาะบริเวณที่สีรถลอกหรือมีรอยขีดข่วน นอกจากนี้ คราบเกลือที่เกาะติดบนตัวรถก็มีฤทธิ์กัดกร่อนสูง ทำให้สีรถเสียหายและเกิดสนิมได้เร็วขึ้น

 

สาเหตุที่ 3 ซากแมลงตาย - เมื่อขับรถขณะฝนตก แมลงจะมาชนกับกระจกหน้ารถและตัวรถ ทำให้เกิดคราบแมลงติดอยู่ หากปล่อยทิ้งไว้นาน คราบแมลงจะแข็งตัวและยากต่อการขจัดออก

 

สาเหตุที่ 4 เป็นอันตรายต่อสีรถ - คราบสกปรกที่เกาะติดบนตัวรถเป็นเวลานาน จะทำให้สีรถหมองคล้ำและเกิดรอยด่าง แสงแดดและอุณหภูมิที่สูงจะทำปฏิกิริยากับคราบสกปรกที่เกาะอยู่บนตัวรถ ทำให้สีรถซีดเร็วขึ้น

 

สาเหตุที่ 5 ทัศนวิสัยไม่ชัดเจน - คราบฝน คราบแมลง และคราบสกปรกอื่นๆ ที่เกาะติดบนกระจกหน้ารถจะบดบังทัศนวิสัยในการขับขี่ ทำให้มองเห็นถนนได้ไม่ชัดเจน และอาจก่อให้เกิดอุบัติเหตุได้

 

การล้างรถหลังฝนตกเป็นสิ่งสำคัญเพื่อรักษาสภาพสีรถ ป้องกันการเกิดสนิม และเพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่ หากปล่อยให้คราบสกปรกเกาะติดบนตัวรถเป็นเวลานาน จะต้องใช้เวลามากขึ้นในการทำความสะอาด และอาจต้องเสียค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมเพิ่มเติม ดังนั้น การหมั่นล้างรถเป็นประจำจึงเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการรักษารถของคุณให้ดูใหม่และมีอายุการใช้งานที่ยาวนานขึ้นครับ

 

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com

.

.

.

.

_____________________________________

เราคือตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ

เทอร์โบแท้

IHI TURBO 🇯🇵

GARRETT 🇺🇸

MITSUBISHI TURBOCHARGER 🇯🇵

ซื้อกับเราได้สินค้าแท้100%

คุ้มค่ากว่า ใช้งานได้ในระยะยาว

สบายใจกว่า เทอร์โบแท้รับประกันสินค้ายาวนาน

บริการหลังการขายที่ยอดเยี่ยม

โดยทีมงานมืออาชีพ ผู้มีประสบการณ์มากกว่า 24 ปี”

สั่งอะไหล่กับเรา "ออกใบกำกับภาษี" ได้

พร้อมบริการการดูแลหลังการขายตลอดอายุการใช้งาน

⚙️เข้าชมสินค้าทั้งหมดในเว็บไซต์

คลิก: www.sqdparts.com

⚙️สั่งซื้อทางเพจ

คลิก: m.me/sqdparts

⚙️สั่งซื้อผ่านไลน์

คลิก: https://liff.line.me/1645278921-kWRPP32q/?accountId=sqdparts

คลิกYoutube : https://bit.ly/3IAJstu

คลิกTiktok : https://bit.ly/3bXmLmN

คลิกInstagram : https://bit.ly/3AFxMDx

เขียนโดย sqdparts เมื่อ Sat 27 Sep, 2025
อ่านต่อ
แสดง รายการ
ร้านค้าออนไลน์ และ ขายของออนไลน์ โดย © 2006-2025 Vevo Systems Co., Ltd.