×
หน้าหลัก > บทความประจำเดือน January 2025
บทความประจำเดือน January 2025
แสดง รายการ

     การติดตั้งน้ำหอมปรับอากาศในรถยนต์เป็นเรื่องที่หลายคนนิยมทำเพื่อให้ภายในรถมีกลิ่นหอมสดชื่น แต่หากใช้ไม่ถูกวิธี อาจก่อให้เกิดผลเสียต่อสุขภาพและตัวรถได้ ดังนั้น ก่อนตัดสินใจติดตั้งน้ำหอมปรับอากาศ ควรพิจารณาข้อควรระวังดังต่อไปนี้

 

1. สารเคมีที่เป็นอันตราย

น้ำหอมปรับอากาศส่วนใหญ่มีส่วนผสมของสารเคมี เช่น พิมเสน การบูร และสารสังเคราะห์อื่นๆ ซึ่งสารเคมีเหล่านี้เมื่อระเหยออกมาในอากาศและเราสูดดมเข้าไปในปริมาณมาก อาจก่อให้เกิดอาการแพ้ ระคายเคืองต่อระบบทางเดินหายใจ คลื่นไส้ วิงเวียนศีรษะ และในระยะยาวอาจส่งผลต่อสุขภาพในระยะยาวได้ เช่น โรคหอบหืด หรือแม้แต่โรคมะเร็ง

 

2. อุดตันระบบแอร์

สารเคมีจากน้ำหอมปรับอากาศ เมื่อระเหยออกมาจะไปเกาะติดตามแผ่นกรองแอร์ ทำให้เกิดการอุดตัน และลดประสิทธิภาพในการทำงานของระบบปรับอากาศ ส่งผลให้แอร์ไม่เย็น แอร์มีกลิ่นอับ และอาจทำให้ระบบแอร์เสียหายได้ในระยะยาว

 

3. เพิ่มความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุ

กลิ่นหอมที่รุนแรงจากน้ำหอมปรับอากาศ อาจทำให้ผู้ขับขี่รู้สึกเวียนหัว มึนงง หรือหลับใน ซึ่งเป็นอันตรายต่อการขับขี่และอาจก่อให้เกิดอุบัติเหตุได้

 

     ดังนั้น หากคิดที่จะติดตั้งน้ำหอมปรับอากาศภายในรถ ควรเลือกใช้น้ำหอมที่มีกลิ่นอ่อนๆ เพื่อไม่ให้ระคายเคืองต่อระบบทางเดินหายใจ ลดอาการมึนหัว และควรทำความสะอาดระบบแอร์เป็นประจำ เพื่อขจัดคราบสกปรกและสิ่งสกปรกที่สะสมอยู่ในระบบแอร์

 

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com

.

.

.

.

_____________________________________

เราคือตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ

เทอร์โบแท้

IHI TURBO 🇯🇵

GARRETT 🇺🇸

MITSUBISHI TURBOCHARGER 🇯🇵

ซื้อกับเราได้สินค้าแท้100%

คุ้มค่ากว่า ใช้งานได้ในระยะยาว

สบายใจกว่า เทอร์โบแท้รับประกันสินค้ายาวนาน

บริการหลังการขายที่ยอดเยี่ยม

โดยทีมงานมืออาชีพ ผู้มีประสบการณ์มากกว่า 24 ปี”

