×
หน้าหลัก > บทความประจำเดือน June 2023
บทความประจำเดือน June 2023
แสดง รายการ

หลักการทำงานของ Turbocharger

     เทอร์โบชาร์จเจอร์นั้น เป็นระบบกลไกที่ใช้หลักกลศาสตร์ในการทำงาน โดยมีแกนใบพัดอยู่ 1 แกน ที่มีใบพัดติดอยู่ด้านปลาย 2 ด้าน โดยด้านหนึ่งถูกเรียกว่าเทอร์ไบน์ เป็นใบพัดที่คอยรับลมไอเสีย และแกนอีกด้านเรียกว่า คอมเพรสเซอร์ จะเป็นใบพัดที่ทำหน้าที่อัดไอดีเข้าสู่ห้องจุดระเบิด โดยทั้ง 2 ใบพัดจะทำงานด้วยการหมุนไปพร้อมกัน ตัวเทอร์โบจะถูกติดตั้งให้รับไอเสียที่มาจากห้องจุดระเบิด เมื่อไอเสียวิ่งผ่านตัวใบพัดเทอร์ไบน์ ตัวแกนที่เชื่อมกันอยู่ตรงกลางก็จะหมุนใบพัดคอมเพรสเซอร์ให้ทำงานด้วย โดยคอมเพรสเซอร์จะดูอากาศไอดีจากภายนอก ส่งเข้าสู่ห้องจุดระเบิด เมื่อห้องจุดระเบิดมีอากาศหรือออกซิเจนที่ช่วยเผาไหม้มากกว่าเดิม ตัวสมองกลก็จะจ่ายเชื้อเพลิงในแต่ละรอบการจุดระเบิดได้มากขึ้น พลังงานจึงมีมากขึ้นนั่นเอง

Turbocharger มีหลายแบบ

     ระบบอัดอากาศหรือเทอร์โบ ในสมัยก่อนก็จะมีรูปแบบเดียวนั่นคือใบพัดแบบคงที่ หมายถึงความสามารถในการรับลมเพื่อหมุนของกังหันเทอร์ไบน์นั้นจะมีค่าเดียว เช่นถ้ามีการหันกังหันให้เริ่มหมุนทำงานที่ 1,000 รอบ/นาที ก็จะเป็นค่านี้ตลอดการทำงาน ซึ่งหมายความว่า ถ้ารอบต่ำกว่านี้ เทอร์โบก็จะยังไม่หมุน เครื่องยนต์ก็ยังไม่สามารถเพิ่มพลังงานให้มากกว่าเดิมได้นั่นเอง จึงทำให้เครื่องยนต์เกิดอาการที่เรียกว่า รอรอบ เพราะถ้ารอบยังไม่ถึงที่กำหนด แรงม้าก็ไม่มากเท่าที่ต้องการ แต่ถ้าจะตั้งค่าเทอร์ไบน์ให้หมุนตั้งแต่เริ่มแรกในรอบต่ำ เมื่อถึงรอบสูง เทอร์โบจะเป็นตัวที่ระบบายไอเสียได้ไม่ทันการทำงาน ก็จะทำให้กำลังตกไปช่วงรอบสูงนั่นเอง

     ในปัจจุบันเพื่อแก้ปัญหาอาการรอรอบ จึงได้มีการคิดค้นระบบเทอร์โบแปรผัน ซึ่งแต่ละค่ายรถยนต์ก็เรียกระบบนี้ที่แตกต่างกันไป ทั้ง VGS Turbo, VG Turbo, VNT Turbo เป็นต้น หลักการทำงานก็คือ จะมีชิ้นส่วนที่เรียกว่าครีบ ที่จะคอยบังคับทิศทางลมให้เป่าตัวใบพัดเทอร์ไบน์ ตัวครีบจะปรับองศาได้ด้วยระบบกลไกไฟฟ้า โดยในรอบต่ำ ครีบจะหันตัวเข้าบีบลมให้ผ่านช่องเล็กๆ เพื่อให้ใบพัดเทอร์ไบน์สามารถทำงานได้ในรอบต่ำ ทำให้แกนสามารถไปหมุนใบพัดคอมเพรสเซอร์อัดอากาศเข้าห้องจุดระเบิด แต่ถ้ารอบเริ่มสูงเมื่อไหร่ ระบบกลไกไฟฟ้าจะปรับตัวครีบให้กว้างขึ้น เพื่อให้ลมผ่านไปพัดตัวใบพัดเทอร์ไบน์ได้โดยตรงมากกว่าเดิม อากาศสามารถผ่านตัวใบพัดได้มากขึ้น เพื่อให้การทำงานอัดอากาศและระบายไอเสียสมดุลทั้งขาเข้าและขาออกนั่นเอง ซึ่งปัจจุบันส่วนใหญ่เทอร์โบระบบแปรผันนี้ นิยมใส่มาเป็นระบบมาตรฐานในเครื่องยนต์ดีเซลบนรถกระบะหรือ PPV เกือบทั้งหมดแล้ว ข้อเสียของเทอร์โบแปรผันก็คือ มีค่าตัวที่สูงกว่า และการดูแลรักษายุ่งยากกว่าแบบเดิมพอสมควร

     จริงๆแล้วจะยังมีเทอร์โบแบบ Twin Turbo และ Bi-Turbo หรือเทอร์โบ 2 ลูกที่ทำงานพร้อมกันอีก แถมยังมีการทำงานแบบแยกกันอิสระและแบบทำงานร่วมกันอีก แต่จะขอยกยอดเอาไว้เป็นอีกบทความแล้วกันครับ เพราะค่อนข้างจะยาวอยู่พอสมควร

 

แล้ว Supercharger ล่ะ ทำงานต่างกันมากมั้ย?

