เวลาขับรถแล้วจู่ๆ มีสัญลักษณ์ไฟหน้าปัดโชว์ขึ้นมา หลายคนอาจสับสนเพราะมีมากมายหลายแบบ แต่ช่างผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้จำหลักการง่ายๆ เพียงแค่แยกตามสี
โดยเฉพาะ "ไฟสีแดง" และ "ไฟสีเหลือง" ซึ่งมีความหมายต่างกันอย่างสิ้นเชิง การเข้าใจสัญลักษณ์เหล่านี้จะช่วยให้คุณรู้ว่าเมื่อไหร่ที่ต้อง "จอดทันที" ก่อนที่รถจะพังกลางทาง
Part 1: "ไฟสีแดง" (Red Alert) = สัญญาณวิกฤต ต้องหยุดทันที
หากเห็นไฟเตือนสีแดงสว่างขึ้นมาบนหน้าปัด นั่นคือสัญญาณ "วิกฤต" ที่แปลว่ารถกำลังมีปัญหาร้ายแรง ช่างย้ำว่าห้ามฝืนขับต่อเด็ดขาด ควรหาที่ปลอดภัยจอดรถทันที สัญญาณสีแดงที่พบบ่อยและอันตรายที่สุด ได้แก่
1. รูปแบตเตอรี่ (ไดชาร์จไม่ทำงาน)
หลายคนเข้าใจผิดว่าสัญลักษณ์นี้หมายถึง "แบตเตอรี่หมด" แต่ช่างอธิบายว่า หากไฟรูปแบตเตอรี่ "ค้าง" ในขณะที่กำลังขับรถ นั่นคือสัญญาณว่า "ไดชาร์จไม่ทำงาน" หรือไดชาร์จพัง รถกำลังดึงไฟจากแบตเตอรี่มาใช้จนหมดก้อน และอาจ "ดับกลางอากาศ" ในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า นี่คือสถานการณ์ฉุกเฉินที่ต้องจอดทันที
2. รูปกาน้ำมันเครื่อง (แรงดันน้ำมันเครื่องต่ำ)
นี่คือสัญญาณที่อันตรายที่สุด! ไม่ได้แปลว่าน้ำมันเครื่องแค่พร่อง แต่หมายถึง "แรงดันน้ำมันเครื่องต่ำ" หรือ "เครื่องยนต์ขาดน้ำมันหล่อลื่น" อย่างรุนแรง หากฝืนขับต่อแม้เพียงไม่กี่นาที ชิ้นส่วนภายในเครื่องยนต์จะเสียดสีกันโดยตรงและ "เครื่องพัง" ทันที ค่าซ่อมอาจสูงถึงหลักหมื่นหรือหลักแสนบาท
3. รูปเทอร์โมมิเตอร์ (เครื่องร้อนจัด)
สัญลักษณ์นี้คือสัญญาณ "Overheat" หรือ "เครื่องร้อนจัด" ซึ่งเกิดจากระบบระบายความร้อนล้มเหลว เช่น พัดลมไม่ทำงาน หรือน้ำในหม้อน้ำรั่ว ต้องรีบจอดในที่ปลอดภัยทันที และรอจนกว่าเครื่องยนต์จะเย็นลง ห้ามเปิดฝาหม้อน้ำในขณะที่เครื่องยังร้อนจัดเด็ดขาด เพราะอาจถูกไอน้ำร้อนลวกได้
4. รูปวงกลมมีเครื่องหมายตกใจ (ระบบเบรก)
เมื่อเห็นสัญลักษณ์นี้ สิ่งแรกที่ควรตรวจสอบคือ "ลืมปลดเบรกมือ" หรือไม่ แต่ถ้ามั่นใจว่าปลดเบรกมือแล้วไฟยังค้างอยู่ นั่นอาจหมายถึง "น้ำมันเบรกขาด" หรือระบบเบรกมีปัญหารั่วซึม ซึ่งอันตรายอย่างยิ่งต่อการหยุดรถ ควรจอดและเรียกช่างทันที
Part 2: "ไฟสีเหลือง/ส้ม" (Yellow Alert) = เตือน... แต่ยังขับต่อได้
