×
หน้าหลัก > บทความประจำเดือน July 2025
บทความประจำเดือน July 2025
แสดง รายการ

     ยางแท่นเครื่องเป็นชิ้นส่วนสำคัญที่ช่วยลดแรงสั่นสะเทือนจากเครื่องยนต์ไปยังตัวถังรถ หากยางแท่นเครื่องเสื่อมสภาพ จะส่งผลให้เกิดปัญหาในการขับขี่และความเสียหายต่อชิ้นส่วนอื่นๆ ได้ หากคุณสงสัยว่ายางแท่นเครื่องรถของคุณอาจมีปัญหา ลองสังเกตอาการเหล่านี้ดูครับ

 

3 อาการบ่งบอกว่ายางแท่นเครื่องเสื่อมสภาพ

  1. รถสั่นสะเทือนมากผิดปกติ - โดยเฉพาะขณะสตาร์ทเครื่องยนต์ หรือเมื่อเร่งเครื่อง จะรู้สึกได้ถึงแรงสั่นสะเทือนที่ตัวถังรถมากขึ้นกว่าปกติ หรือหากหยุดรถติดไฟแดงพร้อมกับเข้าเกียร์ D ก็อาจมีแรงสะเทือนมากกว่าปกติเช่นกัน
  2. มีเสียงดังผิดปกติ - จะได้ยินเสียงดังก๊อกแก๊ก หรือเสียงดังเอี๊ยดอ๊าดบริเวณห้องเครื่องยนต์ โดยเฉพาะเมื่อขับรถผ่านหลุมบ่อ หรือขณะเปลี่ยนเกียร์ อาจเกิดจากยางแท่นเครื่องขาดหรือเสื่อมสภาพได้
  3. รถมีอาการกระตุก - เมื่อเร่งเครื่องหรือเปลี่ยนเกียร์ รถอาจมีอาการกระตุก หรือไม่นิ่มนวลเหมือนเดิม บ่งบอกว่ายางแท่นเครื่องหรือยางแท่นเกียร์เสื่อมสภาพได้เช่นกัน

สาเหตุที่ทำให้ยางแท่นเครื่องเสื่อมสภาพ

  • อายุการใช้งาน - ยางแท่นเครื่องมีอายุการใช้งานที่แน่นอน เมื่อใช้งานไปนานๆ ยางจะเสื่อมสภาพตามธรรมชาติ
  • การใช้งานหนัก - การบรรทุกของหนักบ่อยครั้ง หรือการขับรถในสภาพถนนที่ขรุขระ จะทำให้ยางแท่นเครื่องเสื่อมสภาพเร็วขึ้น
  • อุณหภูมิ - ความร้อนจากเครื่องยนต์จะทำให้ยางแท่นเครื่องเสื่อมสภาพได้เร็วขึ้น
  • รถเคยประสบอุบัติเหตุ - การเกิดอุบัติเหตุอาจทำให้ยางแท่นเครื่องเสียหายได้

วีธีแก้ไขยางแท่นเครื่องเสื่อมสภาพ

หากพบว่ายางแท่นเครื่องมีการเสื่อมสภาพ ทรุด ฉีกขาด ควรนำรถเข้าอู่หรือศูนย์บริการทันทีเมื่อมีโอกาส เพื่อลดปัญหาที่อาจเกิดขึ้นกับเครื่องยนต์ในระยะยาว การเปลี่ยนยางแท่นเครื่องทั้งชุดแต่ละครั้งอาจมีค่าใช้จ่ายตั้งแต่ 5,000 บาท ถึงหลักหมื่นบาท ขึ้นอยู่กับรุ่นและยี่ห้อของรถ รวมถึงเกรดของยางแท่นเครื่องที่เลือกใช้ หากเป็นของแท้ก็จะมีอายุการใช้งานยาวนานกว่าของเทียบ

     การดูแลรักษายางแท่นเครื่องเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้ามอย่างเด็ดขาด เพื่อให้รถยนต์ของคุณอยู่ในสภาพที่พร้อมใช้งานและปลอดภัยเสมอนั่นเอง

 

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com

.

.

.

.

_____________________________________

เราคือตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ

เทอร์โบแท้

IHI TURBO 🇯🇵

GARRETT 🇺🇸

MITSUBISHI TURBOCHARGER 🇯🇵

ซื้อกับเราได้สินค้าแท้100%

คุ้มค่ากว่า ใช้งานได้ในระยะยาว

สบายใจกว่า เทอร์โบแท้รับประกันสินค้ายาวนาน

บริการหลังการขายที่ยอดเยี่ยม

โดยทีมงานมืออาชีพ ผู้มีประสบการณ์มากกว่า 24 ปี”

สั่งอะไหล่กับเรา "ออกใบกำกับภาษี" ได้

พร้อมบริการการดูแลหลังการขายตลอดอายุการใช้งาน

⚙️เข้าชมสินค้าทั้งหมดในเว็บไซต์

คลิก: www.sqdparts.com

⚙️สั่งซื้อทางเพจ

คลิก: m.me/sqdparts

⚙️สั่งซื้อผ่านไลน์

คลิก: https://liff.line.me/1645278921-kWRPP32q/?accountId=sqdparts

คลิกYoutube : https://bit.ly/3IAJstu

คลิกTiktok : https://bit.ly/3bXmLmN

คลิกInstagram : https://bit.ly/3AFxMDx

เขียนโดย sqdparts เมื่อ Fri 25 Jul, 2025
อ่านต่อ

 

     ระบบเบรคหน้าและเบรคหลังเป็นส่วนสำคัญของการหยุดรถที่ปลอดภัย แม้หน้าที่หลักจะเหมือนกันคือชะลอหรือหยุดรถ แต่การทำงานและบทบาทของแต่ละระบบต่างกันอย่างชัดเจน รู้จักความแตกต่างนี้จะช่วยให้คุณขับขี่ได้มั่นใจและปลอดภัยยิ่งขึ้น

 

เบรคหน้า เบรคหลัง ทำงานต่างกันอย่างไร?