สั่งอะไหล่กับเรา "ออกใบกำกับภาษี" ได้

พร้อมบริการการดูแลหลังการขายตลอดอายุการใช้งาน

⚙️เข้าชมสินค้าทั้งหมดในเว็บไซต์

คลิก: www.sqdparts.com

⚙️สั่งซื้อทางเพจ

คลิก: m.me/sqdparts

⚙️สั่งซื้อผ่านไลน์

คลิก: https://liff.line.me/1645278921-kWRPP32q/?accountId=sqdparts

คลิกYoutube : https://bit.ly/3IAJstu

คลิกTiktok : https://bit.ly/3bXmLmN

คลิกInstagram : https://bit.ly/3AFxMDx

เขียนโดย sqdparts เมื่อ Mon 27 Jan, 2025
อ่านต่อ

     การปล่อยให้ไฟเตือนระดับน้ำมันโชว์บ่อยๆ อาจส่งผลเสียมากกว่าที่คิด บทความนี้ เราจึงขอแนะนำ 3 เหตุผลว่าทำไมต้องเติมน้ำมันก่อนที่ไฟเตือนจะโชว์ มีอะไรบ้างไปดูกัน

 

เหตุผลที่ 1 ป้องกันปั๊มติ๊กเสียหาย

ปั๊มติ๊ก หรือ ปั๊มน้ำมันเชื้อเพลิง มีหน้าที่ดูดน้ำมันจากถังไปยังเครื่องยนต์ เมื่อระดับน้ำมันต่ำ ปั๊มติ๊กจะทำงานหนักขึ้น เนื่องจากต้องทำงานในสภาพที่แห้งแล้ง ซึ่งอาจทำให้ปั๊มติ๊กร้อนจัดและเสียหายได้ง่ายขึ้น การเติมน้ำมันให้เพียงพอจะช่วยให้ปั๊มติ๊กทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและยืดอายุการใช้งานได้นานขึ้น

 

เหตุผลที่ 2 ป้องกันการเกิดฟองอากาศ

เมื่อระดับน้ำมันในถังต่ำลง อาจเกิดฟองอากาศขึ้นในระบบท่อส่งน้ำมันเชื้อเพลิง ฟองอากาศเหล่านี้อาจทำให้หัวฉีดน้ำมันได้รับความเสียหาย ทำให้เครื่องยนต์ทำงานไม่สมบูรณ์ เกิดอาการสั่น และอาจทำให้เครื่องยนต์เสียหายได้ในระยะยาว

 

เหตุผลที่ 3 ป้องกันรถดับระหว่างทาง

การรอจนกระทั่งไฟเตือนน้ำมันโชว์แล้วค่อยเติมน้ำมัน อาจทำให้รถของคุณดับกลางทางได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในระหว่างการเดินทางไกล การเติมน้ำมันก่อนที่น้ำมันจะหมดจะช่วยให้คุณมั่นใจได้ว่ารถของคุณจะสามารถเดินทางได้อย่างปลอดภัย

 

     ด้วยเหตุผลเหล่านี้ คุณจึงควรเติมน้ำมันก่อนที่ไฟเตือนจะโชว์ขึ้นหน้าปัด จะช่วยป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นกับระบบเชื้อเพลิงได้นั่นเองครับ

 

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com

.

.

.

.

_____________________________________

เราคือตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ

เทอร์โบแท้

IHI TURBO 🇯🇵

GARRETT 🇺🇸

MITSUBISHI TURBOCHARGER 🇯🇵

ซื้อกับเราได้สินค้าแท้100%

คุ้มค่ากว่า ใช้งานได้ในระยะยาว

สบายใจกว่า เทอร์โบแท้รับประกันสินค้ายาวนาน

บริการหลังการขายที่ยอดเยี่ยม

โดยทีมงานมืออาชีพ ผู้มีประสบการณ์มากกว่า 24 ปี”

