×
หน้าหลัก > บทความประจำเดือน November 2023
บทความประจำเดือน November 2023
แสดง รายการ

     เทอร์โบหอน อาจเป็นอันตรายได้หากไม่ได้รับการดูแล เสียงหอนอาจเกิดจากสาเหตุหลายประการ

 เช่น ชิ้นส่วนสึกหรอ น้ำมันรั่ว หรือปัญหาเกี่ยวกับระบบท่ออากาศ หากปล่อยทิ้งไว้โดยไม่ได้รับการแก้ไข

ปัญหาอาจลุกลามจนส่งผลให้เทอร์โบเสียหายอย่างถาวร หรืออาจส่งผลต่อประสิทธิภาพของเครื่องยนต์ได้

สาเหตุที่พบบ่อยที่สุดของเทอร์โบหอนคือ การสึกหรอของชิ้นส่วน ใบพัดเทอร์โบหมุนด้วยความเร็วสูงมาก

การสึกหรอเพียงเล็กน้อยก็สามารถทำให้เกิดเสียงหอนได้ ชิ้นส่วนที่มักสึกหรอ ได้แก่ ใบพัด แกนเทอร์โบ และซีลน้ำมัน

น้ำมันรั่ว ก็เป็นสาเหตุที่พบบ่อยเช่นกัน น้ำมันหล่อลื่นเทอร์โบมีความสำคัญต่อการหล่อลื่นและระบายความร้อนของ

ชิ้นส่วนต่างๆ หากน้ำมันรั่ว ชิ้นส่วนเหล่านี้อาจเสียหายได้ น้ำมันรั่วอาจเกิดจากรอยแตกหรือริ้วรอยในท่อน้ำมัน

ซีลน้ำมันที่ชำรุด หรือปัญหาเกี่ยวกับปั๊มน้ำมัน ปัญหาเกี่ยวกับระบบท่ออากาศ อาจทำให้เกิดเสียงหอนได้เช่นกัน

 ท่ออากาศที่อุดตันหรือรั่วอาจทำให้อากาศไหลเวียนไม่สะดวก ส่งผลให้เทอร์โบทำงานหนักขึ้นและเกิดเสียงหอนได้

หากคุณได้ยินเสียงหอนจากเทอร์โบ ควรรีบนำรถเข้าตรวจเช็คโดยช่างผู้เชี่ยวชาญ หากปัญหาเกิดจากการสึกหรอ

ช่างอาจทำการซ่อมแซมหรือเปลี่ยนชิ้นส่วนที่เสียหาย หากปัญหาเกิดจากน้ำมันรั่ว ช่างอาจทำการอุดรอยรั่วหรือ

เปลี่ยนซีลน้ำมัน หากปัญหาเกิดจากระบบท่ออากาศ ช่างอาจทำการล้างท่ออากาศหรือเปลี่ยนท่อที่ชำรุด

หากปล่อยทิ้งไว้โดยไม่ได้รับการแก้ไข เทอร์โบหอนอาจส่งผลให้เกิดปัญหาต่างๆ ดังนี้

http://www.sqdparts.com/Blog/วิธีสังเกตุเมื่อเทอร์โบ_มีเสียงหอน_และ_วิธีการแก้ไขเบื้องต้น-blog.aspx

เทอร์โบหอน

  • เทอร์โบเสียหายอย่างถาวร
  • ประสิทธิภาพของเครื่องยนต์ลดลง
  • สิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงมากขึ้น
  • เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ

 

ขอบคุณข้อมูลบางส่วนจาก http://www.roomautoparts.com/

.

.

.

.

_____________________________________

เราคือตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ

เทอร์โบแท้

IHI TURBO 🇯🇵

GARRETT 🇺🇸

MITSUBISHI TURBOCHARGER 🇯🇵

ซื้อกับเราได้สินค้าแท้100%

คุ้มค่ากว่า ใช้งานได้ในระยะยาว

สบายใจกว่า เทอร์โบแท้รับประกันสินค้ายาวนาน

บริการหลังการขายที่ยอดเยี่ยม

โดยทีมงานมืออาชีพ ผู้มีประสบการณ์มากกว่า 24 ปี”