เบรคหน้าและเบรคหลังในรถยนต์หรือมอเตอร์ไซค์ มีหน้าที่คล้ายกันคือชะลอหรือหยุดรถ แต่การทำงานและบทบาทของทั้งสองระบบแตกต่างกันในหลายด้าน เนื่องจาก น้ำหนักและแรงเฉื่อยของรถ ทำให้ต้องออกแบบให้สมดุลเพื่อความปลอดภัย ซึ่งความแตกต่างของเบรคหน้าและเบรคหลัง

 

1. แรงเบรคที่แตกต่างกัน

เบรคหน้า

ทำหน้าที่เป็นตัวหลักในการชะลอความเร็วของรถ โดยรับภาระแรงเบรคมากที่สุด (ประมาณ 60-80%) ซึ่งเวลาที่รถกำลังชะลอ น้ำหนักจะถ่ายไปด้านหน้า ทำให้ยางหน้ามีแรงกดมาก ทำให้สามารถสร้างแรงเสียดทานได้สูง

เบรคหลัง

เบรคหลังก็นับเป็นเบรคที่มีหน้าที่สำหรับการชะลอรถ แต่จะมีแรงเบรคน้อยกว่าเบรคหน้ามากๆ (ประมาณ 20-40%) เพื่อป้องกันไม่ให้ล้อหลังล็อค และเป็นเหตุให้รถเสียการทรงตัว

2. ชนิดของเบรค

เบรคหน้า

สำหรับเบรคหน้า ต้องใช้จานเบรกใหญ่และระบบที่มีประสิทธิภาพ เช่น Disc Brake ซึ่งจะมีประสิทธิภาพเบรกสูงและทำงานได้ดีในสภาพเปียก รวมถึงสามารถระบายความร้อนได้ดีกว่า

เบรคหลัง

สำหรับเบรคหลัง ส่วนใหญ่จะใช้เป็น Drum Brake ซึ่งมีแรงในการเบรคสูงแม้จะใช้แรงกดน้อย และมีอายุการใช้งานที่นานกว่า

3. ลักษณะการทำงาน

เบรคหน้า

ออกแบบให้ตอบสนองไว และแรงกดสูง เหมาะกับการหยุดรถอย่างรวดเร็ว ซึ่งหากใช้เบรคหน้าแรงเกินไป ล้อหน้าจะล็อก และรถอาจเสียการทรงตัวหรือหน้าทิ่ม

เบรคหลัง

ทำงานเสริมเพื่อช่วยทรงตัว ไม่ทำให้ท้ายสะบัดเวลาหยุด ซึ่งหากใช้เบรคหลังแรงเกินไป ล้อหลังจะล็อก รถอาจปัดท้ายหรือหมุน

 

สรุป

     เบรกหน้าและเบรกหลังทำงานร่วมกันเพื่อให้การหยุดรถเป็นไปอย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ เบรกหน้ารับแรงเบรกส่วนใหญ่เพราะน้ำหนักรถถ่ายไปข้างหน้าเวลาชะลอ ทำให้สร้างแรงเสียดทานได้สูงและหยุดรถได้รวดเร็ว ขณะที่เบรกหลังทำหน้าที่เสริมการทรงตัว ป้องกันไม่ให้ท้ายรถสะบัดหรือล็อกง่ายจนเสียการควบคุม การเข้าใจความแตกต่างและวิธีใช้เบรกทั้งสองอย่างเหมาะสม จะช่วยเพิ่มความมั่นใจและความปลอดภัยให้กับผู้ขับขี่ในทุกสถานการณ์

 

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com

.

.

.

.

_____________________________________

เราคือตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ

เทอร์โบแท้

IHI TURBO 🇯🇵

GARRETT 🇺🇸

MITSUBISHI TURBOCHARGER 🇯🇵

ซื้อกับเราได้สินค้าแท้100%

คุ้มค่ากว่า ใช้งานได้ในระยะยาว

สบายใจกว่า เทอร์โบแท้รับประกันสินค้ายาวนาน

บริการหลังการขายที่ยอดเยี่ยม

โดยทีมงานมืออาชีพ ผู้มีประสบการณ์มากกว่า 24 ปี”