สั่งอะไหล่กับเรา "ออกใบกำกับภาษี" ได้

พร้อมบริการการดูแลหลังการขายตลอดอายุการใช้งาน

⚙️เข้าชมสินค้าทั้งหมดในเว็บไซต์

คลิก: www.sqdparts.com

⚙️สั่งซื้อทางเพจ

คลิก: m.me/sqdparts

⚙️สั่งซื้อผ่านไลน์

คลิก: https://liff.line.me/1645278921-kWRPP32q/?accountId=sqdparts

คลิกYoutube : https://bit.ly/3IAJstu

คลิกTiktok : https://bit.ly/3bXmLmN

คลิกInstagram : https://bit.ly/3AFxMDx

เขียนโดย sqdparts เมื่อ Mon 27 Jan, 2025
อ่านต่อ

     การเช็กระยะรถยนต์ทุก 10,000 กิโลเมตร มีความจำเป็นมากน้อยแค่ไหน หรือเป็นเพียงกลยุทธ์สร้างรายได้ของศูนย์บริการเท่านั้น บทความนี้ เราจะพาไปหาคำตอบกันครับ

 

จำเป็นไหมต้องเช็กระยะทุก 10,000 กม.?

การเช็กระยะรถยนต์ทุก 10,000 กิโลเมตร หรือตามระยะเวลาที่ผู้ผลิตกำหนด เป็นเหมือนการตรวจสุขภาพให้กับรถยนต์ของเรา เพื่อให้มั่นใจว่าทุกส่วนประกอบทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และป้องกันปัญหาใหญ่ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต

 

สาเหตุที่ต้องเช็กระยะเป็นประจำ

ทำไมต้องเช็กระยะ?

  • ป้องกันความเสียหาย - การตรวจเช็กสม่ำเสมอจะช่วยให้เราพบปัญหาเล็กๆ น้อยๆ ก่อนที่จะกลายเป็นปัญหาใหญ่ที่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมมากขึ้น
  • ยืดอายุการใช้งานของรถ - การดูแลรักษารถยนต์ตามระยะทางที่กำหนด จะช่วยให้รถยนต์ของเรามีอายุการใช้งานที่ยาวนานขึ้น
  • เพิ่มความปลอดภัย - การตรวจสอบระบบเบรก ระบบช่วงล่าง และส่วนประกอบอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัย จะช่วยให้มั่นใจได้ว่ารถยนต์ของเราอยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน

เช็กระยะแต่ละครั้ง เช็กอะไรบ้าง?

รายการเช็กระยะจะแปรผันขึ้นอยู่กับระยะทางของรถที่วิ่งไป แต่โดยมากแล้วรถสันดาปจะมีรายการที่ต้องตรวจเช็กหรือเปลี่ยน ดังนี้

  • ระบบเครื่องยนต์ - เช่น ระดับน้ำมันเครื่อง, ไส้กรองน้ำมันเครื่อง, สายพาน
  • ระบบส่งกำลัง - เช็กระดับน้ำมันเกียร์, การทำงานของคลัทช์
  • ระบบเบรก - ตรวจสอบผ้าเบรก, จานเบรก, น้ำมันเบรก
  • ระบบช่วงล่าง - เช็กโช้คอัพ, บูชต่างๆ
  • ระบบหล่อเย็น - เช็กระดับน้ำหล่อเย็น, สภาพหม้อน้ำ
  • ระบบไฟฟ้า - เช็กไฟหน้า, ไฟท้าย, ไฟเลี้ยว, แบตเตอรี่
  • ระบบปรับอากาศ - ตรวจสอบการทำงานของระบบปรับอากาศ
  • ล้อและยาง - ตรวจสอบความดันลมยาง, สภาพของดอกยาง, การสึกหรอของยาง

     การเช็คระยะรถยนต์ทุก 10,000 กิโลเมตร หรือตามระยะเวลาที่ผู้ผลิตกำหนด ถือเป็นการลงทุนระยะยาวที่คุ้มค่า เพราะจะช่วยให้รถยนต์ของเราอยู่ในสภาพพร้อมใช้งานเสมอ และช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมในระยะยาว

 

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com

.

.

.

.

