×
หน้าหลัก > บทความประจำเดือน May 2024
บทความประจำเดือน May 2024
แสดง รายการ

     คนใช้รถในกรุงเทพมหานครส่วนใหญ่คงเคยเห็นรถยนต์บางคันติดสติ๊กเกอร์ด้านท้ายว่า "มือใหม่หัดขับ" กันจนชินตา แต่เคยสงสัยหรือไม่ว่าสติ๊กเกอร์พวกนี้ติดแล้วได้ประโยชน์อะไร และผู้ที่เพิ่งขับรถจริงๆ ควรหามาติดหรือไม่? เราจะพาไปหาคำตอบกัน

 

"Wakaba Mark" เป็นสติ๊กเกอร์มือใหม่หัดขับสำหรับผู้ใช้รถในประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นสติ๊กเกอร์ที่ถูกบังคับตามกฎหมายว่าผู้ที่เพิ่งได้รับใบอนญาตขับขี่รถยนต์ จะต้องติดสัญลักษณ์นี้เข้ากับตัวรถทั้งด้านหน้าและด้านหลังเป็นระยะเวลาอย่างน้อย 1 ปี เพื่อแสดงว่าผู้ขับขี่รถคันดังกล่าวมีทักษะการขับขี่ในระดับเริ่มต้น ผู้ใช้ถนนรายอื่นจะได้เพิ่มความระมัดระวังมากเป็นพิเศษ

แต่สำหรับประเทศไทย (รวมถึงแทบทุกประเทศทั่วโลก) ไม่มีข้อกำหนดตามกฎหมายว่าจะต้องติดตั้งสติ๊กเกอร์มือใหม่หัดขับเหมือนกับประเทศญี่ปุ่น แต่ถึงกระนั้นการติดตั้งสติ๊กเกอร์ลักษณะดังกล่าวก็มีประโยชน์อยู่ไม่น้อย สามารถแบ่งออกเป็น 2 ข้อ ดังนี้

 

1. เพื่อให้ผู้อื่นเพิ่มความระมัดระวัง - การติดสติ๊กเกอร์มือใหม่หัดขับจะช่วยให้ผู้ใช้ถนนรายอื่นเข้าใจถึงสถานการณ์ และเพิ่มความระมัดระวังได้ดียิ่งขึ้น เนื่องจากผู้ที่เพิ่งได้ใบขับขี่มักยังขับรถไม่แข็ง ไม่กล้าใช้ความเร็วสูง หากผู้ขับขี่ด้านหลังเห็นสติ๊กเกอร์ก็สามารถแซงไปได้เลย

2. ช่วยเพิ่มความมั่นใจแก่ผู้ขับขี่ - การติดสติ๊กเกอร์มือใหม่หัดขับจะช่วยเพิ่มความมั่นใจให้แก่ผู้ขับขี่มากขึ้น ช่วยลดความรู้สึกกดดันจากผู้ขับขี่รอบข้าง เพิ่มความปลอดภัยทั้งแก่ตัวเองและคนอื่นได้

 

ส่วนสติ๊กเกอร์แม้ว่าจะไม่มีการกำหนดรูปแบบว่าต้องใช้หน้าตาแบบไหน แต่ควรเลือกที่สามารถมองเห็นได้ง่าย อ่านง่าย อ่านแล้วเข้าใจทันทีตั้งแต่แรกเห็น และมีขนาดพอเหมาะ ไม่ใหญ่จนเกินไป จะได้ไม่บดบังทัศนวิสัยในการขับรถ

 

     แต่สิ่งสำคัญกว่าสติ๊กเกอร์มือใหม่หัดขับ คือการเรียนรู้ทักษะการขับรถจนกว่าจะคุ้นชินด้วยการขับรถบ่อยๆ ควบคู่ไปกับการปฏิบัติตามกฎจราจรอย่างเคร่งครัด เพื่อลดความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุให้น้อยที่สุดนั่นเองครับ

 

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com

.

.

.

.