สั่งอะไหล่กับเรา "ออกใบกำกับภาษี" ได้

พร้อมบริการการดูแลหลังการขายตลอดอายุการใช้งาน

⚙️เข้าชมสินค้าทั้งหมดในเว็บไซต์

คลิก: www.sqdparts.com

⚙️สั่งซื้อทางเพจ

คลิก: m.me/sqdparts

⚙️สั่งซื้อผ่านไลน์

คลิก: https://liff.line.me/1645278921-kWRPP32q/?accountId=sqdparts

คลิกYoutube : https://bit.ly/3IAJstu

คลิกTiktok : https://bit.ly/3bXmLmN

คลิกInstagram : https://bit.ly/3AFxMDx

เขียนโดย sqdparts เมื่อ Thu 30 Nov, 2023
อ่านต่อ

     ก่อนการขับรถเดินทางไกลทุกครั้ง จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องตรวจสภาพรถเบื้องต้นด้วยตัวเอง เพื่อให้การเดินทางราบรื่นและปลอดภัยมากที่สุด เราจึงขอแนะนำ 7 จุดสำคัญที่ต้องตรวจเช็กก่อนเดินทางไกล มีอะไรบ้างไปดูกันเลย

 

จุดที่ 1 สภาพยางรถยนต์ และแรงดันลมยาง

     ควรตรวจเช็กสภาพยางรถยนต์ด้วยสายตา โดยจะต้องอยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน มีดอกยางเหลือมากกว่า 3 มิลลิเมตรขึ้นไป ไม่มีรอยฉีกหรือแตกลายงาที่อาจก่อให้เกิดการรั่วซึมหรือระเบิดขณะขับขี่ได้ อีกทั้งยังควรตรวจสอบแรงดันลมยางก่อนออกเดินทาง โดยรถทุกคันจะระบุแรงดันลมยางที่เหมาะสมเอาไว้ที่ข้างตัวรถ (รถบางยี่ห้อจะอยู่ด้านในของฝาถังน้ำมัน) รวมถึงจะต้องเติมลมยางเพิ่มขึ้นจากปกติประมาณ 4-12 ปอนด์ต่อตารางนิ้ว (PSI) กรณีบรรทุกผู้โดยสารและสิ่งของเต็มคัน (ขึ้นอยู่กับรถแต่ละรุ่น)

 

จุดที่ 2 ระดับของเหลวในห้องเครื่องยนต์

     ควรตรวจเช็กของเหลวในห้องเครื่องยนต์ให้ได้ระดับอยู่เสมอ ซึ่งโดยมากแล้วจะประกอบด้วย น้ำมันเครื่อง, น้ำมันเกียร์, น้ำหล่อเย็น (คูลแลนท์), น้ำมันเบรก, น้ำมันพวงมาลัยเพาเวอร์ ฯลฯ รวมถึงต้องตรวจเช็กว่าของเหลวอยู่ในสภาพสมบูรณ์ ไม่ข้นดำหรือมีกลิ่นผิดแปลกไปจากปกติ หากพบว่าของเหลวพร่องเกินระดับมาตรฐาน อาจเป็นเพราะมีการรั่วซึมเกิดขึ้น ควรรีบนำรถเข้ารับการแก้ไขก่อนเดินทางไกล

จุดที่ 3 สภาพแแบตเตอรี่

     ควรตรวจเช็กระดับน้ำกลั่นภายในแบตเตอรี่ก่อนออกเดินทาง รวมถึงขจัดคราบเกลือที่ขั้วแบตฯ เพื่อให้สามารถจ่ายไฟได้อย่างเต็มที่ กรณีเป็นแบตเตอรี่แบบ MF หรือ Maintenance Free ที่ไม่มีช่องเติมน้ำกลั่น ควรตรวจเช็กด้วยการฟังเสียงสตาร์ทเครื่องยนต์ว่ามีอาการเฉื่อยกว่าปกติหรือไม่ หากแบตเตอรี่มีอายุเกิน 2 ปี อาจใกล้เสื่อมสภาพแล้ว ให้พิจารณาเปลี่ยนแบตเตอรี่ลูกใหม่ตามความเหมาะสม

 

จุดที่ 4 การทำงานของระบบช่วงล่าง

     ให้ตรวจสอบการทำงานของโช้กอัพทั้ง 4 ต้นว่ามีการรั่วซึมหรือไม่ หากพบว่ามีน้ำมันซึมเปื้อนออกมาแสดงว่าถึงเวลาต้องเปลี่ยนโช้กอัพใหม่แล้ว รวมถึงหมั่นสังเกตเสียงจากช่วงล่างขณะขับผ่านทางขรุขระหรือลูกระนาด หากพบว่ามีเสียงแปลกๆ ก็ควรรีบนำรถเข้าไปตรวจเช็กเสียก่อน เพื่อให้รถมีประสิทธิภาพในการยึดเกาะถนนดังเดิม