_____________________________________

เราคือตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ

เทอร์โบแท้

IHI TURBO 🇯🇵

GARRETT 🇺🇸

MITSUBISHI TURBOCHARGER 🇯🇵

ซื้อกับเราได้สินค้าแท้100%

คุ้มค่ากว่า ใช้งานได้ในระยะยาว

สบายใจกว่า เทอร์โบแท้รับประกันสินค้ายาวนาน

บริการหลังการขายที่ยอดเยี่ยม

โดยทีมงานมืออาชีพ ผู้มีประสบการณ์มากกว่า 24 ปี”

สั่งอะไหล่กับเรา "ออกใบกำกับภาษี" ได้

พร้อมบริการการดูแลหลังการขายตลอดอายุการใช้งาน

⚙️เข้าชมสินค้าทั้งหมดในเว็บไซต์

คลิก: www.sqdparts.com

⚙️สั่งซื้อทางเพจ

คลิก: m.me/sqdparts

⚙️สั่งซื้อผ่านไลน์

คลิก: https://liff.line.me/1645278921-kWRPP32q/?accountId=sqdparts

คลิกYoutube : https://bit.ly/3IAJstu

คลิกTiktok : https://bit.ly/3bXmLmN

คลิกInstagram : https://bit.ly/3AFxMDx

เขียนโดย sqdparts เมื่อ Mon 27 Jan, 2025
อ่านต่อ

     แบตเตอรี่เป็นส่วนประกอบสำคัญที่ช่วยให้รถยนต์สตาร์ทติด หากแบตเตอรี่เสื่อมสภาพเร็วกว่าปกติ อาจส่งผลให้เกิดความยุ่งยากในการบำรุงรักษา บทความนี้ เราจะมาดูกันว่าอะไรคือสาเหตุหลักๆ ที่ทำให้แบตเตอรี่รถยนต์เสื่อมสภาพเร็วกว่าปกติ

 

4 สาเหตุทำแบตเสื่อมเร็วกว่าปกติ

1. การใช้งานที่ไม่เหมาะสม - การเปิดไฟหน้า วิทยุ หรืออุปกรณ์ไฟฟ้าอื่นๆ ทิ้งไว้ขณะที่รถยนต์ดับ จะทำให้แบตเตอรี่ค่อยๆ หมด และเสื่อมสภาพเร็วขึ้น และหากจอดรถทิ้งไว้เป็นระยะเวลานาน จะทำให้แบตเตอรี่ค่อยๆ เสื่อมสภาพไปตามธรรมชาติได้เช่นกัน

2. ใช้งานรถสั้นเกินไป - การสตาร์ทเครื่องยนต์บ่อยครั้งโดยไม่ให้เครื่องยนต์ทำงานนานพอ จะทำให้แบตเตอรี่ไม่ได้รับการชาร์จไฟอย่างเต็มที่ ส่งผลให้แบตเตอรี่เสื่อมสภาพไวขึ้นเช่นกัน

3. ไดชาร์จทำงานผิดปกติ - ไดชาร์จมีหน้าที่ชาร์จไฟให้แบตเตอรี่ หากไดชาร์จทำงานผิดปกติ มีการสร้างประจุไฟน้อยหรือมากเกินไป อาจส่งผลต่ออายุการใช้งานแบตเตอรี่ได้เช่นกัน

4. ติดตั้งอุปกรณ์เสริมจำนวนมาก - เช่น ระบบเครื่องเสียง ไฟส่องสว่าง ฯลฯ ส่งผลให้แบตเตอรี่ถูกใช้งานมากกว่าปกติ และทำให้แบตเตอรี่เสื่อมเร็วกว่าที่ควรจะเป็น

 

วิธีดูแลรักษาแบตเตอรี่รถยนต์

  • ตรวจสอบระดับน้ำกลั่น - สำหรับแบตเตอรี่แบบเติมน้ำกลั่น ควรตรวจสอบระดับน้ำกลั่นเป็นประจำ และเติมน้ำกลั่นให้ถึงระดับที่กำหนด
  • ทำความสะอาดขั้วแบตเตอรี่ - ขั้วแบตเตอรี่ที่สกปรกหรือมีคราบเขียวจะทำให้การเชื่อมต่อไฟฟ้าไม่ดี ควรทำความสะอาดขั้วแบตเตอรี่เป็นประจำ
  • เปลี่ยนแบตเตอรี่เมื่อถึงอายุการใช้งาน - เมื่อแบตเตอรี่มีอายุการใช้งานนาน ควรเปลี่ยนแบตเตอรี่ใหม่ เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้น

