×
ผลการค้นหา : เทอร์โบ
แสดง รายการ

     การขับรถท่องเที่ยวช่วงเทศกาล จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเช็กแรงดันลมยางก่อนออกเดินทางเสมอ เพราะน้ำหนักบรรทุกที่เปลี่ยนแปลงไป มีผลทำให้ค่าลมยางที่เหมาะสมเปลี่ยนไปเช่นกัน

 

ขับรถทางไกล เติมลมยางเท่าไหร่ดี?

โดยปกติแล้วเจ้าของรถควรเติมแรงดันลมยางให้ได้ตามที่ระบุไว้บนสติกเกอร์บริเวณเสาฝั่งผู้ขับขี่ โดยลมยางที่แนะนำจะแตกต่างกันขึ้นอยู่กับประเภทของรถ ดังนี้

 

รถยนต์ขนาดเล็ก : 25 - 30 ปอนด์ต่อตารางนิ้ว

รถยนต์ขนาดกลางและใหญ่ : 30 - 35 ปอนด์

รถกระบะ (ไม่บรรทุก) : 35 - 38 ปอนด์

รถตู้บรรทุก : 43 - 55 ปอนด์

 

อย่างไรก็ดี หากมีความจำเป็นต้องบรรทุกผู้โดยสารและสัมภาระเต็มคัน ควรเพิ่มแรงดันลมยางที่ล้อคู่หลังขึ้นอีก 2 - 5 ปอนด์ต่อตารางนิ้ว (PSI) เพื่อชดเชยกับน้ำหนักที่เพิ่มขึ้น จะช่วยลดโอกาสเกิดยางระเบิดขณะขับขี่ที่ความเร็วสูงได้

 

     นอกจากนี้ เจ้าของรถยังควรตรวจเช็กแรงดันลมยางอะไหล่เผื่อกรณีฉุกเฉินระหว่างทางด้วย โดยปกติแรงดันลมยางที่แนะนำคือ 40 - 50 ปอนด์ต่อตารางนิ้ว เนื่องจากการเก็บยางอะไหล่ทิ้งไว้เป็นระยะเวลานาน ลมยางอาจซึมออกทีละน้อย การเติมลมยางมากกว่าปกติจะช่วยให้ยางมีแรงดันที่เหมาะสมเมื่อถึงเวลานำมาใช้งาน

 

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com

.

.

.

.

_____________________________________

เราคือตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ

เทอร์โบแท้

IHI TURBO 🇯🇵

GARRETT 🇺🇸

MITSUBISHI TURBOCHARGER 🇯🇵

ซื้อกับเราได้สินค้าแท้100%

คุ้มค่ากว่า ใช้งานได้ในระยะยาว

สบายใจกว่า เทอร์โบแท้รับประกันสินค้ายาวนาน

บริการหลังการขายที่ยอดเยี่ยม

โดยทีมงานมืออาชีพ ผู้มีประสบการณ์มากกว่า 24 ปี”

สั่งอะไหล่กับเรา "ออกใบกำกับภาษี" ได้

พร้อมบริการการดูแลหลังการขายตลอดอายุการใช้งาน

⚙️เข้าชมสินค้าทั้งหมดในเว็บไซต์

คลิก: www.sqdparts.com

⚙️สั่งซื้อทางเพจ

คลิก: m.me/sqdparts

⚙️สั่งซื้อผ่านไลน์

คลิก: https://liff.line.me/1645278921-kWRPP32q/?accountId=sqdparts

คลิกYoutube : https://bit.ly/3IAJstu

คลิกTiktok : https://bit.ly/3bXmLmN

คลิกInstagram : https://bit.ly/3AFxMDx

เขียนโดย sqdparts เมื่อ Fri 26 Dec, 2025
อ่านต่อ

     เราทราบกันดีอยู่แล้วว่าน้ำมันเชื้อเพลิงเบนซินและดีเซลไม่สามารถนำมาใช้ทดแทนกันได้ เพราะจะทำให้เครื่องยนต์เกิดความเสียหายอย่างรุนแรง แต่เคยสงสัยไหมว่าน้ำมันเครื่องเบนซินและดีเซล ซึ่งต่างก็มีหน้าที่หล่อลื่นชิ้นส่วนในเครื่องยนต์ด้วยกันทั้งคู่ ไม่ได้ถูกนำไปเผาไหม้ ทำไมถึงต้องแยกประเภทออกจากกัน ไม่สามารถใช้ด้วยกันได้ บทความนี้ เรามีคำตอบมาฝากกันครับ

 

ความแตกต่างระหว่างเครื่องยนต์เบนซินและดีเซล?

