×
หน้าหลัก > บทความประจำเดือน March 2023
บทความประจำเดือน March 2023
แสดง รายการ

     รถยนต์ที่มีควันออกจากท่อไอเสียแสดงให้เห็นถึงความผิดปกติของระบบเผาไหม้ แต่หากควันที่ออกมานั้นเป็นสีขาวด้วยแล้วล่ะก็ นั่นแสดงว่าเครื่องยนต์มีอาการหลวม ต้องรีบนำรถเข้ารับการแก้ไขโดยทันที มิเช่นนั้นอาจถึงขั้นต้องยกเครื่องหรือเปลี่ยนรถคันใหม่กันเลยทีเดียว

 

     การที่เครื่องยนต์มี ”ควันขาว” ปล่อยออกมาจากท่อไอเสีย เกิดจากการที่มีน้ำมันเครื่องเล็ดลอดเข้าไปยังห้องเผาไหม้ของเครื่องยนต์ จึงถูกเผาไหม้ผสมกับน้ำมันเชื้อเพลิง และกลายเป็นควันขาวออกมาจากท่อไอเสีย โดยอาการดังกล่าวสามารถเกิดขึ้นได้ทั้งเครื่องยนต์เบนซินและดีเซล และมักเกิดกับรถที่ผ่านการใช้งานมาเป็นระยะเวลานาน โดยสาเหตุที่ทำให้น้ำมันเครื่องเล็ดลอดเข้าไปยังห้องเผาไหม้ มีดังนี้

 

     - การเสื่อมสภาพของเสื้อสูบและลูกสูบ ทำให้เกิดช่องว่างระหว่างลูกสูบและกระบอกสูบ ส่งผลให้น้ำมันเครื่องที่ใช้สำหรับหล่อลื่นมีการเล็ดลอดเข้าไปเผาไหม้ร่วมด้วย

 

 

     - แหวนลูกสูบเสื่อมสภาพตามอายุการใช้งาน โดยแหวนลูกสูบจะทำหน้าที่เป็นซีลกั้นระหว่างปลอกสูบ และลูกสูบ เพื่อป้องกันไม่ให้แรงอัดจากห้องเผาไหม้เล็ดลอดออกไป หากว่ามีการเสื่อมสภาพเนื่องจากใช้งานมาเป็นระยะเวลานาน ก็จะทำให้น้ำมันเครื่องเล็ดลอดเข้าไปยังห้องเผาไหม้ได้เช่นกัน

 

     - เครื่องยนต์เคยมีอาการโอเวอร์ฮีต จนทำให้ฝาสูบและเสื้อสูบโก่ง ซีลฝาสูบไม่สามารถกั้นหรือทนต่อแรงอัดน้ำมันเครื่องได้ ทำให้น้ำมันเครื่องเล็ดลอดเข้าไปจนทำให้เกิดควันขาวตามมา

 

     หากพบว่ารถมีควันขาวออกจากปลายท่อไอเสียไม่ว่าขณะอยู่ในรอบเดินเบา หรือขณะเร่งเครื่องยนต์ ควรรีบนำรถเข้ารับการแก้ไขโดยทันที มิเช่นนั้นจะสร้างความเสียหายลุกลามบานปลาย จนอาจถึงขั้นต้องวางเครื่องยนต์ใหม่เลยทีเดียวครับ

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com

.

.

.

.

_____________________________________

เราคือตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ

เทอร์โบแท้

IHI TURBO 🇯🇵

GARRETT 🇺🇸

ซื้อกับเราได้สินค้าแท้100%

คุ้มค่ากว่า ใช้งานได้ในระยะยาว

สบายใจกว่า เทอร์โบแท้รับประกันสินค้ายาวนาน

บริการหลังการขายที่ยอดเยี่ยม

โดยทีมงานมืออาชีพ ผู้มีประสบการณ์มากกว่า 24 ปี”