     การดูแลรักษาแบตเตอรี่รถยนต์ให้มีอายุการใช้งานนานขึ้นนั้น ไม่ใช่เรื่องยาก เพียงแค่เราหมั่นตรวจสอบและบำรุงรักษาตามคำแนะนำของผู้ผลิตนั่นเอง

 

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com

.

.

.

.

_____________________________________

เราคือตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ

เทอร์โบแท้

IHI TURBO 🇯🇵

GARRETT 🇺🇸

MITSUBISHI TURBOCHARGER 🇯🇵

ซื้อกับเราได้สินค้าแท้100%

คุ้มค่ากว่า ใช้งานได้ในระยะยาว

สบายใจกว่า เทอร์โบแท้รับประกันสินค้ายาวนาน

บริการหลังการขายที่ยอดเยี่ยม

โดยทีมงานมืออาชีพ ผู้มีประสบการณ์มากกว่า 24 ปี”

สั่งอะไหล่กับเรา "ออกใบกำกับภาษี" ได้

พร้อมบริการการดูแลหลังการขายตลอดอายุการใช้งาน

⚙️เข้าชมสินค้าทั้งหมดในเว็บไซต์

คลิก: www.sqdparts.com

⚙️สั่งซื้อทางเพจ

คลิก: m.me/sqdparts

⚙️สั่งซื้อผ่านไลน์

คลิก: https://liff.line.me/1645278921-kWRPP32q/?accountId=sqdparts

คลิกYoutube : https://bit.ly/3IAJstu

คลิกTiktok : https://bit.ly/3bXmLmN

คลิกInstagram : https://bit.ly/3AFxMDx

เขียนโดย sqdparts เมื่อ Mon 27 Jan, 2025
อ่านต่อ

     การปะยางรถยนต์มีหลากหลายวิธี ซึ่งแต่ละวิธีก็มีข้อดีและข้อเสียแตกต่างกันออกไป จะมีวิธีไหนบ้าง บทความนี้ เราจะพาไปรู้จักกัน

 

การปะยางมีกี่แบบ?

     โดยทั่วไปแล้ว การปะยางสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 วิธี ได้แก่ การแทงใยไหม (หรือแทงหนอน) และการสตรีม

การปะยางแบบแทงใยไหม (หรือแทงหนอน)

     เป็นการใช้เข็มที่มีใยไหมเคลือบกาว แทงผ่านรูรั่วของยาง แล้วดึงใยไหมออกมาเพื่ออุดรูรั่ว เป็นวิธีแบบง่ายที่สามารถทำเองได้ ไม่ต้องเข้าร้านปะยาง เพียงเตรียมอุปกรณ์ให้พร้อมเท่านั้น โดยปัจจุบันสามารถหาซื้อชุดปะยางแบบแทงใยไหมได้ง่าย โดยเฉพาะทางออนไลน์ ราคาเพียงหลักร้อยบาทเท่านั้น

     อย่างไรก็ดี การปะยางลักษณะนี้เหมาะสำหรับรูรั่วขนาดเล็กเท่านั้น อีกทั้งความแข็งแรงไม่ทนทานเท่ากับวิธีอื่นๆ อาจมีโอกาสรั่วซึมซ้ำได้