ก่อนอื่นเรามารู้จักความแตกต่างของเครื่องยนต์เบนซินและดีเซลกันก่อน เพราะแม้ว่าทั้งคู่จะทำงานด้วยการสันดาปเพื่อสร้างพลังงาน แต่ลักษณะการทำงานของทั้งคู่มีความแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง

 

เครื่องยนต์เบนซิน

  • จังหวะสูบอากาศ (Intake Stroke) - วาล์วไอดีเปิด วาล์วไอเสียปิด ลูกสูบเคลื่อนที่ลงด้านล่าง ทำให้อากาศและน้ำมันเบนซินถูกดูดเข้าไปในห้องเผาไหม้
  • จังหวะอัดอากาศ (Compression Stroke) - วาล์วไอดีและไอเสียปิด ลูกสูบเคลื่อนที่ขึ้นด้านบน อัดอากาศและน้ำมันเบนซินให้มีอุณหภูมิและความดันสูง
  • จังหวะจุดระเบิด (Power Stroke) - เมื่อลูกสูบถึงจุดสูงสุด สปาร์คปลั๊กจะจุดระเบิดส่วนผสมของอากาศและน้ำมันเบนซิน ทำให้เกิดแรงดันสูงดันลูกสูบลงด้านล่าง
  • จังหวะคายไอเสีย (Exhaust Stroke) - วาล์วไอเสียเปิด ลูกสูบเคลื่อนที่ขึ้นด้านบน ดันก๊าซไอเสียออกจากห้องเผาไหม้

เครื่องยนต์ดีเซล

  • จังหวะสูบอากาศ (Intake Stroke) - วาล์วไอดีเปิด วาล์วไอเสียปิด ลูกสูบเคลื่อนที่ลงด้านล่าง ดูดอากาศเข้าสู่ห้องเผาไหม้
  • จังหวะอัดอากาศ (Compression Stroke) - วาล์วไอดีและไอเสียปิด ลูกสูบเคลื่อนที่ขึ้นด้านบน อัดอากาศให้มีความดันและอุณหภูมิสูงมาก
  • จังหวะจุดระเบิด (Power Stroke) - ณ จุดสูงสุดของจังหวะอัดอากาศ น้ำมันดีเซลถูกฉีดเข้าไปในห้องเผาไหม้ ซึ่งมีอุณหภูมิและความดันสูง ทำให้เกิดการเผาไหม้เองโดยอัตโนมัติ ดันลูกสูบลงด้านล่าง
  • จังหวะคายไอเสีย (Exhaust Stroke) - วาล์วไอเสียเปิด ลูกสูบเคลื่อนที่ขึ้นด้านบน ดันก๊าซไอเสียออกจากห้องเผาไหม้

ความแตกต่างระหว่างน้ำมันเครื่องเบนซินและดีเซล คืออะไร?

น้ำมันเครื่องเบนซินและดีเซลต่างก็ถูกผลิตขึ้นโดยการผสมน้ำมันพื้นฐานและสารเติมแต่งเพื่อให้ได้ประสิทธิภาพตามต้องการ อย่างไรก็ดี หากพิจารณาถึงคุณสมบัติการหล่อลื่น จะพบความแตกต่างกัน ดังนี้

 

ความหนืด (Viscosity)

ความหนืดเป็นคุณสมบัติสำคัญของน้ำมันเครื่อง โดยทั่วไปแล้วนั้น น้ำมันเครื่องดีเซลมีความหนืดสูงกว่าและมีความสามารถในการสูบน้ำมันที่อุณหภูมิต่ำกว่าเมื่อเทียบกับน้ำมันเครื่องเบนซิน หากนำน้ำมันเครื่องดีเซลไปใช้กับเครื่องยนต์เบนซิน อาจเกิดปัญหา เช่น ความร้อนสูง การสึกหรอก่อนกำหนดได้

 

ระดับสารเติมแต่ง

สารเติมแต่งเป็นส่วนประกอบสำคัญของน้ำมันเครื่อง แต่น้ำมันเครื่องดีเซลจะมีสารเติมแต่งมากกว่าเพื่อช่วยในการชะล้างเขม่าและควันดำ เนื่องจากเครื่องยนต์ดีเซลเผาไหม้เชื้อเพลิงไม่สมบูรณ์ ทำให้เกิดเขม่าสะสมมากกว่าเครื่องยนต์เบนซิน หากนำสารเติมแต่งเหล่านี้ไปผสมกับน้ำมันเครื่องเบนซิน อาจส่งผลต่อประสิทธิภาพของรถยนต์และทำให้เกิดการสูญเสียกำลังอัดได้

 

ช่วงเวลาการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง

น้ำมันเครื่องแต่ละประเภทมีอายุการใช้งานที่แตกต่างกัน เนื่องจากน้ำมันเครื่องดีเซลมีสารเติมแต่งมากกว่า จึงมีอายุการใช้งานที่ยาวนานกว่าและไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนถ่ายบ่อยเท่ากับน้ำมันเครื่องเบนซิน

 

การทำงานร่วมกับ Catalytic Converter

Catalytic Converter เป็นส่วนประกอบในระบบไอเสียที่มีหน้าที่เปลี่ยนไอเสียที่เป็นอันตรายให้เป็นสารที่ปลอดภัยก่อนปล่อยสู่ชั้นบรรยากาศ

 

น้ำมันเครื่องดีเซลมีระดับการป้องกันการสึกหรอที่สูงกว่า ซึ่งตัวเร่งปฏิกิริยาในระบบไอเสียของเครื่องยนต์ดีเซลถูกออกแบบมาเพื่อรับมือกับสภาพดังกล่าว ในขณะที่ระบบไอเสียของเครื่องยนต์เบนซินไม่ได้ถูกออกแบบมาสำหรับน้ำมันเครื่องที่มีระดับการป้องกันการสึกหรอสูง ดังนั้นจึงไม่แนะนำให้ใช้น้ำมันเครื่องดีเซลในเครื่องยนต์เบนซิน

 

เติมน้ำมันเครื่องดีเซลลงในเครื่องเบนซินได้หรือไม่?