_____________________________________

เราคือตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ

เทอร์โบแท้

IHI TURBO 🇯🇵

GARRETT 🇺🇸

MITSUBISHI TURBOCHARGER 🇯🇵

ซื้อกับเราได้สินค้าแท้100%

คุ้มค่ากว่า ใช้งานได้ในระยะยาว

สบายใจกว่า เทอร์โบแท้รับประกันสินค้ายาวนาน

บริการหลังการขายที่ยอดเยี่ยม

โดยทีมงานมืออาชีพ ผู้มีประสบการณ์มากกว่า 24 ปี”

สั่งอะไหล่กับเรา "ออกใบกำกับภาษี" ได้

พร้อมบริการการดูแลหลังการขายตลอดอายุการใช้งาน

⚙️เข้าชมสินค้าทั้งหมดในเว็บไซต์

คลิก: www.sqdparts.com

⚙️สั่งซื้อทางเพจ

คลิก: m.me/sqdparts

⚙️สั่งซื้อผ่านไลน์

คลิก: https://liff.line.me/1645278921-kWRPP32q/?accountId=sqdparts

คลิกYoutube : https://bit.ly/3IAJstu

คลิกTiktok : https://bit.ly/3bXmLmN

คลิกInstagram : https://bit.ly/3AFxMDx

เขียนโดย sqdparts เมื่อ Tue 21 May, 2024
อ่านต่อ

     เชื่อว่าคนใช้รถหลายคนมีความสงสัยว่าทำไมกระจกหน้าต่างประตูคู่หลังในรถส่วนใหญ่ ถึงไม่สามารถเลื่อนลงสุดได้เหมือนกับกระจกหน้าต่างคู่หน้า บทความนี้ เรามีคำตอบมาฝากกัน

 

ทำไมกระจกหน้าต่างประตูคู่หลังถึงลงไม่สุด?

การที่กระจกหน้าต่างประตูคู่หลังไม่สามารถลงสุดได้นั้น ไม่ใช่เรื่องผิดปกติ ไม่จำเป็นต้องเข้ารับการแก้ไขแต่อย่างใด เนื่องจากประตูคู่หลังในรถส่วนใหญ่จะถูกออกแบบให้มีลักษณะเว้าเพื่อรับกับซุ้มล้อด้านหลัง จึงทำให้พื้นที่ในการติดตั้งชุดยกกระจกน้อยกว่าประตูคู่หน้า เป็นสาเหตุว่าทำไมถึงไม่สามารถเลื่อนบานกระจกลงจนสุดได้นั่นเอง

ส่วนรถบางรุ่นที่สามารถเลื่อนกระจกหน้าต่างคู่หลังจนสุดได้นั้น มักเป็นรถที่มีขนาดใหญ่ มีฐานล้อยาว จึงไม่ต้องออกแบบประตูเพื่อเว้าหลบซุ้มล้อหลัง ซึ่งส่วนมากจะเป็นรถประเภท SUV หรือ MPV แต่ก็ไม่ได้หมายความว่ารถประเภทนี้ทุกคันจะสามารถเลื่อนลงจนสุดได้ เนื่องจากขึ้นอยู่กับปัจจัยการออกแบบของรถแต่ละรุ่นด้วย

 

เมื่อทราบเหตุผลเช่นนี้ก็คงหายสงสัยกันแล้วนะครับ

 

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com

.

.

.

.

_____________________________________

เราคือตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ

เทอร์โบแท้

IHI TURBO 🇯🇵

GARRETT 🇺🇸

MITSUBISHI TURBOCHARGER 🇯🇵

ซื้อกับเราได้สินค้าแท้100%

คุ้มค่ากว่า ใช้งานได้ในระยะยาว

สบายใจกว่า เทอร์โบแท้รับประกันสินค้ายาวนาน

บริการหลังการขายที่ยอดเยี่ยม

โดยทีมงานมืออาชีพ ผู้มีประสบการณ์มากกว่า 24 ปี”