 

จุดที่ 5 ตรวจเช็กไฟส่องสว่างรอบคัน

     การตรวจเช็กไฟส่องสว่างรอบคันเป็นสิ่งที่หลายคนละเลย โดยนอกจากจะต้องตรวจเช็กการทำงานของไฟหน้าว่ายังคงส่องสว่างตามปกติทั้งสองข้างแล้วนั้น ยังต้องตรวจเช็กการทำงานของไฟสูง, ไฟหรี่, ไฟตัดหมอกหน้า-หลัง, ไฟเลี้ยวรอบคัน, ไฟถอยหลัง รวมถึงไฟเบรกดวงที่ 3 เพื่อให้การเดินทางยามค่ำคืนมีความปลอดภัยมากที่สุด

จุดที่ 6 สภาพยางปัดน้ำฝน

     แม้ว่าช่วงปีใหม่จะไม่ค่อยมีฝนตกเหมือนกับช่วงหน้าฝน แต่ก็ควรตรวจเช็กสภาพใบปัดน้ำฝนว่ายังคงปัดน้ำได้เกลี้ยงตั้งแต่ครั้งแรก กรณีเป็นรถ 5 ประตูที่มีใบปัดน้ำฝนหลังก็ควรตรวจเช็กเพิ่มเติมควบคู่กันไปด้วย และอย่าลืมเติมน้ำล้างกระจกให้เต็มก่อนออกเดินทาง

 

จุดที่ 7 เครื่องมือประจำรถและเอกสารที่จำเป็นต่างๆ

     ตรวจเช็กเครื่องมือประจำรถว่ายังคงอยู่ครบทุกชิ้น โดยเฉพาะอุปกรณ์ในการเปลี่ยนยางอะไหล่ ขณะที่ยางอะไหล่เองก็ต้องอยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน และมีแรงดันลมยางที่เหมาะสมตลอดเวลา ซึ่งโดยมากแล้วจะต้องเติมเผื่อจากปกติขึ้นอีก 5 ปอนด์ต่อตารางนิ่ว เนื่องจากลมยางจะซึมออกทีละน้อยตลอดเวลา

     นอกจากนี้ ควรตรวจเช็กเอกสารที่จำเป็นต่างๆ ว่ายังคงมีติดรถตลอดเวลา เช่น สำเนาสมุดคู่มือจดทะเบียนรถ (หลีกเลี่ยงการเก็บเล่มจริงไว้ในรถ), กรมธรรม์ประกันภัย และกรมธรรม์ประกันภัยภาคบังคับ หรือ พ.ร.บ. เป็นต้น

     นอกจากสภาพความพร้อมของตัวรถแล้ว ความพร้อมของผู้ขับขี่ก็เป็นสิ่งสำคัญไม่แพ้กัน โดยผู้ขับขี่ควรนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพออย่างน้อย 8 ชั่วโมงก่อนออกเดินทาง งดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และหยุดพักขับรถเป็นระยะเพื่อให้ร่างกายรู้สึกสดชื่นกระปรี้กระเปร่าอยู่เสมอ

 

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com

.

.

.

.

_____________________________________

เราคือตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ

เทอร์โบแท้

IHI TURBO 🇯🇵

GARRETT 🇺🇸

MITSUBISHI TURBOCHARGER 🇯🇵

ซื้อกับเราได้สินค้าแท้100%

คุ้มค่ากว่า ใช้งานได้ในระยะยาว

สบายใจกว่า เทอร์โบแท้รับประกันสินค้ายาวนาน

บริการหลังการขายที่ยอดเยี่ยม

โดยทีมงานมืออาชีพ ผู้มีประสบการณ์มากกว่า 24 ปี”