แม้ว่าน้ำมันเครื่องทั้งสองชนิดจะมีคุณสมบัติที่แตกต่างกัน แต่การนำน้ำมันเครื่องดีเซลมาเติมลงในเครื่องยนต์เบนซินอาจทำได้ โดยพิจารณาจากมาตรฐาน API (American Petroleum Institute) ซึ่งกำหนดตัวอักษร C สำหรับน้ำมันเครื่องดีเซล และ S สำหรับน้ำมันเครื่องเบนซิน

 

หากน้ำมันเครื่องดีเซลที่เลือกใช้ ได้มาตรฐานทั้ง C และ S แม้ว่าจะถูกออกแบบมาใช้กับเครื่องยนต์ดีเซลเป็นหลัก แต่ก็สามารถนำมาเติมกับเครื่องยนต์เบนซินได้ แต่หากไม่กำหนดมาตรฐาน S เอาไว้ ก็ไม่ควรนำมาใช้กับเครื่องยนต์เบนซินโดยเด็ดขาด

 

เมื่อทราบเช่นนี้แล้วก็ควรเลือกใช้น้ำมันเครื่องอย่างถูกต้องกันด้วยนะครับ

 

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com

.

.

.

.

_____________________________________

เราคือตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ

เทอร์โบแท้

IHI TURBO 🇯🇵

GARRETT 🇺🇸

MITSUBISHI TURBOCHARGER 🇯🇵

ซื้อกับเราได้สินค้าแท้100%

คุ้มค่ากว่า ใช้งานได้ในระยะยาว

สบายใจกว่า เทอร์โบแท้รับประกันสินค้ายาวนาน

บริการหลังการขายที่ยอดเยี่ยม

โดยทีมงานมืออาชีพ ผู้มีประสบการณ์มากกว่า 24 ปี”

สั่งอะไหล่กับเรา "ออกใบกำกับภาษี" ได้

พร้อมบริการการดูแลหลังการขายตลอดอายุการใช้งาน

⚙️เข้าชมสินค้าทั้งหมดในเว็บไซต์

คลิก: www.sqdparts.com

⚙️สั่งซื้อทางเพจ

คลิก: m.me/sqdparts

⚙️สั่งซื้อผ่านไลน์

คลิก: https://liff.line.me/1645278921-kWRPP32q/?accountId=sqdparts

คลิกYoutube : https://bit.ly/3IAJstu

คลิกTiktok : https://bit.ly/3bXmLmN

คลิกInstagram : https://bit.ly/3AFxMDx

เขียนโดย sqdparts เมื่อ Fri 26 Dec, 2025
อ่านต่อ

     ระบบปรับอากาศในรถยนต์ดูเหมือนจะเป็นเรื่องง่าย แต่การใช้งานอย่างถูกต้องจะช่วยให้เกิดประโยชน์สูงสุด ห้องโดยสารมีอุณหภูมิที่เหมาะสม และช่วยยืดอายุการใช้งานของระบบปรับอากาศได้อีกทางหนึ่งด้วย

 

     โดยปกติแล้วระบบปรับอากาศในรถยนต์ ไม่ว่าจะเป็นระบบปรับอากาศธรรมดา หรือระบบปรับอากาศอัตโนมัติ จะมีฟังก์ชันการใช้งานพื้นฐานใกล้เคียงกัน ดังนี้

 

สวิตช์ปรับระดับแรงลม

     ปุ่มปรับระดับแรงลมถือว่าเป็นปุ่มที่ถูกใช้งานมากที่สุดของระบบปรับอากาศในรถยนต์เลยก็ว่าได้ เนื่องจากส่วนมากมักรวมเอาตำแหน่งปิด หรือ OFF เข้าไว้ด้วยกัน โดยภายหลังจากขึ้นมาบนรถใหม่ๆ ควรเปิดพัดลมแอร์ให้แรงกว่าปกติ เพื่อให้ลมเย็นสามารถกระจายทั่วถึงได้อย่างรวดเร็ว จนทำให้อุณหภูมิภายในห้องโดยสารลดลงถึงระดับที่ตั้งไว้ได้เร็วกว่า จะเป็นการช่วยลดอัตราสิ้นเปลืองทางอ้อมได้อีกต่างหาก