การปะยางแบบสตรีม

     มีทั้งแบบสตรีมร้อนและสตรีมเย็น โดยใช้แผ่นยางพิเศษที่เคลือบด้วยกาวมาอุดรูรั่ว แบบสตรีมร้อนจะใช้ความร้อนในการเชื่อมแผ่นยางให้ยึดติดกับยางรถยนต์ได้ดี ส่วนสตรีมเย็นจะใช้กาวชนิดพิเศษในการยึดแผ่นยางแทน

     การปะยางแบบนี้มีข้อดี คือ แข็งแรง ทนทาน สามารถซ่อมแซมรูรั่วได้หลากหลายขนาด และมีอายุการใช้งานที่ยาวนานเทียบเท่ากับอายุการใช้งานของยาง

     อย่างไรก็ดี การปะยางแบบสตรีมจำเป็นต้องทำที่ร้านเท่านั้น โดยจะต้องถอดล้อออกเพื่อซ่อมแซม และมีค่าใช้จ่ายที่สูงกว่าการแทงใยไหม

ข้อควรพิจารณาเมื่อยางแบน

  • ขนาดและตำแหน่งของรูรั่ว - หากรูรั่วมีขนาดเล็กและอยู่บริเวณแก้มยาง การปะแบบแทงใยไหมอาจเพียงพอ แต่ถ้ารูรั่วมีขนาดใหญ่หรืออยู่บริเวณใกล้เคียงกับขอบล้อ ควรเลือกวิธีปะแบบสตรีม
  • สภาพของยาง - หากยางมีอายุการใช้งานนาน หรือมีรอยสึกหรอมาก ควรพิจารณาเปลี่ยนยางใหม่
  • หมั่นตรวจสอบสภาพยาง - หลังจากปะยางแล้ว ควรตรวจสอบความดันลมยางเป็นประจำ และสังเกตอาการผิดปกติของยาง

 

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com

.

.

.

.

_____________________________________

เราคือตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ

เทอร์โบแท้

IHI TURBO 🇯🇵

GARRETT 🇺🇸

MITSUBISHI TURBOCHARGER 🇯🇵

ซื้อกับเราได้สินค้าแท้100%

คุ้มค่ากว่า ใช้งานได้ในระยะยาว

สบายใจกว่า เทอร์โบแท้รับประกันสินค้ายาวนาน

บริการหลังการขายที่ยอดเยี่ยม

โดยทีมงานมืออาชีพ ผู้มีประสบการณ์มากกว่า 24 ปี”

สั่งอะไหล่กับเรา "ออกใบกำกับภาษี" ได้

พร้อมบริการการดูแลหลังการขายตลอดอายุการใช้งาน

⚙️เข้าชมสินค้าทั้งหมดในเว็บไซต์

คลิก: www.sqdparts.com

⚙️สั่งซื้อทางเพจ

คลิก: m.me/sqdparts

⚙️สั่งซื้อผ่านไลน์

คลิก: https://liff.line.me/1645278921-kWRPP32q/?accountId=sqdparts

คลิกYoutube : https://bit.ly/3IAJstu

คลิกTiktok : https://bit.ly/3bXmLmN

คลิกInstagram : https://bit.ly/3AFxMDx

เขียนโดย sqdparts เมื่อ Mon 27 Jan, 2025
อ่านต่อ

     เคยสงสัยหรือไม่ว่า หากประสบอุบัติเหตุขึ้นมา แต่ไม่มีใบขับขี่แล้วล่ะก็ แบบนี้จะสามารถเบิก พ.ร.บ. ได้หรือไม่? บทความนี้ เรามีคำตอบมาฝากกันครับ

 

ขับรถชนแล้วไม่มีใบขับขี่ เบิกค่าเสียหายจาก พ.ร.บ. ได้ไหม?