สั่งอะไหล่กับเรา "ออกใบกำกับภาษี" ได้

พร้อมบริการการดูแลหลังการขายตลอดอายุการใช้งาน

⚙️เข้าชมสินค้าทั้งหมดในเว็บไซต์

คลิก: www.sqdparts.com

⚙️สั่งซื้อทางเพจ

คลิก: m.me/sqdparts

⚙️สั่งซื้อผ่านไลน์

คลิก: https://liff.line.me/1645278921-kWRPP32q/?accountId=sqdparts

คลิกYoutube : https://bit.ly/3IAJstu

คลิกTiktok : https://bit.ly/3bXmLmN

คลิกInstagram : https://bit.ly/3AFxMDx

เขียนโดย sqdparts เมื่อ Tue 21 May, 2024
อ่านต่อ

     ฝนตกลงจากฟ้าเมื่อใด คนใช้รถก็มักต้องเผชิญกับปัญหารถติดอยู่เสมอ ยิ่งถ้าเป็นช่วงเวลาเลิกงานที่ต่างคนต่างก็รีบกลับบ้านพร้อมๆ กันแล้วล่ะก็ แทบอยากจะทิ้งรถเปลี่ยนไปขึ้นรถไฟฟ้ากันเลยทีเดียว

แต่หากคุณเป็นคนหนึ่งที่เลือกหลีกเลี่ยงรถติดไม่ได้แล้วล่ะก็ เรามีวิธีผ่อนคลายเมื่อต้องอยู่บนรถนานๆ มาฝากกันครับ

 

1. ทานขนมขบเคี้ยวแก้เบื่อ

"ของอร่อยจะเยียวยาทุกอย่าง" ลองหาขนมขบเคี้ยวที่ไม่หนักท้องจนเกินไปนัก ทานเพลินๆ ขณะรถติด จะช่วยลดความเครียดลงได้เป็นอย่างดี หรือหากทราบดีอยู่แล้วว่าเส้นทางกลับบ้านเย็นนี้ติดขัดสาหัสแน่นอน จะเปลี่ยนไปทานอาหารเย็นบนรถเลยก็ได้ แต่แนะนำว่าให้เลือกอาหารที่ทานง่าย ไม่หกเลอะเทอะ จะได้ไม่เป็นอันตรายต่อการขับรถนั่นเอง

2. ฟังเพลง หรือ Podcast ที่ชอบ

เซฟเพลย์ลิสต์ที่ชอบเอาไว้ฟังตอนรถติด ปล่อยจอยไปกับเสียงเพลง หรือจะฟัง Podcast ที่อุดมไปด้วยสาระ ก็จะช่วยให้สมองได้คิดเพลินๆ แถมยังได้ความรู้เพิ่มเติมอีกต่างหาก ส่วนใครที่ชอบเรื่องสยองขวัญ เรื่องผีแล้วล่ะก็ หากดาวน์โหลดเก็บไว้ก่อนออกเดินทาง ก็ช่วยฆ่าเวลาได้ดี แถมยังไม่เปลืองเน็ตมือถืออีกด้วย

3. ใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์

ช่วงเวลารถติดถือเป็นช่วงเวลาที่ดีในการจัดการกับสิ่งต่างๆ ที่คุณจะต้องรับผิดชอบในแต่ละวัน เช่น การจดหัวข้อสิ่งที่คุณจะต้องทำในวันพรุ่งนี้ หรือสิ่งที่คุณกำลังทำค้างไว้อยู่ นอกจากจะช่วยให้สมองได้คิดอะไรเพลินๆ แล้วนั้น ยังช่วยให้คุณสามารถบริหารจัดการกับสิ่งรอบตัวได้ดียิ่งขึ้นด้วย

4. หาเพื่อนร่วมทางไปด้วย

จะดีแค่ไหนหากมีเพื่อนที่รู้ใจนั่งรถเมาท์มอยไปด้วยกัน ลองชวนเพื่อนที่อยู่ในเส้นทางผ่านกลับบ้านด้วยกัน พูดคุยเรื่องต่างๆ ด้วยกันเพลินๆ รับรองว่าจะช่วยแก้เบื่อได้ดีทีเดียว หรือหากเพื่อนไม่สะดวกกลับด้วยแล้วล่ะก็ จะเปลี่ยนไปคุยโทรศัพท์กับเพื่อนหรือแฟนเพื่อคลายเครียดก็ได้

