×
ผลการค้นหา : เทอร์โบ
แสดง รายการ

     เนื่องในวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร วันชาติ และวันพ่อแห่งชาติ ซึ่งตรงกับวันที่ 5 ธันวาคม 2568 หน่วยงานด้านคมนาคมขนส่งทั้งการทางพิเศษฯ และผู้ให้บริการรถไฟฟ้า ได้จัดของขวัญพิเศษเพื่ออำนวยความสะดวกในการเดินทางและส่งเสริมความสัมพันธ์ในครอบครัว

 

เรารวบรวมข้อมูลเส้นทางที่เปิดให้ใช้บริการฟรี ใน 5 ธันวาคม 2568 มาฝากเพื่อวางแผนการเดินทางกัน

 

ทางด่วนฟรี 3 สาย วันที่ 5 ธันวาคม 2568

การทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (BEM) และบริษัท ทางด่วนกรุงเทพเหนือ จำกัด (NECL) ยกเว้นค่าผ่านทางพิเศษจำนวน 3 สายทาง รวมทั้งสิ้น 60 ด่าน ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายและแก้ปัญหาจราจรหน้าด่าน เริ่มตั้งแต่เวลา 00.01 น. ถึง 24.00 น. ของวันที่ 5 ธันวาคม 2568

  • ทางพิเศษเฉลิมมหานคร (ทางด่วนขั้นที่ 1) จำนวน 19 ด่าน
  • ทางพิเศษศรีรัช (ทางด่วนขั้นที่ 2) จำนวน 31 ด่าน
  • ทางพิเศษอุดรรัถยา (บางปะอิน-ปากเกร็ด) จำนวน 10 ด่าน

หมายเหตุ: สำหรับทางด่วนสายอื่นๆ และมอเตอร์เวย์ ยังคงเก็บค่าผ่านทางตามปกติ กรุณาตรวจสอบเส้นทางก่อนเดินทาง

 

บริการอื่นๆ ที่สามารถใช้ได้ฟรี

นอกจากทางด่วนฟรีแล้วใครที่ไม่มีรถอยากชวนพ่อไปเที่ยวก็สามามารถใช้บริการรถไฟฟ้าได้โดยมีดังนี้

 

รถไฟฟ้า BTS

รถไฟฟ้าบีทีเอส (BTS) จัดกิจกรรมพิเศษให้คุณพ่อเดินทางฟรีตลอดสาย ครอบคลุมทุกเส้นทางและส่วนต่อขยาย

 

เส้นทางที่ให้บริการ:

  • รถไฟฟ้า BTS สายสีเขียว (สุขุมวิท และ สีลม)
  • รถไฟฟ้าสายสีทอง
  • รถไฟฟ้ามหานคร สายสีเหลือง (ลาดพร้าว-สำโรง)
  • รถไฟฟ้ามหานคร สายสีชมพู (แคราย-มีนบุรี)

เงื่อนไข:

  • คุณพ่อและลูกจะต้องขึ้น-ลงสถานีเดียวกัน
  • ติดต่อขอรับคูปองโดยสารฟรีได้ที่ห้องจำหน่ายตั๋วโดยสารทุกสถานี
  • ยกเว้นค่าโดยสารเฉพาะคุณพ่อ ส่วนลูกชำระค่าโดยสารตามปกติ

รถไฟฟ้า MRT

การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) และ BEM ร่วมฉลองวันพ่อแห่งชาติ ให้คุณพ่อโดยสารรถไฟฟ้า MRT ฟรี ทั้ง 2 สาย

เส้นทางที่ให้บริการ

  • รถไฟฟ้ามหานคร สายเฉลิมรัชมงคล (สายสีน้ำเงิน)
  • รถไฟฟ้ามหานคร สายฉลองรัชธรรม (สายสีม่วง)

เงื่อนไข:

  • คุณพ่อแสดงตัวพร้อมลูกที่ห้องออกบัตรโดยสารประจำสถานี
  • รับคูปองโดยสารฟรี (สำหรับคุณพ่อ)
  • ไม่จำกัดระยะทาง ตลอดระยะเวลาการให้บริการ

รถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดง

รถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดง เปิดโอกาสให้คุณพ่อขึ้นรถไฟฟ้าฟรีเช่นกัน เพื่อเดินทางเชื่อมต่อระหว่างชานเมืองเข้าสู่ใจกลางกรุงเทพฯ ได้สะดวกยิ่งขึ้น โดยวิธีรับสิทธิ์ให้ติดต่อขอรับบัตรโดยสารฟรีได้ที่เคาน์เตอร์จำหน่ายตั๋วทุกสถานี โดยต้องแสดงตัวพร้อมกับลูก

 

แม้จะมีการยกเว้นค่าผ่านทางและค่าโดยสาร แต่เนื่องจากเป็นวันหยุดราชการและวันสำคัญ อาจมีปริมาณรถหนาแน่นในเส้นทางท่องเที่ยว หรือย่านร้านอาหารชื่อดัง แนะนำให้ผู้ขับขี่ตรวจสอบสภาพการจราจรผ่านแอปพลิเคชันนำทางก่อนออกเดินทาง และตรวจเช็กสภาพรถให้พร้อมใช้งาน เพื่อความปลอดภัยและความสุขตลอดทริปวันพ่อกันนะ

 

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com

.