     กรณีใช้โหมด AUTO เซ็นเซอร์ภายในห้องโดยสารจะคอยตรวจวัดอุณหภูมิและปรับแรงลมให้เหมาะสมโดยอัตโนมัติ คุณจึงไม่สามารถปรับตั้งความแรงลมด้วยตัวเองได้ (โดยปกติแล้วโหมด AUTO จะปรับไปที่แรงลมสูงสุดก่อน จากนั้นจึงค่อยๆ ปรับลดลงมาเมื่ออุณหภูมิภายในห้องโดยสารเริ่มลดลง)

 

ปุ่มปรับอุณหภูมิ

     รถบางรุ่นอาจระบุเป็นตัวเลของศาเซลเซียส บางรุ่นอาจเป็นแถบสีน้ำเงิน-แดง แต่การปรับอุณหภูมิที่ถูกต้องไม่ควรปรับให้เย็นจนเกินไป (บางคนใช้วิธีปรับให้เย็นจัดแล้วหันหน้ากากแอร์ออกจากตัวแทน) เพราะนอกจากจะทำให้รู้สึกไม่สบายตัวแล้ว ยังส่งผลให้คอมเพรสเซอร์แอร์ทำงานมากเกินความจำเป็น ทำให้อัตราสิ้นเปลืองแย่ลงอีกต่างหาก หากเป็นรถรุ่นเก่าๆ อาจทำให้คอยล์เย็นจับตัวเป็นน้ำแข็ง จนทำให้ลมแอร์ไม่ออกเลยด้วยซ้ำไป

 

ปุ่ม DUAL

     รถยนต์ที่มีระบบปรับอากาศแยกอุณหภูมิซ้าย-ขวาอาจมีปุ่ม DUAL มาให้ โดยหากอุณหภูมิทั้งสองฝั่งถูกปรับไว้ต่างกัน ปุ่ม DUAL ก็จะทำหน้าที่ปรับอุณหภูมิฝั่งผู้โดยสารให้เท่ากับอุณหภูมิฝั่งผู้ขับขี่ หากมีการเปลี่ยนอุณหภูมิฝั่งผู้ขับขี่ ตัวเลขฝั่งผู้โดยสารก็จะถูกเปลี่ยนให้เท่ากันเสมอ แต่หากต้องการปรับแยกออกจากกัน ก็สามารถเปลี่ยนอุณหภูมิฝั่งผู้โดยสารได้ทันที

 

ปุ่ม A/C

     หากแอร์รถไม่เย็น จุดแรกที่ต้องตรวจสอบก็คือปุ่ม A/C เพราะเป็นปุ่มสำหรับตัดการทำงานของคอมเพรสเซอร์แอร์โดยสิ้นเชิง โดยปกติแล้วปุ่ม A/C จะต้องมีไฟติดอยู่เสมอเพื่อให้คอมแอร์ทำงานได้ตามปกติ แต่อาจปิดการทำงานได้ในกรณีต้องการเฉพาะพัดลมแอร์ หรือไล่ความชื้นออกจากตู้แอร์เพื่อลดกลิ่นอับชื้น เป็นต้น

 

ปุ่มปรับการไหลเวียนอากาศ

     ปุ่มนี้ใช้สำหรับปิดกั้นหรือดึงอากาศจากภายนอกรถเข้ามา ซึ่งโดยปกติแล้วควรปิดให้อากาศไหลเวียนเฉพาะภายในห้องโดยสารเท่านั้น เพื่อให้มลพิษภายนอกเล็ดลอดเข้ามาได้น้อยที่สุด แต่หากวันไหนขับรถทางไกลหรืออยู่ต่างจังหวัดที่มีอากาศสดชื่น การดึงอากาศภายนอกเข้ามาจะช่วยลดปริมาณคาร์บอนไดออกไซด์ภายในห้องโดยสาร (ที่เกิดจากการหายใจของผู้โดยสารเอง) เพิ่มปริมาณออกซิเจน ช่วยลดอาการง่วงซึมขณะขับรถได้

     กรณีมีสัญลักษณ์ A และ M อยู่บนปุ่มด้วยนั้น (พบได้ในรถยุโรป เช่น BMW และ Volvo) หากปรับไปที่ A ระบบจะเลือกปิดกั้นหรือดึงอากาศภายนอกโดยอัตโนมัติขึ้นอยู่กับคุณภาพของอากาศ ส่วน M จะหมายถึงการปิดกั้นไม่ให้ดึงอากาศจากภายนอกเข้ามา แต่หากไม่มีไฟติดที่สัญลักษณ์ใดเลยก็จะเป็นการดึงอากาศภายนอกเข้ามายังห้องโดยสาร

 

ปุ่มปรับทิศทางลม หรือ MODE

     รถยนต์ส่วนมากสามารถเลือกปรับทิศทางลมเพื่อเป่าลมเย็นเข้าสู่ร่างกายหรือเท้า หรือทั้งสองอย่างควบคู่กันได้ แต่หากเลือกเป่าทั้งสองตำแหน่งพร้อมกันจะทำให้ความแรงลมลดลง นอกจากนี้ยังสามารถเลือกเป่าลมขึ้นกระจกบังลมหน้าเพื่อไล่ฝ้าได้ แต่จำเป็นต้องดึงอากาศจากภายเข้ามาด้วย เพื่อเป็นการปรับอุณหภูมิภายนอก-ภายในให้เท่ากัน จะช่วยให้ฝ้าเลือนหายไปอย่างรวดเร็ว