     หลังจากเข้าใจระบบการทำงานของระบบอัดอากาศเบื้องต้น และรู้หลักการทำงานของ Turbocharger แล้ว เราก็มาทำความรู้จักกับระบบอัดอากาศอีกแบบที่เรียกว่า Supercharger กันต่อเลย ถ้าเราเคยดูหนังเรื่อง Mad Max ในเวอร์ชั่นที่ยังเป็น เมล กิบสัน อยู่ เราก็จะเห็นตัวเทอร์โบที่โล่ออกมาที่ฝากระโปรง เมื่อต้องการพลังของเครื่องยนต์เมื่อไหร่ Max ก็จะกดปุ่มเพื่อให้เทอร์โบหมุน จนได้กำลังที่แรงจนไล่ตามตัวร้ายได้ทันนั่นเอง ซึ่งระบบการทำงานของ Supercharger ก็แบบนี้แหล่ะ เพียงแต่ว่าในหนังจะทำงานโดยใช้มอเตอร์ไปหมุนตัว Supercharger เมื่อต้องการ แต่การทำงานของระบบอัดอากาศแบบนี้ในปัจจุบัน จะเปลี่ยนการหมุนในระบบ Turbo ปกติที่ใช้ไอเสียในการหมุนใบพัดเทอร์ไบน์ ก็เปลี่ยนเป็นตัวพูลเล่ย์ที่ใช้คล้องสายพานหรือโซ่ รับกำลังจากข้อเหวี่ยงของเครื่องยนต์โดยตรง หมายความว่า เครื่องยนต์หมุนไปกี่รอบ Supercharger ก็จะหมุนตามไปด้วยตลอดนั่นเอง โดยแกนของพูลเล่ย์ก็จะเชื่อมต่อกับใบพัดอีกชุด ที่ทำหน้าที่ในการอัดอากาศเข้าไปในห้องเผาไหม้เหมือนกับเทอร์โบปกติเลย ส่วนใหญ่รถที่ติดตั้งระบบอัดอากาศแบบ Supercharger นั้น มักจะเป็นพวกรถ Drag ที่ต้องการใช้ความแรงตั้งแต่เริ่มเครื่องยนต์หมุน (รถของดอมใน F&F ก็ใช้ระบบนี้เช่นกัน) เพราะข้อดีของระบบนี้คือไม่ต้องรอรอบ ระบบอัดอากาศหมุนทำงานตั้งแต่รอบแรกเลย ข้อเสียของระบบนี้คือ มีการสูญเสียพละกำลังบางส่วนเพื่อนำไปหมุนสายพานที่เพิ่มมาอีกเส้น ทำให้การสิ้นเปลืองน้ำมันมีมากกว่านั่นเอง

 

     หลักการอัดอากาศของทั้ง Turbocharger กับ Supercharger นั้น ปลายทางที่ต้องการเหมือนกันคือ ต้องการพละกำลังจากเครื่องยนต์ให้มากกว่าเดิม ถ้าเป็นเครื่องยนต์มาตรฐานที่ติดตั้งมาจากโรงงานก็ไม่เท่าไหร่ แต่ถ้าเป็นการติดเพิ่มเติมจากของเดิม อาจจะต้องตัดสินใจให้ดี เพราะข้อดี-ข้อเสีย และงบประมาณในการติดตั้งของทั้ง 2 แบบก็แตกต่างกันไป อยู่ที่ว่า ต้องการเอาไปใช้แบบไหน ในรถแบบไหนเท่านั้นเองครับ

 

ขอบคุณข้อมูลจาก autodeft.com

.

.

.

.

_____________________________________

เราคือตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ

เทอร์โบแท้

IHI TURBO 🇯🇵

GARRETT 🇺🇸

ซื้อกับเราได้สินค้าแท้100%

คุ้มค่ากว่า ใช้งานได้ในระยะยาว

สบายใจกว่า เทอร์โบแท้รับประกันสินค้ายาวนาน

บริการหลังการขายที่ยอดเยี่ยม

โดยทีมงานมืออาชีพ ผู้มีประสบการณ์มากกว่า 24 ปี”

สั่งอะไหล่กับเรา "ออกใบกำกับภาษี" ได้

พร้อมบริการการดูแลหลังการขายตลอดอายุการใช้งาน

⚙️เข้าชมสินค้าทั้งหมดในเว็บไซต์

คลิก: www.sqdparts.com

⚙️สั่งซื้อทางเพจ

คลิก: m.me/sqdparts

⚙️สั่งซื้อผ่านไลน์

คลิก: https://liff.line.me/1645278921-kWRPP32q/?accountId=sqdparts

คลิกYoutube : https://bit.ly/3IAJstu

คลิกTiktok : https://bit.ly/3bXmLmN

คลิกInstagram : https://bit.ly/3AFxMDx

เขียนโดย sqdparts เมื่อ Mon 26 Jun, 2023
อ่านต่อ

ข้อดีของเทอร์โบชาร์จเจอร์

     เทอร์โบชาร์จเจอร์มีข้อดีห้าประการ:

1. เพิ่มกำลังของเครื่องยนต์ ในกรณีที่เครื่องยนต์เคลื่อนที่อย่างต่อเนื่องเครื่องยนต์สามารถฉีดเชื้อเพลิงได้มากขึ้นซึ่งจะเป็นการเพิ่มกำลังของเครื่องยนต์ พลังและแรงบิดของเครื่องยนต์หลังจากเทอร์โบชาร์จเจอร์เพิ่มขึ้น 20% ถึง 30% ในทางกลับกันภายใต้ข้อกำหนดกำลังไฟฟ้าเดียวกันกระบอกสูบของเครื่องยนต์สามารถลดลงได้และขนาดและน้ำหนักของเครื่องยนต์จะลดลง

2. ปรับปรุงการปล่อยเครื่องยนต์ เครื่องยนต์เทอร์โบชาร์จเจอร์ช่วยลดการกำจัดของชิ้นส่วนที่เป็นอันตรายเช่นฝุ่นละอองและไนโตรเจนออกไซด์ในไอเสียของเครื่องยนต์โดยการปรับปรุงประสิทธิภาพการเผาไหม้ของเครื่องยนต์ มันเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับเครื่องยนต์ดีเซลเพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐานการปล่อยไอเสียยูโร 2

3. จัดทำฟังก์ชันการชดเชยความสูง ในบางพื้นที่ที่มีระดับความสูงที่สูงกว่าอากาศที่สูงขึ้นทินเนอร์เครื่องยนต์ที่มีเทอร์โบชาร์จเจอร์จะสามารถเอาชนะกำลังที่ลดลงของเครื่องยนต์ที่เกิดจากอากาศบางของที่ราบสูง

4. ปรับปรุงการประหยัดเชื้อเพลิงและลดการใช้เชื้อเพลิง เนื่องจากเครื่องยนต์ที่มีเทอร์โบชาร์จเจอร์มีประสิทธิภาพการเผาไหม้ที่ดีกว่าจึงสามารถประหยัดเชื้อเพลิงได้ 3% -5% ของเชื้อเพลิง

5 มีความน่าเชื่อถือสูงและลักษณะการจับคู่ที่ดีลักษณะการตอบสนองชั่วคราวสูง

 

ข้อเสียของเทอร์โบชาร์จเจอร์

     ข้อเสียของเทอร์โบชาร์จเจอร์คือฮิสเทรีซีสคือความเฉื่อยของใบพัดจะทำปฏิกิริยาช้าๆกับการเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลันของเค้นซึ่งทำให้เครื่องยนต์หน่วงเวลาเพื่อเพิ่มหรือลดกำลังขับ นี่เป็นเพียงเล็กน้อยสำหรับรถยนต์ที่เร่งความเร็วหรือแซงทันใด ความรู้สึกของ

 

ขอบคุณข้อมูลจาก th.dieselgensetparts.com

.