.

.

.

_____________________________________

เราคือตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ

เทอร์โบแท้

IHI TURBO 🇯🇵

GARRETT 🇺🇸

MITSUBISHI TURBOCHARGER 🇯🇵

ซื้อกับเราได้สินค้าแท้100%

คุ้มค่ากว่า ใช้งานได้ในระยะยาว

สบายใจกว่า เทอร์โบแท้รับประกันสินค้ายาวนาน

บริการหลังการขายที่ยอดเยี่ยม

โดยทีมงานมืออาชีพ ผู้มีประสบการณ์มากกว่า 24 ปี”

สั่งอะไหล่กับเรา "ออกใบกำกับภาษี" ได้

พร้อมบริการการดูแลหลังการขายตลอดอายุการใช้งาน

⚙️เข้าชมสินค้าทั้งหมดในเว็บไซต์

คลิก: www.sqdparts.com

⚙️สั่งซื้อทางเพจ

คลิก: m.me/sqdparts

⚙️สั่งซื้อผ่านไลน์

คลิก: https://liff.line.me/1645278921-kWRPP32q/?accountId=sqdparts

คลิกYoutube : https://bit.ly/3IAJstu

คลิกTiktok : https://bit.ly/3bXmLmN

คลิกInstagram : https://bit.ly/3AFxMDx

เขียนโดย sqdparts เมื่อ Wed 03 Dec, 2025
อ่านต่อ

     ต้องยอมรับกันว่า ประเทศไทยกับ ปัญหาน้ำท่วมที่หลายจังหวัดเจอ ทำให้คนเริ่มวิตกหนักจนรถได้รับความเสียหายถือเป็นความเสี่ยงที่อยู่เหนือการควบคุม

 

คำถามสำคัญที่เกิดขึ้นทันทีเมื่อรถของคุณตกอยู่ในสถานการณ์นี้คือ "ประกันรถยนต์ชั้นไหนที่ให้ความคุ้มครองความเสียหายจากน้ำท่วม?" วันนี้ เรามีคำตอบ

 

ประกันชั้นไหนคุ้มครองเรื่องน้ำท่วม?

ประกันภัยรถยนต์ชั้น 1

​ถ้าคุณมีประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 คุณสามารถวางใจได้ว่าความเสียหายจากน้ำท่วมรถจะได้รับความคุ้มครองอย่างแน่นอน เนื่องจากประกันชั้น 1 ให้ความคุ้มครองครอบคลุมความเสียหายเกือบทุกกรณีที่เกิดขึ้นกับตัวรถยนต์ของคุณ

     แต่! เวลาเกิดเหตุต้องแจ้งบริษัทประกันทันทีที่เกิดเหตุ และเก็บหลักฐานภาพถ่ายความเสียหายและระดับน้ำไว้ให้มากที่สุด ห้าม สตาร์ทรถโดยเด็ดขาดหากรถยังจมน้ำอยู่

ประกันภัยรถยนต์ชั้น 2+

สำหรับประกันชั้น 2+ และ 3+ มักจะมีเงื่อนไขความคุ้มครองที่คล้ายคลึงกัน แต่มีรายละเอียดที่แตกต่างจากประกันชั้น 1 โดยสิ้นเชิง หากคุณใช้ประกัน 2+ ควรตรวจสอบกับบริษัทประกันหรือเอกสารกรมธรรม์ให้ชัดเจนว่ามี "ความคุ้มครองภัยธรรมชาติ" รวมอยู่ด้วยหรือไม่ และวงเงินคุ้มครองสูงสุดอยู่ที่เท่าใด

ประกันชั้น 2, 3 / 3+

​ประกันภัยรถยนต์ชั้น 2, 3 และ 3+ จะไม่คุ้มครองความเสียหายต่อรถเราในกรณีน้ำท่วมหรือภัยธรรมชาติ

​     ประกันชั้น 2 และชั้น 3 เป็นรูปแบบประกันที่เน้นการคุ้มครองความรับผิดต่อคู่กรณีและบุคคลภายนอกเป็นหลัก ไม่คุ้มครองความเสียหายที่เกิดขึ้นกับตัวรถยนต์ของผู้เอาประกันภัยเอง

  • ​ประกันชั้น 2: คุ้มครองกรณีรถหาย/ไฟไหม้ แต่ ไม่คุ้มครองน้ำท่วม
  • ​ประกันชั้น 3: ไม่คุ้มครองน้ำท่วม และไม่คุ้มครองความเสียหายต่อรถเราในทุกกรณี (ยกเว้นความรับผิดต่อคู่กรณีเท่านั้น)

     เมื่อรู้แบบนี้ ก่อนต่ออายุประกันครั้งต่อไป หากคุณอาศัยอยู่ในพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วม ควรพิจารณาเลือกทำประกันชั้น 1 หรือประกัน 2+ ที่มีวงเงินคุ้มครองภัยธรรมชาติตามความเหมาะสม เพื่อความอุ่นใจในการขับขี่แน่นอนครับ

 

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com

.

