Honda ตัดสินใจเลิกผลิตรุ่นเกียร์ธรรมดาบน Accord ภายในปี 2021 ดับฝันแฟนๆที่ชื่นชอบในการขับรถเกียร์ธรรมดา นอกจากนี้ ยังมีรถอื่นๆอีกมากมายที่จ่อเลิกผลิตเกียร์ธรรมดา และทุกครั้งก็จะเกิดเสียงเรียกร้องจาแฟนๆที่ยังคงหลงเสน่ห์ในรถที่ส่งกำลังด้วยเกียร์ธรรมดาอยู่

แล้วเพราะอะไรที่คนเหล่านั้นยังคงหลงใหลกับเกียร์ธรรมดาที่ทุกค่ายแทบจะเลิกผลิตไปแล้ว? วันนี้เรามีความลับนั้นมาบอกกัน

ประหยัดน้ำมัน

เป็นเหตุผลแรกๆที่คนรักในเกียร์ธรรมดาชื่นชอบ นั่นก็เป็นเพราะกลไกของมันที่เรียบง่ายไม่ต้องพึ่งพาเทคโนโลยีอะไรมากมาย ไปจนถึงการเปลี่ยนเกียร์ที่ทำได้ทุกเมื่อที่ต้องการ ทั้งนี้ ผู้ขับยังสามารถลากรอบเครื่องต่ำๆไปได้จนกว่าจะพอใจ ซึ่งเป็นผลให้การจ่ายน้ำมันน้อยตามไปด้วย ในขณะที่เกียร์ออโต้ต้องใช้รอบเครื่องสูงๆ ก่อนระบบจะเปลี่ยนเกียร์ให้แบบอัตโนมัติ

อึด ถึก ทน

ความทนของเกียร์ธรรมดาทำให้คนส่วนใหญ่ติดใจในความคุ้มค่าของมันโดยไม่ต้องคอยทะนุถนอมอะไรให้มากความเมื่อเทียบกับเกียร์อัตโนมัติ ซึ่งเมื่อใช้ไปสักระยะอาจจะเกิดปัญหากวนใจ เพราะได้รับความเสียหายมาจากการใช้งานที่ยาวนาน กลับกันกับเกียร์ธรรมดาที่ไม่ค่อยมีเสียงบ่นจากผู้ใช้งานว่าเกียร์พังเกิดปัญหาจุกจิก

ราคาถูกกว่า

ด้วยระบบกลไกที่เรียบง่าย ไม่มีอะไรซับซ้อน กลายเป็นข้อดีของเกียร์ธรรมดา เนื่องจากมันไม่ต้องมีเทคโนโลยีอะไรให้แพง ฉะนั้น เราจะเห็นได้ว่าเกียร์ธรรมดามักจะอยู่กับรถรุ่นต่ำสุด เนื่องจากมันมีต้นทุนที่ต่ำ แต่ทว่าเกียร์ธรรมดาหากมันอยู่ในรถสปอร์ตหรือซูเปอร์คาร์มันจะมีคุณค่าและเป็นที่นิยมสุดๆ

ดูแลรักษาง่ายกว่า

เหตุเกิดจากความเรียบง่ายของมัน จึงทำให้ไม่ต้องคอยดูแลรักษาอะไรมากนัก ไม่ต้องกังวลว่าทำแบบนี้แบบนั้นเกียร์จะพังแบบเกียร์อัตโนมัติ เพราะสำหรับเกียร์ธรรมดามันแทบจะไม่มีข้อจำกัดในการใช้อะไรมากนัก เพียงแค่สนุกในการขับ แล้วปล่อยเจ้าเกียร์ธรรมดาให้ดูแลตัวเองว่าอย่างนั้นก็ยังได้

ได้อรรถรสและขับสนุก

เหตุผลสำคัญของทั้งหมดทั้งมวล เป็นเพราะเกียร์ธรรมดานั้นขับสนุก จึงทำให้หลายคนหลงใหลในเสน่ห์ของมันที่หาไม่ได้บนเกียร์อัตโนมัติ เช่น ได้ฟีลลิ่งเวลาเปลี่ยนเกียร์ สามารถเปลี่ยนเกียร์ได้เร็วดั่งใจ ไปจนถึงสมรรถนะที่ให้ถึงขีดสุด ซึ่งเกียร์ธรรมดามักถูกค้นพบบนรถแข่งหรือซูเปอร์คาร์ระดับพระกาฬ เนื่องจากมันให้สมรรถนะที่ไร้ขีดจำกัด

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com

.

.

.

.

_____________________________________

เราคือตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ

เทอร์โบแท้

✅IHI TURBO 🇯🇵

✅GARRETT 🇺🇸

✅ซื้อกับเราได้สินค้าแท้100%

✅คุ้มค่ากว่า ใช้งานได้ในระยะยาว

✅สบายใจกว่า เทอร์โบแท้รับประกันสินค้ายาวนาน

✅บริการหลังการขายที่ยอดเยี่ยม

“โดยทีมงานมืออาชีพ ผู้มีประสบการณ์มากกว่า 24 ปี”

สั่งอะไหล่กับเรา "ออกใบกำกับภาษี" ได้

พร้อมบริการการดูแลหลังการขายตลอดอายุการใช้งาน

⚙️แค็ตตาล็อกสินค้า

การดูแลรถเป็นเรื่องที่ต้องให้ความสำคัญอย่างสม่ำเสมอ ไม่ว่าส่วนไหนของรถก็ตาม ยิ่งเป็นระบบการทำงานของรถยนต์หากมีความผิดปกติขณะขับรถ จะก่อให้เกิดอันตรายได้ง่าย เกียร์หลุด เป็นอย่างไร ทำไงดี?