สั่งอะไหล่กับเรา "ออกใบกำกับภาษี" ได้

พร้อมบริการการดูแลหลังการขายตลอดอายุการใช้งาน

⚙️เข้าชมสินค้าทั้งหมดในเว็บไซต์

คลิก: www.sqdparts.com

⚙️สั่งซื้อทางเพจ

คลิก: m.me/sqdparts

⚙️สั่งซื้อผ่านไลน์

คลิก: https://liff.line.me/1645278921-kWRPP32q/?accountId=sqdparts

คลิกYoutube : https://bit.ly/3IAJstu

คลิกTiktok : https://bit.ly/3bXmLmN

คลิกInstagram : https://bit.ly/3AFxMDx

เขียนโดย sqdparts เมื่อ Fri 25 Jul, 2025
อ่านต่อ

     นอกจากเรื่องการเปิด ไฟกระพริบ หรือ ไฟผ่าหมาก ข้ามแยกที่ว่าอันตรายแล้ว มีอีกสถานการณ์ที่คนยังเข้าใจผิด นั่นคือ เหตุฝนตกหนักจนทำให้ไม่สามารถมองทางได้เห็น ด้วยความหวังดีและสัญชาตญาณที่อยากให้เพื่อนร่วมทางมองเห็นรถของตนเอง ผู้ขับขี่จำนวนมากมักเลือกที่จะกดปุ่ม "ไฟฉุกเฉิน" หรือ "ไฟผ่าหมาก" ให้กระพริบทั่วคัน แต่คุณทราบหรือไม่ว่า การทำแบบนี้ไม่ปลอดภัยและอาจจะทำให้เกิดการเข้าใจผิด วันนี้เราจะมาบอกว่าทำไมถึงไม่ควรเปิด หากเกิดฝนตกหนักขึ้น

 

ไฟกระพริบ หรือ ไฟผ่าหมาก คืออะไร

     ก่อนอื่นเราต้องเข้าใจตรงกันว่า สัญญาณไฟฉุกเฉินหรือไฟผ่าหมากนั้น ถูกออกแบบมาเพื่อความหมายเดียวที่เป็นสากล คือ "การจอดฉุกเฉิน" สัญญาณไฟกระพริบทั่วคันนี้กำลังบอกเพื่อนร่วมทางว่า "รถของฉันจอดนิ่งอยู่กับที่ และอาจเป็นอุปสรรคหรือมีเหตุอันตราย" เช่น รถเสีย, เกิดอุบัติเหตุ หรือจอดในที่อันตราย

     การนำมาใช้ในขณะที่รถกำลังเคลื่อนที่ จึงเป็นการสื่อสารที่ผิดเพี้ยนและสร้างความสับสนอย่างมหาศาล และอาจจะทำให้เกิดอุบัติเหตุแบบไม่ทันคาดคิด

4 หายนะที่อาจเกิดขึ้นจากการเปิดไฟผ่าหมากขณะขับรถ

  1. สร้างความสับสน ตัดสินใจผิดพลาด: ลองจินตนาการว่าคุณขับตามหลังรถที่เปิดไฟผ่าหมาก คุณจะไม่สามารถรู้ได้เลยว่าคนขับกำลังจะจอด, รถเสีย, หรือแค่ขับช้าๆ ความลังเลนี้ทำให้การตัดสินใจเบรกหรือเปลี่ยนเลนของคุณผิดพลาดได้ง่าย และอาจนำไปสู่การชนท้ายในที่สุด
  2. เป็น "ใบ้" บอกทิศทางไม่ได้: เมื่อไฟฉุกเฉินทำงาน ไฟเลี้ยวซ้าย-ขวาจะถูกปิดการใช้งานโดยปริยาย นั่นหมายความว่าคุณจะสูญเสียความสามารถในการให้สัญญาณเมื่อต้องการเปลี่ยนเลนหรือเลี้ยว ซึ่งอันตรายอย่างยิ่งในสภาวะที่การมองเห็นจำกัดอยู่แล้ว
  3. "แย่งซีน" ไฟเบรก: แสงสีเหลืองที่กระพริบตลอดเวลาจะรบกวนสายตาและลดความโดดเด่นของไฟเบรกสีแดง ทำให้ผู้ขับขี่คันหลังสังเกตเห็นการเบรกของคุณได้ช้าลง ซึ่งในสถานการณ์ที่ถนนลื่น การตอบสนองที่ช้าลงเพียงเสี้ยววินาทีก็อาจไม่ทันการณ์
  4. เสี่ยงผิดกฎหมายโดยไม่ตั้งใจ: ตาม พ.ร.บ. จราจรทางบก พ.ศ. 2522 การใช้ไฟฉุกเฉินถูกกำหนดไว้สำหรับกรณีรถเสียหรือจอดเท่านั้น การเปิดไฟฉุกเฉินพร่ำเพรื่อขณะขับขี่จึงถือเป็นการใช้งานผิดประเภทและมีโทษปรับตามกฎหมาย

เทคนิคขับรถกลางฝน ปลอดภัย ไม่เสี่ยงอุบัติเหตุ

เมื่อรู้ถึงอันตรายแล้ว เราควรทำอย่างไรเพื่อให้การขับขี่ปลอดภัยที่สุด? คำตอบนั้นง่ายกว่าที่คิด