คำตอบคือ ได้ ครับ ถึงแม้ว่าคุณจะไม่มีใบขับขี่ในขณะเกิดอุบัติเหตุ แต่คุณก็ยังสามารถเบิกค่าเสียหายจาก พ.ร.บ. (ประกันภัยรถยนต์ภาคบังคับ) ได้ตามปกติ

 

เหตุผลที่เบิก พ.ร.บ. ได้

  • พ.ร.บ. คุ้มครองผู้ประสบภัย - พ.ร.บ. เป็นประกันภัยรถยนต์ภาคบังคับ ตามที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ ออกแบบมาเพื่อคุ้มครองผู้ที่ประสบภัยจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ ไม่ว่าผู้ขับขี่จะมีใบขับขี่หรือไม่ก็ตาม
  • ค่าเสียหายที่เบิกได้ - คุณสามารถเบิกค่ารักษาพยาบาล ค่าชดเชยหากเสียชีวิต หรือทุพพลภาพได้ตามที่ พ.ร.บ.กำหนด

ข้อควรระวัง

  • ผิดกฎหมาย - แม้ว่าจะสามารถเบิก พ.ร.บ. กรณีประสบอุบัติเหตุ แต่การขับรถโดยไม่มีใบขับขี่เป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย คุณอาจถูกปรับ หรือมีโทษตามกฎหมาย
  • ประกันภัยประเภทอื่นอาจไม่คุ้มครอง - หากคุณมีประกันภัยรถยนต์ประเภทอื่นๆ เช่น ประกันชั้น 1, 2+ หรือ 3+ อาจจะไม่ได้รับความคุ้มครองเพิ่มเติม เนื่องจากการไม่มีใบขับขี่อาจเป็นการละเมิดเงื่อนไขของกรมธรรม์
  • ยังมีค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่ต้องจ่าย - แม้ว่าจะเบิกค่าเสียหายจาก พ.ร.บ. ได้ แต่คุณอาจต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายอื่นๆ เช่น ค่าเสียหายของรถที่คุณขับ หรือค่าปรับจากเจ้าหน้าที่

     ดังนั้น ถึงแม้จะไม่มีใบขับขี่ แต่คุณก็ยังสามารถเบิกค่าเสียหายจาก พ.ร.บ. ได้ แต่การขับรถโดยไม่มีใบขับขี่เป็นสิ่งที่ผิดกฎหมาย การมีใบขับขี่ที่ถูกต้องจะช่วยให้คุณได้รับความคุ้มครองที่ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น และหลีกเลี่ยงปัญหาทางกฎหมายที่ตามมา

 

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com

.

.

.

.

_____________________________________

เราคือตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ

เทอร์โบแท้

IHI TURBO 🇯🇵

GARRETT 🇺🇸

MITSUBISHI TURBOCHARGER 🇯🇵

ซื้อกับเราได้สินค้าแท้100%

คุ้มค่ากว่า ใช้งานได้ในระยะยาว

สบายใจกว่า เทอร์โบแท้รับประกันสินค้ายาวนาน

บริการหลังการขายที่ยอดเยี่ยม

โดยทีมงานมืออาชีพ ผู้มีประสบการณ์มากกว่า 24 ปี”

สั่งอะไหล่กับเรา "ออกใบกำกับภาษี" ได้

พร้อมบริการการดูแลหลังการขายตลอดอายุการใช้งาน

⚙️เข้าชมสินค้าทั้งหมดในเว็บไซต์

คลิก: www.sqdparts.com

⚙️สั่งซื้อทางเพจ

คลิก: m.me/sqdparts

⚙️สั่งซื้อผ่านไลน์

คลิก: https://liff.line.me/1645278921-kWRPP32q/?accountId=sqdparts

คลิกYoutube : https://bit.ly/3IAJstu

คลิกTiktok : https://bit.ly/3bXmLmN

คลิกInstagram : https://bit.ly/3AFxMDx

เขียนโดย sqdparts เมื่อ Mon 27 Jan, 2025
อ่านต่อ
แสดง รายการ
ร้านค้าออนไลน์ และ ขายของออนไลน์ โดย © 2006-2025 Vevo Systems Co., Ltd.