สำหรับไฟเตือน "สีเหลือง" หรือ "สีส้ม" สถานการณ์จะไม่วิกฤตเท่าสีแดง แปลว่าระบบบางอย่างของรถเริ่มมีปัญหา แต่ยังสามารถขับประคองต่อไปได้ เพื่อนำรถไปเข้าอู่หรือศูนย์บริการให้เร็วที่สุด
1. รูปเครื่องยนต์ (Check Engine)
เป็นสัญญาณยอดฮิตที่สร้างความกังวลให้หลายคน ไฟนี้จะสว่างขึ้นเมื่อเซ็นเซอร์ตรวจพบว่า "การเผาไหม้ของเครื่องยนต์มีปัญหา" สาเหตุมีได้หลากหลาย ตั้งแต่เรื่องเล็กน้อยอย่างฝาถังน้ำมันปิดไม่สนิท ไปจนถึงปัญหาที่ซับซ้อน เช่น หัวเทียนบอด หรือเซ็นเซอร์ออกซิเจนเสีย แม้ยังขับได้ แต่ก็ไม่ควรปล่อยไว้นาน
2. รูป ABS (ระบบเบรก ABS)
ไฟนี้หมายความว่า "ระบบเบรก ABS มีปัญหา" ซึ่งเป็นระบบช่วยป้องกันล้อล็อกเวลาเบรกกะทันหัน ระบบเบรกแบบธรรมดายังคงใช้งานได้ แต่ประสิทธิภาพในการเบรกฉุกเฉินจะลดลง ควรขับขี่ด้วยความระมัดระวังมากขึ้น และรีบนำรถไปตรวจสอบ
สรุป: สีแดงคือ "จอดทันที" สีเหลืองคือ "รีบไปอู่"
โดยสรุปแล้ว หลักการจำง่ายๆ ที่ช่างแนะนำคือ เมื่อเห็น ไฟหน้าปัดสีแดง สว่างขึ้น ต้องหาที่ปลอดภัย "จอดทันที" เพื่อป้องกันความเสียหายรุนแรงต่อเครื่องยนต์หรือความปลอดภัย
ส่วน ไฟหน้าปัดสีเหลือง เป็นการเตือนล่วงหน้าว่ามีบางอย่างผิดปกติ ยังพอขับประคองได้ แต่ก็ควรนำรถไปให้ช่างตรวจสอบโดยเร็วที่สุด
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
.
.
.
.
_____________________________________
เราคือตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ
เทอร์โบแท้
✅IHI TURBO 🇯🇵
✅GARRETT 🇺🇸
✅MITSUBISHI TURBOCHARGER 🇯🇵
✅ซื้อกับเราได้สินค้าแท้100%
✅คุ้มค่ากว่า ใช้งานได้ในระยะยาว
✅สบายใจกว่า เทอร์โบแท้รับประกันสินค้ายาวนาน
✅บริการหลังการขายที่ยอดเยี่ยม
“โดยทีมงานมืออาชีพ ผู้มีประสบการณ์มากกว่า 24 ปี”
สั่งอะไหล่กับเรา "ออกใบกำกับภาษี" ได้
พร้อมบริการการดูแลหลังการขายตลอดอายุการใช้งาน
⚙️เข้าชมสินค้าทั้งหมดในเว็บไซต์
คลิก: www.sqdparts.com
⚙️สั่งซื้อทางเพจ
คลิก: m.me/sqdparts
⚙️สั่งซื้อผ่านไลน์
คลิก: https://liff.line.me/1645278921-kWRPP32q/?accountId=sqdparts
คลิกYoutube : https://bit.ly/3IAJstu
คลิกTiktok : https://bit.ly/3bXmLmN
คลิกInstagram : https://bit.ly/3AFxMDx