  • เปิดไฟหน้ารถ (ไฟต่ำ): นี่คือหัวใจสำคัญที่สุด การเปิดไฟหน้ารถจะช่วยให้รถคันอื่นมองเห็นคุณได้จากระยะไกล ทั้งรถที่สวนมาและรถที่ตามหลังมาผ่านกระจกมองข้าง โดยไม่สร้างความสับสน
  • ลดความเร็ว: ปรับลดความเร็วลงจากปกติ เพื่อให้สามารถควบคุมรถได้ดีขึ้นและมีเวลาในการตัดสินใจมากขึ้น
  • เว้นระยะห่างให้มากขึ้น: ถนนที่เปียกลื่นต้องใช้ระยะเบรกที่ยาวขึ้น ควรทิ้งระยะห่างจากรถคันหน้าให้มากกว่าปกติอย่างน้อย 2-3 เท่า
  • "จอด" แล้วค่อย "เปิด": หากฝนตกหนักจนมองไม่เห็นทางข้างหน้าจริงๆ (ทัศนวิสัยต่ำกว่า 10 เมตร) วิธีที่ปลอดภัยที่สุดคือการหาที่ปลอดภัยจอดพัก เช่น ปั๊มน้ำมัน, จุดพักรถริมทาง และเมื่อจอดรถสนิทแล้ว จึงค่อยเปิดไฟฉุกเฉิน เพื่อเตือนให้รถคันอื่นทราบว่าคุณจอดอยู่

สุดท้ายเพื่อความปลอดภัยบนท้องถนนเป็นความรับผิดชอบร่วมกัน การใช้สัญญาณไฟต่างๆ ให้ถูกต้องตามความหมายของมันคือสิ่งจำเป็นพื้นฐาน

 

จำไว้ว่า "ไฟหน้า" มีไว้เพื่อให้คนอื่นเห็นขณะ "วิ่ง"

ส่วน "ไฟฉุกเฉิน" มีไว้เพื่อให้คนอื่นเห็นขณะ "จอด"

 

     มาช่วยกันสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องและส่งต่อข้อมูลนี้ เพื่อให้ทุกการเดินทางในหน้าฝน ปลอดภัยทั้งสำหรับตัวเราและเพื่อนร่วมทางทุกคน อย่าให้เรื่องเข้าใจผิดนี้เกิดเป็นเหตุใหญ่ ดีกว่า

 

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com

.

.

.

.

_____________________________________

เราคือตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ

เทอร์โบแท้

IHI TURBO 🇯🇵

GARRETT 🇺🇸

MITSUBISHI TURBOCHARGER 🇯🇵

ซื้อกับเราได้สินค้าแท้100%

คุ้มค่ากว่า ใช้งานได้ในระยะยาว

สบายใจกว่า เทอร์โบแท้รับประกันสินค้ายาวนาน

บริการหลังการขายที่ยอดเยี่ยม

โดยทีมงานมืออาชีพ ผู้มีประสบการณ์มากกว่า 24 ปี”

สั่งอะไหล่กับเรา "ออกใบกำกับภาษี" ได้

พร้อมบริการการดูแลหลังการขายตลอดอายุการใช้งาน

⚙️เข้าชมสินค้าทั้งหมดในเว็บไซต์

คลิก: www.sqdparts.com

⚙️สั่งซื้อทางเพจ

คลิก: m.me/sqdparts

⚙️สั่งซื้อผ่านไลน์

คลิก: https://liff.line.me/1645278921-kWRPP32q/?accountId=sqdparts

คลิกYoutube : https://bit.ly/3IAJstu

คลิกTiktok : https://bit.ly/3bXmLmN

คลิกInstagram : https://bit.ly/3AFxMDx

เขียนโดย sqdparts เมื่อ Fri 25 Jul, 2025
อ่านต่อ

     เปิดตัวแล้วสำหรับ Mazda CX-5 รุ่นใหม่ล่าสุด เพื่อต่อยอดความสำเร็จ Mazdaในกลุ่ม SUV ซึ่ง CX-5 ถือว่าเป็นเรือธงอยู่ แน่นอนว่าการปรับโฉมครั้งใหญ่ที่สุดในรอบเกือบสิบปี โดยเปลี่ยนใหม่ทั้งหมดตั้งแต่โครงสร้างยันดีไซน์! รวมถึงเครื่องยนต์ใหม่เช่นเดียวกัน

 

รายละเอียดของ Mazda CX-5 ใหม่

มิติตัวถังใหญ่ขึ้น กว้างขวางกว่าเดิม

     All-New CX-5 ถูกสร้างขึ้นบนแพลตฟอร์มใหม่ทั้งหมด มีการขยายฐานล้อให้ยาวขึ้น 3.0 นิ้ว ส่งผลให้ตัวรถยาวขึ้นอีก 4.5 นิ้ว (ความยาวรวมประมาณ 184.6 นิ้ว) ทำให้มีขนาดเทียบเคียงกับคู่แข่งสำคัญอย่าง Honda CR-V ได้อย่างสมน้ำสมเนื้อ

     การขยายขนาดนี้ส่งผลดีโดยตรงต่อการใช้งาน เช่น ประตูใหญ่ขึ้น เข้า-ออกจากรถได้สะดวกสบายกว่าเดิม แก้ปัญหาที่ผู้ใช้รุ่นก่อนเคยติงไว้ ห้องโดยสารแถวหลังกว้างขวางขึ้น Mazda ยืนยันว่าจะมีพื้นที่สำหรับผู้โดยสารตอนหลังที่กว้างที่สุดในคลาส  และได้ขยาย พื้นที่เก็บสัมภาระท้ายเพิ่มขึ้น ฝาท้ายเปิดได้กว้างและต่ำลง ขนของง่ายขึ้น พร้อมพื้นที่ที่ยาวและสูงกว่าเดิม