สั่งอะไหล่กับเรา "ออกใบกำกับภาษี" ได้

พร้อมบริการการดูแลหลังการขายตลอดอายุการใช้งาน

⚙️เข้าชมสินค้าทั้งหมดในเว็บไซต์

คลิก: www.sqdparts.com

⚙️สั่งซื้อทางเพจ

คลิก: m.me/sqdparts

⚙️สั่งซื้อผ่านไลน์

คลิก: https://liff.line.me/1645278921-kWRPP32q/?accountId=sqdparts

คลิกYoutube : https://bit.ly/3IAJstu

คลิกTiktok : https://bit.ly/3bXmLmN

คลิกInstagram : https://bit.ly/3AFxMDx

เขียนโดย sqdparts เมื่อ Wed 29 Nov, 2023
อ่านต่อ

     ทราบหรือไม่ว่าการปล่อยให้น้ำมันเชื้อเพลิงเกลี้ยงถังบ่อยๆ นอกจากจะเสี่ยงทำให้รถดับกลางทางได้แล้วนั้น ยังอาจถึงขั้นทำให้ “ปั๊มติ๊ก” พัง ต้องเสียเงินค่าซ่อมโดยใช่เหตุอีกด้วย

 

     โดยปกติแล้วในถังน้ำมันเชื้อเพลิงจะมีชิ้นส่วนที่เรียกว่า “ปั๊มเชื้อเพลิง” (Fuel Pump) หรือที่ภาษาช่างมักเรียกกันติดปากว่า “ปั๊มติ๊ก” เพื่อใช้ดูดน้ำมันเชื้อเพลิงในถังป้อนให้กับเครื่องยนต์ โดยการทำงานของปั๊มติ๊กจะทำให้มีเสียงดัง ติ๊กๆ จึงเป็นที่มาว่าทำไมถึงเรียกกันว่าปั๊มติ๊กนั่นเอง

     ทีนี้การที่มีน้ำมันไหลผ่านปั๊มติ๊กจะช่วยให้ปั๊มติ๊กไม่ร้อนและมีการหล่อลื่นอยู่ตลอดเวลา แต่หากปล่อยให้น้ำมันเชื้อเพลิงเกลี้ยงถังอยู่บ่อยๆ จนเห็นไฟเตือนน้ำมันโชว์เป็นเรื่องปกตินั้น จะทำให้ปั๊มติ๊กทำงานหนักและระบายความร้อนได้ไม่ดี เมื่อบ่อยเข้าก็จะทำให้มอเตอร์พังและได้รับความเสียหายได้ จนกระทั่งปั๊มติ๊กหยุดการทำงานไปในที่สุด ผลก็คือ เครื่องยนต์ดับ สตาร์ทไม่ติด ซึ่งอาจเกิดขึ้นได้แม้ในขณะรถกำลังเคลื่อนที่อยู่ก็ตาม

 

     ส่วนการเปลี่ยนปั๊มติ๊กก็จะมีค่าใช้จ่ายตั้งแต่ประมาณ 8 ร้อยบาท ขึ้นไปจนถึง 5-6 พันบาท ขึ้นอยู่กับรถแต่ละรุ่น บางรุ่นสามารถเปลี่ยนเฉพาะมอเตอร์ได้ บางรุ่นจำเป็นต้องเปลี่ยนทั้งชุดพร้อมลูกลอย แม้ว่าระยะเวลาในการเปลี่ยนจะไม่มากนัก (หากอู่มีอะไหล่พร้อมมักใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงก็เสร็จ) แต่เจ้าของรถมักจะเสียเวลาทั้งวันเนื่องจากไม่สามารถสตาร์ทเครื่องเพื่อขับไปยังอู่ได้นั่นเอง

 

     ดังนั้น เพื่อเป็นการถนอมปั๊มติ๊ก ควรเติมน้ำมันให้ได้ระดับมากกว่า 1 ใน 4 ของถังทุกครั้ง และไม่ปล่อยให้น้ำมันพร่องจนไฟเตือนน้ำมันโชว์ กรณีรถใช้ก๊าซ LPG หรือ NGV ควรสลับมาใช้น้ำมันเป็นระยะ เพื่อให้ระบบฉีดจ่ายน้ำมันยังคงทำงานได้อย่างสมบูรณ์

 

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com

.

.

.

.