อาการ เกียร์หลุด เป็นอย่างไร

เกียร์หลุดหรือเกียร์ค้าง คือเราไม่สามารถเปลี่ยนเกียร์ได้ เช่น เกียร์หลุดที่ตำแหน่ง Dในเกียร์ออโต้ รถยนต์ก็จะเคลื่อนเดินหน้าไปเรื่อยๆ ถึงแม้ว่าเราจะเปลี่ยนเกียร์ไปตำแหน่งอื่น แต่รถก็ยังคงเคลื่อนที่อยู่ ซึ่งสาเหตุที่ทำให้เกียร์หลุดเกิดจากบูชคันเกียร์ที่ทำมาจากพลาสติกเสื่อมสภาพ และจะทำให้เกิดอาการเกียร์หลุดหรือเกียร์ค้าง

เมื่อเกิดปัญหาเกียร์หลุด ทำอย่างไรดี

เวลาเราตกใจ เพราะไม่เคยประสบปัญหาเกียร์หลุดหรือเกียร์ค้าง บางคนอาจพยายามเปลี่ยนเกียร์ แล้วเหยียบคันเร่ง ยิ่งทำให้รถเคลื่อนที่ ดังนั้นเมื่อเกียร์หลุดให้ตั้งสติและพยายามขับรถให้ชิดขอบทาง เหยียบเบรคค้างเอาไว้ จากนั้นให้ดับเครื่องยนต์ทันที และโทรติดต่อศูนย์บริการซ่อมรถมารับรถไปซ่อม

รถยนต์เวลาใช้ไปนานๆ ย่อมเสื่อมสภาพ หากครบกำหนดการตรวจเช็คสภาพก็ควรทำ เพราะเป็นการหลีกเลี่ยงปัญหาที่อาจะเกิดขึ้นกับรถและสร้างความมั่นใจในการขับขี่แล้ว ยังช่วยยืดอายุการใช้งานของรถได้อีกด้วย

ขอบคุณข้อมูลจาก autospinn.com

.

.

.

.

_____________________________________

เราคือตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ

เทอร์โบแท้

✅IHI TURBO 🇯🇵

✅GARRETT 🇺🇸

✅ซื้อกับเราได้สินค้าแท้100%

✅คุ้มค่ากว่า ใช้งานได้ในระยะยาว

✅สบายใจกว่า เทอร์โบแท้รับประกันสินค้ายาวนาน

✅บริการหลังการขายที่ยอดเยี่ยม

“โดยทีมงานมืออาชีพ ผู้มีประสบการณ์มากกว่า 24 ปี”

สั่งอะไหล่กับเรา "ออกใบกำกับภาษี" ได้

พร้อมบริการการดูแลหลังการขายตลอดอายุการใช้งาน

⚙️แค็ตตาล็อกสินค้า

         ของดีที่หลายคนมักจะถามหาเวลาซื้อรถว่ามีหรือไม่มี และก็มักลืมว่ามีอยู่ท้ายรถเมื่อซื้อรถมาแล้ว สิ่งที่ว่านี่คือ ยางอะไหล่ ซึ่งเชื่อว่าที่ท้ายรถแทบทุกคันต้องมีอะไหล่นี้อยู่ และเชื่ออีกว่าสิ่งนี้เจ้าของรถแทบทุกคนไม่เคยเปิดดูว่าอยู่ดีมีสุขมากแค่ไหน กระทั่งเกิดเหตุฉุกเฉินยางรั่วต้องพึงพายางอะไหล่นี้  ทว่าสายไปเสียแล้ว เพราะยางที่อยู่ท้ายรถนานนับปี แถมไม่เคยได้รับการดูแลหรือตรวจเช็คเลย เมื่อเอาออกมาใช้ก็ไม่ต่างจากยางที่รั่ว อย่าลืมว่ายางอะไหล่ก็จำเป็นต้องเติมลมให้อยู่ในระดับที่กำหนดเพื่อให้พร้อมใช้ เรียกว่าต้องดูแลกันไม่ต่างจากยางรถทั้งสี่เส้นที่ใช้งานอยู่ทุกวน ไหนๆ ก็พูดถึงเรื่องนี้แล้วเอาเป็นว่าเรา มี Tip ง่ายๆ ในการดูแลรักษา ยางอะไหล่ ให้พร้อมใช้งานตลอดเวลา