.

.

.

_____________________________________

เราคือตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ

เทอร์โบแท้

IHI TURBO 🇯🇵

GARRETT 🇺🇸

ซื้อกับเราได้สินค้าแท้100%

คุ้มค่ากว่า ใช้งานได้ในระยะยาว

สบายใจกว่า เทอร์โบแท้รับประกันสินค้ายาวนาน

บริการหลังการขายที่ยอดเยี่ยม

โดยทีมงานมืออาชีพ ผู้มีประสบการณ์มากกว่า 24 ปี”

สั่งอะไหล่กับเรา "ออกใบกำกับภาษี" ได้

พร้อมบริการการดูแลหลังการขายตลอดอายุการใช้งาน

⚙️เข้าชมสินค้าทั้งหมดในเว็บไซต์

คลิก: www.sqdparts.com

⚙️สั่งซื้อทางเพจ

คลิก: m.me/sqdparts

⚙️สั่งซื้อผ่านไลน์

คลิก: https://liff.line.me/1645278921-kWRPP32q/?accountId=sqdparts

คลิกYoutube : https://bit.ly/3IAJstu

คลิกTiktok : https://bit.ly/3bXmLmN

คลิกInstagram : https://bit.ly/3AFxMDx

เขียนโดย sqdparts เมื่อ Mon 26 Jun, 2023
อ่านต่อ

     เรามาทำความรู้จักกับอุปกรณ์ช่วยในเรื่องการเพิ่มแรงม้าและพลังของเครื่องยนต์แบบเป็นตัวเป็นตนกันบ้างดีกว่า ถ้าหากเป็นบุคคลที่คร่ำวอด หรือ รักการแต่งรถ หรือ โมดิฟายเครื่องยนต์แล้ว ถ้าพูดถึงคำว่า ระบบอัดอากาศ ย่อมรู้จักเป็นอย่างดี แต่ในวันนี้ บทความนี้ เราจะมาทำให้บุคคลที่ใช้รถโดยทั่วไป ที่ไม่รู้จักกับคำว่า ระบบอัดอากาศ ได้รู้จักกับคำว่า ระบบอัดอากาศไปพร้อมๆ กัน

     ในยุคสมัยนี้ ระบบอัดอากาศเข้ามามีบทบาทและอยู่ใกล้ตัวเรามากขึ้น เพราะรถยนต์ในสมัยนี้ เรียกว่าออกจากโรงงานมาได้ถูกติดตั้งระบบอัดอากาศมาพร้อมแล้วหลากหลายรุ่น ไม่ว่าจะเป็นรถในสัญชาติ ไทย / ญี่ปุ่น / ยุโรป / เยอรมัน จะชาติไหนก็แล้วแต่ระบบอัดอากาศนี้เข้ามามีบทบาทมากจริงๆ เพราะมันเป็นสิ่งที่เพิ่ม สมรรถนะของรถยนต์คันนั้นๆ ได้เป็นอย่างดีไม่ว่ารถยนต์คันนั้น พื้นฐานเครื่องยนต์ จะเป็นแบบเครื่องยนต์ เบนซิน หรือ ดีเซล ก็ตาม

     ซึ่งถ้าเอาง่ายๆ เลย ถ้าเอ่ยถึงรถกระบะเครื่องยนต์ดีเซลคอมมอลเรล แล้วล่ะก็ บอกได้เลย รถกระบะคันนั้น มีการติดตั้งระบบ Turbo chargersจากโรงงานมาเป็นที่เรียบร้อย หรือ ถ้าสังเกตรถยนต์สุดหรูในแนวผู้ดีอย่าง เมอร์ซิเดส เบนซ์ อาจเคยได้ยินชื่อรุ่นลงท้ายว่า คอมเพรสเซอร์ นั่นก็หมายความว่า รถคันนั้นถูกติดตั้งระบบอัดอากาศในรูปแบบ Supercharger มาจากโรงงานแล้วเช่นกัน

     Turbo chargers (เทอร์โบ ชาร์จเจอร์) คือระบบอัดอากาศ ที่มีหน้าตาคล้ายๆ ก้นหอย 2 ตัวประกบเข้าหากัน โดย มีช่องทาง อากาศเข้า, ไอเสียเข้า , อากาศที่ถูกอัดเพิ่มแรงออก, ไอเสียที่ใช้งานออก แล้วมีแกนใบพัดที่ถูกติดตั้งทั้งใน โข่งหน้าและโข่งหลังบนแกนเดียวกัน เพื่อเป็นการปั่นพลังสร้างแรงลมเข้าสู่ห้องเผาไหม้ ให้กับเครื่องยนต์ เพื่อใช้เพิ่มแรงในการจุดระเบิดได้มากขึ้น

     Supercharger (ซุปเปอร์ ชาร์จเจอร์) ก็คือ ระบบอัดอากาศอีกรูปแบบหนึ่งที่ทำหน้าที่เหมือนกับ เทอร์โบ ชาร์จเจอร์ แต่แตกต่างตรงที่หลักการทำงาน และรูปร่างหน้าตาเพียงเท่านั้น ซึ่ง ซุปเปอร์ ชาร์จเจอร์ จะถูกออกแบบมาในลักษณะที่ดูเป็นส่วนประกอบที่กลมกลืนกับเครื่องยนต์ และถูกติดตั้งบนตัวเครื่องยนต์ มีช่องทางเพื่อรับอากาศเข้า (ไอดี) และทางออกเพื่อส่งอากาศที่ถูกอัดเพิ่มอย่างมหาศาล แล้วลำเลียงผ่านท่อทางเดินผ่านลิ้นปีกผีเสื้อเข้าสู่ห้องเผาไหม้ เพื่อไปใช้ในการจุดระเบิด