สั่งอะไหล่กับเรา "ออกใบกำกับภาษี" ได้

พร้อมบริการการดูแลหลังการขายตลอดอายุการใช้งาน

⚙️แค็ตตาล็อกสินค้า

คลิก: www.facebook.com/sqdparts/shop

⚙️เข้าชมสินค้าทั้งหมดในเว็บไซต์

คลิก: www.sqdparts.com

⚙️สั่งซื้อทางเพจ

คลิก: m.me/sqdparts

⚙️สั่งซื้อผ่านไลน์

คลิก: https://liff.line.me/1645278921-kWRPP32q/?accountId=sqdparts

คลิกYoutube : https://bit.ly/3IAJstu

คลิกTiktok : https://bit.ly/3bXmLmN

คลิกInstagram : https://bit.ly/3AFxMDx

📍 สาขารังสิต : โทร. 083-497-4416

คลิกดูโลเคชั่นที่ลิงค์นี้ได้เลยครับ

👉 https://goo.gl/maps/P9BFmJJvcUBkfGy86 👈

_______________________________________

📍 สาขาพระราม 2 : โทร. 083-497-4416

คลิกดูโลเคชั่นที่ลิงค์นี้ได้เลยครับ

👉 https://goo.gl/maps/K3f33fPzNdHkJhCq8 👈

_______________________________________

📍 สาขา 3 โคราช : โทร. 083-497-4416

คลิกดูโลเคชั่นที่ลิงค์นี้ได้เลยครับ

👉 https://goo.gl/maps/kPo4yNybTqREq2EQ8 👈

เขียนโดย sqdparts เมื่อ Mon 27 Mar, 2023
อ่านต่อ

     การจับพวงมาลัยด้วยท่าทางที่ถูกต้องถือเป็นปัจจัยพื้นฐานในการขับรถอย่างปลอดภัย เนื่องจากการจับพวงมาลัยอย่างผิดวิธี อาจนำไปสู่การเกิดอุบัติเหตุได้อย่างไม่คาดคิด เช่นเดียวกับการสอดมือเข้าไปในพวงมาลัยขณะกำลังเลี้ยวรถ ซึ่งถือเป็นการจับพวงมาลัยแบบผิดวิธีที่อาจก่อให้เกิดอาการบาดเจ็บได้ เพราะอะไร เรามีคำตอบมาฝากกัน

 

ทำไมเลี้ยวรถจึงไม่ควรหงายมือสอดเข้าไปในพวงมาลัย?

     แม้ว่าการหมุนพวงมาลัยด้วยการหงายมือจะเป็นท่าทางที่หลายคนถนัด แต่อันที่จริงแล้วเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำเด็ดขาด ด้วยเหตุผล 2 ประการ ดังนี้

 

     1. ทำให้องศาการหมุนพวงมาลัยเป็นไปอย่างจำกัด เพราะแม้ว่าการหงายมือหมุนพวงมาลัยไปในทิศทางที่ต้องการจะทำได้ถนัดก็จริง แต่กรณีเกิดเหตุฉุกเฉินที่ต้องดึงพวงมาลัยกลับไปยังทิศทางตรงกันข้าม จะไม่สามารถทำได้อย่างเต็มที่ เนื่องจากมือและแขนจะอยู่ในท่าทางที่ไม่เอื้ออำนวยต่อการหมุนพวงมาลัยกลับ ต้องอาศัยการสลับมืออีกข้างเข้ามาช่วยแทน

 

     2. แขนอาจได้รับอันตรายจากถุงลมนิรภัย เนื่องจากการหงายมือสอดเข้าไปยังพวงมาลัย จะทำให้ช่วงปลายแขนอยู่ในตำแหน่งตรงกับถุงลมนิรภัยพอดี หากว่ามีการชนปะทะเกิดขึ้น การพองตัวออกอย่างรุนแรงของถุงลมนิรภัยอาจทำให้ผู้ขับขี่ได้รับบาดเจ็บได้

การจับพวงมาลัยที่ถูกต้องทำอย่างไร?

     1. มือซ้ายควรอยู่ในตำแหน่ง 9 นาฬิกา และมือขวาอยู่ในตำแหน่ง 3 นาฬิกาเสมอ เนื่องจากมือจะถูกล็อกโดยก้านพวงมาลัย ช่วยให้ผู้ขับขี่ควบคุมรถได้อย่างเต็มที่

 

     2. แขนต้องงอเล็กน้อย ไม่เหยียดตึง เนื่องจากจะทำให้ผู้ขับขี่ควบคุมพวงมาลัยได้ไม่เต็มที่ อีกทั้งกรณีเกิดการชนอย่างรุนแรง อาจทำให้เกิดการบาดเจ็บของแขนเพิ่มขึ้นได้

 

     3. หลีกเลี่ยงการขับรถมือเดียวโดยเด็ดขาด โดยเฉพาะอย่างยิ่งขณะใช้ความเร็วสูง เพราะหากมีการตกหลุมหรือจั๊มป์คอสะพาน จะทำให้ผู้ขับขี่ไม่สามารถประคองพวงมาลัยได้อย่างเต็มที่ อาจส่งผลให้รถเกิดการเสียหลักได้

 

     หากผู้ขับขี่สามารถปฏิบัติได้ตามข้อแนะนำข้างต้นนี้แล้วล่ะก็ เชื่อว่าจะช่วยลดโอกาสเกิดอุบัติเหตุได้ไม่น้อยทีเดียวครับ

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com

.

.

.

.