ดีไซน์ Kodo ยุคใหม่ สู่ทิศทางอนาคตของ Mazda

     ดีไซน์ภายนอกได้รับการยกระดับภายใต้ปรัชญา "Kodo Design" ยุคใหม่ ที่จะกลายเป็นต้นแบบให้ Mazda รุ่นอื่นๆ ในอนาคต โดดเด่นด้วยชุดไฟหน้าแบบซ้อน (Stacked Headlights) ที่ไม่เคยมีในรุ่นไหนมาก่อน มาพร้อมกับ กระจังหน้า "Wing" Grille ถูกปรับให้คมขึ้น เสริมด้วยรายละเอียดบนกันชนที่ทำให้ตัวรถดูกว้างและดุดันขึ้น ด้านหลัง มาพร้อมโลโก้ตัวอักษร "MAZDA" พาดกลางฝาท้าย และชุดไฟท้ายดีไซน์เฉียบคม ได้รับแรงบันดาลใจจากรุ่นพี่อย่าง CX-70 ติดตั้งล้อลายสปอร์ตขนาด 19 นิ้วให้เลือกในรุ่นท็อป

ห้องโดยสารใหม่ จอยักษ์ แต่ไร้ปุ่ม!

     อีกจุดที่เรียกว่าการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญที่สุดของ CX-5 ใหม่! รองนี้ได้ หน้าจอกลางขนาดยักษ์ 15.6 นิ้ว เป็นจอที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมาในรถ Mazda มาพร้อมระบบปฏิบัติการใหม่ที่มี Google Built-In ทำให้สามารถใช้ Google Assistant, Google Maps และแอปอื่นๆ ได้โดยตรง นอกจากนี้ Mazda ตัดสินใจถอดปุ่มควบคุมและปุ่มหมุนปรับเสียงบริเวณคอนโซลกลางออกทั้งหมด! การควบคุมจะทำผ่านหน้าจอสัมผัสและปุ่มบนพวงมาลัยเท่านั้น (ซึ่งยังคงเป็นปุ่มแบบกด ไม่ใช่แบบสัมผัส) และติดตั้ง ระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ขั้นสูง (Advanced Driver Assistance System) เวอร์ชั่นล่าสุดอีกด้วย

 

ขุมพลังของ Mazda CX-5

     ในช่วงเปิดตัว All-New CX-5 จะมาพร้อมเครื่องยนต์เบนซิน Skyactiv-G 2.5 ลิตร ไร้ระบบอัดอากาศ ให้กำลัง 187 แรงม้า แรงบิด 185 ปอนด์-ฟุต (ประมาณ 251 นิวตันเมตร) จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด และระบบขับเคลื่อนสี่ล้อเป็นมาตรฐาน และคาดว่าจะมีการเปิดตัวขุมพลัง Hybrid ใหม่สำหรับ CX-5! ใสปี 2027 โดยจะใช้เครื่องยนต์ใหม่ "Skyactiv-Z" ซึ่งแตกต่างจาก CX-50 ที่ใช้ระบบไฮบริดของ Toyota โดย Mazda การันตีว่าเครื่องยนต์ใหม่นี้จะมีประสิทธิภาพเชิงความร้อนสูงกว่า และประหยัดน้ำมันกว่าเครื่องยนต์ Skyactiv-G ในปัจจุบันอย่างก้าวกระโดด

ราคาและการวางจำหน่าย

     ในส่วนของราคาจำหน่ายของ All-New 2026 Mazda CX-5 ยังไม่มีการประกาศอย่างเป็นทางการ โดยราคาในสหรัฐอเมริกาคาดว่าจะขยับขึ้นเล็กน้อยจากรุ่นปัจจุบัน ส่วนสเปคและราคาจำหน่ายอย่างเป็นทางการในประเทศไทย แฟนๆ Mazda คงต้องรอการประกาศจากตัวแทนจำหน่ายกันอีกครั้ง

 

รูปภาพเพิ่มเติม

https://www.sanook.com/auto/95904/gallery/

 

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com

.

.

.

.

_____________________________________

เราคือตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ

เทอร์โบแท้

IHI TURBO 🇯🇵

GARRETT 🇺🇸

MITSUBISHI TURBOCHARGER 🇯🇵

ซื้อกับเราได้สินค้าแท้100%

คุ้มค่ากว่า ใช้งานได้ในระยะยาว

สบายใจกว่า เทอร์โบแท้รับประกันสินค้ายาวนาน

บริการหลังการขายที่ยอดเยี่ยม

โดยทีมงานมืออาชีพ ผู้มีประสบการณ์มากกว่า 24 ปี”