      Turbo chargers มีหลักการทำงานคือ ระบบเทอร์โบชาร์จ จะใช้ไอเสียที่ผ่านการเผาไหม้เข้ามาเป็นแรงลมในการขับเคลื่อนใบพัดที่โข่งหลัง จากนั้นที่โข่งหน้าจะเป็นช่องทางที่รับอากาศเข้า (ไอดี) การทำงานของตัวเทอร์โบชาร์จ จะใช้ไอเสียเข้ามาปั่นโข่งหลังเพื่อให้แกนใบพัดที่โข่งหน้าหมุนตาม เพื่อสร้างแรงดันและดึงอากาศที่เป็นไอดีจากฝั่งขาเข้า แล้วอัดอากาศให้มีปริมาณที่มากขึ้น จากนั้นอากาศจะถูกลำเลียงผ่านท่อทางเดิน โดยกลางทางจะผ่านอุปกรณ์ที่เรียกว่า อินเตอร์คูลเลอร์ เพื่อทำความเย็นให้กับอากาศ จากนั้นจะเดินทางผ่านอุปกรณ์ที่ป้องกันการเสียหายของเทอร์โบ ที่เรียกว่า โบล์วออฟวาล์ว จากนั้นอากาศที่ถูกเพิ่มแรงดันอย่างมหาศาลก็จะเดินทางผ่านเข้าไปยังลิ้นปีกผีเสื้อ เข้าสู่ท่อรวมไอดีแล้วถูกส่งเข้าสู่ห้องเผาไหม้เพื่อใช้ในการจุดระเบิดของเครื่องยนต์ จากนั้นอากาศที่ถูกผลักเข้าไปก็จะคายออกมาในรูปแบบไอเสีย .. ซึ่งไอเสียเหล่านั้นจะถูกวนกลับมาใช้งานในการปั่นที่โข่งหลังต่อ ส่วนไอเสียส่วนเกินก็จะถูกส่งออกมาทางท่อไอเสียท้ายรถเรา นี่คือ วัฐจักร หรือรูปแบบการทำงานของระบบ เทอร์โบชาร์จเจอร์ นั่นเอง

     Supercharger มีหลักการทำงานที่แตกต่างจาก Turbo chargers คือ ซุปเปอร์ชาร์จ จะสร้างแรงลมเพื่ออัดอากาศเข้าสู่ห้องเผาไหม้ โดยการใช้สายพานลากกำลังมาจากมู่เล่ ข้อเหวี่ยงหน้าเครื่อง (เหมือนกับสายพานไดร์ชาร์จ / คอมฯแอร์ นั่นหล่ะ) .. เพื่อมาหมุนระบบการทำงานภายใน ซุปเปอร์ ชาร์จเจอร์ เพื่อสร้างแรงลมนั่นเอง จากนั้นอากาศที่ถูกสร้างก็จะลำเลียงเดินทางผ่าท่ออากาศ ผ่านอินเตอร์คูลเลอร์ตามลำดับ เพื่อส่งเข้าสู่ห้องเผาไหม้

 

       ซึ่งระบบ ซุปเปอร์ ชาร์จเจอร์ นี้จะแตกต่างจาก เทอร์โบชาร์จเจอร์ ที่ชัดเจน คือ

เทอร์โบชาร์จเจอร์ ใช้ไอเสียมาปั่นแกนใบพัดเพื่อสร้างแรงดันอากาศ

ซุปเปอร์ชาร์จเจอร์ ใช้กำลังจากเครื่องยนต์ผ่านสายพานหน้าเครื่อง มาใช้ในการขับเคลื่อนระบบกลไกในตัว ซุปเปอร์ชาร์จเจอร์ เพื่อสร้างแรงดันอากาศ

 

     ถ้าพูดถึง เทอร์โบ หรือ ซุปเปอร์ชาร์จ ล่ะก็คันไหนที่มีย่อม เจ๋ง กว่าคันที่ไม่มีแน่ล่ะ เพราะ มันเป็นสิ่งที่ การันตี ในเรื่องของความแรงสำหรับรถคันนั้นๆ ได้เป็นอย่างดี แต่ถ้ามาเอา 2 ตัวนี้มา งัดข้อ กันเอง ระหว่าง ซุปเปอร์ชาร์จ กับ เทอร์โบ ในความรู้สึกของผู้เขียนรู้สึกว่า มันมีข้อได้เปรียบเสียเปรียบที่กินกันไม่ลงมากกว่า

ซึ่งระบบ ซุปเปอร์ ชาร์จเจอร์ เป็นระบบที่สามารถสร้างแรงและกำลังอัดที่สูงได้อย่างรวดเร็วตั้งแต่รอบเครื่องยนต์ต่ำๆ เพราะไม่จำเป็นต้องรอไอเสียเข้ามา เพียงติดเครื่องยนต์มู่เล่ หน้าเครื่องหมุนก็สามารถลากสายพานมาขับเคลื่อนกลไกภายในเพียงเท่านี้ก็สามารถสร้างกำลังอัดที่ตัวซุปเปอร์ชาร์จได้แล้ว แต่ซุปเปอร์ชาร์จ อาจเป็นรอง เทอร์โบชาร์จ ในเรื่องของความอึด ความทน ความสมบุกสมบัน บ้างเล็กน้อย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นขึ้นอยู่กับการดูแล ..เพราะหากไม่ดูแลรักษาจะใช้อะไรยังไงก็พัง ..!! ดังนั้น ถ้าต้องการตอบสนองอัตราเร่ง อย่างรวดเร็ว เรียกใช้งานกันตั้งแต่รอบเครื่องต่ำๆ ซุปเปอร์ชาร์จอาจเป็นตัวเลือกที่เหมาะกว่า

     แต่ในส่วนของเทอร์โบชาร์จ แน่นอน สิ่งที่เห็นได้ชัดเจน คือเรื่องของความอึด ความทน และ การดูแลรักษาค่อนข้างง่าย ดังนั้นเราจึงเห็นรถยนต์มีการเลือกใช้ เทอร์โบ มากกว่า ซุปเปอร์ชาร์จ แต่ข้อเสียของ เทอร์โบชาร์จ คือ การรอรอบ เพราะ ระบบเทอร์โบชาร์จ จะทำงานก็ต่อเมื่อรอบเครื่องยนต์ปล่อยไอเสียออกมาตามที่กำหนดและอยู่ในสภาวะและปริมาณอากาศที่เทอร์โบสามารถสร้างแรงดันได้ ถ้าในช่วงเวลานั้น ไอเสียไม่พอ เทอร์โบ ก็จะไม่ทำงาน จะต้องมีการรอเพื่อให้พร้อมที่จะทำงาน ซึ่งถ้ามันทำงานแล้วก็ จะมีอาการดึงแบบหลังติดเบาะขนาดไหน ก็อยู่ที่อัตราการกำหนดว่า จะให้ บูสต์ ไว้ที่ไหร่นั่นเอง และ สิ่งที่แตกต่างอย่างเห็นชัดๆ นั่นคือ ความร้อนที่ตัวเทอร์โบเอง ความร้อนที่ตัวมันเองมีมหาศาลมาก ๆ ร้อนกันแบบสุดๆ เพราะตัวมันเองเอาไอเสียเข้ามาใช้งานและ แกนใบพัดที่หมุนในความเร็วรอบแบบมหาศาล มันก็ต้องมีความร้อนจากการทำงานของตัวมันเองด้วยเช่นกัน