5. จำไว้ว่าคุณไม่ได้รถติดคนเดียว

หากคุณรู้สึกหงุดหงิดเพราะเลือกเส้นทางผิด ทำให้ต้องนั่งทนรถติดนานนับชั่วโมงแล้วล่ะก็ ให้พึงระลึกว่าคุณไม่ได้เป็นคนเดียวที่ต้องติดแหง็กอยู่บนท้องถนน ยังมีเพื่อนร่วมทางอีกมากมายที่ต้องเผชิญชะตากรรมเดียวกันกับคุณ แถมหลายคนต้องตากฝนอยู่บนมอเตอร์ไซค์ ขณะที่คุณอยู่ในรถแอร์เย็นสบายๆ วิธีคิดแบบนี้จะช่วยให้คุณรู้สึกผ่อนคลายขึ้นได้ไม่มากก็น้อย

 

     แต่หากคุณไม่อยากเผชิญกับปัญหารถติดสาหัสโดยเฉพาะวันที่มีฝนตกแล้วล่ะก็ จะลองวางแผนล่วงหน้าเพื่อปรับเปลี่ยนเวลาในออกเดินทางก็ได้ หรือหากคุณไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเดินทางกลับถึงบ้านตั้งแต่หัวค่ำแล้วล่ะก็ จะเปลี่ยนไปเดินห้างสรรพสินค้า หรือแวะช็อปปิ้งรอจนกว่ารถจะหายติด ก็เป็นอีกทางเลือกที่ช่วยหลีกเลี่ยงความเครียดบนท้องถนนได้ดีทีเดียวครับ

 

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com

.

.

.

.

_____________________________________

เราคือตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ

เทอร์โบแท้

IHI TURBO 🇯🇵

GARRETT 🇺🇸

MITSUBISHI TURBOCHARGER 🇯🇵

ซื้อกับเราได้สินค้าแท้100%

คุ้มค่ากว่า ใช้งานได้ในระยะยาว

สบายใจกว่า เทอร์โบแท้รับประกันสินค้ายาวนาน

บริการหลังการขายที่ยอดเยี่ยม

โดยทีมงานมืออาชีพ ผู้มีประสบการณ์มากกว่า 24 ปี”

สั่งอะไหล่กับเรา "ออกใบกำกับภาษี" ได้

พร้อมบริการการดูแลหลังการขายตลอดอายุการใช้งาน

⚙️เข้าชมสินค้าทั้งหมดในเว็บไซต์

คลิก: www.sqdparts.com

⚙️สั่งซื้อทางเพจ

คลิก: m.me/sqdparts

⚙️สั่งซื้อผ่านไลน์

คลิก: https://liff.line.me/1645278921-kWRPP32q/?accountId=sqdparts

คลิกYoutube : https://bit.ly/3IAJstu

คลิกTiktok : https://bit.ly/3bXmLmN

คลิกInstagram : https://bit.ly/3AFxMDx

เขียนโดย sqdparts เมื่อ Tue 21 May, 2024
อ่านต่อ

      ไม่กี่สัปดาห์ก่อน ผมเพิ่งจะนำประเด็นรถยนต์ยกสูงที่ไม่ใช่รถกระบะมาพูดคุยกัน เพราะทำใจแล้วว่าเส้นทางในกทม. เมื่อฝนตกหนัก ยังไงก็ท่วมครับ แต่จะท่วมนานหรือไม่ก็อยู่ที่การระบายน้ำในแต่ละพื้นที่ ซึ่งหากไล่เรียงดูรถยนต์ไซซ์เล็กที่ไม่ใช่กระบะแต่ขับลุยน้ำท่วมได้ปลอดภัย บอกเลยว่าแทบจะไม่มีเลยในแต่ละโชว์รูม

 

      หรือหากมีก็อาจเป็นรถที่นำมาปรับแต่งด้วยการยกสูงขึ้นมาเอง ซึ่งบางทีมันก็ไม่เหมาะกับการใช้งานในชีวิตประจำวัน การแก้ปัญหาด้วยการหารถคันที่ 2 เพื่อขับลุยน้ำในวันที่น้ำท่วมในยุคเศรษฐกิจแบบนี้ ก็คงไม่ใช่เรื่อง รวมไปถึงในแต่ละวันเราไม่อาจรู้ได้เลยว่า วันนี้เส้นทางที่จะขับไปนั้นน้ำจะท่วมหรือไม่