          แน่นอนว่าในการใช้รถทุกวัน จำเป็นต้องดูแลยางให้มีแรงดันลมยางอยู่ในมาตรฐานตลอด ซึ่งการเติมลมก็ไม่ยาก แค่ดูที่ตารางที่ติดอยู่ข้างขอบประตูตรงเสา B ตรงคนขับ จะรู้ว่าเติมลมเท่าไร ส่วนยางอะไหล่ นั้นจำเป็นต้องเปิดดูที่สมุดคู่มือในรถว่า จะต้องเติมเท่าไร เพราะยางอะไหล่ที่ได้มานั้นจะเป็นแบบล้อเหล็กและมีขนาดหน้ากว้างที่ต่างกันกับล้อยางที่ใช้งานอยู่ ยกเว้นรถรุ่นที่เป็นล้อแม็ก จึงจะมียางอะไหล่เป็นล้อและขนาดแบบเดียวกัน แน่นอนว่าการใช้งานย่อมต่างกัน การดูแลรักษาก็ต่างกัน ตรงนี้ขยายความให้รู้กันเล็กน้อยสำหรับ ยางอะไหล่ ที่เป็นล้อแม็กเหมือนกับล้อที่ใช้งาน ในการใช้รถนั้นเมื่อถึงระยะเวลาหนึ่งจะต้อง สลับยาง ซึ่งเวลาการสลับนั้นจะเป็นแบบหมุนเวียนซึ่งต้องเอายางอะไหล่ขึ้นมาสลับหมุนเวียนด้วย แต่ในปัจจุบันก็น้อยมากแล้ว เพราะส่วนใหญ่แล้วรถรุ่นใหม่ๆ ที่เป็นล้อแม็กจะให้เป็นชุดปะยางฉุกเฉินแทน วิธีการสลับยางรูปแบบนี้จึงไม่ค่อยเห็นกัน เอาเป็นว่า ยางอะไหล่ที่อยู่ท้ายรถนั้นมีความสำคัญอย่างไร และควรดูแลกันแบบไหนเท่านั้น

          กระซิบบอกนิดว่า ยางอะไหล่ คืออะไหล่ ที่ไม่ได้ถูกทำมาเพื่ิอใช้งานถาวร เพราะฉะนั้นแล้วควรรีบนำรถเข้ารับการเซอร์วิส จะปะ หรื่อเปลี่ยนยางก็สุดแล้วแต่ จากนั้นก็ตรวจเช็คความเรียบร้อยแล้วเก็บยางอะไหล่เข้าที่เดิมเรียบแล้ว รอการใช้งานครั้งต่อไป

          คิดไว้เสมอว่ายางอะไหล่ก็คือยางเส้นที่ 5 ที่ต้องพร้อมใช้งานไม่ต่างจากสี่เส้น เพราะฉะนั้นจำเป็นต้องดูแลตรวจเช็คเป็นประจำไม่ต่างกัน เพราะหากวันใดเกิดเหตุจำเป็นต้องใช้ยางอะไหล่กันจริงๆ แล้ว จะได้ไม่หัวร้อนเพราะว่าสภาพยางสำรองที่มีไว้ไม่พร้อมใช้ พูดง่ายๆ คือ เมื่อเอาออกมาใช้งานแล้วไม่ต่างจากยางที่รั่ว และจะมีประโยชน์อะไรที่ต้องบรรทุกไว้ท้ายรถตลอดเวลา เอาเป็นว่า วันนี้กลับไปเปิดดูท้ายรถว่ายางยังอยู่ดีมีสุข พร้อมใช้งาน หรืออย่างน้อยๆ ก็เติมลมเข้าไปก็พอ

ขอบคุณข้อมูลจาก http://car.boxzaracing.com/

.

.

.

.

_____________________________________

เราคือตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ

เทอร์โบแท้

✅IHI TURBO 🇯🇵

✅GARRETT 🇺🇸

✅ซื้อกับเราได้สินค้าแท้100%

✅คุ้มค่ากว่า ใช้งานได้ในระยะยาว

✅สบายใจกว่า เทอร์โบแท้รับประกันสินค้ายาวนาน

✅บริการหลังการขายที่ยอดเยี่ยม

“โดยทีมงานมืออาชีพ ผู้มีประสบการณ์มากกว่า 24 ปี”

สั่งอะไหล่กับเรา "ออกใบกำกับภาษี" ได้

พร้อมบริการการดูแลหลังการขายตลอดอายุการใช้งาน

⚙️แค็ตตาล็อกสินค้า

     เชื่อว่าอีกสิ่งหนึ่งที่คนใช้ รถยนต์ ไม่อยากให้เกิดขึ้นสักเท่าไรนัก คือ ปัญหา แอร์รถยนต์ไม่เย็น เพราะด้วยอากาศของเมืองไทยนั้นไม่ว่าจะเดือนไหน ๆ ก็ร้อนระอุเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ไหนจะต้องกับมลพิษหากต้องขับรถเปิดกระจกด้วยอีก จึงเป็นอะไรที่น่าหงุดหงิดไม่น้อยสำหรับผู้ที่ต้องมีความจำเป็นใช้รถอยู่ตลอด

ซึ่งแน่นอนว่าอุปกรณ์ทุกอย่างย่อมเสื่อมสภาพตามการใช้งาน และเกิดความผิดปกติกันได้ โดยเฉพาะปัญหาแอร์รถยนต์ไม่เย็น เปิดแล้วมีแต่ลม ซึ่งเกิดได้จากหลายสาเหตุ แต่มันเกิดขึ้นจากสาเหตุใด วันนี้กระปุกดอทคอมจึงได้รวบรวมวิธีตรวจเช็กปัญหาแอร์รถไม่เย็นในเบื้องต้นมาแนะนำกัน

อาการของแอร์เสียหรือไม่เย็น

อาการผิดปกติของแอร์รถยนต์นั้นเป็นอะไรที่สังเกตได้ง่าย เพราะผู้ใช้รถจะรู้สึกได้ทันทีว่ามีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้นว่าลมที่ออกมาจากช่องแอร์เริ่มมีความเย็นน้อยลง แม้จะปรับอุณหภูมิให้ต่ำสุดแล้วก็ตามก็ยังไม่เย็นเหมือนปกติ และจะยิ่งรู้สึกได้ชัดเจนในกรณีที่คอมเพรสเซอร์แอร์ไม่ทำงาน ซึ่งจะไม่มีความเย็นออกมาเลยยกเว้นลมร้อน