_____________________________________

เราคือตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ

เทอร์โบแท้

IHI TURBO 🇯🇵

GARRETT 🇺🇸

ซื้อกับเราได้สินค้าแท้100%

คุ้มค่ากว่า ใช้งานได้ในระยะยาว

สบายใจกว่า เทอร์โบแท้รับประกันสินค้ายาวนาน

บริการหลังการขายที่ยอดเยี่ยม

โดยทีมงานมืออาชีพ ผู้มีประสบการณ์มากกว่า 24 ปี”

สั่งอะไหล่กับเรา "ออกใบกำกับภาษี" ได้

พร้อมบริการการดูแลหลังการขายตลอดอายุการใช้งาน

⚙️แค็ตตาล็อกสินค้า

คลิก: www.facebook.com/sqdparts/shop

⚙️เข้าชมสินค้าทั้งหมดในเว็บไซต์

คลิก: www.sqdparts.com

⚙️สั่งซื้อทางเพจ

คลิก: m.me/sqdparts

⚙️สั่งซื้อผ่านไลน์

คลิก: https://liff.line.me/1645278921-kWRPP32q/?accountId=sqdparts

คลิกYoutube : https://bit.ly/3IAJstu

คลิกTiktok : https://bit.ly/3bXmLmN

คลิกInstagram : https://bit.ly/3AFxMDx

📍 สาขารังสิต : โทร. 083-497-4416

คลิกดูโลเคชั่นที่ลิงค์นี้ได้เลยครับ

👉 https://goo.gl/maps/P9BFmJJvcUBkfGy86 👈

_______________________________________

📍 สาขาพระราม 2 : โทร. 083-497-4416

คลิกดูโลเคชั่นที่ลิงค์นี้ได้เลยครับ

👉 https://goo.gl/maps/K3f33fPzNdHkJhCq8 👈

_______________________________________

📍 สาขา 3 โคราช : โทร. 083-497-4416

คลิกดูโลเคชั่นที่ลิงค์นี้ได้เลยครับ

👉 https://goo.gl/maps/kPo4yNybTqREq2EQ8 👈

เขียนโดย sqdparts เมื่อ Mon 27 Mar, 2023
อ่านต่อ

     แม้ว่ารถยนต์พลังงานไฟฟ้ากำลังได้รับความนิยมจากลูกค้าชาวไทยเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ แต่คงปฏิเสธไม่ได้ว่ารถที่วิ่งกันส่วนใหญ่บนท้องถนนยังคงเป็นรถที่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิงในการเผาไหม้ กลายเป็นพลังงานให้รถเคลื่อนที่ไปไหนมาไหนได้ในแต่ละวัน

 

     แต่เมื่อรถของคุณผ่านการใช้งานมาระยะหนึ่ง อาจรู้สึกว่าเครื่องยนต์กินน้ำมันเพิ่มมากขึ้น ปัญหาดังกล่าวเกิดจากสาเหตุอะไรได้บ้าง เราจะพาไปหาคำตอบกัน

 

4 สาเหตุที่ทำให้รถกินน้ำมันมากกว่าปกติ อาจมีที่มาดังนี้

 

1. น้ำมันเครื่องและไส้กรองเสื่อมคุณภาพ

     หากว่าเจ้าของรถไม่ได้นำรถเข้ารับการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องและไส้กรองตามระยะที่กำหนด จะส่งผลให้เครื่องยนต์กินน้ำมันมากขึ้น โดยมีสาเหตุมาจากความหนืดของน้ำมันที่เปลี่ยนแปลงไป รวมถึงน้ำมันเครื่องที่เสื่อมสภาพจะลดทอนประสิทธิภาพในการหล่อลื่นของเครื่องยนต์ จนทำให้รถกินน้ำมันเพิ่มมากขึ้นนั่นเอง

 

     ทางที่ดีเจ้าของรถควรเข้ารับการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องตามที่ผู้ผลิตกำหนดไว้อย่างสม่ำเสมอ เพราะนอกจากจะช่วยลดอัตราสิ้นเปลืองน้ำมัน ยังช่วยยืดอายุการใช้งานของเครื่องยนต์ให้ยาวนานขึ้นด้วย

2. ไส้กรองอากาศอุดตัน

     ไส้กรองอากาศเป็นชิ้นส่วนสำคัญในการกรองฝุ่นและสิ่งแปลกปลอมในอากาศก่อนที่จะถูกดูดเข้าไปยังห้องเผาไหม้ของเครื่องยนต์ โดยออกซิเจนในอากาศถือเป็นตัวแปรสำคัญในกระบวนการเผาไหม้ไม่แพ้น้ำมันเชื้อเพลิง หากว่าไส้กรองมีสิ่งสกปรกติดค้างอยู่เป็นจำนวนมาก ก็ส่งผลให้การเผาไหม้ไม่สมบูรณ์เท่าที่ควร ทำให้สิ้นเปลืองน้ำมันโดยใช่เหตุ

 