 

ปุ่มไล่ฝ้าด้านหน้า

     กรณีปุ่มไล่ฝ้าด้านหน้าถูกแยกออกมาเป็นสวิตช์ต่างหากนั้น ทันทีที่กดปุ่ม ระบบแอร์จะเพิ่มความแรงลมในระดับสูงสุด เปลี่ยนทิศทางลมขึ้นไปยังกระจกหน้า และดึงอากาศจากภายนอกเข้ามาโดยอัตโนมัติ จากนั้นฝ้าจะเลือนหายไปอย่างรวดเร็ว เมื่อฝ้าหมดจึงค่อยปิดการทำงานเพื่อรับลมเย็นเข้าสู่ร่างกายอีกครั้ง

 

ปุ่มไล่ฝ้าด้านหลัง

     ปุ่มไล่ฝ้าด้านหลังจะแตกต่างจากด้านหน้าด้วยสัญลักษณ์รูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า (ปุ่มไล่ฝ้าด้านหน้าจะใช้สัญลักษณ์คล้ายสี่เหลี่ยมคางหมู) อีกทั้งมีลักษณะการทำงานที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง เนื่องจากระบบไล่ฝ้าหลังจะใช้ลวดทองแดงที่ฝังอยู่ในเนื้อกระจกเพื่อสร้างความร้อนในการละลายฝ้า

     ข้อควรระวังในการใช้ระบบไล่ฝ้าหลัง คือ เมื่อฝ้าเลือนหายไปจนหมดแล้ว ควรรีบปิดระบบไล่ฝ้าทันที เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความร้อนสะสมมากจนเกินไป อันจะเสี่ยงทำให้กระจกแตกได้ (รถยนต์โดยส่วนมากจะมีระบบตัดการทำงานของไล่ฝ้าหลังภายใน 15-20 นาทีหลังจากเริ่มทำงาน)

 

ปุ่ม MAX A/C

     รถยนต์บางรุ่นจะมีปุ่ม MAX A/C มาให้ ซึ่งจะตั้งอุณหภูมิต่ำสุดและเปิดพัดลมแรงสุดโดยอัตโนมัติ เพื่อให้ห้องโดยสารเย็นลงได้อย่างรวดเร็ว

 

     ทั้งหมดนี้คือการใช้งานปุ่มควบคุมระบบปรับอากาศต่างๆ ที่ถูกต้อง หวังว่าจะเป็นประโยชน์ต่อคุณผู้อ่านเพื่อให้สามารถใช้งานฟังก์ชันต่างๆ ได้อย่างสมบูรณ์และคุ้มค่าสูงสุดครับ

 

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com

.

.

.

.

_____________________________________

เราคือตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ

เทอร์โบแท้

✅IHI TURBO 🇯🇵

✅GARRETT 🇺🇸

MITSUBISHI TURBOCHARGER 🇯🇵

ซื้อกับเราได้สินค้าแท้100%

คุ้มค่ากว่า ใช้งานได้ในระยะยาว

สบายใจกว่า เทอร์โบแท้รับประกันสินค้ายาวนาน

บริการหลังการขายที่ยอดเยี่ยม

โดยทีมงานมืออาชีพ ผู้มีประสบการณ์มากกว่า 24 ปี”

สั่งอะไหล่กับเรา "ออกใบกำกับภาษี" ได้

พร้อมบริการการดูแลหลังการขายตลอดอายุการใช้งาน

⚙️เข้าชมสินค้าทั้งหมดในเว็บไซต์

คลิก: www.sqdparts.com

⚙️สั่งซื้อทางเพจ

คลิก: m.me/sqdparts

⚙️สั่งซื้อผ่านไลน์

คลิก: https://liff.line.me/1645278921-kWRPP32q/?accountId=sqdparts

คลิกYoutube : https://bit.ly/3IAJstu

คลิกTiktok : https://bit.ly/3bXmLmN

คลิกInstagram : https://bit.ly/3AFxMD

เขียนโดย sqdparts เมื่อ Wed 24 Dec, 2025
อ่านต่อ

     การแต่งรถเป็นรสนิยมส่วนบุคคลก็จริง แต่ของแต่งรถบางอย่างติดแล้วนอกจากจะไม่เกิดประโยชน์ จะอาจก่อให้เกิดโทษไม่แก่ตัวเองก็คนรอบข้าง บทความนี้ เราจะมาเผยให้ดู 8 ของแต่งรถสุดไร้ประโยชน์ที่ไม่ควรนำมาติดโดยเด็ดขาด จะมีอะไรบ้าง?