แอร์รถยนต์ไม่เย็น เกิดจากอะไร

1. กรองแอร์รถยนต์อุดตัน

สาเหตุเบื้องต้นที่สุดที่ทำให้แอร์รถยนต์ไม่เย็นก็คือ การอุดตันของระบบระบายอากาศ ซึ่งอาจเป็นได้ตั้งแต่กรองอากาศแอร์ที่สกปรกจากฝุ่น หรืออาจจะมีคราบสกปรก คราบเชื้อรา ทำให้ช่องแอร์อุดตัน ส่งผลให้ระบบปรับอากาศในรถทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ ซึ่งอาจจะมีลักษณะของกลิ่นอับที่รู้สึกได้ชัดเจนขึ้นด้วย

2. ระบบไฟไม่ทำงาน

อีกสาเหตุหนึ่งที่ไม่คาดคิดแต่ก็อาจเกิดขึ้นได้และมีส่วนที่ทำให้แอร์ในรถของคุณไม่เย็นหรือหยุดทำงาน เช่น รีเลย์เสียหายทำให้คอมเพรสเซอร์ไม่ทำงาน ไปจนถึงไฟฟ้าลัดวงจร ซึ่งอาจเกิดขึ้นได้ในรถที่มีอายุการใช้งานมานาน และยิ่งถ้าอุณหภูมิภายนอกมีแนวโน้มสูงเกิน 45 องศาเซลเซียส ก็เพียงพอที่จะทำให้สายไฟเกิดความร้อนจนลัดวงจรได้

3. แอร์รถยนต์รั่ว

นี่เป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้เราต้องหมั่นตรวจเช็กน้ำยาแอร์และจุดเชื่อมต่อของระบบปรับอากาศ เพราะหากเกิดการรั่วไหลของท่อน้ำยาแอร์ที่จุดใดจุดหนึ่ง ความเย็นจะค่อย ๆ ลดลงตามปริมาณของน้ำยาแอร์ที่รั่วออกจากระบบ จนในที่สุดช่องแอร์ภายในรถจะมีเพียงลมออกมาเท่านั้น ส่วนวิธีดูว่ามีจุดใดในระบบปรับอากาศรั่วบ้างนั้น ทำได้โดยใช้น้ำหรือน้ำสบู่ทาลงบริเวณท่อต่าง ๆ หากเกิดฟองอากาศแสดงว่ามีการรั่วไหลเกิดขึ้น ต้องทำการเปลี่ยนอุปกรณ์ใหม่

4. แผงคอยล์แอร์แตกหรือหัก

แผงคอยล์แอร์ที่ติดตั้งอยู่บริเวณพัดลมระบายความร้อนในห้องเครื่องนั้นมีหน้าที่สำคัญในการระบายความร้อนของน้ำยาแอร์ ทำให้ภายในห้องโดยสารเกิดความเย็น หากมีสิ่งอุดตันและมีฝุ่นหรือแผงคอยล์ อาจทำให้การระบายอากาศไม่ดีและเกิดความร้อนขึ้นได้ ประสิทธิภาพในการทำความเย็นลดลง กรณีท่อเกิดการแตกหักจากอุบัติเหตุ หรือกร่อนตามอายุการใช้งาน น้ำยาแอร์ก็จะรั่วออกจากระบบทำให้ไม่มีความเย็น

5. คอมเพรสเซอร์แอร์อาจมีปัญหา

คอมเพรสเซอร์มีหน้าที่สำคัญที่ทำให้อากาศภายในรถเกิดความเย็น ซึ่งถ้าหากตัวคอมเพรสเซอร์มีปัญหาเกิดการขัดข้องหรือมีการทำงานที่ผิดปกติก็อาจทำให้แอร์ในรถไม่เย็นได้ ส่วนอาการของคอมเพรสเซอร์เสียนั้นมีอยู่หลายสาเหตุด้วยกัน เช่น คลัตช์คอมเพรสเซอร์ทำงานขัดข้อง, ลูกสูบภายในคอมเพรสเซอร์หลวม, สายพานคอมเพรสเซอร์หย่อน หรือคอมเพรสเซอร์มีอายุการใช้งานมาอย่างยาวนาน บางกรณีสามารถแก้ไขเฉพาะจุดได้ แต่ถ้าไม่ได้ก็ต้องเปลี่ยนคอมเพรสเซอร์ลูกใหม่ ซึ่งส่วนใหญ่มีราคาแพง

6. ฟิวส์ชำรุด

บางทีปัญหาแอร์ไม่เย็นอาจเกิดจากจุดเล็ก ๆ ที่เราคาดไม่ถึงอย่างฟิวส์เสียหรือฟิวส์ไหม้ ซึ่งจะส่งผลโดยตรงต่อการทำงานของแอร์รถยนต์ ทำให้คอมเพรสเซอร์แอร์ไม่ทำงาน และหากไม่รีบทำการแก้ไขเปลี่ยนฟิวส์ใหม่ยังอาจส่งผลต่อแผงวงจรไฟอื่น ๆ ภายในรถได้