.

.

.

_____________________________________

เราคือตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ

เทอร์โบแท้

IHI TURBO 🇯🇵

GARRETT 🇺🇸

MITSUBISHI TURBOCHARGER 🇯🇵

ซื้อกับเราได้สินค้าแท้100%

คุ้มค่ากว่า ใช้งานได้ในระยะยาว

สบายใจกว่า เทอร์โบแท้รับประกันสินค้ายาวนาน

บริการหลังการขายที่ยอดเยี่ยม

โดยทีมงานมืออาชีพ ผู้มีประสบการณ์มากกว่า 24 ปี”

สั่งอะไหล่กับเรา "ออกใบกำกับภาษี" ได้

พร้อมบริการการดูแลหลังการขายตลอดอายุการใช้งาน

⚙️เข้าชมสินค้าทั้งหมดในเว็บไซต์

คลิก: www.sqdparts.com

⚙️สั่งซื้อทางเพจ

คลิก: m.me/sqdparts

⚙️สั่งซื้อผ่านไลน์

คลิก: https://liff.line.me/1645278921-kWRPP32q/?accountId=sqdparts

คลิกYoutube : https://bit.ly/3IAJstu

คลิกTiktok : https://bit.ly/3bXmLmN

คลิกInstagram : https://bit.ly/3AFxMDx

เขียนโดย sqdparts เมื่อ Tue 02 Dec, 2025
อ่านต่อ

     ใครที่ชอบลักไก่ "วิ่งไหล่ทางซ้าย" เวลาทางด่วนรถติด ต้องเลิกนิสัยนี้ด่วน! เพราะล่าสุด การทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) ร่วมมือกับ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ยกระดับมาตรการจับปรับจริงจัง ติดตั้งกล้องอัจฉริยะตรวจจับรถที่ฝ่าฝืนวิ่งไหล่ทางซ้ายโดยเฉพาะ

 

ไขข้อสงสัย ไหล่ทาง มีไว้ทําไม?

หลายคนที่เอาไหล่ทางไปวิ่งรู้ไว้ว่า การวิ่งไหล่ทางไม่ใช่เอาให้วิ่งเพื่อ "แซงคิว" ที่น่ารังเกียจ แต่คือ "ความเสี่ยงระดับวิกฤต"

  1. ขวางรถฉุกเฉิน: ไหล่ทางมีไว้สำหรับรถพยาบาล รถกู้ภัย หรือรถตำรวจเมื่อเกิดเหตุเร่งด่วน การที่คุณไปวิ่งขวาง เท่ากับตัดโอกาสรอดชีวิตของผู้อื่น
  2. เสี่ยงชนท้ายรถเสีย: รถที่จอดเสียฉุกเฉินมักจะจอดอยู่เลนนี้ หากคุณขับมาด้วยความเร็วแล้วหักหลบไม่ทัน คืออุบัติเหตุซ้ำซ้อนที่รุนแรงและเกิดขึ้นบ่อยครั้ง

เทคโนโลยี "กล้องจับไหล่ทาง" ทำงานอย่างไร?

ปัจจุบัน กทพ. ได้ติดตั้งกล้องตรวจจับรถยนต์วิ่งไหล่ทางซ้าย (Lane Change Camera) เพิ่มเติมครอบคลุมเส้นทางด่วนหลัก โดยเฉพาะจุดที่มักมีการฝ่าฝืน ระบบจะทำงานร่วมกับ AI ตรวจจับป้ายทะเบียนรถที่วิ่งในเส้นทึบซ้ายสุด (ไหล่ทาง) และส่งข้อมูลให้ตำรวจจราจรออกใบสั่งทันทีโดยไม่ต้องรอตั้งด่าน

วิ่งรถบนไหล่ทาง ผิดข้อหาอะไร?

การวิ่งรถบนไหล่ทางโดยไม่มีเหตุจำเป็น ถือเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก ฐาน "ฝ่าฝืนเครื่องหมายจราจรบนพื้นทาง" และ "ขับรถในลักษณะกีดขวางการจราจร" หรือฝ่าฝืนคำสั่งเจ้าพนักงาน โทษปรับ ไม่เกิน 1,000 บาท

 

     ดังนั้นแล้ว คุณจะสามารถวิ่งรถบนไหล่ทางได้ ก็ต่อเมื่อ มีเจ้าหน้าที่ตำรวจหรือเจ้าหน้าที่การทางฯ เปิดช่องทางพิเศษ (Reversible Lane) หรือโบกให้สัญญาณอนุญาตให้วิ่งได้เพื่อระบายรถในช่วงวิกฤตเท่านั้น หากไม่มีสัญญาณจากเจ้าหน้าที่ "ห้ามวิ่งเด็ดขาด" รู้กฏจราจรรับรองประหยัดเงินได้มากนะ

 

 

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com

.

.

.

.