     วิธีการตรวจสอบและแก้ไขด้วยตัวเองทำได้ง่ายๆ เพียงแค่ตรวจเช็กไส้กรองอากาศว่ามีสิ่งสกปรกมากน้อยแค่ไหน และสามารถแก้ไขเบื้องต้นได้ด้วยการใช้เครื่องเป่าลมแรงสูงเป่าฝุ่นที่จับตัวอยู่ให้เหลือน้อยที่สุด อีกวิธีหนึ่งคือการเปลี่ยนไส้กรองใหม่ ซึ่งปัจจุบันสามารถหาซื้อผ่านช่องทางออนไลน์ได้ในราคาหลักร้อยบาทเท่านั้น

 

3. ระบบจุดระเบิดและระบบจ่ายเชื้อเพลิงมีปัญหา

     อาจเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ เช่น หัวเทียนเกิดการชำรุดเนื่องจากใช้งานมาอย่างยาวนาน, จังหวะการจุดระเบิดไม่ถูกต้อง, คอยล์จุดระเบิดมีปัญหา ฯลฯ ซึ่งกรณีเหล่านี้มักมีอาการอย่างอื่นร่วมด้วย เช่น เครื่องยนต์สั่น, เบาดับ, เร่งไม่ออก เป็นต้น

 

     อีกกรณีที่พบได้บ่อยคือระบบหัวฉีดน้ำมันเกิดการอุดตัน ไม่สามารถฉีดน้ำมันให้เป็นละอองละเอียด หรือมีการรั่วของหัวฉีด จึงไม่สามารถจ่ายน้ำมันได้อย่างสมบูรณ์ ซึ่งนอกจากจะทำให้สมรรถนะของเครื่องยนต์ลดลงแล้ว ยังส่งผลให้รถมีอัตราสิ้นเปลืองเพิ่มขึ้นด้วย ทางที่ดีหากพบว่าเครื่องยนต์มีอาการผิดปกติ เช่น เครื่องยนต์สั่น, เร่งไม่ออก, เร่งรอบสูงแล้วดับ, มีไฟรูปเครื่องยนต์โชว์บนหน้าปัด ฯลฯ ควรนำรถเข้าอู่หรือศูนย์บริการโดยเร็วที่สุดเพื่อป้องกันไม่ให้ปัญหาลุกลามบานปลาย

4. พฤติกรรมของผู้ขับขี่และสภาพการจราจรที่เปลี่ยนไป

     พฤติกรรมการขับขี่รถยนต์ถือเป็นปัจจัยสำคัญต่ออัตราสิ้นเปลืองที่เปลี่ยนแปลงไป ตัวอย่างเช่น หากว่าผู้ขับขี่อยู่ในภาวะรีบ มีอารมณ์ร้อน ต้องการไปถึงจุดหมายโดยเร็ว ก็มักจะเร่งออกตัวอย่างรุนแรง ใช้ความเร็วสูงในการเดินทาง ทำให้รถกินน้ำมันเพิ่มขึ้นไปโดยปริยาย อีกทั้งช่วงเวลาที่ใช้เดินทางก็ยังมีผลต่ออัตราสิ้นเปลืองด้วยเช่นกัน เช่น หากออกจากบ้านไปทำงานในชั่วโมงเร่งด่วน ส่งผลให้ต้องเผชิญกับสภาพการจราจรติดขัดอย่างหนัก ใช้เวลาบนถนนนานหลายชั่วโมง ก็จะทำให้รถสิ้นเปลืองน้ำมันเพิ่มมากขึ้น

 

     วิธีแก้ไขสามารถทำได้ง่ายๆ โดยเผื่อเวลาออกจากบ้านไปยังจุดหมายให้มากกว่าปกติ จะช่วยให้ขับรถโดยไม่จำเป็นต้องรีบร้อน รวมถึงการขับรถไปทำงานในช่วงเวลาเช้าและเย็น หากสามารถขยับเวลาเดินทางโดยหลีกเลี่ยงช่วงเร่งด่วนได้ ก็จะช่วยลดปัญหารถติด และส่งผลให้รถกินน้ำมันน้อยลงได้นั่นเอง

 

     นอกจากนี้ ยังมีสาเหตุอื่นๆ ที่ส่งผลกระทบต่ออัตราสิ้นเปลืองได้ เช่น แรงดันลมยางต่ำกว่าปกติ, บรรทุกสิ่งของที่มีน้ำหนักมากโดยไม่จำเป็น, การปรับอุณหภูมิแอร์เย็นเกินไป ฯลฯ จึงควรหมั่นเช็กสภาพรถยนต์ให้เป็นปกติอยู่เสมอ จะช่วยให้ประหยัดน้ำมันขึ้นได้ไม่มากก็น้อยครับ

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com

.

.

.

.