สั่งอะไหล่กับเรา "ออกใบกำกับภาษี" ได้

พร้อมบริการการดูแลหลังการขายตลอดอายุการใช้งาน

⚙️เข้าชมสินค้าทั้งหมดในเว็บไซต์

คลิก: www.sqdparts.com

⚙️สั่งซื้อทางเพจ

คลิก: m.me/sqdparts

⚙️สั่งซื้อผ่านไลน์

คลิก: https://liff.line.me/1645278921-kWRPP32q/?accountId=sqdparts

คลิกYoutube : https://bit.ly/3IAJstu

คลิกTiktok : https://bit.ly/3bXmLmN

คลิกInstagram : https://bit.ly/3AFxMDx

เขียนโดย sqdparts เมื่อ Fri 25 Jul, 2025
อ่านต่อ

     หากคุณขับรถเวลาที่ฝนตกและมองทางไม่เห็น จะเห็นว่ารถหลายๆ คันเปิดไฟสีแดงสว่างจ้ากว่าไฟหรี่ที่ท้ายรถ แม้ในยามค่ำคืนที่ท้องฟ้าแจ่มใสหรือฝนตกเพียงปรอยๆ จนเกิดคำถามในใจว่า "ไฟดวงนั้นคืออะไร?" และ "เขาเปิดทำไม?" ไฟดวงนั้นคือ "ไฟตัดหมอกหลัง" (Rear Fog Light) ซึ่งเป็นอุปกรณ์ความปลอดภัยที่มีประโยชน์มหาศาลหากใช้ถูกที่ถูกเวลา แต่ก็จะกลายเป็นตัวร้ายสร้างความรำคาญและอันตรายได้ทันทีหากเปิดใช้พร่ำเพรื่อ วันนี้ เราจะมาเจาะลึกกันให้ชัดๆ ว่าไฟตัดหมอกหลังควรใช้เมื่อไหร่ถึงจะถูกต้องตามกฎหมาย ปลอดภัย และแสดงถึงการเป็นผู้ขับขี่ที่มีน้ำใจต่อเพื่อนร่วมทาง

 

รู้จัก ไฟตัดหมอกหลัง

     ก่อนอื่นต้องเข้าใจว่า ไฟตัดหมอกหลังนั้นไม่ใช่ไฟประดับหรือไฟหรี่ มันคือโคมไฟสีแดงที่ถูกออกแบบมาให้มีความเข้มของแสง สูงกว่าไฟท้ายและไฟเบรกปกติหลายเท่าตัว จุดประสงค์เดียวของมันคือ "การทำให้รถคันหลังมองเห็นรถของเราได้อย่างชัดเจนจากระยะไกล ในสภาวะที่ทัศนวิสัยเลวร้ายอย่างรุนแรง" บางคันจะอยู่ที่ล่างจากไฟท้าย หรือ ที่กันชนก็มี

กฎหมายว่าอย่างไร? เปิดมั่วมีโทษปรับ

การใช้งานไฟตัดหมอกนั้นมีกฎหมายควบคุมชัดเจนตาม ประกาศกรมการขนส่งทางบก ซึ่งระบุว่า

     ผู้ขับขี่สามารถใช้ไฟตัดหมอกได้ต่อเมื่อรถวิ่งอยู่ในสภาวะที่ทัศนวิสัยไม่ดี อันเนื่องมาจาก หมอก, ควัน, ฝุ่น หรือฝนตกหนัก จนไม่สามารถมองเห็นวัตถุในระยะ 150 เมตรได้ หากเจ้าหน้าที่พบเห็นการเปิดใช้งานโดยไม่มีเหตุอันควร ถือเป็นความผิดตาม พ.ร.บ. จราจรทางบก มีโทษปรับสูงสุด 500 บาท

เมื่อไหร่ที่ควรเปิดไฟตัดหมอกหลัง

     สำหรับการใช้งานไฟตัดหมอกหลัง จำหลักการง่ายๆ คือ "ถ้าเรามองไม่เห็นเขา เขาก็มองไม่เห็นเรา" นี่คือเวลาที่ไฟตัดหมอกหลังจะกลายมาเป็นฮีโร่ช่วยชีวิตเช่น

  1. ฝนตกหนักเป็นม่าน: ไม่ใช่แค่ฝนตกธรรมดา แต่ต้องเป็นระดับที่ฝนเทลงมาอย่างหนักจนเป็นเหมือนม่านน้ำบดบังทัศนวิสัย จนคุณ มองไม่เห็นไฟท้ายของรถคันหน้าในระยะปกติ หรือรู้สึกว่าการมองทางข้างหน้าเป็นไปได้ยากลำบากมาก
  2. หมอกลงจัด: สถานการณ์คลาสสิก โดยเฉพาะเมื่อขับรถขึ้นเขา, ผ่านพื้นที่ป่า หรือในช่วงเช้ามืดที่อากาศชื้นแล้วเจอหมอกลงหนาทึบจนมองเห็นได้เพียงไม่กี่สิบเมตรข้างหน้า
  3. ควันหรือฝุ่นหนาทึบ: เช่น ขับผ่านบริเวณที่มีไฟป่าข้างทาง หรือในพื้นที่ก่อสร้างที่มีฝุ่นตลบหนาแน่นจนบดบังการมองเห็น

สถานการณ์ที่ต้อง ปิดทันที! ก่อนจะสร้างอันตราย

     เมื่อรู้แล้วว่าต้องเปิดตัวไฟตัดหมอกหลังตอนไหน เรามารู้กับช่วงที่ไม่ควรเปิดไฟตัดหมอกหลังบ้างว่าเมื่อไหร่ไม่ควรเปิด