_____________________________________

เราคือตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ

เทอร์โบแท้

IHI TURBO 🇯🇵

GARRETT 🇺🇸

MITSUBISHI TURBOCHARGER 🇯🇵

ซื้อกับเราได้สินค้าแท้100%

คุ้มค่ากว่า ใช้งานได้ในระยะยาว

สบายใจกว่า เทอร์โบแท้รับประกันสินค้ายาวนาน

บริการหลังการขายที่ยอดเยี่ยม

โดยทีมงานมืออาชีพ ผู้มีประสบการณ์มากกว่า 24 ปี”

สั่งอะไหล่กับเรา "ออกใบกำกับภาษี" ได้

พร้อมบริการการดูแลหลังการขายตลอดอายุการใช้งาน

⚙️เข้าชมสินค้าทั้งหมดในเว็บไซต์

คลิก: www.sqdparts.com

⚙️สั่งซื้อทางเพจ

คลิก: m.me/sqdparts

⚙️สั่งซื้อผ่านไลน์

คลิก: https://liff.line.me/1645278921-kWRPP32q/?accountId=sqdparts

คลิกYoutube : https://bit.ly/3IAJstu

คลิกTiktok : https://bit.ly/3bXmLmN

คลิกInstagram : https://bit.ly/3AFxMDx

เขียนโดย sqdparts เมื่อ Tue 02 Dec, 2025
อ่านต่อ

5 จุดสำคัญที่ต้องตรวจเช็กหลังรถจมน้ำ เพื่อลดความเสียหายและอันตราย

เมื่อรถยนต์ต้องเผชิญกับสถานการณ์รถจมน้ำหรือน้ำท่วมอย่างหนัก การตรวจสอบและดำเนินการอย่างรวดเร็วเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เพื่อลดความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นกับระบบต่างๆ ภายในรถยนต์ได้ บทความนี้ได้รวบรวม 5 จุดสำคัญที่เจ้าของรถควรตรวจเช็กทันทีหลังนำรถขึ้นจากน้ำ เพื่อให้รถกลับมาใช้งานได้อย่างปลอดภัย

 

1. ระบบไฟฟ้าและแบตเตอรี่

สิ่งแรกที่ควรทำหลังนำรถขึ้นจากน้ำคือการรีบถอดขั้วแบตเตอรี่ออกทันที เพื่อเป็นการตัดโอกาสที่จะเกิดไฟฟ้าลัดวงจร ซึ่งจะช่วยป้องกันความเสียหายร้ายแรงต่อระบบไฟฟ้าได้ จากนั้นต้องตรวจดูบริเวณกล่องฟิวส์และกล่อง ECU หรือสมองกลที่ควบคุมการทำงานของรถยนต์ทั้งหมดอย่างละเอียด โดบให้ “ถอดขั้วลบ () ก่อนเสมอ” เพื่อความปลอดภัย และไม่ควรต่อขั้วกลับจนกว่าจะแน่ใจว่ารถแห้งสนิทและช่างเช็คระบบไฟฟ้าแล้ว

     หากพบร่องรอยของน้ำหรือความชื้นในบริเวณดังกล่าว ต้องนำรถเข้าให้ช่างผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบทันที เนื่องจากความเสียหายที่เกิดขึ้นกับ ECU อาจส่งผลกระทบต่อระบบสำคัญทั้งหมดภายในรถได้

2. ของเหลวภายในรถทุกชนิด

ของเหลวสำคัญภายในรถยนต์ เช่น น้ำมันเครื่อง น้ำมันเกียร์ และน้ำมันเบรก เป็นสิ่งที่ไม่ควรมีน้ำปนเข้าไปโดยเด็ดขาด การปนเปื้อนของน้ำสามารถสร้างความเสียหายอย่างรุนแรงต่อระบบต่างๆ ได้ หากรถยนต์ต้องจมน้ำ ควรทำการเปลี่ยนถ่ายของเหลวเหล่านี้ทั้งหมดทันที

     สำหรับน้ำมันเครื่อง หากมีสีขาวขุ่นคล้ายน้ำนม ให้แปลความได้ว่ามีน้ำปนเข้าไปแล้ว ส่วนน้ำมันเกียร์ก็อาจปนเปื้อนได้เช่นกัน ซึ่งอาจทำให้เกิดอาการเกียร์ลื่นหรือเสียหายได้ ขณะที่น้ำมันเบรกที่ปนความชื้นจะทำให้ประสิทธิภาพการเบรกลดลง ถือเป็นอันตรายอย่างมากต่อความปลอดภัยในการขับขี่

3. เครื่องยนต์และระบบเกียร์

ระบบเครื่องยนต์เป็นส่วนที่ละเอียดอ่อนและต้องได้รับการตรวจสอบโดยช่างผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น โดยเฉพาะบริเวณท่อไอดีและกรองอากาศ ซึ่งเป็นจุดที่น้ำสามารถไหลเข้าสู่เครื่องยนต์ได้ง่ายที่สุด หากน้ำเข้าไปในกระบอกสูบ การพยายามสตาร์ทเครื่องยนต์อาจทำให้ชิ้นส่วนภายในเสียหายหนักกว่าเดิม