 

      ยิ่งเห็นคลิปเหล่าซูเปอร์คาร์ลุยน้ำก็ยิ่งเสียดายแทน ทำให้สิ่งแรกที่ผุดขึ้นมาในหัวเลย คือ รถสะเทินน้ำสะเทินบก! ผมคิดไปถึงขั้นนั้นเลยนะครับ (ฮา ๆ) เพราะไหน ๆ จะท่วมแล้วจากรถก็เปลี่ยนเป็นเรือมันเสียเลย อย่างไรก็ดี ในความเป็นจริงหากน้ำท่วมเส้นทาง มันก็คงไม่ได้ท่วมลึกเป็นเมตร หรือจะต้องเปลี่ยนรถเป็นเรือขนาดนั้น

 

      เมื่อ 6 ปีก่อนในงาน “ธรรมศาสตร์วิชาการ” มีการนำเอารถ EV ยี่ห้อหนึ่ง มาดัดแปลงเป็นรถสะเทินน้ำสะเทินบก และทดสอบให้เห็นว่าใช้งานได้จริงมาแล้ว และในงบประมาณการดัดแปลงไม่เกิน 3 แสนบาท แน่นอนครับมันคือผลงานวิชาการที่ต้องปรบมือให้ แต่อย่างที่บอกไป ผมเชื่อว่าคนกรุงต้องการรถที่ขับลุยน้ำมากกว่า

 

      ฉะนั้น “ออปชัน” อะไรที่ค่ายรถที่ทำตลาดในบ้านเราควรจะพิจารณาเพิ่มเติมเข้าไปบ้าง ความเห็นส่วนตัวของผมหากให้คิดแบบรวดเร็วเลย คือ รถทุกยี่ห้อ ไม่ว่าจะเป็นซูเปอร์คาร์ รถสปอร์ต รถเก๋งซีดานปกติ รวมไปถึงรถที่มีช่วงล่างสูงไล่ระดับขึ้นไปอย่าง SUV, PPV ไปจนถึงรถกระบะ ควรมีระบบช่วงล่างยกสูงอัตโนมัติ!

 

      แน่นอนครับมันคือเรื่องใหญ่แน่นอนหากมีออปชันนี้เพิ่มเข้ามาในรถแต่ละรุ่น และตามมาซึ่งราคาที่สูงลิ่วแน่ ๆ อย่างไรก็ดีมันก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้นะครับ เพราะจะว่าไปรถในยุคปัจจุบันบางรุ่น ก็มีระบบที่ว่านี้ติดตั้งมาแล้ว เพียงแต่ว่าจุดประสงค์มันไม่ได้ออกแบบมาเพื่อให้ขับหนีน้ำท่วมโดยเฉพาะ

 

      รถยุโรปหลาย ๆ รุ่นปัจจุบันใช้โช้กอัปแบบถุงลมที่สามารถปรับระดับความสูงต่ำได้เพื่อสมรรถนะในการขับขี่ บางรุ่นสามารถลดระดับความสูงลงมาได้แทบจะติดพื้นถนนเพื่อเพิ่มดาวน์ฟอร์ซขณะที่รถขับด้วยความเร็ว และสามารถยกช่วงล่างให้สูงขึ้นได้เล็กน้อยหากเจอเส้นทางที่น้ำท่วมไม่ลึกมาก

 

      ที่สำคัญระบบช่วงล่างแบบถุงลมนี้มันก็อยู่ในรถบรรทุกหรือรถโดยสารขนาดใหญ่มานานแล้ว ฉะนั้น คงไม่ใช่ออปชันที่เกินความเป็นจริงหากจะมีใครนำมาติดตั้งในรถยนต์ทั่วไป และยกรถดับช่วงล่างให้สูงพอที่จะหนีน้ำได้ เพราะในการขับลุยน้ำ เราไม่ต้องการเรื่องความเร็ว เราขอแค่ให้ขับผ่านให้ไปให้ได้เท่านั้นเองครับ

 