 

ฝาครอบเบรก

ฝาครอบเบรกเลียนแบบคาลิเปอร์เป็นของแต่งที่เพิ่มอันตรายต่อการขับขี่เป็นอย่างมาก เนื่องจากฝาครอบเหล่านี้จะทำให้การระบายความร้อนของระบบเบรกทำได้ยากขึ้น ส่งผลให้เกิดอาการเบรกเฟด เบรกไม่อยู่ ไม่นับว่าหากฝาครอบเกิดหลุดระหว่างขับรถ อาจเกิดการแตกกระจายเป็นอันตรายต่อเพื่อนร่วมทางได้

หลอดไฟ LED / Xenon

ไฟหน้าแบบ LED หรือ Xenon ติดตั้งมาจากโรงงานแบบนี้ไม่มีปัญหา แต่หากนำหลอดประเภทนี้ไปติดเข้ากับโคมไฟแบบฮาโลเจนแบบนี้มีปัญหาแน่นอน เพราะตัวโคมไม่ได้ถูกออกแบบมาใช้กับหลอดประเภทอื่น จะทำให้แสงฟุ้ง ส่องถนนก็ไม่ดี แถมยังแยงตาชาวบ้านอีกต่างหาก ทางที่ดีถ้าอยากได้ไฟหน้าสวยๆ แล้วล่ะก็ ควรเพิ่มเงินแต่แรกเพื่อซื้อรุ่นที่ติดตั้งไฟหน้าประเภทนี้มาจากโรงงานเท่านั้น

ไฟเบรกกะพริบ

ไฟเบรกกระพริบมักทำจากหลอด LED คุณภาพต่ำ นอกจากจะมีขนาดไฟที่เล็ก ยากแก่การมองเห็นแล้ว ยังทำให้รถที่ตามมาเกิดความสับสนจนเป็นอันตรายได้

หลอดไฟ LED / ไฟไอติม

หลอดไฟ LED หลากสีสันไม่ควรนำมาติดตั้งกับรถอย่างเด็ดขาด โดยเฉพาะหลอดสีฟ้าที่หลายคนนิยมกัน เพราะนอกจากจะผิดกฎหมายปรับสูงสุดไม่เกิน 2,000 บาท ยังเป็นการรบกวนสายตาผู้ขับขี่รอบข้างอีกด้วย

หัวเสียบเบลต์

หลายคนไม่ชอบคาดเข็มขัดนิรภัย แต่ทราบหรือไม่ว่าหากประสบอุบัติเหตุ อาจทำให้ร่างกระเด็นทะลุกระจกออกจากรถ มีโอกาสเสียชีวิตมากกว่าคนในรถถึง 6 เท่า แถมยังมีความผิดตามกฎหมายมีโทษปรับสูงสุดถึง 2,000 บาท

ล้อเลียนแบบคุณภาพต่ำ

ล้อเป็นของแต่งแรกๆ ที่คนมักนิยมเปลี่ยนหลังจากรับรถ แต่หลายคนกลับเลือกล้อแต่งเลียนแบบยี่ห้อดังเพราะเห็นแก่ราคาถูก ซึ่งโดยมากแล้วล้อเหล่านี้มีคุณภาพต่ำกว่าล้อเดิมจากโรงงานเสียอีก เสี่ยงต่อการแตกหากเกิดการกระแทกอย่างรุนแรง จะทำให้รถเสียการควบคุมได้

 

นอกจากนี้ ร้านเปลี่ยนล้อมักจะพ่วงแถมยางจีนคุณภาพต่ำ ประสิทธิภาพการยึดเกาะถนนไม่ดีเทียบเท่ากับแบรนด์ชั้นนำ แถมยังเสี่ยงต่อการเหินน้ำเพราะเน้นออกแบบดอกยางสวย ดูสปอร์ต แต่ไม่ได้คำนึงถึงประสิทธิภาพการรีดน้ำ

ท่อไอเสียเสียงดัง

ท่อแต่งช่วยให้เสียงท่อไพเราะมากขึ้น แต่อาจสร้างความน่ารำคาญแก่คนรอบข้างได้ ความตลกคือหลายคนเลือกใส่ท่อแต่งเสียงดังกระหึ่ม แต่กลับแดมป์รถเพื่อลดเสียงท่อเข้ามายังห้องโดยสาร ปล่อยให้คนข้างนอกรับวิบากกรรมเสียอย่างนั้น แถมยังส่งผลให้แรงม้าลดลงอีกต่างหาก

คิ้วโครเมียม

การติดคิ้วโครเมียมอาจช่วยให้เพิ่มความสวยงามของตัวรถ แต่หากติดมากเกินไปจะทำให้รถดูรก ไม่สวยงาม และยังอาจสะท้อนแสงแดดรบกวนเพื่อนร่วมทางได้อีกด้วย

 

     การแต่งรถที่ดีควรมีส่วนช่วยในการเพิ่มสมรรถนะของรถ เช่น การอัปเกรดระบบเบรกเพื่อให้มีระยะเบรกสั้นลง หรือการเปลี่ยนไปใช้ยางสมรรถนะสูงเพื่อเพิ่มการยึดเกาะถนน แต่ของแต่งรถที่กล่าวมาข้างต้นนี้นอกจากจะไม่เป็นประโยชน์แล้ว ยังอาจสร้างอันตรายต่อเพื่อนร่วมทางได้ จึงไม่ควรนำมาตกแต่งรถอย่างเด็ดขาดครับ

 

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com

.