     เช่นเดียวกับระบบเกียร์ ซึ่งต้องตรวจสอบทั้งภายในและภายนอกอย่างรอบคอบ เพื่อให้มั่นใจได้ว่าน้ำไม่ได้เข้าไปทำลายส่วนประกอบสำคัญ ซึ่งอาจนำไปสู่ค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมที่สูงได้

4. ภายในห้องโดยสาร

เมื่อน้ำท่วมเข้าสู่ภายในรถ ความชื้นจะนำไปสู่การเกิดเชื้อรา กลิ่นอับ และปัญหาสนิมใต้พื้นได้อย่างรวดเร็ว ดังนั้นจึงควรรีบจัดการภายในห้องโดยสารโดยเร็วที่สุด

  • ถอดพรม เบาะ และแผ่นซับเสียงที่เปียกน้ำออก
  • ทำความสะอาดและทำให้ชิ้นส่วนทั้งหมดแห้งสนิททันที
  • เปิดประตู หน้าต่าง หรือใช้พัดลมช่วยในการระบายความชื้นออกจากรถ

5. ช่วงล่างและระบบเบรก

น้ำท่วมอาจนำพาสิ่งสกปรกและโคลนเข้าไปติดตามระบบเบรกและช่วงล่างของรถยนต์ได้ เช่น บริเวณผ้าเบรก จานเบรก ลูกปืนล้อ หรือเพลาขับ ชิ้นส่วนเหล่านี้จำเป็นต้องได้รับการตรวจสอบอย่างละเอียดจากช่างเทคนิค

     ควรให้ช่างตรวจสอบว่ามีสิ่งตกค้าง น้ำเข้า หรือจารบีในส่วนต่างๆ เสื่อมสภาพหรือไม่ หากละเลยอาจทำให้การขับขี่ไม่ปลอดภัยและทำให้ชิ้นส่วนสึกหรอเร็วกว่าปกติ ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ควรละเลยอย่างยิ่ง

 

คำแนะนำเพิ่มเติมสำหรับเจ้าของรถจมน้ำ

สำหรับเจ้าของรถที่ประสบปัญหารถจมน้ำ ควรดำเนินการถ่ายภาพความเสียหายทั้งหมด ทั้งภายในและภายนอกรถยนต์ พร้อมบันทึกระดับน้ำสูงสุดที่ท่วมถึงอย่างชัดเจน เพื่อใช้เป็นหลักฐานประกอบในการเคลมประกันภัยรถยนต์

 

     นอกจากนี้ ควรรีบติดต่อบริษัทประกันภัยทันทีที่สามารถทำได้ เพื่อรับคำแนะนำที่ถูกต้องและนำรถเข้าศูนย์บริการหรืออู่ที่ได้รับการรับรองอย่างถูกต้อง เพื่อให้การซ่อมแซมเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและได้มาตรฐาน

 

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com

.

.

.

.

_____________________________________

เราคือตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ

เทอร์โบแท้

IHI TURBO 🇯🇵

GARRETT 🇺🇸

MITSUBISHI TURBOCHARGER 🇯🇵

ซื้อกับเราได้สินค้าแท้100%

คุ้มค่ากว่า ใช้งานได้ในระยะยาว

สบายใจกว่า เทอร์โบแท้รับประกันสินค้ายาวนาน

บริการหลังการขายที่ยอดเยี่ยม

โดยทีมงานมืออาชีพ ผู้มีประสบการณ์มากกว่า 24 ปี”

สั่งอะไหล่กับเรา "ออกใบกำกับภาษี" ได้

พร้อมบริการการดูแลหลังการขายตลอดอายุการใช้งาน

⚙️เข้าชมสินค้าทั้งหมดในเว็บไซต์

คลิก: www.sqdparts.com

⚙️สั่งซื้อทางเพจ

คลิก: m.me/sqdparts

⚙️สั่งซื้อผ่านไลน์

คลิก: https://liff.line.me/1645278921-kWRPP32q/?accountId=sqdparts

คลิกYoutube : https://bit.ly/3IAJstu

คลิกTiktok : https://bit.ly/3bXmLmN

คลิกInstagram : https://bit.ly/3AFxMDx

เขียนโดย sqdparts เมื่อ Mon 01 Dec, 2025
อ่านต่อ

     ช่วงนี้มักจะมีข่าวอุบัติเหตุรถพุ่งชนร้านสะดวกซื้อหรือตกอาคารจอดรถ ซึ่งส่วนใหญ่มีสาเหตุมาจาก "การเหยียบเบรก-คันเร่งผิด" ซึ่งมักเกิดขึ้นในเสี้ยววินาทีที่ตกใจ แต่รู้ไหมครับว่า... เราสามารถป้องกันปัญหานี้ได้ด้วยการจัดระเบียบร่างกายและการวางเท้าให้ถูกต้อง

 

วันนี้ เรามีเทคนิคสังเกตและการฝึกวางเท้าให้ถูกต้องก่อนขับเพื่อจะไม่ให้เกิดอุบัติเหตุนี้กันครับ มาดูกันเลย

 