_____________________________________

เราคือตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ

เทอร์โบแท้

IHI TURBO 🇯🇵

GARRETT 🇺🇸

MITSUBISHI TURBOCHARGER 🇯🇵

ซื้อกับเราได้สินค้าแท้100%

คุ้มค่ากว่า ใช้งานได้ในระยะยาว

สบายใจกว่า เทอร์โบแท้รับประกันสินค้ายาวนาน

บริการหลังการขายที่ยอดเยี่ยม

โดยทีมงานมืออาชีพ ผู้มีประสบการณ์มากกว่า 24 ปี”

สั่งอะไหล่กับเรา "ออกใบกำกับภาษี" ได้

พร้อมบริการการดูแลหลังการขายตลอดอายุการใช้งาน

⚙️เข้าชมสินค้าทั้งหมดในเว็บไซต์

คลิก: www.sqdparts.com

⚙️สั่งซื้อทางเพจ

คลิก: m.me/sqdparts

⚙️สั่งซื้อผ่านไลน์

คลิก: https://liff.line.me/1645278921-kWRPP32q/?accountId=sqdparts

คลิกYoutube : https://bit.ly/3IAJstu

คลิกTiktok : https://bit.ly/3bXmLmN

คลิกInstagram : https://bit.ly/3AFxMDx

เขียนโดย sqdparts เมื่อ Wed 29 Nov, 2023
อ่านต่อ

     หลายคนกำลังเตรียมตัวขับรถท่องเที่ยวในช่วงวันหยุดปีใหม่ 2567 นี้ การตรวจเช็กสภาพรถให้พร้อมถือเป็นสิ่งสำคัญเพื่อให้การเดินทางเป็นไปอย่างราบรื่นและปลอดภัย เช่นเดียวกับการเติมลมยางให้เหมาะสมก่อนเดินทางทุกครั้ง แม้จะเป็นสิ่งเล็กๆ ที่หลายคนมองข้าม แต่ก็ถือเป็นความปลอดภัยขั้นพื้นฐานที่ผู้ใช้รถทุกคนต้องหมั่นตรวจสอบเสมอ

 

     ก่อนขับรถเดินทางไกลควรเติมลมยางเท่าไหร่จึงจะดีที่สุด เราจะพาไปหาคำตอบกันครับ

 

     โดยปกติแล้วรถยนต์ทุกคันควรเติมแรงดันลมยางให้ได้ตามที่ผู้ผลิตกำหนดไว้ ซึ่งแตกต่างกันไปตามแต่ละรุ่นและยี่ห้อรถ โดยเจ้าของรถสามารถตรวจสอบแรงดันลมยางที่เหมาะสมได้จากสติ๊กเกอร์ที่ติดไว้บริเวณเสากลางฝั่งผู้ขับขี่ ที่ระบุแรงดันลมยางของล้อหน้าและล้อหลังเอาไว้ ไม่ว่าจะเป็นลมยางปกติหรือลมไนโตรเจนก็ตาม

     ส่วนกรณีมีความจำเป็นต้องขับรถเดินทางไกล มีผู้โดยสารนั่งไปด้วยหลายคน และมีสัมภาระเต็มคัน (MAX LOAD) จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเพิ่มแรงดันลมยางให้มากกว่าปกติ โดยล้อคู่หน้าควรเพิ่มแรงดันขึ้นอีก 2 - 4 ปอนด์ต่อตารางนิ้ว (PSI) ล้อคู่หลังควรเพิ่มแรงดันขึ้น 6 - 10 ปอนด์ต่อตารางนิ้วขึ้นอยู่กับขนาดล้อและยาง เพื่อชดเชยน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นโดยเฉพาะกับล้อคู่หลัง

 

     การเพิ่มแรงดันลมยางกรณีบรรทุกผู้โดยสารและสัมภาระเต็มคัน จะช่วยให้ยางคงไว้ซึ่งความกลมขณะเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูง ลดโอกาสยางฉีกหรือระเบิดเมื่อตกหลุมอย่างรุนแรง และยังช่วยลดอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงลงได้อีกด้วย

 

     เมื่อทราบอย่างนี้แล้วก่อนขับรถไปเที่ยวกับครอบครัวช่วงปีใหม่ 2567 นี้ ก็อย่าลืมตรวจเช็กลมยางให้เหมาะสมก่อนเดินทางด้วยนะครับ

 

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com

.

.

.

.