_____________________________________

เราคือตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ

เทอร์โบแท้

IHI TURBO 🇯🇵

GARRETT 🇺🇸

ซื้อกับเราได้สินค้าแท้100%

คุ้มค่ากว่า ใช้งานได้ในระยะยาว

สบายใจกว่า เทอร์โบแท้รับประกันสินค้ายาวนาน

บริการหลังการขายที่ยอดเยี่ยม

โดยทีมงานมืออาชีพ ผู้มีประสบการณ์มากกว่า 24 ปี”

สั่งอะไหล่กับเรา "ออกใบกำกับภาษี" ได้

พร้อมบริการการดูแลหลังการขายตลอดอายุการใช้งาน

⚙️แค็ตตาล็อกสินค้า

คลิก: www.facebook.com/sqdparts/shop

⚙️เข้าชมสินค้าทั้งหมดในเว็บไซต์

คลิก: www.sqdparts.com

⚙️สั่งซื้อทางเพจ

คลิก: m.me/sqdparts

⚙️สั่งซื้อผ่านไลน์

คลิก: https://liff.line.me/1645278921-kWRPP32q/?accountId=sqdparts

คลิกYoutube : https://bit.ly/3IAJstu

คลิกTiktok : https://bit.ly/3bXmLmN

คลิกInstagram : https://bit.ly/3AFxMDx

📍 สาขารังสิต : โทร. 083-497-4416

คลิกดูโลเคชั่นที่ลิงค์นี้ได้เลยครับ

👉 https://goo.gl/maps/P9BFmJJvcUBkfGy86 👈

_______________________________________

📍 สาขาพระราม 2 : โทร. 083-497-4416

คลิกดูโลเคชั่นที่ลิงค์นี้ได้เลยครับ

👉 https://goo.gl/maps/K3f33fPzNdHkJhCq8 👈

_______________________________________

📍 สาขา 3 โคราช : โทร. 083-497-4416

คลิกดูโลเคชั่นที่ลิงค์นี้ได้เลยครับ

👉 https://goo.gl/maps/kPo4yNybTqREq2EQ8 👈

เขียนโดย sqdparts เมื่อ Mon 27 Mar, 2023
อ่านต่อ

     แม้ว่าปัจจุบันระบบความปลอดภัยในรถยนต์จะถูกพัฒนาก้าวล้ำจนสามารถหยุดรถเองได้ในกรณีฉุกเฉิน แต่ระบบความปลอดภัยระดับพื้นฐานอย่าง “ไฟเบรกดวงที่สาม” ซึ่งหลายคนแทบไม่เคยสนใจมันด้วยซ้ำ กลับมีประโยชน์มากกว่าที่คิด

 

     ย้อนกลับไปในปี ค.ศ.1986 ประเทศสหรัฐอเมริกาออกกฎหมายบังคับให้รถใหม่ทุกคันจะต้องติดตั้งไฟเบรกดวงที่ 3  โดยกำหนดว่ารถยนต์ทุกคันจะต้องมีไฟเบรกกลางที่ติดตั้งอยู่สูงกว่าไฟเบรกปกติทั้ง 2 ข้าง เนื่องจากมีการศึกษาว่าการติดตั้งไฟเบรกดวงที่สาม จะช่วยให้ผู้ขับขี่ที่ตามมาด้านหลังสังเกตเห็นไฟเบรกได้สะดวกมากยิ่งขึ้น ซึ่งจะช่วยลดโอกาสเกิดอุบัติเหตุชนท้ายได้

     ลองคิดดูสิครับว่าถ้ามีไฟเบรกเพียง 2 ข้าง โดยไม่มีไฟเบรกดวงที่สามอยู่กึ่งกลาง หลายคนอาจสับสนว่าผู้ขับขี่ที่อยู่ทางด้านหน้ากำลังเหยียบเบรกอยู่หรือไม่ หรือเป็นเพียงไฟท้ายที่สว่างขึ้นตามการเปิดไฟหน้าเท่านั้น ยิ่งเป็นรถสมัยก่อนที่ยังใช้ไฟท้ายแบบหลอดไส้ ซึ่งความสว่างสู้หลอด LED แบบสมัยนี้ไม่ได้ด้วยแล้วล่ะก็ อาจทำให้รถคันหลังเกิดความเข้าใจผิดได้ แต่หากมีไฟเบรกดวงที่สามสว่างควบคู่กันไป ก็จะเป็นการยืนยันว่ารถคันหน้ากำลังเหยียบเบรกอยู่จริงๆ นั่นเอง

 