.

.

.

_____________________________________

เราคือตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ

เทอร์โบแท้

IHI TURBO 🇯🇵

GARRETT 🇺🇸

MITSUBISHI TURBOCHARGER 🇯🇵

ซื้อกับเราได้สินค้าแท้100%

คุ้มค่ากว่า ใช้งานได้ในระยะยาว

สบายใจกว่า เทอร์โบแท้รับประกันสินค้ายาวนาน

บริการหลังการขายที่ยอดเยี่ยม

โดยทีมงานมืออาชีพ ผู้มีประสบการณ์มากกว่า 24 ปี”

สั่งอะไหล่กับเรา "ออกใบกำกับภาษี" ได้

พร้อมบริการการดูแลหลังการขายตลอดอายุการใช้งาน

⚙️เข้าชมสินค้าทั้งหมดในเว็บไซต์

คลิก: www.sqdparts.com

⚙️สั่งซื้อทางเพจ

คลิก: m.me/sqdparts

⚙️สั่งซื้อผ่านไลน์

คลิก: https://liff.line.me/1645278921-kWRPP32q/?accountId=sqdparts

คลิกYoutube : https://bit.ly/3IAJstu

คลิกTiktok : https://bit.ly/3bXmLmN

คลิกInstagram : https://bit.ly/3AFxMDx

เขียนโดย sqdparts เมื่อ Wed 24 Dec, 2025
อ่านต่อ

     อาการเมารถ หรือ Motion Sickness เป็นอาการที่พบได้บ่อยโดยเฉพาะผู้โดยสาร บางคนอาจเมารถง่ายมาก แม้แต่การนั่งรถโดยสารประจำทางเพียงสั้นๆ ก็ยังรู้สึกไม่สบาย แต่บางคนกลับนั่งรถนานหลายชั่วโมงก็ไม่เป็นอะไรเลย ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น บทความนี้ เรามีคำตอบมาฝากกัน

 

อาการเมารถเกิดจากอะไร?

อาการเมารถ เกิดจากความขัดแย้งของประสาทสัมผัสต่างๆ ของร่างกาย โดยมีสาเหตุหลักมาจากความขัดแย้งระหว่างสิ่งที่ตาเห็นกับสิ่งที่หูชั้นในรับรู้ เมื่อเรานั่งรถ ตาของเราจะเห็นว่าสิ่งของต่างๆ ภายในรถอยู่นิ่ง แต่หูชั้นในกลับรับรู้ว่าร่างกายกำลังเคลื่อนที่ ทำให้สมองสับสนและส่งสัญญาณไปยังร่างกายว่าเกิดความผิดปกติขึ้น จึงทำให้เกิดอาการคลื่นไส้ อาเจียน และวิงเวียนศีรษะนั่นเอง

 

ทำไมบางคนถึงมีอาการเมารถมากกว่าคนอื่น?

สาเหตุที่บางคนมีอาการเมารถได้มากกว่าคนอื่นเกิดจากหลายปัจจัย ได้แก่

  • พันธุกรรม - การมีประวัติครอบครัวมีอาการเมารถบ่อย จะทำให้มีความเสี่ยงเกิดภาวะเมารถได้ง่ายขึ้นเช่นกัน
  • อายุ - เด็กเล็กและผู้สูงอายุจะมีโอกาสเป็นโรคเมารถได้มากกว่าผู้ใหญ่
  • เพศ - ผู้หญิงมีโอกาสเป็นโรคเมารถมากกว่าผู้ชาย โดยเฉพาะในช่วงที่มีประจำเดือน หรือช่วงตั้งครรภ์
  • ปัญหาสุขภาพ - ผู้ที่มีปัญหาสุขภาพหรือมีโรคประจำตัว เช่น ไมเกรน โรคน้ำในหูไม่เท่ากัน หรือโรคเกี่ยวกับหูชั้นใน จะมีโอกาสเกิดภาวะเมารถได้ง่ายกว่าคนปกติ
  • ปัจจัยอื่นๆ - ความเครียด การพักผ่อนไม่เพียงพอ การกินอาหารไม่ตรงเวลา หรือการดื่มแอลกอฮอล์ เหล่านี้ก็อาจทำให้เกิดอาการเมารถได้ง่ายขึ้นเช่นกัน

5 วิธีลดอาการเมารถ

  1. พยายามเลือกที่นั่งที่นิ่งที่สุด เช่น เบาะนั่งตอนหน้าหรือนั่งใกล้หน้าต่าง
  2. มองออกไปนอกหน้าต่าง เช่น เส้นขอบฟ้า จะช่วยให้สมองประมวลข้อมูลได้สอดคล้องกันมากขึ้น
  3. หลีกเลี่ยงการอ่านหนังสือหรือเล่นโทรศัพท์ เพราะจะเพิ่มโอกาสทำให้สมองเกิดความสับสนมากขึ้น
  4. ทานอาหารเบาๆ ไม่ทานจนอิ่มเกินไป และหลีกเลี่ยงอาหารที่มีกลิ่นฉุน
  5. ทานยาแก้เมารถ จะช่วยบรรเทาภาวะเวียนศีรษะลงได้หากจำเป็น

เมื่อทราบเช่นนี้แล้วหากใครมีอาการเมารถเป็นประจำ ก็ลองเลือกวิธีที่เหมาะสมนำไปใช้ดูนะครับ

 

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com

.