7. พัดลมแอร์เสีย

พัดลมแอร์มีหน้าที่ส่งลมผ่านเข้ามาทางช่องแอร์หากความเย็นภายในห้องโดยสารลดลง มีความแรงของลมที่เบา พัดลมแอร์คืออุปกรณ์หนึ่งที่ต้องตรวจเช็กว่ายังทำงานปกติหรือเปล่า ในรถเก่าที่ใช้งานมาเป็นเวลานานมอเตอร์พัดลมอาจเสื่อมได้ หรืออีกสาเหตุหนึ่งอาจมาจากมีสิ่งสกปรกเข้าไปอุดตันทำให้พัดลมแอร์หมุนได้ไม่เต็มที่

8. เครื่องยนต์มีความร้อนสูง

     ปัญหาแอร์ไม่เย็นอีกสาเหตุหนึ่งที่อาจไม่ได้เกิดจากความผิดปกติของระบบแอร์โดยตรงคือ เครื่องยนต์มีความร้อนที่มากเกินไป อาจเป็นเพราะพัดลมระบายความร้อนเครื่องยนต์ทำงานได้ไม่ดีจึงเกิดความร้อนสะสม ส่งผลให้แผงทำความเย็นได้รับผลกระทบจากความร้อนไปด้วย แอร์จึงไม่เย็นตามอุณหภูมิที่ตั้งไว้

วิธีเช็กอาการและแก้ปัญหาในเบื้องต้น เมื่อแอร์รถยนต์ไม่เย็น

     สำหรับใครที่กำลังประสบกับปัญหาแอร์รถไม่เย็น หรือแอร์รถมีแต่ลมออกมา อันดับแรกที่ควรจะต้องเช็กก่อนและสามารถทำได้ด้วยตัวเองก็คือ การตรวจสอบกรองอากาศแอร์ว่ามีสิ่งสกปรกเข้าไปอุดตันหรือไม่ โดยหากพบว่ากรองแอร์สกปรกควรถอดมาเป่าหรือล้าง ทำความสะอาด หรือเปลี่ยนใหม่

     จากนั้นหากตรวจสอบกรองอากาศแอร์เรียบร้อยแล้วยังมีอาการแอร์รถยนต์ไม่เย็นเหมือนเดิม เท่ากับว่าอาจจะเกิดปัญหาที่ส่วนอื่นของระบบ อย่างเช่น น้ำยาแอร์พร่องจากการรั่ว หรือคอมเพรสเซอร์แอร์ พัดลมแอร์ไม่ทำงาน ซึ่งกรณีแบบนี้ควรนำรถไปให้ศูนย์บริการหรือร้านซ่อมแอร์รถยนต์ที่เชื่อถือได้ช่วยตรวจสอบปริมาณน้ำยาแอร์ และรอยรั่วต่าง ๆ ต่อไป

     อย่างไรก็ตาม อีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญอย่างยิ่งสำหรับผู้ใช้รถทุกคนก็คือการไม่ละเลย วิธีถนอมแอร์รถยนต์ ใช้แอร์รถอย่างถูกต้อง เพื่อยืดอายุการใช้งานของระบบปรับอากาศภายในรถ จะได้ไม่ต้องทนร้อนเพราะแอร์รถยนต์เสียนั่นเอง

ขอบคุณข้อมูลจาก car.kapook.com

.

.

.

.

_____________________________________

เราคือตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ

เทอร์โบแท้

✅IHI TURBO 🇯🇵

✅GARRETT 🇺🇸

✅ซื้อกับเราได้สินค้าแท้100%

✅คุ้มค่ากว่า ใช้งานได้ในระยะยาว

✅สบายใจกว่า เทอร์โบแท้รับประกันสินค้ายาวนาน

✅บริการหลังการขายที่ยอดเยี่ยม

“โดยทีมงานมืออาชีพ ผู้มีประสบการณ์มากกว่า 24 ปี”

สั่งอะไหล่กับเรา "ออกใบกำกับภาษี" ได้

พร้อมบริการการดูแลหลังการขายตลอดอายุการใช้งาน

⚙️แค็ตตาล็อกสินค้า

วิธีดูแลรถช่วงฤดูร้อน

     เป็นฤดูที่คนส่วนใหญ่ไม่ชอบกันสักเท่าไร เนื่องจากแสงแดดที่ไม่ค่อยจะเป็นมิตรต่อผิวแล้ว แถมยังจะทำให้เนื้อตัวเหนียวเหนอะหนะอีกด้วย แต่ในช่วงฤดูนี้ก็เหมาะกับการขับรถออกไปเที่ยวทะเลเป็นที่สุด