_____________________________________

เราคือตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ

เทอร์โบแท้

IHI TURBO 🇯🇵

GARRETT 🇺🇸

MITSUBISHI TURBOCHARGER 🇯🇵

ซื้อกับเราได้สินค้าแท้100%

คุ้มค่ากว่า ใช้งานได้ในระยะยาว

สบายใจกว่า เทอร์โบแท้รับประกันสินค้ายาวนาน

บริการหลังการขายที่ยอดเยี่ยม

โดยทีมงานมืออาชีพ ผู้มีประสบการณ์มากกว่า 24 ปี”

สั่งอะไหล่กับเรา "ออกใบกำกับภาษี" ได้

พร้อมบริการการดูแลหลังการขายตลอดอายุการใช้งาน

⚙️เข้าชมสินค้าทั้งหมดในเว็บไซต์

คลิก: www.sqdparts.com

⚙️สั่งซื้อทางเพจ

คลิก: m.me/sqdparts

⚙️สั่งซื้อผ่านไลน์

คลิก: https://liff.line.me/1645278921-kWRPP32q/?accountId=sqdparts

คลิกYoutube : https://bit.ly/3IAJstu

คลิกTiktok : https://bit.ly/3bXmLmN

คลิกInstagram : https://bit.ly/3AFxMDx

เขียนโดย sqdparts เมื่อ Wed 29 Nov, 2023
อ่านต่อ

     หลายคนมีข้อสงสัยว่า เวลาที่ขับรถทางไกลเป็นระยะเวลานานๆ เมื่อถึงจุดหมายแล้ว จะสามารถดับเครื่องยนต์ทันทีได้เลยหรือไม่ หรือต้องปล่อยให้อยู่ในรอบเดินเบาระยะหนึ่งก่อนจึงจะดับเครื่องยนต์ได้ บทความนี้จะพาไปหาคำตอบกันครับ

รถไม่มีเทอร์โบ

     กรณีเป็นรถเครื่องยนต์เบนซินหรือดีเซลบางรุ่นที่ไม่มีระบบเทอร์โบ สามารถดับเครื่องยนต์ได้ทันทีโดยไม่จำเป็นต้อง “คูลดาวน์” เนื่องจากในระหว่างการขับขี่เครื่องยนต์จะมีการระบายความร้อนโดยสมบูรณ์อยู่แล้ว การติดเครื่องยนต์ทิ้งไว้จึงไม่มีความจำเป็น และสิ้นเปลืองน้ำมันโดยใช่เหตุ

รถมีเทอร์โบ

     ส่วนกรณีรถที่มีเครื่องยนต์เทอร์โบ ไม่ว่าจะเป็นรถดีเซลหรือเบนซิน อันที่จริงสามารถดับเครื่องยนต์ได้ทันทีโดยไม่ก่อให้เกิดปัญหา แต่หากต้องการถนอมเทอร์โบให้มีอายุการใช้งานยาวนานยิ่งขึ้น ก็ให้ติดเครื่องยนต์ไว้ชั่วครู่ประมาณ 2 - 3 นาที เพื่อระบายความร้อนของแกนเทอร์โบ ช่วยให้อุณหภูมิสะสมของตัวเทอร์โบค่อยๆ ลดลงก่อนที่จะดับเครื่องยนต์

     อย่างไรก็ดี การลดความเร็วก่อนถึงที่หมาย รวมถึงการขับรถไปอย่างช้าๆ ในลานจอดรถ ก็เป็นการระบายความร้อนของเทอร์โบได้ในระดับหนึ่ง เนื่องจากการใช้รอบเดินเบาหรือเหยียบคันเร่งเพียงเล็กน้อย เทอร์โบก็จะไม่ทำงาน ซึ่งระหว่างนี้เทอร์โบก็จะมีอุณหภูมิค่อยๆ ลดลง กรณีนี้ก็สามารถลดระยะเวลาในการคูลดาวน์ลงได้ เช่น จากปกติคูลดาวน์ 3 นาที อาจลดระยะเวลาเหลือ 1 นาทีก็พอ

ทำไมรถเทอร์โบจึงควรคูลดาวน์ก่อนดับเครื่องยนต์?

     โดยปกติแล้วหน้าที่ของเทอร์โบคือช่วยอัดอากาศเข้าไปยังห้องเผาไหม้มากยิ่งขึ้น จะช่วยเพิ่มพละกำลังของเครื่องยนต์ตั้งแต่รอบต่ำไปจนถึงรอบสูง (ช่วงรอบเครื่องยนต์ที่เทอร์โบทำงานจะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับรถแต่ละรุ่น) เมื่อเทอร์โบทำงานเป็นระยะเวลานานๆ โข่งไอเสียฝั่งขาออกจะเกิดความร้อนสูง รถบางรุ่นจึงมีการออกแบบให้มีน้ำมันเครื่องยนต์ส่วนหนึ่งวิ่งวนเพื่อไปช่วยระบายความร้อนในแกนเทอร์โบ หากว่ามีการคูลดาวน์ก่อนดับเครื่องยนต์ก็จะช่วยลดความร้อนได้เร็วกว่านั่นเอง

 

     เมื่อทราบแบบนี้แล้วผู้ใช้รถก็สามารถนำไปประยุกต์ปฏิบัติได้อย่างเหมาะสมเพื่อยืดอายุการทำงานของเครื่องยนต์ครับ

 

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com

.