     ดังนั้น ระบบอัดอากาศทั้ง 2 รูปแบบนี้ มองดูแล้วข้อได้เปรียบเสียเปรียบ เมื่อนำมาพิจารณาและหักล้างกันแล้ว มันก็ เจ๋ง ด้วยกันทั้ง? 2 แบบ .. ดังนั้น?ใครจะกิน ซุปฯ หรือ ผูกโบฯ ก็เลือกใช้ให้เหมาะสมตามรูปแบบการใช้งาน หรือ ตามสไตล์ในการขับขี่ จากนั้นก็ดูแลบำรุงรักษาตามขั้นตอนที่ถูกต้อง ซึ่งทั้ง 2 ระบบอัดอากาศนี้ก็สามารถใช้งานได้อย่าง เมามันส์ แล้วล่ะคับ

     เมื่อให้ข้อมูลมาถึงตรงจุดนี้แล้วต้องมีคำถามแน่ๆ ว่า ?ถ้ารถเราเดิมๆ ไม่มีระบบอัดอากาศ..จะติดตั้งเพิ่มเติมได้หรือไม่คำตอบก็คือสามารถติดตั้งเพิ่มเติมได้ แต่มันจะจำเป็นหรือคุ้มค่าหรือไม่นั่นคือสิ่งที่เจ้าของรถต้องพิจารณาเอง เพราะอาจต้องใช้งบประมาณที่ค่อนข้างสูงในระดับหนึ่งเลย และ รถเครื่องยนต์เดิมๆ ที่ไม่มีการติดตั้งระบบอัดอากาศจากโรงงานมานั้น เครื่องยนต์ไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อรองรับกำลังอัดที่เพิ่มขึ้น ดังนั้นการติดตั้งระบบอัดอากาศเพิ่มเติมก็ต้องอาศัยช่างผู้ชำนาญในการติดตั้ง เพราะนอกจากต้องสร้างจุดยึดแล้วยังอาจต้องมีการเปลี่ยนชิ้นส่วนต่างๆภายในเครื่องยนต์ รวมถึงการปรับแต่งส่วนผสมต่างๆ ให้เหมาะสมเพื่อให้รองรับกับกำลังอัดที่เพิ่มขึ้นได้นั่นเอง

 

ขอบคุณข้อมูลจาก carvariety.com

.

.

.

.

_____________________________________

เราคือตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ

เทอร์โบแท้

IHI TURBO 🇯🇵

GARRETT 🇺🇸

ซื้อกับเราได้สินค้าแท้100%

คุ้มค่ากว่า ใช้งานได้ในระยะยาว

สบายใจกว่า เทอร์โบแท้รับประกันสินค้ายาวนาน

บริการหลังการขายที่ยอดเยี่ยม

โดยทีมงานมืออาชีพ ผู้มีประสบการณ์มากกว่า 24 ปี”

สั่งอะไหล่กับเรา "ออกใบกำกับภาษี" ได้

พร้อมบริการการดูแลหลังการขายตลอดอายุการใช้งาน

⚙️เข้าชมสินค้าทั้งหมดในเว็บไซต์

คลิก: www.sqdparts.com

⚙️สั่งซื้อทางเพจ

คลิก: m.me/sqdparts

⚙️สั่งซื้อผ่านไลน์

คลิก: https://liff.line.me/1645278921-kWRPP32q/?accountId=sqdparts

คลิกYoutube : https://bit.ly/3IAJstu

คลิกTiktok : https://bit.ly/3bXmLmN

คลิกInstagram : https://bit.ly/3AFxMDx

เขียนโดย sqdparts เมื่อ Mon 26 Jun, 2023
อ่านต่อ

     ระบบอัดอากาศ ที่มีอุปกรณ์ที่เรียกว่า เทอร์โบชาร์จเจอร์ ทำหน้าที่หลักโดยการอัดอากาศเข้าไปในห้องเผาไหม้ในเครื่องยนต์มากขึ้นกว่าการดูดเข้าแบบปกติ โดยจะมีตัวสมองกลหรือที่เราเรียกว่า ECU (Electronic Control Unit) ทำหน้าที่คำนวนสัดส่วนน้ำมันเชื้อเพลิงและอากาศให้อยู่ในสัดส่วนที่เหมาะสม เมื่อมีอากาศเข้าสู่ห้องเผาไหม้มากขึ้น ระบบ ECU ก็จะคำนวนและสั่งฉีดน้ำมันเชื้อเพลิงมากขึ้น ทำให้ได้กำลังเครื่องยนต์มากกว่าปกติ เนื่องจากการทำงานของระบบเทอร์โบชาร์จเจอร์ที่ต้องมีการอัดอากาศตลอดเวลา ทำให้แกนเทอร์โบที่อยู่ภายในมีการหมุนอยู่ที่ระดับ 200,000 รอบต่อนาที และด้วยความเร็วระดับนี้ทำให้เกิดความร้อนสะสมภายในระบบสูงถึง 1,000 องศาเซลเซียส