• ยางรถยนต์ – ทุกครั้งที่รถวิ่งไปอุณหภูมิของยางจะสูงขึ้น ยิ่งในหน้าร้อนยังต้องมาเจอกับถนนร้อนๆ อีก จะทำให้อุณหภูมิภายในยางสูงขึ้นจนเกิดระเบิดได้ ดังนั้นควรเติมลมยางให้มากขึ้นสัก 1-2 ปอนด์ เพื่อลดอุณหภูมิที่เกิดจากการบิดตัวของแก้มยาง และหลีกเลี่ยงการจอดรถตากแดดเป็นเวลาๆ เพื่อหลีกเลี่ยงการเสื่อมสภาพของยางด้วย
• ที่ปัดน้ำฝน – ยางกับความร้อนเป็นอะไรที่ไม่ถูกกัน เพราะความร้อนจะเร่งการเสื่อมสภาพของยาง ยิ่งในช่วงฤดูร้อนพวกยางปัดน้ำฝนเราจะแทบไม่ได้ใช้เลย ประกอบกับอุณหภูมิที่สูงขึ้นบนกระจกจะเป็นตัวเร่งการเสื่อมสภาพ ดังนั้นเวลาจอดรถในช่วงหน้าร้อน ให้ยกใบปัดน้ำฝนขึ้น จะช่วยยืดอายุของยางปัดน้ำฝน
• แอร์ – ฤดูร้อนทำให้การทำงานของแอร์ในรถยนต์ต้องทำงานหนักเพิ่มขึ้น เพราะต้องเร่งทำความเย็นสู้กับอุณหภูมิที่สูงกว่าปกติ ดังนั้นเมื่อขึ้นรถอย่าเพิ่งรีบร้อนเปิดแอร์ในทันที ควรเปิดประตูหรือกระจกเพื่อปรับอุณภูมิภายในรถเสียก่อน พร้อมเปิดพัดลมแอร์เบอร์แรงสุด โดยอย่าเพิ่งเปิดสวิตช์การทำงานของคอมเพรสเซอร์ หรือ A/C รอให้ไอร้อนจากช่องแอร์ออกมาจนหมดจึงค่อยกดปุ่ม A/C แบบนี้ก็จะช่วยลดการทำงานของแอร์ลงไปได้เยอะเลย
• อุปกรณ์ภายในรถ – อย่างเบาะ หรือปุ่มกดต่างๆ ที่ทำจาก ยาง พลาสติก และหนัง วัสดุเหล่านี้ไม่ถูกกับความร้อน โดยเฉพาะการจอดรถตากแดดเป้นเวลานานๆ ยิ่งจะเร่งให้เสื่อมสภาพ ดงันั้นหากต้องจอดรถตากแดด ให้แง้มกระจกทั้ง 4 ด้านไว้เล็กน้อย แค่พอให้ปลายนิ้วลอดได้ เพื่อระบายความร้อนระหว่างที่รถจอดตากแดด
• หม้อน้ำ – ปกติแล้วเครื่องยนต์ระบายความร้อนโดยการทำงานของหม้อน้ำ ยิ่งในช่วงหน้าร้อนแบบนี้เครื่องยนต์จะร้อนกว่าปกติ ดังนั้นอย่าลืมเช็กหม้อน้ำด้วยว่ามีระดับน้ำอยู่ในเกณฑ์ปกติหรือไม่ เพราะถ้าความร้อนขึ้นงานอาจเข้าได้

วิธีดูแลรถช่วงฤดูฝน

     ในฤดูฝนควรขับรถโดยใช้ความระมัดระวังมากข้ึนเป็นเท่าตัว เพราะอาจเสี่ยงจากการเกิดอุบัติเหตุได้โดยง่าย เหตุเพราะถนนลื่น ทางที่ดีหากเจอฝนควรลดความเร็วลง และมีสมาธิกับการขับรถให้มากขึ้น

• ยางรถยนต์ – ฝนตกถนนลื่น คำเตือนที่เห็นได้อยู่บ่อยๆ ส่วนหนึ่งเกิดจากยางเสื่อสภาพ ดอกโล้นหรือแห้งกรอบ ดังนั้นเข้าหน้าฝนแล้วควรหมั่นตรวจสภาพยาง หากพบว่าเสื่อมหรือใกล้หมดสภาพ ให้รีบเปลี่ยนดีกว่า เพราะเดี๋ยวจะกลายเป็นเสียน้อยเสียยาก เสียมากเสียง่าย
• ที่ปัดน้ำฝน – หากพบว่าใบปัดเสื่อมสภาพ ปัดแล้วรีดน้ำไม่หมดเห็นรอยเป็นเส้น จะทำให้วิสัยทัศน์ในการมองเห็นลดลง เพิ่มโอกาสการเกิดอุบัติเหตุได้ ดังนั้นควรเปลี่ยนทันทีเมื่อพบว่าใบปัดทำงานไม่เต็มประสิทธิภาพ
• เบรก – ในช่วงที่ฝนตกหนักๆ วิสัยทัศน์ย่ำแย่ อาจมองรถคันหน้าหรือสิ่งกีดขวางได้ไม่ดีนัก การตรวจสอบสภาพเบรกจะช่วยให้การเบรกในระยะประชิดดีขึ้น ลดการลื่นไถล หรือเบรกไม่อยู่ ที่อาจเสียงต่อการเกิดอุบัติเหตุได้
• ระบบไฟส่องสว่าง – อย่าลืมตรวจเช็กไฟส่องสว่างทั้งภายในและภายนอกตัวรถ เเพราะในกรณีที่ฝนตกหนักควรเปิดไฟหน้ารถเพื่อเพิ่มระยะการมองเห็น และช่วยให้รถที่ตามมาเห็นไฟท้าย และควรเปิดไฟฉุกเฉินเฉพาะกรณีที่มีอุบัติเหตุรุเคลื่อนตัวได้ช้า หรือจำเป็นต้องจอดข้างทางเท่านั้น

วิธีดูแลรถช่วงฤดูหนาว

     สวรรค์ของคนไทยคือฤดูหนาว ถือเป็นฤดูที่ใครหลายคนเฝ้ารอ เพราะอากาศที่เย็นสบาย เหมาะอย่างยิ่งในการขับรถเที่ยวขึ้นดอยขึ้นเขา