      ออปชันที่ผมฟุ้งมานี้ อาจะเป็นช่วงล่างแบบถุงลม หรือระบบไฮโดรลิกแบบที่ผมเคยเห็นในรถยี่ห้อ “ซีตรอง” เมื่อหลายปีก่อนก็ได้ครับ คือจะทำอย่างไรก็ได้ให้มันสามารถติดตั้งในรถทุกระดับ ไม่ว่าคุณจะขับรถสูงรถเตี้ยก็รอดปลอดภัยเมื่อเจอน้ำท่วม โดยที่ใช้รถแค่คันเดียวไม่ต้องไปหาซื้อรถคันที่ 2 ให้วุ่นวาย

 

      งานนี้ผมคิดว่าหากค่ายรถไม่ว่าจะเป็นรถแบบใช้เชื้อเพลิง หรือค่ายรถ EV หากมีออปชันกดปุ่มยกสูงติดรถมาด้วย และทำราคาไม่แพงเวอร์จนเกินไป รับรองตอบโจทย์แน่นอน เพราะปัญหาน้ำท่วม อีกร้อยปีก็คงยังแก้กันไม่ได้ ว่าไหมล่ะครับ

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com

.

.

.

.

_____________________________________

เราคือตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ

เทอร์โบแท้

IHI TURBO 🇯🇵

GARRETT 🇺🇸

MITSUBISHI TURBOCHARGER 🇯🇵

ซื้อกับเราได้สินค้าแท้100%

คุ้มค่ากว่า ใช้งานได้ในระยะยาว

สบายใจกว่า เทอร์โบแท้รับประกันสินค้ายาวนาน

บริการหลังการขายที่ยอดเยี่ยม

โดยทีมงานมืออาชีพ ผู้มีประสบการณ์มากกว่า 24 ปี”

สั่งอะไหล่กับเรา "ออกใบกำกับภาษี" ได้

พร้อมบริการการดูแลหลังการขายตลอดอายุการใช้งาน

⚙️เข้าชมสินค้าทั้งหมดในเว็บไซต์

คลิก: www.sqdparts.com

⚙️สั่งซื้อทางเพจ

คลิก: m.me/sqdparts

⚙️สั่งซื้อผ่านไลน์

คลิก: https://liff.line.me/1645278921-kWRPP32q/?accountId=sqdparts

คลิกYoutube : https://bit.ly/3IAJstu

คลิกTiktok : https://bit.ly/3bXmLmN

คลิกInstagram : https://bit.ly/3AFxMDx

เขียนโดย sqdparts เมื่อ Fri 17 May, 2024
อ่านต่อ

     เรามักได้ยินคำว่า เลนนอก และ เลนใน ถูกใช้กับถนนขนาดใหญ่ที่มีช่องทางคู่ขนานควบคู่ไปกับช่องทางหลัก เช่น ถนนวิภาวดีรังสิต, ถนนกาญจนาภิเษก ฯลฯ แต่ก็ยังอดสงสัยไม่ได้ว่าตามหลักที่ถูกต้องแล้วควรเรียกแบบไหนกันแน่

 

ช่องไหนเรียก "เลนนอก" ช่องไหนเรียก "เลนใน"

     ตามจริงแล้วคำว่า เลนนอก และ เลนใน ไม่มีคำจำกัดความตายตัว เนื่องจากเป็นคำที่คนทั่วไปเรียกกันเอง ไม่ใช่ภาษาราชการที่มีการกำหนดความหมายเอาไว้ชัดเจน จึงไม่แปลกที่หลายคนจะรู้สึกสับสน เรียกผิดเรียกถูก แต่กรณีนี้สถานีวิทยุ จส.100 ที่เรามักได้ยินรายงานจราจรกันอยู่บ่อยๆ เคยโพสต์ข้อความผ่าน X ว่า "เลนใน = ช่องทางด่วน = ชิดเกาะกลาง เลนนอก = ช่องทางคู่ขนาน = ชิดทางเท้า"

 