     จึงจำเป็นต้องให้ความสำคัญในส่วนนี้มากเป็นพิเศษ และการเลือกน้ำมันหล่อลื่นที่มีคุณภาพมาใช้งานเป็นหนึ่งสิ่งสำคัญในการลดความร้อนที่สะสมได้มาก เพราะการเลือกใช้น้ำมันเครื่องคุณภาพต่ำอาจส่งผลต่อกระทบต่อระบบเทอร์โบชาร์จเจอร์ โดยความร้อนที่สูงมากกว่า 1,000 องศาเซลเซียส จะทำให้น้ำมันเครื่องเสื่อมสภาพไวยิ่งขึ้น เกิดคราบยางเหนียวและตะกอน และเมื่อตะกอนมีการไหลเข้าไปสู่แกนเทอร์โบชาร์จเจอร์ ผ่านทางรูหรือช่องทางเดินน้ำมันซึ่งมีขนาดเล็กมาก จึงมีโอกาสสูงมากที่ตะกอนนี้ จะอุดตันช่องเดินทางน้ำมันที่ว่า เมื่อมีการอุดตันก็ทำให้ขาดการหล่อลื่น แกนเทอร์โบที่หมุดด้วยความเร็วสูงโดยปราศจากการหล่อลื่น ส่งผลให้ใหม้และขาดในที่สุด ดังนั้นการใช้น้ำมันหล่อลื่นที่เหมาะสม จะสามารถช่วยยืดอายุเทอร์โบชาร์จเจอร์และเครื่องยนต์ที่คุณรักได้

     และการเลือกใช้น้ำมันหล่อลื่นคุณภาพสูง สามารถลดปัญหาความร้อนสะสมภายในเทอร์โบได้มาก เมื่อเทอร์โบได้รับการหล่อลื่นที่ดี ก็ส่งผลดีต่อการทำงานที่เต็มประสิทธิภาพ ในขณะเดียวกันเครื่องยนต์ก็ได้รับการหล่อลื่นที่ดี หมายความว่าเครื่องยนต์ก็ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพเช่นกัน

 

ขอบคุณข้อมูลจาก http://car.boxzaracing.com/

.

.

.

.

_____________________________________

เราคือตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ

เทอร์โบแท้

IHI TURBO 🇯🇵

GARRETT 🇺🇸

ซื้อกับเราได้สินค้าแท้100%

คุ้มค่ากว่า ใช้งานได้ในระยะยาว

สบายใจกว่า เทอร์โบแท้รับประกันสินค้ายาวนาน

บริการหลังการขายที่ยอดเยี่ยม

โดยทีมงานมืออาชีพ ผู้มีประสบการณ์มากกว่า 24 ปี”

สั่งอะไหล่กับเรา "ออกใบกำกับภาษี" ได้

พร้อมบริการการดูแลหลังการขายตลอดอายุการใช้งาน

⚙️เข้าชมสินค้าทั้งหมดในเว็บไซต์

คลิก: www.sqdparts.com

⚙️สั่งซื้อทางเพจ

คลิก: m.me/sqdparts

⚙️สั่งซื้อผ่านไลน์

คลิก: https://liff.line.me/1645278921-kWRPP32q/?accountId=sqdparts

คลิกYoutube : https://bit.ly/3IAJstu

คลิกTiktok : https://bit.ly/3bXmLmN

คลิกInstagram : https://bit.ly/3AFxMDx

เขียนโดย sqdparts เมื่อ Mon 26 Jun, 2023
อ่านต่อ

ถ่ายรูปแจ้งเบาะแสรถผิดกฎหมาย กับกรมการขนส่งฯ เช่น รถควันดำ ล้อล้นออกจากตัวรถ ป้ายสีแฟนซี ฯลฯ รับส่วนแบ่งค่าปรับ 50 %

จากกระแสในโลกออนไลน์ที่มีผู้ใช้เฟศบุครายหนึ่งได้แชร์ภาพถ่ายแจ้งเบาะแสรถผิดกฎหมายกับกรมการขนส่งทางบก เกี่ยวกับรถควันดำ ล้อล้นออกจากตัวรถ ป้ายสีแฟนซี ฯลฯ เพื่อรับส่วนแบ่งค่าปรับ 50 % ซึ่งตนได้เงินจากการแจ้งเบาะแสครั้งละ 150-300 บาท โดยในช่วงประมาณ 2 สัปดาห์ สามารถทำเงินได้มากกว่า 1,000 บาท

 

ทั้งนี้ มาตรการดังกล่าวเป็นของกรมการขนส่งทางบก ที่เปิดช่องทางรับแจ้งเบาะแสการกระทำความผิด ตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ และกฎหมายว่าด้วยการขนส่งทางบก ผู้แจ้งจะได้รับส่วนแบ่งค่าปรับ 50 % หลังหักเงินนำส่งเป็นรายได้แผ่นดิน เพื่อร่วมกันสร้างวินัยและความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน

 

วิธีการแจ้งเบาะแสผู้กระทำผิด

กรมการขนส่งทางบก ระบุว่า เพียงถ่ายภาพ หรือคลิพวีดีโอรถที่กระทำผิดเพื่อเป็นหลักฐาน พร้อมระบุวัน-เวลา สถานที่ รายละเอียดรถ ทะเบียนรถ และแจ้งไปยังช่องทางดังนี้...

1. โทรศัพท์ 1584

2. Sicial Network : Line @1584DLT และ Facebook : 1584 ร้องเรียนรถโดยสารสาธารณะ

3. Internet : dlt_1584complain@hotmail.com หรือเวบไซท์ https://ins.dlt.go.th/cmpweb/ และ www.dlt.go.th

4. เดินทางมาติดต่อด้วยตนเองที่กรมการขนส่งทางบก

**จากนั้นกรมการขนส่งทางบกจะเรียกตัวผู้ถูกร้องเรียนมารายงานตัว และสอบสวน เมื่อได้ข้อยุติ ผู้แจ้งจะได้รับ SMS ยืนยัน เพื่อรับการโอนเงินส่วนแบ่งค่าปรับ 50 % ภายใน 15 วัน

 

ขอบคุณข้อมูลจาก new.autoinfo.co.th

.

.

.

.

_____________________________________

เราคือตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ

เทอร์โบแท้

IHI TURBO 🇯🇵

GARRETT 🇺🇸

ซื้อกับเราได้สินค้าแท้100%

คุ้มค่ากว่า ใช้งานได้ในระยะยาว

สบายใจกว่า เทอร์โบแท้รับประกันสินค้ายาวนาน

บริการหลังการขายที่ยอดเยี่ยม

โดยทีมงานมืออาชีพ ผู้มีประสบการณ์มากกว่า 24 ปี”

สั่งอะไหล่กับเรา "ออกใบกำกับภาษี" ได้

พร้อมบริการการดูแลหลังการขายตลอดอายุการใช้งาน

⚙️เข้าชมสินค้าทั้งหมดในเว็บไซต์

คลิก: www.sqdparts.com

⚙️สั่งซื้อทางเพจ

คลิก: m.me/sqdparts

⚙️สั่งซื้อผ่านไลน์

คลิก: https://liff.line.me/1645278921-kWRPP32q/?accountId=sqdparts

คลิกYoutube : https://bit.ly/3IAJstu

คลิกTiktok : https://bit.ly/3bXmLmN

คลิกInstagram : https://bit.ly/3AFxMDx

เขียนโดย sqdparts เมื่อ Fri 23 Jun, 2023
อ่านต่อ

ขุมพลัง 2.5 / 2.5 Hybrid / 2.4 TURBO ภายในมีให้เลือก 3 สี เบจ / ดำ และ สีน้ำตาลใหม่ พื้นฐานแพลตฟอร์ม TNGA (Toyota New Global Architecture)