.

.

.

_____________________________________

เราคือตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ

เทอร์โบแท้

IHI TURBO 🇯🇵

GARRETT 🇺🇸

MITSUBISHI TURBOCHARGER 🇯🇵

ซื้อกับเราได้สินค้าแท้100%

คุ้มค่ากว่า ใช้งานได้ในระยะยาว

สบายใจกว่า เทอร์โบแท้รับประกันสินค้ายาวนาน

บริการหลังการขายที่ยอดเยี่ยม

โดยทีมงานมืออาชีพ ผู้มีประสบการณ์มากกว่า 24 ปี”

สั่งอะไหล่กับเรา "ออกใบกำกับภาษี" ได้

พร้อมบริการการดูแลหลังการขายตลอดอายุการใช้งาน

⚙️เข้าชมสินค้าทั้งหมดในเว็บไซต์

คลิก: www.sqdparts.com

⚙️สั่งซื้อทางเพจ

คลิก: m.me/sqdparts

⚙️สั่งซื้อผ่านไลน์

คลิก: https://liff.line.me/1645278921-kWRPP32q/?accountId=sqdparts

คลิกYoutube : https://bit.ly/3IAJstu

คลิกTiktok : https://bit.ly/3bXmLmN

คลิกInstagram : https://bit.ly/3AFxMDx

เขียนโดย sqdparts เมื่อ Wed 29 Nov, 2023
อ่านต่อ

     น้ำหนักของตัวรถมีผลต่อความเร็วและอัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงหรือไม่ เป็นคำถามที่หากไปถามทีมงานในศึกฟอร์มูล่า วัน แน่นอนว่า ปัจจัยที่ผมจั่วหัวเอาไว้มีผลค่อนข้างมากครับ แต่กับรถบ้านที่เราใช้กันอยู่ในชีวิตประจำวันล่ะ มีผลแค่ไหน

 

     ในรถเอฟวันยุคปัจจุบันที่กติกาห้ามมีการเติมน้ำมันเชื้อเพลิงขณะแข่งขัน เราจะสังเกตได้ว่า หากเป็นทางแห้งปกติ รถที่ทำเวลาต่อรอบได้เร็วที่สุด (fastest lap) มักจะทำได้กันในช่วงท้าย ๆ ของการแข่งขัน นั่นเป็นเพราะว่าน้ำหนักของรถเริ่มที่จะเบาลงเรื่อย ๆ นั่นเอง

 

     ส่วนในการทดสอบรถเอฟวันในช่วงวินเตอร์ เทสต์ เราอาจจะเห็นรถแข่งทีมกลางหรือทีมท้ายแถว ทำเวลาเร็วที่สุดในบางวัน แต่พอเข้าแข่งขันในฤดูกาลเต็ม ๆ แล้วกลับผลงานสู้หัวแถวไม่ได้ นั่นเป็นเพราะในการเทสต์บางคันอาจจะลองเติมน้ำมันให้วิ่งได้แค่ 1-2 รอบเท่านั้น รถจึงเบากว่าคันอื่น ๆ

 

     ขณะที่การใช้รถในชีวิตประจำวัน ปัจจัยเรื่องของน้ำหนักอาจไม่ได้มีผลมากนัก เพราะรถที่ออกจากโชว์รูมส่วนใหญ่มีการทดสอบให้สามารถเติมน้ำมันเต็มถังได้แบบไร้ปัญหา อย่างไรก็ดีในการขับรถเข้าปั๊มเติมน้ำมันแต่ละครั้งคุณเติมเต็มถังกันหรือไม่ ลองมาแชร์ข้อมูลกันสักหน่อยครับ