     พูดง่ายๆ คือ "เลนใน" เป็นเลนชิดเกาะกลางฝั่งขวา เน้นขับขี่ด้วยความเร็วสูง ส่วน "เลนนอก" จะหมายถึงเลนคู่ขนานที่อยู่ชิดขอบฟุตบาทฝั่งซ้ายนั่นเอง

 

ที่ถูกต้องควรเรียกว่า "ช่องทางขนาน" และ "ช่องทางหลัก"

     หากอ้างอิงตามหลักการเรียกชื่อของราชการแล้ว ช่องทางที่ติดริมทางซ้ายจะเรียกว่า "ช่องทางขนาน" (Frontage Road) และช่องทางที่ติดเกาะกลางถนนทางขวาจะเรียกว่า "ช่องทางหลัก" (Main Road) โดยแต่ละฝั่งจะถูกกั้นด้วยเกาะกลางหรือกำแพง ซึ่งการเรียกแบบนี้ถือเป็นวิธีที่เข้าใจง่าย ช่วยลดความสับสนของผู้ใช้ถนนได้

 

     เมื่อทราบเช่นนี้ก็ลองปรับเปลี่ยนมาใช้คำว่า "ทางขนาน" แทนคำว่าเลนนอก และ "ทางหลัก" แทนคำว่าเลนใน จะช่วยป้องกันไม่ให้เกิดความสับสนของผู้ใช้รถได้ดีครับ

 

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com

.

.

.

.

_____________________________________

เราคือตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ

เทอร์โบแท้

✅IHI TURBO 🇯🇵

✅GARRETT 🇺🇸

MITSUBISHI TURBOCHARGER 🇯🇵

ซื้อกับเราได้สินค้าแท้100%

คุ้มค่ากว่า ใช้งานได้ในระยะยาว

สบายใจกว่า เทอร์โบแท้รับประกันสินค้ายาวนาน

บริการหลังการขายที่ยอดเยี่ยม

โดยทีมงานมืออาชีพ ผู้มีประสบการณ์มากกว่า 24 ปี”

สั่งอะไหล่กับเรา "ออกใบกำกับภาษี" ได้

พร้อมบริการการดูแลหลังการขายตลอดอายุการใช้งาน

⚙️เข้าชมสินค้าทั้งหมดในเว็บไซต์

คลิก: www.sqdparts.com

⚙️สั่งซื้อทางเพจ

คลิก: m.me/sqdparts

⚙️สั่งซื้อผ่านไลน์

คลิก: https://liff.line.me/1645278921-kWRPP32q/?accountId=sqdparts

คลิกYoutube : https://bit.ly/3IAJstu

คลิกTiktok : https://bit.ly/3bXmLmN

คลิกInstagram : https://bit.ly/3AFxMDx

เขียนโดย sqdparts เมื่อ Wed 15 May, 2024
อ่านต่อ

     หลายคนมีข้อสงสัยว่า เวลาที่ขับรถทางไกลเป็นระยะเวลานานๆ เมื่อถึงจุดหมายแล้ว จะสามารถดับเครื่องยนต์ทันทีได้เลยหรือไม่ หรือต้องปล่อยให้อยู่ในรอบเดินเบาระยะหนึ่งก่อนจึงจะดับเครื่องยนต์ได้ บทความนี้จะพาไปหาคำตอบกันครับ

 

รถไม่มีเทอร์โบ

     กรณีเป็นรถเครื่องยนต์เบนซินหรือดีเซลบางรุ่นที่ไม่มีระบบเทอร์โบ สามารถดับเครื่องยนต์ได้ทันทีโดยไม่จำเป็นต้อง “คูลดาวน์” เนื่องจากในระหว่างการขับขี่เครื่องยนต์จะมีการระบายความร้อนโดยสมบูรณ์อยู่แล้ว การติดเครื่องยนต์ทิ้งไว้จึงไม่มีความจำเป็น และสิ้นเปลืองน้ำมันโดยใช่เหตุ