Dimension มิติตัวถัง

All NEW Alphard / Vellfire

- ยาว 4,995 มิลลิเมตร

- กว้าง 1,850 มิลลิเมตร

- สูง 1,935 มิลลิเมตร

- ระยะฐานล้อ Wheelbase 3,000 มิลลิเมตร

- ระยะต่ำสุดถึงพื้น Ground Clearance 160 มิลลิเมตร

- ความจุถังน้ำมัน

>> รุ่น เบนซิน 2.5 2WD ขนาด 75 ลิตร

>> รุ่น เบนซิน 2.5 4WD ขนาด 65 ลิตร

>> รุ่น 2.5 Hybrid ขนาด 60 ลิตร

เทียบกับรุ่นเดิม 4,945 x 1,850 x 1,895 มม. พบว่ารุ่นใหม่ ยาวขึ้น 50 มิลลิเมตร กว้างเท่าเดิม สูงขึ้น 40 มิลลิเมตร ส่วนระยะฐานล้อเท่าเดิม

ทางด้านขุมพลังของ All NEW Toyota Alphard / Vellfire มีให้เลือกด้วยกัน 3 รูปแบบ

เบนซิน 2.5 ลิตร

เครื่องยนต์เบนซิน รหัส 2AR-FE 4 สูบ ขนาด 2.5 ลิตร 2,493 ซีซี. กระบอกสูบ x ระยะช่วงชัก : 90.0 x 98.0 มิลลิเมตร กำลังสูงสุด 182 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 235 นิวตันเมตร ที่ 4,100 รอบ/นาที จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ Super CVT-i ขับเคลื่อนล้อหน้า และ ขับเคลื่อน 4 ล้อ

เบนซิน 2.5 Hybrid

เครื่องยนต์เบนซิน รหัส A25A-FXS 4 สูบ ขนาด 2.5 ลิตร 2,487 ซีซี. กระบอกสูบ x ระยะช่วงชัก : 87.5 x 103.4 มิลลิเมตร พละกำลังสูงสุด 190 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิด 236 นิวตันเมตร ที่ 4,300 - 4,500 รอบ/นาที ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า 5NM พละกำลัง 182 แรงม้า 270 นิวตันเมตร ในรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ เพิ่มมอเตอร์ตัวหลัง 4NM พละกำลัง 54 แรงม้า 121 นิวตันเมตร

เมื่อเครื่องยนต์ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า รวมพละกำลังสูงสุด 250 แรงม้า จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ e-CVT ขับเคลื่อนล้อหน้า และ ขับเคลื่อน 4 ล้อ e-FOUR

เบนซิน 2.4 TURBO (แทนที่ V6 3.5 เดิม)

เครื่องยนต์เบนซิน รหัส T24A-FTS 4 สูบ ขนาด 2.4 ลิตร 2,393 ซีซี. พ่วงเทอร์โบ กระบอกสูบ x ระยะช่วงชัก : 87.5 x 99.5 มิลลิเมตร พละกำลังสูงสุด 279 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิด 430 นิวตันเมตร ที่ 1,700 - 3,600 รอบ/นาที จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ ขับเคลื่อนล้อหน้า และ ขับเคลื่อน 4 ล้อ

Highlights ของ All NEW Toyota Alphard / Vellfire

- All NEW Alphard ถือเป็นรุ่นที่ 4th Generation (40-Series)

- พื้นฐานตัวรถ TNGA-K Platform (Toyota New Global Architecture)

- ช่วงล่างด้านหน้า MacPherson Strut / ด้านหลัง Double Wishbone

- ออกแบบด้วยแนวคิด Forceful x IMPACT Luxury ทรงพลัง แต่ยังแฝงด้วยความหรูหรา

- การจัดวางอุปกรณ์ภายใต้แนวคิด Omotenashi สะดวกต่อการใช้งาน และ ให้คุณภาพสูง

- ยกเลิกการใช้โลโก้ Alphard ด้านหน้ารถ แทนที่ด้วย ตรา Toyota

- หลังคา Sunroof สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง เปลี่ยนมาใช้แบบแนวตั้ง Vertical Line

- ผลจากการเปลี่ยนการวาง Sunroof ด้านหลัง สามารถออกแบบเพดานด้านหลัง Super-Long Overhead Console ให้มีประโยชน์ใช้สอยมากกว่าเดิม เช่น การติดตั้งช่องแอร์ ที่กระจายแรงลมได้ดีขึ้น

- บันไดก้าวขึ้น-ลง Universal Step บริเวณประตูสไลด์ไฟฟ้า ซ้าย-ขวา

- มือจับบริเวณประตูสไลด์ไฟฟ้า ซ้าย-ขวา ที่ยาวตลอดแนว รองรับเด็ก และ ผู้สูงอายุ

- ม่านบังแดดสำหรับผู้โดยสารตอนหลัง แบบดึงลงจากด้านบน Pull-Down Side Sunshade

- เพิ่มวัสดุบุซับเสียง ทำให้ภายในห้องโดยสารเงียบขึ้น

- ระบบช่วยเหลือการขับขี่ Toyota Safety SENSE

>> Proactive Driving Assist - Intra-Lane Steering Assist ระบบช่วยควบคุมพวงมาลัยขณะขับขี่

>> Proactive Driving Assist - Deceleration Assist when Turning at Intersection ระบบช่วยควบคุมคันเร่งขณะเลี้ยวที่ทางแยก

>> Advanced Park with Remote Function ระบบช่วยจอดอัตโนมัติ พร้อมควบคุมเลื่อนรถผ่านกุญแจรีโมท

>> Advanced Drive ระบบช่วยขับที่ความเร็วต่ำ 0-40 km/h

>> ระบบ Adaptive Cruise Control แบบ All-Speed

- ระบบปรับอากาศ S-FLOW แยกอิสระ 4 Zones (หน้าซ้าย-หน้าขวา-หลังซ้าย-หลังขวา)

- ช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง บริเวณเพดานตอนกลาง และ หลังคอนโซล