     ปัจจุบันไฟเบรกได้มีการพัฒนาให้ก้าวล้ำไปกว่านั้น ด้วยการติดตั้งระบบ Adaptive Brake Light โดยหากเป็นการเบรกกะทันหันที่ไปกระตุ้นให้ระบบป้องกันล้อล็อก (ABS) เริ่มทำงาน ไฟเบรกจะกระพริบถี่ๆ เพื่อเป็นการแจ้งเตือนให้ผู้ขับขี่ด้านหลังทราบว่าข้างหน้ามีเหตุฉุกเฉินที่ต้องลดความเร็วลงทันที และเมื่อรถหยุดนิ่งสนิท ไฟฉุกเฉินรอบคันก็จะกระพริบเพื่อเป็นการส่งสัญญาณเตือนอย่างต่อเนื่อง จนกว่าจะมีการปิดไฟฉุกเฉินหรือเหยียบคันเร่งเพื่อขับออกไปอีกครั้ง

     รู้ประโยชน์ของไฟเบรกดวงที่สามแบบนี้แล้ว ก็ควรหมั่นตรวจสอบดูแลให้สามารถใช้งานได้ตามปกติด้วยนะครับ

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com

.

.

.

.

_____________________________________

เราคือตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ

เทอร์โบแท้

IHI TURBO 🇯🇵

GARRETT 🇺🇸

ซื้อกับเราได้สินค้าแท้100%

คุ้มค่ากว่า ใช้งานได้ในระยะยาว

สบายใจกว่า เทอร์โบแท้รับประกันสินค้ายาวนาน

บริการหลังการขายที่ยอดเยี่ยม

โดยทีมงานมืออาชีพ ผู้มีประสบการณ์มากกว่า 24 ปี”

สั่งอะไหล่กับเรา "ออกใบกำกับภาษี" ได้

พร้อมบริการการดูแลหลังการขายตลอดอายุการใช้งาน

⚙️แค็ตตาล็อกสินค้า

คลิก: www.facebook.com/sqdparts/shop

⚙️เข้าชมสินค้าทั้งหมดในเว็บไซต์

คลิก: www.sqdparts.com

⚙️สั่งซื้อทางเพจ

คลิก: m.me/sqdparts

⚙️สั่งซื้อผ่านไลน์

คลิก: https://liff.line.me/1645278921-kWRPP32q/?accountId=sqdparts

คลิกYoutube : https://bit.ly/3IAJstu

คลิกTiktok : https://bit.ly/3bXmLmN

คลิกInstagram : https://bit.ly/3AFxMDx

📍 สาขารังสิต : โทร. 083-497-4416

คลิกดูโลเคชั่นที่ลิงค์นี้ได้เลยครับ

👉 https://goo.gl/maps/P9BFmJJvcUBkfGy86 👈

_______________________________________

📍 สาขาพระราม 2 : โทร. 083-497-4416

คลิกดูโลเคชั่นที่ลิงค์นี้ได้เลยครับ

👉 https://goo.gl/maps/K3f33fPzNdHkJhCq8 👈

_______________________________________

📍 สาขา 3 โคราช : โทร. 083-497-4416

คลิกดูโลเคชั่นที่ลิงค์นี้ได้เลยครับ

👉 https://goo.gl/maps/kPo4yNybTqREq2EQ8 👈

เขียนโดย sqdparts เมื่อ Mon 27 Mar, 2023
อ่านต่อ

     โดยปกติแล้วการเลือกซื้อ "ยางเก่าค้างปี" ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร เพราะยางเหล่านี้มักถูกนำมาลดราคาล้างสต็อก และไม่มีผลกระทบต่อการใช้งาน แต่สิ่งสำคัญอยู่ที่คุณควรทราบก่อนเสมอว่ายางเหล่านี้เป็นยางที่เก็บไว้นานแล้ว ไม่ปล่อยให้ร้านนำมาหลอกขายว่าเป็นยางใหม่ที่เพิ่งผลิตจากโรงงาน แล้ววิธีเช็กวันผลิตยางต้องดูตรงไหน?

 

     ก่อนอื่นต้องเข้าใจก่อนว่า "ยางเก่าค้างปี" จะหมายถึงยางที่ถูกผลิตไม่ตรงกับปีที่ซื้อ (แต่หากเปลี่ยนยางช่วงต้นปี การได้ยางที่ผลิตช่วงปลายปีก่อนหน้าก็ถือเป็นสิ่งที่เข้าใจได้) ซึ่งยางเหล่านี้หากถูกเก็บรักษาอย่างเหมาะสม ด้วยอุณหภูมิไม่ร้อนจนเกินไป ก็แทบจะไม่ส่งผลต่อสมรรถนะการยึดเกาะถนนเลย แถมยังมักได้ราคาพิเศษที่ถูกกว่ายางที่ปีใหม่กว่าอีกด้วย

 

     แต่กระนั้น ร้านเปลี่ยนยางบางแห่งก็อาจอาศัยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ของเจ้าของรถ เปลี่ยนยางเก่าค้างปีให้ในราคาเท่ากับยางปีใหม่ ทำให้เจ้าของรถเสียโอกาสในการได้รับสินค้าที่มีคุณสมบัติอย่างที่ควรจะเป็น

 