  1. เมื่อทัศนวิสัยดีขึ้น: ทันทีที่ฝนเริ่มซาลง หมอกเริ่มจาง หรือขับพ้นจากกลุ่มควัน/ฝุ่นแล้ว คุณต้องปิดไฟตัดหมอกหลังทันที เพราะความจำเป็นในการใช้งานได้หมดไปแล้ว
  2. เมื่อมีรถมาจ่อท้าย: นี่คือข้อที่สำคัญที่สุด! หากมีรถขับตามหลังคุณในระยะกระชั้นชิด ให้รีบปิดไฟตัดหมอกหลังทันที เพราะแสงที่สว่างจ้าจะพุ่งเข้าตาคนขับคันหลังเต็มๆ ทำให้ตาพร่ามัว, เกิดความรำคาญ และที่อันตรายที่สุดคือ เขาอาจแยกไม่ออกว่าไฟเบรกของคุณสว่างขึ้นมาเมื่อไหร่ ซึ่งเสี่ยงต่อการถูกชนท้ายอย่างมาก
  3. เมื่อการจราจรติดขัดในเมือง: ในสภาวะที่รถติดและเคลื่อนตัวช้าๆ ต่อให้ฝนจะตกหนักแค่ไหน ก็ไม่มีความจำเป็นต้องเปิดไฟตัดหมอกหลัง เพราะรถทุกคันอยู่ในระยะที่มองเห็นกันได้ชัดเจนอยู่แล้ว การเปิดไฟในสถานการณ์นี้มีแต่จะสร้างความรำคาญให้รถคันหลัง

 

     ดังนั้นต้องบอกว่าไฟตัดหมอกหลังคืออุปกรณ์ความปลอดภัยชั้นเยี่ยมที่ถูกติดตั้งมาเพื่อช่วยชีวิตในยามคับขัน เช่นเกิดหมอกลงหนัก, ฝนตกหนักจนไม่สามารถมองทางเห็น ไม่ใช่ของตกแต่งเพื่อความสวยงาม การใช้งานอย่างถูกกาลเทศะไม่เพียงแต่จะช่วยให้คุณขับขี่ได้อย่างปลอดภัยและไม่ผิดกฎหมาย แต่ยังเป็นการแสดงออกถึงความมีน้ำใจและเคารพสิทธิ์ของเพื่อนร่วมทางบนท้องถนนอีกด้วย รับรองใช้เเป็นสร้างความปลอดภัย ไม่รบกวนเพื่อนๆ นะครับ

 

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com

.

.

.

.

_____________________________________

เราคือตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ

เทอร์โบแท้

IHI TURBO 🇯🇵

GARRETT 🇺🇸

MITSUBISHI TURBOCHARGER 🇯🇵

ซื้อกับเราได้สินค้าแท้100%

คุ้มค่ากว่า ใช้งานได้ในระยะยาว

สบายใจกว่า เทอร์โบแท้รับประกันสินค้ายาวนาน

บริการหลังการขายที่ยอดเยี่ยม

โดยทีมงานมืออาชีพ ผู้มีประสบการณ์มากกว่า 24 ปี”

สั่งอะไหล่กับเรา "ออกใบกำกับภาษี" ได้

พร้อมบริการการดูแลหลังการขายตลอดอายุการใช้งาน

⚙️เข้าชมสินค้าทั้งหมดในเว็บไซต์

คลิก: www.sqdparts.com

⚙️สั่งซื้อทางเพจ

คลิก: m.me/sqdparts

⚙️สั่งซื้อผ่านไลน์

คลิก: https://liff.line.me/1645278921-kWRPP32q/?accountId=sqdparts

คลิกYoutube : https://bit.ly/3IAJstu

คลิกTiktok : https://bit.ly/3bXmLmN

คลิกInstagram : https://bit.ly/3AFxMDx

เขียนโดย sqdparts เมื่อ Fri 25 Jul, 2025
อ่านต่อ

     สำหรับคนที่รักรถและชอบรถให้ดูสะอาด การล้างรถและจัดการเกี่ยวกับภายในอาจจะเป็นเรื่องที่หลายคนทำประจำ แต่การล้างรถอย่างเดียวอาจจะไม่พอ จนทำให้มีร้านประเภท "Car Detailing" ที่ได้ยินบ่อยๆ นั้นแตกต่างกันอย่างไร? และเมื่อไหร่ที่รถของคุณต้องการการดูแลที่ลึกซึ้งกว่าการล้างธรรมดา? และมันดีอย่างไร เราพาคุณไปหาคำตอบ

 

ล้างรถแบบ Car Detailing คืออะไร

Car Detailing หรือที่บางคนเรียกว่า "การดีเทลลิ่งรถ" คือการทำความสะอาด ฟื้นฟู และปกป้องรถยนต์อย่างละเอียดในทุกซอกทุกมุม ตั้งแต่ภายนอกจรดภายใน รวมถึงห้องเครื่องยนต์ (แล้วแต่แพ็กเกจ) โดยใช้อุปกรณ์ น้ำยา และเทคนิคเฉพาะทางระดับมืออาชีพ เพื่อให้รถกลับมาดูใหม่ สะอาดหมดจด และได้รับการปกป้องสูงสุด

 