• เครื่องยนต์ – หน้าหนาวในบ้านเราไม่ค่อยมีผลต่อเครื่องยนต์เท่าไร แต่ทุกครั้งก่อนออกรถควรสตาร์ทเครื่องทิ้งไว้มากกว่าปกติประมาณ 5 – 10 นาที และหมั่นเปลี่ยนน้ำมันเครื่องให้พร้อม
• ระบบไล่ฝ้า – โดยปกติเราแทบจะไม่ได้ใช้ระบบไล่ฝ้าเลย ดังนั้นเมื่อเข้าหน้าหนาวแล้วลองเช็กระบบไล่ฝ้าดูว่ายังทำงานดีอยู่หรือไม่ โดยการกดปุ่มเปิดไว้สักพักแล้วเอามือแตกที่กระจกว่ามีความร้อนหรือไม่ แต่ที่สำคัญอย่าลืมปิดหรือเปิดเล่นในช่วงหน้าร้อน เพราะอาจทำให้กระจกแตกได้
• ช่วงล่าง – ฤดูนี้เหมาะแก่การขึ้นเขาไปสัมผัสความหนาวเป็นที่สุด ดังนั้นอย่าลืมเช็กระบบช่วงล่างว่ายังทำงานได้สมบูรณ์อยู่หรือไม่ เพราะการขับรถขึ้นเขาช่วงล่างจะรับภาระแทบทั้งหมด
• แบตเตอรี่ – ดังที่บอกไปว่าฤดูนี้เหมาะแก่การขึ้นเขาเป็นที่สุด แต่อย่าลืมว่าถ้าแบตเกิดไปหมดบนเข้าล่ะก็งานเข้าเลย ดังนั้นก่อนออกทริปขึ้นเขาควรเช็กสภาพแบตให้พร้อมเลยจะดีกว่า

ขอบคุณข้อมูลจาก asiacare-warranty.com

.

.

.

.

_____________________________________

เราคือตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ

เทอร์โบแท้

✅IHI TURBO 🇯🇵

✅GARRETT 🇺🇸

✅ซื้อกับเราได้สินค้าแท้100%

✅คุ้มค่ากว่า ใช้งานได้ในระยะยาว

✅สบายใจกว่า เทอร์โบแท้รับประกันสินค้ายาวนาน

✅บริการหลังการขายที่ยอดเยี่ยม

“โดยทีมงานมืออาชีพ ผู้มีประสบการณ์มากกว่า 24 ปี”

สั่งอะไหล่กับเรา "ออกใบกำกับภาษี" ได้

พร้อมบริการการดูแลหลังการขายตลอดอายุการใช้งาน

⚙️แค็ตตาล็อกสินค้า

เติมน้ำมันผิดแก้ไขได้

เติมน้ำมันผิดประเภท ส่งผลเสียร้ายแรงขนาดไหน!!

     หลายๆ คนคงเกิดปัญหาเติมน้ำมันผิดประเภท บ้างก็รู้ตัวไว บ้างก็รู้ตัวช้า หากเมื่อรู้ตัวแล้วก็ควรรีบทำการแก้ไขให้ถูกต้องและทันท่วงที ก่อนที่เครื่องยนต์จะเกิดการเสียหาย วันนี้ช่างเคมีวิธีแก้ไขปัญหาที่มีประโยชน์กับคนใช้รถยนต์มาฝากครับ

เติมน้ำมันผิด ทำอย่างไร!!!

ปัญหาการเติมน้ำมันผิด อาจไม่ได้เกิดขึ้นง่ายๆ แต่ก็ใช่ว่าจะไม่เกิดขึ้นเลย บางครั้งอาจเกิดจากความเผลอพลาด หลงลืมและเข้าใจผิดของเราเอง หรือแม้แต่การเติมน้ำมันในปั๊ม ที่เด็กปั๊มเติมให้ผิดประเภทก็มี แม้เรื่องนี้อาจจะไม่ร้ายแรง แต่ก็ส่งผลให้ระบบเครื่องยนต์เสียหายไปจนถึงร้ายแรงได้ครับ

อาการหลังจากเติมน้ำมันรถผิดที่คุณสังเกตได้เอง

หากเติมน้ำมันสลับกันทั้งเครื่องยนต์เบนซินหรือดีเซล ลักษณะอาการจะคล้ายกัน คือ เครื่องยนต์ติดได้ระยะหนึ่ง ก่อนจะเกิดการสะดุดและดับไปในที่สุด ซึ่งเมื่อเครื่องยนต์ดับลงจะไม่สามารถสตาร์ทติดได้อีก

เมื่อรู้ตัวว่าเติมน้ำมันผิด ควรทำอย่างไร?