วิธีเช็กเดือน-ปีที่ผลิตยางทำได้ง่ายๆ

     ให้สังเกตสัญลักษณ์ตัวเลข 4 หลักบนแก้มยาง ที่ถูกล้อมด้วยกรอบวงรี ซึ่ง 2 หลักแรกจะหมายถึงสัปดาห์ที่ผลิตยาง (1 ปี มี 52 สัปดาห์) ส่วน 2 หลักสุดท้ายจะหมายถึงปี ค.ศ. ที่ผลิตยางเส้นนั้นๆ นั่นหมายความว่ายางที่ปรากฏในภาพตัวอย่างด้านบน ถูกผลิตในช่วงสัปดาห์ที่ 19 หรือประมาณเดือนพฤษภาคมของปี ค.ศ. 2019 นั่นเอง

 

     อย่างไรก็ดี ไม่ว่าคุณจะเปลี่ยนยางใหม่หรือยางค้างปี คุณควรจะให้ความสำคัญกับประสิทธิภาพของยางแต่ละรุ่น-ยี่ห้อมากกว่า ไม่ว่าจะเป็นการยึดเกาะถนน, ประสิทธิภาพการรีดน้ำ, ระยะการเบรก, ความเร็วสูงสุดที่รับได้ ฯลฯ เนื่องจากยางแต่ละรุ่นต่างก็มีคุณสมบัติแตกต่างกันออกไป อีกทั้งยางแต่ละเส้นจะมีอายุการใช้งานประมาณ 3 ปี หรือ 50,000 กิโลเมตร หรืออาจเร็วกว่านั้นขึ้นอยู่กับการใช้งาน โดยหมั่นตรวจสอบสภาพยางไม่ให้มีรอยแตก รอยฉีกขาด ซึ่งถือเป็นอันตรายต่อการใช้งานอย่างยิ่ง

 

     รู้แบบนี้แล้วเปลี่ยนยางครั้งต่อไปลองสังเกตเดือน-ปีที่ผลิตดูสักนิด ก็จะได้ยางที่ตรงกับความต้องการของคุณเองแล้วล่ะครับ

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com

.

.

.

.

_____________________________________

เราคือตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ

เทอร์โบแท้

IHI TURBO 🇯🇵

GARRETT 🇺🇸

ซื้อกับเราได้สินค้าแท้100%

คุ้มค่ากว่า ใช้งานได้ในระยะยาว

สบายใจกว่า เทอร์โบแท้รับประกันสินค้ายาวนาน

บริการหลังการขายที่ยอดเยี่ยม

โดยทีมงานมืออาชีพ ผู้มีประสบการณ์มากกว่า 24 ปี”

สั่งอะไหล่กับเรา "ออกใบกำกับภาษี" ได้

พร้อมบริการการดูแลหลังการขายตลอดอายุการใช้งาน

⚙️แค็ตตาล็อกสินค้า

คลิก: www.facebook.com/sqdparts/shop

⚙️เข้าชมสินค้าทั้งหมดในเว็บไซต์

คลิก: www.sqdparts.com

⚙️สั่งซื้อทางเพจ

คลิก: m.me/sqdparts

⚙️สั่งซื้อผ่านไลน์

คลิก: https://liff.line.me/1645278921-kWRPP32q/?accountId=sqdparts

คลิกYoutube : https://bit.ly/3IAJstu

คลิกTiktok : https://bit.ly/3bXmLmN

คลิกInstagram : https://bit.ly/3AFxMDx

📍 สาขารังสิต : โทร. 083-497-4416

คลิกดูโลเคชั่นที่ลิงค์นี้ได้เลยครับ

👉 https://goo.gl/maps/P9BFmJJvcUBkfGy86 👈

_______________________________________

📍 สาขาพระราม 2 : โทร. 083-497-4416

คลิกดูโลเคชั่นที่ลิงค์นี้ได้เลยครับ

👉 https://goo.gl/maps/K3f33fPzNdHkJhCq8 👈

_______________________________________

📍 สาขา 3 โคราช : โทร. 083-497-4416

คลิกดูโลเคชั่นที่ลิงค์นี้ได้เลยครับ

👉 https://goo.gl/maps/kPo4yNybTqREq2EQ8 👈

เขียนโดย sqdparts เมื่อ Mon 27 Mar, 2023
อ่านต่อ

ก่อนดับเครื่องยนต์ทุกครั้ง จะต้องปิดแอร์รถยนต์ก่อนเสมอ หรือไม่?