ขั้นตอน Car Detailing โดยทั่วไปจะครอบคลุม

  • ทำความสะอาดภายนอกอย่างละเอียด: รวมถึงการล้างด้วยเทคนิคที่ลดการเกิดรอย (เช่น Two-Bucket Method), การขจัดคราบฝังแน่น (ยางมะตอย, มูลนก, คราบน้ำ), การใช้ดินน้ำมัน (Clay Bar) เพื่อดึงสิ่งสกปรกออกจากชั้นผิวสี, การขัดสีเพื่อลบรอยขนแมวและเพิ่มความเงา, การลงแว็กซ์/ซีลแลนท์ หรือเคลือบเซรามิก/แก้ว เพื่อปกป้องผิวสี
  • ทำความสะอาดภายในอย่างละเอียด: ดูดฝุ่น พรม เบาะ อย่างหมดจด, ทำความสะอาดและบำรุงรักษาคอนโซล แผงประตู ช่องแอร์ และเบาะ (ไม่ว่าจะเป็นผ้าหรือหนัง) รวมถึงการกำจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์
  • ทำความสะอาดล้อและซุ้มล้อ: ขจัดคราบเบรก สิ่งสกปรกที่ฝังแน่น

 

ข้อดีของ Car Detailing

  • สะอาดหมดจดทุกซอกทุกมุม: รถจะดูใหม่เอี่ยมทั้งภายนอกและภายใน ไม่มีคราบสกปรกหรือฝุ่นตกค้าง
  • ฟื้นฟูสภาพรถ: ช่วยให้รถที่ใช้งานมานาน หรือมีปัญหาสีหมอง รอยขนแมว กลับมาเงางามเหมือนวันแรกที่ออกจากโชว์รูม
  • ปกป้องผิวรถในระยะยาว: การเคลือบต่างๆ ช่วยสร้างชั้นป้องกันให้กับสีรถจากแสงแดด รังสี UV มลภาวะ และทำให้การล้างทำความสะอาดในครั้งถัดไปง่ายขึ้น
  • เพิ่มมูลค่ารถ: หากคุณมีแผนจะขายรถในอนาคต การทำ Detailing จะช่วยเพิ่มมูลค่าและทำให้รถดูน่าสนใจยิ่งขึ้น
  • แก้ปัญหาเฉพาะจุด: สามารถจัดการกับปัญหาสีรถ เช่น รอยขนแมว คราบน้ำฝังแน่น ที่การล้างปกติไม่สามารถทำได้

ข้อสังเกตของ Car Detailing

เมื่อเรารู้ข้อดีกันไปแล้ว แต่ข้อสังเกตก็คือแน่นอนว่าการล้างแบบนี้จะใช้เวลาเพราะแต่ละ ขั้นตอนละเอียดทำให้ต้องใช้เวลาหลายชั่วโมง หรืออาจถึงหนึ่งวันเต็ม ส่งผลให้มีค่าใช้จ่ายที่สูงกว่าการล้างรถปกติมาก เนื่องจากความละเอียดของขั้นตอน, อุปกรณ์, และน้ำยาที่ใช้ และการทำ Detailing ที่ดีต้องอาศัยช่างที่มีความรู้ ประสบการณ์ และใช้อุปกรณ์/น้ำยาที่มีคุณภาพ หากเลือกร้านไม่ดี อาจเกิดความเสียหายต่อรถได้

 

ควรต้องล้างบ่อยไหม

สำหรับการทำ Car Deailing ใช้คำว่า สามาระทำบ่อยก็ได้ถ้ามีเงิน และเวลา แค่ล้างรถหลังจากไปลุยฝนมาก็เพียงพอ แต่ถ้านานๆ ทำแบบชุดใหญ่หรือรถของคุณเป็นสีพิเศษและต้องการความเงาการทำ Car Detailing เป็นอีกทางเลือกที่ดีเช่นเดียวกัน

 

     ดังนั้นการทำ Car Detailing ถือเป็นการลงทุนเพื่อบำรุงรักษาสภาพรถยนต์ในระยะยาว ซึ่งจะช่วยรักษามูลค่าของรถ และทำให้คุณขับขี่รถคันโปรดได้อย่างภาคภูมิใจในความสะอาดและเงางามสูงสุดครับ

 

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com

.

.

.

.

_____________________________________

เราคือตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ

เทอร์โบแท้

IHI TURBO 🇯🇵

GARRETT 🇺🇸

MITSUBISHI TURBOCHARGER 🇯🇵

ซื้อกับเราได้สินค้าแท้100%

คุ้มค่ากว่า ใช้งานได้ในระยะยาว

สบายใจกว่า เทอร์โบแท้รับประกันสินค้ายาวนาน

บริการหลังการขายที่ยอดเยี่ยม

โดยทีมงานมืออาชีพ ผู้มีประสบการณ์มากกว่า 24 ปี”

สั่งอะไหล่กับเรา "ออกใบกำกับภาษี" ได้

พร้อมบริการการดูแลหลังการขายตลอดอายุการใช้งาน

⚙️เข้าชมสินค้าทั้งหมดในเว็บไซต์

คลิก: www.sqdparts.com

⚙️สั่งซื้อทางเพจ

คลิก: m.me/sqdparts

⚙️สั่งซื้อผ่านไลน์

คลิก: https://liff.line.me/1645278921-kWRPP32q/?accountId=sqdparts

คลิกYoutube : https://bit.ly/3IAJstu

คลิกTiktok : https://bit.ly/3bXmLmN

คลิกInstagram : https://bit.ly/3AFxMDx

เขียนโดย sqdparts เมื่อ Wed 23 Jul, 2025
อ่านต่อ
แสดง รายการ
ร้านค้าออนไลน์ และ ขายของออนไลน์ โดย © 2006-2025 Vevo Systems Co., Ltd.