วิธีป้องกันการเหยียบเบรก-คันเร่งผิดด้วยการวางเท้า

จริงๆ เทคนิคป้องกันการเหยียบเบรก-คันเร่งผิดนั้นไม่ยากโดยมีวิธีสังเกตดังนี้

1. จัด "จุดหมุน" ให้ถูกต้อง

เรื่องแรกที่สำคัญของการไม่เหยียบพลาด คือ "ส้นเท้าต้องไม่ลอย" และ "ไม่ยกขาเพื่อเปลี่ยนแป้น"

  • วิธีเช็ก: วางส้นเท้าขวาให้ตรงกับ "แป้นเบรก" (ไม่ใช่กึ่งกลางระหว่างสองแป้น)
  • การใช้งาน: ใช้ส้นเท้าเป็นจุดหมุน
    • เมื่อจะเบรก: ปลายเท้าจะเหยียบลงตรงๆ ได้ทันทีและมีแรงกดสูงสุด
    • เมื่อจะเร่ง: ให้บิดปลายเท้าเฉียงไปทางขวาเพื่อแตะคันเร่ง

ถ้าจะจำให้ง่ายที่สุดคือ เร้าควรจะให้ความสำคัญกับแป้นเบรกมากกกว่าคันเร่ง การวางส้นเท้าจ่อเบรกไว้เสมอ ทำให้เมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน สัญชาตญาณการเหยียบลงไปตรงๆ จะโดนเบรกแน่นอน 100% ไม่ใช่คันเร่ง

2. ดูที่ "ความต่างระดับ" ของแป้น

ในรถยนต์มาตรฐานส่วนใหญ่ แป้นเบรกและคันเร่งจะมีความสูงไม่เท่ากัน ซึ่งจะสังเกตได้ว่าแป้นเบรกมักจะ "อยู่สูงกว่า (ลอยขึ้นมามากกว่า)" และ "แข็งกว่า" ส่วนแป้นคันเร่งจะอยู่ลึกกว่าและนิ่มกว่า

วิธีการฝีกง่ายๆ ให้ลองนั่งในรถตอนจอดสนิท (เข้าเกียร์ P และดึงเบรกมือ) ลองสลับเท้าไปมาเพื่อจำความรู้สึกของระดับความสูงที่ต่างกัน หากเท้าสัมผัสแป้นที่ลึกและนิ่ม ให้เอะใจทันทีว่านั่นคือคันเร่ง ไม่ใช่เบรก

3. เทคนิค "ถอนแล้วรอ"

อย่าแช่เท้าที่คันเร่งตลอดเวลาหากไม่ได้ต้องการความเร็วเพิ่ม โดยเมื่อเห็นไฟเบรกคันหน้า, ทางแยก, ทางม้าลาย หรือจุดอับสายตา ให้ "ถอนคันเร่ง" ทันที แล้วยกปลายเท้ากลับมาลอยรอเหนือแป้นเบรก (แต่ยังไม่ต้องกด)

 

เรียกว่าเป็นการเตรียมพร้อมล่วงหน้า (Pre-load) หากมีอะไรตัดหน้า คุณจะเหยียบเบรกได้ทันทีโดยไม่เผลอไปกระทืบคันเร่งเพราะตกใจ

4. ท่านั่งต้องเป๊ะ

หลายครั้งที่เหยียบผิด เพราะนั่งผิดท่า! หากนั่งไกลเกินไป ขาจะตึง ทำให้ส้นเท้าลอยจากพื้น เวลาจะเบรกต้อง "ยกทั้งขา" ซึ่งเสี่ยงมากที่เท้าจะแกว่งไปโดนคันเร่ง การแก้ไขเรื่องนี้ที่ง่ายสุดคือ ปรับเบาะให้เมื่อเหยียบเบรกจนสุด เข่ายังงอได้เล็กน้อย เพื่อให้ส้นเท้าปักหลักอยู่ที่พื้นได้ตลอดเวลา

5. เลือกรองเท้าที่เหมาะสม

สุดท้ายคือการเลือกรองเท้า ถ้าเกิดเป็น รองเท้าส้นสูง, รองเท้าแตะที่หลวมเกินไป หรือรองเท้าพื้นหนาเตอะ เพราะจะทำให้ "สัมผัส" (Pedal Feel) หายไป คุณกะน้ำหนักไม่ถูกและอาจเกี่ยวติดแป้นได้ ทุกครั้งที่ขับรถควรใช้รองเท้าหุ้มส้นที่มีพื้นบางและกระชับ เพื่อให้รับรู้ตำแหน่งแป้นได้แม่นยำที่สุด

 

ดังนั้นแล้วก่อนที่จะออกรถ เพื่อความปลอดภัย ไม่ใช่แค่ตามองถนน แต่ต้องเริ่มจาก "เท้าที่วางถูกตำแหน่ง" การฝึกวางส้นเท้าไว้ตรงแป้นเบรกเสมอฃ อาจจะเมื่อยในช่วงแรกสำหรับบางคน แต่เมื่อร่างกายจดจำได้แล้ว มันคือหลักประกันความปลอดภัยที่จะช่วยชีวิตคุณได้ในเสี้ยววินาทีเมื่อขับขี่

 

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com

.

.

.

.