     หลายคนคงเคยได้รับการบอกกล่าวมาว่า ก่อนดับเครื่องยนต์ทุกครั้ง ต้องปิดระบบปรับอากาศของตัวรถก่อนเสมอ เนื่องจากมีความเชื่อว่าการสตาร์ทเครื่องยนต์โดยเปิดระบบแอร์ทิ้งเอาไว้นั้น จะเป็นการเพิ่มภาระของแบตเตอรี่ ทำให้เครื่องยนต์สตาร์ทติดยาก และอาจจะทำให้อายุการใช้งานของคอมเพรสเซอร์แอร์สั้นลงอีกด้วย

 

     แต่ความเป็นจริงแล้ว รถยนต์ในปัจจุบันนับตั้งแต่ยุค 90 ขึ้นมานั้น มีระบบตัดการทำงานของระบบไฟฟ้าภายในรถเมื่อบิดกุญแจสตาร์ท ดังนั้นการเปิดระบบแอร์ทิ้งเอาไว้จึงไม่เป็นการเพิ่มภาระของเครื่องยนต์จนทำให้สตาร์ทติดยากแต่อย่างใด และความเชื่อที่ว่าจะทำให้คอมเพรสเซอร์แอร์เสื่อมสภาพนั้นก็ไม่เป็นความจริง เนื่องจากคอมเพรสเซอร์จะเริ่มทำงานหลังจากเครื่องยนต์สตาร์ทติดแล้วเล็กน้อย ไม่ทำให้เกิดอาการกระชากเครื่องยนต์ระหว่างสตาร์ทแต่อย่างใด

     อย่างไรก็ดี ไม่ว่าจะปิดระบบแอร์ก่อนดับเครื่องยนต์หรือไม่นั้น ก็อาจประสบกับปัญหากลิ่นเหม็นอับได้อยู่ดี วิธีการแก้ไขคือ ให้ปิดสวิตช์ A/C เพื่อตัดการทำงานของคอมเพรสเซอร์ แล้วจึงเร่งพัดลมแอร์มากกว่าปกติ จะเป็นการไล่ความอับชื้นภายในตู้แอร์ได้ ทางที่ดีควรนำรถไปจอดไว้กลางแดดบ้าง จะช่วยลดความชื้นในตู้แอร์ได้เช่นกัน

 

     แต่หากวิธีดังกล่าวไม่หายจริงๆ แล้วล่ะก็ ทางออกสุดท้ายก็คือการล้างตู้แอร์นั่นเอง ซึ่งคุณสามารถเลือกได้ทั้งการล้างแบบถอดตู้แอร์ และล้างแบบส่องกล้องโดยไม่ต้องถอดตู้แอร์ ขึ้นอยู่กับความสะดวกและงบประมาณในกระเป๋าของคุณเองครับ

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com

.

.

.

.

_____________________________________

เราคือตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ

เทอร์โบแท้

IHI TURBO 🇯🇵

GARRETT 🇺🇸

ซื้อกับเราได้สินค้าแท้100%

คุ้มค่ากว่า ใช้งานได้ในระยะยาว

สบายใจกว่า เทอร์โบแท้รับประกันสินค้ายาวนาน

บริการหลังการขายที่ยอดเยี่ยม

โดยทีมงานมืออาชีพ ผู้มีประสบการณ์มากกว่า 24 ปี”

สั่งอะไหล่กับเรา "ออกใบกำกับภาษี" ได้

พร้อมบริการการดูแลหลังการขายตลอดอายุการใช้งาน

⚙️แค็ตตาล็อกสินค้า

คลิก: www.facebook.com/sqdparts/shop

⚙️เข้าชมสินค้าทั้งหมดในเว็บไซต์

คลิก: www.sqdparts.com

⚙️สั่งซื้อทางเพจ

คลิก: m.me/sqdparts

⚙️สั่งซื้อผ่านไลน์

คลิก: https://liff.line.me/1645278921-kWRPP32q/?accountId=sqdparts

คลิกYoutube : https://bit.ly/3IAJstu

คลิกTiktok : https://bit.ly/3bXmLmN

คลิกInstagram : https://bit.ly/3AFxMDx

📍 สาขารังสิต : โทร. 083-497-4416

คลิกดูโลเคชั่นที่ลิงค์นี้ได้เลยครับ

👉 https://goo.gl/maps/P9BFmJJvcUBkfGy86 👈

_______________________________________

📍 สาขาพระราม 2 : โทร. 083-497-4416

คลิกดูโลเคชั่นที่ลิงค์นี้ได้เลยครับ

👉 https://goo.gl/maps/K3f33fPzNdHkJhCq8 👈

_______________________________________

📍 สาขา 3 โคราช : โทร. 083-497-4416

คลิกดูโลเคชั่นที่ลิงค์นี้ได้เลยครับ

👉 https://goo.gl/maps/kPo4yNybTqREq2EQ8 👈

เขียนโดย sqdparts เมื่อ Mon 27 Mar, 2023
อ่านต่อ
แสดง รายการ
ร้านค้าออนไลน์ และ ขายของออนไลน์ โดย © 2006-2024 Vevo Systems Co., Ltd.