- ระบบปรับสมดุลอุณหภูมิข้างประตูสไลด์ซ้าย-ขวา เมื่อเปิดประตู

- ระบบปรับสมดุลอากาศในห้องโดยสาร NanoeX

- มาตรวัด Full Digital ขนาด 12.3 นิ้ว

- หน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่บนกระจกบังลมหน้า Head-up Display แบบสี

- หน้าจอกลางระบบสัมผัส Touchscreen ขนาด 14 นิ้ว

- กระจกมองหลังแบบหน้าจอแสดงผล Digital Inner Mirror

- ระบบเบรกมือไฟฟ้า พร้อม Auto Brake Hold

- เบาะนั่งคู่หน้า ปรับด้วยไฟฟ้า พร้อมระบบบันทึกตำแหน่ง Memory Seat

- หน้าจอควบคุมระบบสัมผัส สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง

- เบาะนั่งแถวที่ 2 ควบคุมด้วยระบบไฟฟ้า

- เบาะนั่งแถวที่ 2 พร้อมระบบนวด Massage Seat

- เบาะนั่งแถวที่ 2 พร้อมระบบระบายอากาศ - อุ่นร้อน Ventilation / Heated Seat

- เบาะนั่งแถวที่ 3 แยกพับอิสระ 50 : 50 แบบแขวน

- ที่เก็บสัมภาระใต้เบาะนั่งแถวที่ 3

- ไฟสร้างบรรยากาศในห้องโดยสาร Ambient Light

- หน้าจอสำหรับผู้โดยสารตอนหลัง ขนาด 14 นิ้ว

- ระบบสั่งงานด้วยเสียง " Hey Toyota "

- ระบบเสียงรอบทิศทาง JBL Premium Sound By Harman 15 ลำโพง

- ประตูสไลด์ไฟฟ้า ซ้าย-ขวา พร้อมสวิตซ์ควบคุมการเลื่อนเปิด-ปิด One Touch Seesaw

- ฝาท้าย เปิด-ปิด ด้วยระบบไฟฟ้า พร้อมไฟส่องสว่างที่พื้น

- สวิตซ์ควบคุมระยะการเปิด-ปิด ฝาท้าย ที่ด้านข้างตัวรถบริเวณไฟท้าย

- สวิตซ์ควบคุมการเลื่อนเบาะนั่งแถวที่ 2 บริเวณด้านท้าย

- ฯลฯ

Alphard มีให้เลือก 6 รุ่นย่อย

- 2.5 Z CVT 2WD

- 2.5 Z CVT 4WD

- 2.5 Hybrid Z e-CVT 2WD

- 2.5 Hybrid Z e-CVT e-FOUR

- 2.5 Hybrid Executive Lounge e-CVT 2WD

- 2.5 Hybrid Executive Lounge e-CVT e-FOUR

ราคาจำหน่ายของ All NEW Toyota Alphard (40-Series) มีดัวยกัน 6 รุ่นย่อย เริ่มต้น 5,400,000 เยน ในรุ่น Z ไปจนถึง 8,720,000 เยน ในรุ่น Top สุดอย่าง Executive Lounge (หรือประมาณ 1,390,000 – 2,140,000 บาท ยังไม่รวมภาษีนำเข้าของประเทศไทย)

Vellfire มีให้เลือก 6 รุ่นย่อย

- 2.4 Turbo Z Premier 8AT 2WD

- 2.4 Turbo Z Premier 8AT 4WD

- 2.5 Hybrid Z Premier e-CVT 2WD

- 2.5 Hybrid Z Premier e-CVT e-FOUR

- 2.5 Hybrid Executive Lounge e-CVT 2WD

- 2.5 Hybrid Executive Lounge e-CVT e-FOUR

ส่วน All NEW Toyota Vellfire (40-Series) มีด้วยกัน 6 รุ่นย่อยเช่นเดียวกัน แต่ราคาจะสูงกว่า Alphard เริ่มต้นที่ 6,500,000 เยน ในรุ่น Z Premier ถึง 8,920,000 เยน ในรุ่น Executive Lounge (หรือประมาณ 1,670,000 – 2,188,000 บาท ยังไม่รวมภาษีนำเข้าของประเทศไทย)

All NEW Toyota Alphard / Vellfire จะผลิตที่โรงงาน Inabe Plant, Toyota Auto Body Co., Ltd. ประเทศญี่ปุ่น ด้วยกำลังการผลิต 8,500 คัน/เดือน แบ่งเป็น Alphard 70% และ Vellfire 30%

สำหรับบ้านเรา โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย เตรียมนำเข้า All NEW Alphard / Vellfire เปิดตัวอย่างเป็นทางการในไทย เดือน สิงหาคม 2023 นี้ !

อ่านข้อมูลทั้งหมดของ All NEW Toyota Alphard / Vellfire (40-Series) ได้ทื่นี่ https://autolifethailand.tv/all-new-toyota-alphard.../

 

ขอบคุณข้อมูลจาก Autolifethailand

.

.

.

.

_____________________________________

เราคือตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ

เทอร์โบแท้

IHI TURBO 🇯🇵

GARRETT 🇺🇸

ซื้อกับเราได้สินค้าแท้100%

คุ้มค่ากว่า ใช้งานได้ในระยะยาว

สบายใจกว่า เทอร์โบแท้รับประกันสินค้ายาวนาน

บริการหลังการขายที่ยอดเยี่ยม

โดยทีมงานมืออาชีพ ผู้มีประสบการณ์มากกว่า 24 ปี”

สั่งอะไหล่กับเรา "ออกใบกำกับภาษี" ได้

พร้อมบริการการดูแลหลังการขายตลอดอายุการใช้งาน

⚙️เข้าชมสินค้าทั้งหมดในเว็บไซต์

คลิก: www.sqdparts.com

⚙️สั่งซื้อทางเพจ

คลิก: m.me/sqdparts

⚙️สั่งซื้อผ่านไลน์

คลิก: https://liff.line.me/1645278921-kWRPP32q/?accountId=sqdparts

คลิกYoutube : https://bit.ly/3IAJstu

คลิกTiktok : https://bit.ly/3bXmLmN

คลิกInstagram : https://bit.ly/3AFxMDx

เขียนโดย sqdparts เมื่อ Fri 23 Jun, 2023
อ่านต่อ
แสดง รายการ
ร้านค้าออนไลน์ และ ขายของออนไลน์ โดย © 2006-2024 Vevo Systems Co., Ltd.