     สำหรับผมหากใช้งานในชีวิตประจำวันผมจะเติมน้ำมันครั้งละราว ๆ 1 พันบาทบวก-ลบ ซึ่งก็จะได้น้ำมันมาราว ๆ 3 ส่วน 4 ของถัง โดยเหตุที่ผมมักไม่ค่อยเติมเต็มถัง ก็เพราะเป็นความรู้สึกส่วนตัวล้วน ๆ ครับ อย่างแรกคือคิดว่าหากเติมเต็มถังรถจะหนักเกินไป เพราะถังน้ำมันรถผมเต็มพิกัดขึ้นไปถึง 65 ลิตร

 

     อย่างที่สองคือในช่วงหลัง ๆ แต่ละปั๊มมักจะมีโปรโมชันต่าง ๆ ตามราคาที่กำหนดไว้ อาทิ เติม 1 พันบาท ได้น้ำ 2 ขวด หรือในช่วงฟุตบอลโลก เติม 900 บาท ได้แก้วน้ำฟุตบอลโลก 1 ใบ นั่นเป็นอีกเหตุผลที่ผมเติมน้ำมันไม่เต็มถังเวลาขับรถเข้าปั๊มในแต่ละครั้ง

 

     ทีนี้คำถามคือการเติมเต็มถัง หรือ 3 ส่วน 4 ของถัง นอกจากเรื่องน้ำหนักแล้วมันแตกต่างกันอย่างไร คำตอบคือ นอกจากถูกกว่าและเบากว่า เรื่องทางเทคนิคอื่น ๆ แทบจะไม่ต่างกันครับ ขอแค่อย่าเติมล้นถังออกมาข้างนอก หรือ ปล่อยให้ไฟเตือนโชว์จนน้ำมันแทบหมดถังเป็นพอ

 

     การที่เติมจนล้น ที่มาจากบางปั๊มในบ้านเราเป็นแบบบริการตัวเอง หรือบางปั๊ม เด็กปั๊มก็เค้นให้ตัวเลขลงตัวจนลืมดูถังน้ำมัน จะส่งผลเสียต่อเครื่องยนต์ได้ เพราะไอระเหยของน้ำมันอาจเข้าไปในระบบได้ ส่วนการปล่อยให้น้ำมันเกือบแห้งบ่อย ๆ ก็อาจทำให้ปั๊มติ๊ก หรืออุปกรณ์ในถังทำงานหนักจนพังได้ครับ

 

     ทางที่ดีควรเติมให้มีน้ำมันอยู่ในถังอย่างน้อย 3 ส่วน 4 ครับ และไม่ควรรอให้ไฟโชว์แล้วค่อยเติม หากระดับลงมาอยู่ที่ 1 ใน 4 ของถังก็ขับเข้าปั๊มเติมได้เลยครับ ส่วนจะเติมเต็มถังหรือไม่แล้วแต่ความชอบเลยครับ ส่วนผมครั้งละ 1 พันกำลังสวย เว้นแต่มีเจ้าภาพนั่งไปด้วย จัดเต็มถังสิครับ

 

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com

.

.

.

.

_____________________________________

เราคือตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ

เทอร์โบแท้

IHI TURBO 🇯🇵

GARRETT 🇺🇸

MITSUBISHI TURBOCHARGER 🇯🇵

ซื้อกับเราได้สินค้าแท้100%

คุ้มค่ากว่า ใช้งานได้ในระยะยาว

สบายใจกว่า เทอร์โบแท้รับประกันสินค้ายาวนาน

บริการหลังการขายที่ยอดเยี่ยม

โดยทีมงานมืออาชีพ ผู้มีประสบการณ์มากกว่า 24 ปี”

สั่งอะไหล่กับเรา "ออกใบกำกับภาษี" ได้

พร้อมบริการการดูแลหลังการขายตลอดอายุการใช้งาน

⚙️เข้าชมสินค้าทั้งหมดในเว็บไซต์

คลิก: www.sqdparts.com

⚙️สั่งซื้อทางเพจ

คลิก: m.me/sqdparts

⚙️สั่งซื้อผ่านไลน์

คลิก: https://liff.line.me/1645278921-kWRPP32q/?accountId=sqdparts

คลิกYoutube : https://bit.ly/3IAJstu

คลิกTiktok : https://bit.ly/3bXmLmN

คลิกInstagram : https://bit.ly/3AFxMDx

เขียนโดย sqdparts เมื่อ Wed 29 Nov, 2023
อ่านต่อ
แสดง รายการ
ร้านค้าออนไลน์ และ ขายของออนไลน์ โดย © 2006-2024 Vevo Systems Co., Ltd.