1. ห้ามสตาร์ทรถเด็ดขาด เพราะการสตาร์ทรถจะทำให้น้ำมันไหลเข้าไปในเครื่องยนต์ จากนั้นให้ทำการถ่ายน้ำมันออก และทำการไล่ระบบใหม่

2. เติมน้ำมันที่ถูกต้องเข้าไปใหม่ เพื่อป้องกันความเสียหาย ที่เกิดขึ้นกับเครื่องยนต์

3. สตาร์ทเครื่องยนต์ หลังจากเติมน้ำมันใหม่ ลให้ลองสตาร์ทเครื่องยนต์ทิ้งไว้สักพัก เพื่อสังเกตว่าเครื่องยนต์มีอาการผิดปกติอะไรเกิดขึ้นบ้าง

4. ทดสอบระบบเครื่องยนต์ หลังจากทำการทดสอบระบบแล้ว หากพบว่าไม่เกิดปัญหาอะไรกับเครื่องยนต์ ให้ลองเร่งเครื่อง ทดสอบการใช้ระบบต่างๆ ในเครื่องยนต์ หากระบบปกติ หมายความว่าการถ่ายน้ำมันเรียบร้อยแล้ว สามารถใช้งานรถยนต์ได้เลย

รู้ตัวว่า “เติมผิด” เมื่อรถดับเสียแล้ว จะทำยังไงล่ะทีนี้?

     หลายครั้งที่หลายคนกว่าจะรู้ว่า “เติมน้ำมันผิด” ก็ต่อเมื่อโดนทิ้งไว้กลางทาง รถดับ กลับตัวก็ไม่ได้ ให้วิ่งต่อไปก็ไปไม่ถึง….มาดูกันว่าหากเจอสถานการณ์แบบนี้จะมีวิธีแก้อย่างไรบ้าง

1. ถ่ายน้ำมันออกจากถังให้หมด จากนั้นให้ทำการไล่ระบบน้ำมันใหม่

2. เติมน้ำมันที่ถูกต้องใหม่ จากนั้นลองทำการไล่ระบบน้ำมันอีกครั้ง

3. ทำความสะอาดหัวเทียนและไส้กรอง รถยนต์เครื่องเบนซิลให้ทำการถอดหัวเทียนออกมาทำความสะอาดใหม่ ส่วนรถยนต์เครื่องดีเซลให้ถอดเปลี่ยนไส้กรองน้ำมันเชื้อเพลิงมาทำความสะอาดใหม่ครับ

4. สตาร์ทเครื่องยนต์อีกครั้ง ในขณะที่ลองสตาร์ทรภใหม่แม้ติดยาก หรือติดแล้วดับไป ให้พยายามสตาร์ทต่อไปเรื่อยๆ จนกว่ารถยนต์จะติดเสถียร ไม่ดับ แล้วปล่อยให้รถเดินเครื่องเองสักพัก

5.ทดสอบเครื่องยนต์ เมื่อเครื่องยนต์เดินเรียบดีแล้ว ให้ลองเร่งเครื่อง พร้อมกับเปิดฟังก์ชั่นที่ต้องใช้ขณะขับใช้งานปกติ หากไม่มีสิ่งผิดปกติ แปลว่าการถ่ายน้ำมันเสร็จสิ้น ไม่มีปัญหา สามารถใช้รถยนต์ได้ตามปกติ

     ขอเสนอแนะหลังจากที่รู้ว่าปัญหาการเติมน้ำมันผิดเกิดจากเด็กปั๊ม ควรรีบแจ้งทางปั๊มหรือผู้จัดการปั๊ม เพื่อให้รับผิดชอบค่าเสียหายที่เกิดขึ้น แต่ถ้าเติมผิดเอง ก็รับผิดชอบตัวเองครับ

     การจำประเภทน้ำมันที่ใช้เป็นเรื่องที่ดีนะครับ เพราะทุกวันนี้ไม่ได้มีแค่รถกระบะที่ใช้ดีเซลเท่านั้น รถเก๋งรุ่นใหม่ๆ ก็หันมาใช้น้ำมันดีเซลกันเยอะ ฉะนั้นหากไม่อยากให้เรื่องเล็กๆ กลายเป็นเรื่องใหญ่ การจำไว้ก็ไม่เสียหาย ยังไงก็ยังดีกว่าพึ่งคนอื่นครับ

วิธีการป้องกันไม่ให้ “การเติมน้ำมันผิด” เกิดขึ้น

1. แจ้งให้ชัดเจนว่าต้องการเติมน้ำมันประเภทไหน เช็คให้มั่นใจว่าพนักงานปั๊มเติมน้ำมันได้อย่างถูกต้อง

2. ขอใบเสร็จทุกครั้งที่เติม เพื่อจะได้มีหลักฐานและสามารถตรวจเช็ครายละเอียดการเติมได้

     แม้ว่าเหตุการณ์เติมน้ำมันผิดประเภทจะไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยๆ แต่การรู้เทคนิคและวิธีการป้องกันไว้ก็ไม่เสียหายครับ เพราะหากมีเหตุการณ์ฉุกเฉินเกิดขึ้นจะได้ช่วยเหลือตัวเองได้ครับ

ขอบคุณข้อมูลจาก kmotors.co.th

.

.

.

.

_____________________________________

เราคือตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ

เทอร์โบแท้

✅IHI TURBO 🇯🇵

✅GARRETT 🇺🇸

✅ซื้อกับเราได้สินค้าแท้100%

✅คุ้มค่ากว่า ใช้งานได้ในระยะยาว

✅สบายใจกว่า เทอร์โบแท้รับประกันสินค้ายาวนาน

✅บริการหลังการขายที่ยอดเยี่ยม

“โดยทีมงานมืออาชีพ ผู้มีประสบการณ์มากกว่า 24 ปี”

สั่งอะไหล่กับเรา "ออกใบกำกับภาษี" ได้

พร้อมบริการการดูแลหลังการขายตลอดอายุการใช้งาน

⚙️แค็ตตาล็อกสินค้า