รถมีเทอร์โบ

     ส่วนกรณีรถที่มีเครื่องยนต์เทอร์โบ ไม่ว่าจะเป็นรถดีเซลหรือเบนซิน อันที่จริงสามารถดับเครื่องยนต์ได้ทันทีโดยไม่ก่อให้เกิดปัญหา แต่หากต้องการถนอมเทอร์โบให้มีอายุการใช้งานยาวนานยิ่งขึ้น ก็ให้ติดเครื่องยนต์ไว้ชั่วครู่ประมาณ 2 - 3 นาที เพื่อระบายความร้อนของแกนเทอร์โบ ช่วยให้อุณหภูมิสะสมของตัวเทอร์โบค่อยๆ ลดลงก่อนที่จะดับเครื่องยนต์

     อย่างไรก็ดี การลดความเร็วก่อนถึงที่หมาย รวมถึงการขับรถไปอย่างช้าๆ ในลานจอดรถ ก็เป็นการระบายความร้อนของเทอร์โบได้ในระดับหนึ่ง เนื่องจากการใช้รอบเดินเบาหรือเหยียบคันเร่งเพียงเล็กน้อย เทอร์โบก็จะไม่ทำงาน ซึ่งระหว่างนี้เทอร์โบก็จะมีอุณหภูมิค่อยๆ ลดลง กรณีนี้ก็สามารถลดระยะเวลาในการคูลดาวน์ลงได้ เช่น จากปกติคูลดาวน์ 3 นาที อาจลดระยะเวลาเหลือ 1 นาทีก็พอ

ทำไมรถเทอร์โบจึงควรคูลดาวน์ก่อนดับเครื่องยนต์?

     โดยปกติแล้วหน้าที่ของเทอร์โบคือช่วยอัดอากาศเข้าไปยังห้องเผาไหม้มากยิ่งขึ้น จะช่วยเพิ่มพละกำลังของเครื่องยนต์ตั้งแต่รอบต่ำไปจนถึงรอบสูง (ช่วงรอบเครื่องยนต์ที่เทอร์โบทำงานจะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับรถแต่ละรุ่น) เมื่อเทอร์โบทำงานเป็นระยะเวลานานๆ โข่งไอเสียฝั่งขาออกจะเกิดความร้อนสูง รถบางรุ่นจึงมีการออกแบบให้มีน้ำมันเครื่องยนต์ส่วนหนึ่งวิ่งวนเพื่อไปช่วยระบายความร้อนในแกนเทอร์โบ หากว่ามีการคูลดาวน์ก่อนดับเครื่องยนต์ก็จะช่วยลดความร้อนได้เร็วกว่านั่นเอง

     เมื่อทราบแบบนี้แล้วผู้ใช้รถก็สามารถนำไปประยุกต์ปฏิบัติได้อย่างเหมาะสมเพื่อยืดอายุการทำงานของเครื่องยนต์ครับ

 

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com

.

.

.

.

_____________________________________

เราคือตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ

เทอร์โบแท้

IHI TURBO 🇯🇵

GARRETT 🇺🇸

MITSUBISHI TURBOCHARGER 🇯🇵

ซื้อกับเราได้สินค้าแท้100%

คุ้มค่ากว่า ใช้งานได้ในระยะยาว

สบายใจกว่า เทอร์โบแท้รับประกันสินค้ายาวนาน

บริการหลังการขายที่ยอดเยี่ยม

โดยทีมงานมืออาชีพ ผู้มีประสบการณ์มากกว่า 24 ปี”

สั่งอะไหล่กับเรา "ออกใบกำกับภาษี" ได้

พร้อมบริการการดูแลหลังการขายตลอดอายุการใช้งาน

⚙️เข้าชมสินค้าทั้งหมดในเว็บไซต์

คลิก: www.sqdparts.com

⚙️สั่งซื้อทางเพจ

คลิก: m.me/sqdparts

⚙️สั่งซื้อผ่านไลน์

คลิก: https://liff.line.me/1645278921-kWRPP32q/?accountId=sqdparts

คลิกYoutube : https://bit.ly/3IAJstu

คลิกTiktok : https://bit.ly/3bXmLmN

คลิกInstagram : https://bit.ly/3AFxMDx

เขียนโดย sqdparts เมื่อ Mon 06 May, 2024
อ่านต่อ
แสดง รายการ
ร้านค้าออนไลน์ และ ขายของออนไลน์ โดย © 2006-2024 Vevo Systems Co., Ltd.