_____________________________________

เราคือตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ

เทอร์โบแท้

IHI TURBO 🇯🇵

GARRETT 🇺🇸

MITSUBISHI TURBOCHARGER 🇯🇵

ซื้อกับเราได้สินค้าแท้100%

คุ้มค่ากว่า ใช้งานได้ในระยะยาว

สบายใจกว่า เทอร์โบแท้รับประกันสินค้ายาวนาน

บริการหลังการขายที่ยอดเยี่ยม

โดยทีมงานมืออาชีพ ผู้มีประสบการณ์มากกว่า 24 ปี”

สั่งอะไหล่กับเรา "ออกใบกำกับภาษี" ได้

พร้อมบริการการดูแลหลังการขายตลอดอายุการใช้งาน

⚙️เข้าชมสินค้าทั้งหมดในเว็บไซต์

คลิก: www.sqdparts.com

⚙️สั่งซื้อทางเพจ

คลิก: m.me/sqdparts

⚙️สั่งซื้อผ่านไลน์

คลิก: https://liff.line.me/1645278921-kWRPP32q/?accountId=sqdparts

คลิกYoutube : https://bit.ly/3IAJstu

คลิกTiktok : https://bit.ly/3bXmLmN

คลิกInstagram : https://bit.ly/3AFxMDx

เขียนโดย sqdparts เมื่อ Tue 25 Nov, 2025
อ่านต่อ

     เมืองไทย! เป็นประเทศที่เรียกว่ามีอากาศที่ร้อนพอสมควรทำให้รถยนต์ทุกคันต้องมีการติดตั้ง "แอร์ในรถยนต์" ที่เรียกว่าเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ซึ่งอุปกรณ์ส่วนนี้เราต้องดูแลเหมือนกับแอร์บ้าน! คำถามคือ แอร์รถต้องล้างเมื่อไหร่ เพราะเวลาเอารถเข้าศูนย์มักจะถามให้เราสงสัย วันนี้ เราจะมาบอกกันว่าควรล้างแอร์รถ บ่อยแค่ไหน? และแอร์รถควรล้างเมื่อไหร่ดีที่สุด?

 

ควรล้างแอร์รถ บ่อยแค่ไหน?

ต้องบอกว่า ตามมาตรฐานทั่วไปและคำแนะนำจากช่างผู้เชี่ยวชาญ ควรล้างแอร์รถยนต์ "ทุกๆ 1 ปี หรือทุกๆ 20,000 กิโลเมตร"

 

อย่างไรก็ตาม ตัวเลขนี้ไม่ใช่กฎตายตัว เพราะปัจจัยเรื่อง "สภาพแวดล้อม" มีผลอย่างมาก หากคุณเข้าข่ายพฤติกรรมเหล่านี้ อาจจะต้องล้างแอร์ถี่ขึ้นกับปัจจัยภายนอกเช่น

  • ขับรถในพื้นที่ฝุ่นเยอะ: เขตก่อสร้าง, ถนนลูกรัง หรือพื้นที่ที่มีค่าฝุ่น PM 2.5 สูงเป็นประจำ
  • สูบบุหรี่หรือทานอาหารในรถ: ไอระเหยจากอาหารและควันบุหรี่จะไปจับตัวเป็นเมือกเหนียวที่คอยล์เย็น ทำให้สิ่งสกปรกสะสมเร็วกว่าปกติ
  • ผู้ที่เป็นภูมิแพ้: หากคุณไวต่อฝุ่นและเชื้อรา การล้างแอร์ทุก 6 เดือนจะช่วยเรื่องสุขภาพได้มาก

4 สัญญาณเตือน! ว่ารถคุณ "ตู้แอร์ตัน" และต้องล้างด่วน

ไม่ต้องรอให้ครบปี หากรถคุณมีอาการเหล่านี้ แนะนำให้เช็กทันทีเช่น

  1. แอร์ไม่ฉ่ำ ลมออกเบา: เปิดพัดลมเบอร์แรงสุดแล้ว แต่ลมยังออกมาน้อย หรือมีแต่เสียงพัดลมแต่ลมไม่ออก (อาการตู้แอร์เป็นน้ำแข็ง หรือฝุ่นอุดตันครีบระบายความร้อน)
  2. มีกลิ่นอับชื้น: โดยเฉพาะตอนเริ่มเปิดแอร์ใหม่ๆ หรือมีกลิ่นเปรี้ยว
  3. ภูมิแพ้กำเริบ: นั่งรถทีไร จามหรือคัดจมูกทุกที
  4. เสียงดังผิดปกติ: ได้ยินเสียงกุกกัก หรือเสียงหวีดแหลมออกมาจากช่องแอร์

เลือกแบบไหนดี? "ถอดตู้" vs "ไม่ถอดตู้"

เมื่อตัดสินใจจะล้างแอร์รถ ร้านมักจะมี 2 ทางเลือกให้เสมอ ซึ่งมีข้อดี-ข้อเสียต่างกันดังนี้

1. การล้างแบบไม่ถอดตู้ (ใช้เครื่องส่องกล้อง)

  • ข้อดี: สะดวก รวดเร็ว (ใช้เวลาประมาณ 1 ชม.), ค่าใช้จ่ายถูกกว่า, ไม่ต้องรื้อคอนโซล ลดความเสี่ยงเรื่องสลักหักหรือเสียงก๊อบแก๊บหลังประกอบคืน
  • ข้อเสีย: อาจทำความสะอาดได้ไม่ 100% หากตู้แอร์สกปรกมาก หรือมีเมือกเหนียวเกาะแน่น เครื่องฉีดอาจเข้าไม่ถึงซอกมุมลึกๆ
  • เหมาะสำหรับ: รถใหม่, รถที่ล้างแอร์สม่ำเสมอ (Maintenance) และตู้แอร์ยังไม่ตันมาก

2. การล้างแบบถอดตู้ (รื้อคอนโซล)

  • ข้อดี: สะอาด 100% เพราะสามารถนำคอยล์เย็นออกมาฉีดล้างข้างนอกได้ทุกซอกทุกมุม, สามารถตรวจสอบรอยรั่วของตู้แอร์ได้ทันที
  • ข้อเสีย: ใช้เวลานาน (บางรุ่นต้องทิ้งรถไว้), ค่าใช้จ่ายสูงกว่า, ต้องใช้น้ำยาแอร์ใหม่ และต้องอาศัยความชำนาญของช่างในการประกอบคอนโซลกลับเพื่อไม่ให้เกิดความเสียหาย
  • เหมาะสำหรับ: รถเก่า, รถที่แอร์ตันหนักมาก, รถที่มีกลิ่นเหม็นรุนแรง หรือรถที่ต้องการเช็กระบบรั่วซึมไปในตัว

วิธียืดอายุแอร์รถยนต์ ง่ายๆ ด้วยตัวเอง

หากคุณอยากจะยื่ดอายุการใช้งานรนอกจากการล้างแอร์รถนั้นจะต้องทำสิ่งต่างๆ ดังนี้

  • เปลี่ยนกรองแอร์ตามระยะ: กรองแอร์คือด่านแรกที่กันฝุ่นไม่ให้เข้าตู้แอร์ ควรเปลี่ยนทุก 10,000 - 15,000 กม.
  • ปิด A/C ก่อนถึงที่หมาย: ก่อนดับเครื่องยนต์สัก 2-3 นาที ให้กดปิดปุ่ม A/C (ตัดคอมเพรสเซอร์) แต่เปิดพัดลมแรงสุด เพื่อไล่ความชื้นออกจากตู้แอร์ ช่วยลดการสะสมของเชื้อราและกลิ่นอับได้ดีเยี่ยม
  • เลี่ยงน้ำหอมระเหยแบบเจล: สารระเหยในน้ำหอมบางชนิด เมื่อเข้าไปในระบบแอร์ที่เย็นจัด จะเปลี่ยนสถานะเป็นเมือกเหนียวเกาะที่ตู้แอร์ ทำให้ตันไวขึ้น

     สรุปแล้ว การล้างแอร์ไม่ใช่แค่เรื่องความเย็น แต่เป็นเรื่องของสุขภาพทางเดินหายใจของผู้ขับขี่ ดังนั้นถ้าเริ่มรู้สึกว่า "แอร์มีกลิ่น" หรือ "ลมเบาลง" อย่าฝืนใช้ต่อ รีบนำรถเข้าเช็กก่อนที่ระบบจะเสียหายลามไปถึงคอมเพรสเซอร์ ซึ่งจะเป็นเรื่องใหญ่มากจนทำให้คุณจ่ายไม่ไหวก็ได้เช่นเดียวกัน

 

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com

.

.

.

.

_____________________________________

เราคือตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ

เทอร์โบแท้

IHI TURBO 🇯🇵

GARRETT 🇺🇸

MITSUBISHI TURBOCHARGER 🇯🇵

ซื้อกับเราได้สินค้าแท้100%

คุ้มค่ากว่า ใช้งานได้ในระยะยาว

สบายใจกว่า เทอร์โบแท้รับประกันสินค้ายาวนาน

บริการหลังการขายที่ยอดเยี่ยม

โดยทีมงานมืออาชีพ ผู้มีประสบการณ์มากกว่า 24 ปี”

สั่งอะไหล่กับเรา "ออกใบกำกับภาษี" ได้

พร้อมบริการการดูแลหลังการขายตลอดอายุการใช้งาน

⚙️เข้าชมสินค้าทั้งหมดในเว็บไซต์

คลิก: www.sqdparts.com

⚙️สั่งซื้อทางเพจ

คลิก: m.me/sqdparts

⚙️สั่งซื้อผ่านไลน์

คลิก: https://liff.line.me/1645278921-kWRPP32q/?accountId=sqdparts

คลิกYoutube : https://bit.ly/3IAJstu

คลิกTiktok : https://bit.ly/3bXmLmN

คลิกInstagram : https://bit.ly/3AFxMDx

เขียนโดย sqdparts เมื่อ Tue 25 Nov, 2025
อ่านต่อ
แสดง รายการ
ร้านค้าออนไลน์ และ ขายของออนไลน์ โดย © 2006-2025 Vevo Systems Co., Ltd.