.

.

.

_____________________________________

เราคือตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ

เทอร์โบแท้

IHI TURBO 🇯🇵

GARRETT 🇺🇸

MITSUBISHI TURBOCHARGER 🇯🇵

ซื้อกับเราได้สินค้าแท้100%

คุ้มค่ากว่า ใช้งานได้ในระยะยาว

สบายใจกว่า เทอร์โบแท้รับประกันสินค้ายาวนาน

บริการหลังการขายที่ยอดเยี่ยม

โดยทีมงานมืออาชีพ ผู้มีประสบการณ์มากกว่า 24 ปี”

สั่งอะไหล่กับเรา "ออกใบกำกับภาษี" ได้

พร้อมบริการการดูแลหลังการขายตลอดอายุการใช้งาน

⚙️เข้าชมสินค้าทั้งหมดในเว็บไซต์

คลิก: www.sqdparts.com

⚙️สั่งซื้อทางเพจ

คลิก: m.me/sqdparts

⚙️สั่งซื้อผ่านไลน์

คลิก: https://liff.line.me/1645278921-kWRPP32q/?accountId=sqdparts

คลิกYoutube : https://bit.ly/3IAJstu

คลิกTiktok : https://bit.ly/3bXmLmN

คลิกInstagram : https://bit.ly/3AFxMDx

เขียนโดย sqdparts เมื่อ Mon 22 Dec, 2025
อ่านต่อ

     การขับรถเกียร์ออโต้ นั้นสะดวกสบายกว่าเกียร์ธรรมดา แต่ก็ต้องการการดูแลเอาใจใส่อย่างถูกวิธี เพื่อยืดอายุการใช้งานของเกียร์ให้ยาวนานยิ่งขึ้น หากทำผิดวิธีบ่อยๆ เกียร์อาจพังก่อนกำหนดได้ เราจะพาไปดูกันว่ามีพฤติกรรมอะไรบ้างที่ไม่ควรทำเด็ดขาด

 

5 สิ่งที่ไม่ควรทำกับเกียร์ออโต้ เสี่ยงเกียร์พังไวขึ้น

1. เร่งออกตัวกระชาก - การเร่งเครื่องแรงเกินไปทันทีที่ใส่เกียร์ D จะทำให้ชุดเกียร์และเพลาขับต้องรับแรงกระแทกอย่างรุนแรง ส่งผลให้เกิดความเสียหายต่อเฟืองและชิ้นส่วนภายในได้ง่าย อาจทำให้เฟืองสึกหรอเร็วขึ้น เกิดรอยร้าว หรือชิ้นส่วนอื่นๆ หักได้ ส่งผลให้เกียร์มีอายุการใช้งานสั้นลงอย่างมาก

2. คิกดาวน์บ่อย - การกดคันเร่งจนสุดเพื่อเรียกกำลังสูงสุดบ่อยครั้ง จะทำให้ชุดเกียร์ทำงานหนักเกินไป เกิดความร้อนสูง และน้ำมันเกียร์เสื่อมสภาพเร็วขึ้น เป็นหนึ่งในตัวการสำคัญที่ทำให้เกียร์เสื่อมสภาพไว

3. เข้าเกียร์ N ปล่อยไหล - การเปลี่ยนเกียร์จาก D ไป N ขณะรถกำลังเคลื่อนที่เป็นสิ่งที่ไม่ควรทำเด็ดขาด เนื่องจากแรงดันน้ำมันจะไม่ส่งมาที่กลไกของเกียร์ ทำให้เกิดความร้อนสูง เกียร์สึกหรอไว การปล่อยไหลขณะเข้าเกียร์ว่างจะทำได้เฉพาะเกียร์ธรรมดา และแนะนำว่าทำเฉพาะเวลาที่รถใกล้หยุดแล้วเท่านั้นเพื่อความปลอดภัย

4. ลากจูงรถ - การลากจูงรถเกียร์ออโต้โดยให้ปล่อยให้ล้อหมุนตามไปด้วยนั้น ถือเป็นสิ่งที่ไม่แนะนำอย่างเด็ดขาด เนื่องจากชุดเกียร์จะไม่มีการสร้างแรงดันน้ำมันเพื่อหล่อเลี้ยงระบบเกียร์ ทำให้เกิดความร้อนสูง และชิ้นส่วนเกิดการสึกหรออย่างรุนแรง หากรถเสียมีความจำเป็นต้องลาก ให้ใช้วิธียกล้อขับเคลื่อนขึ้น (เช่น รถขับเคลื่อนล้อหน้า ก็ให้ยกล้อหน้าลอย) หรือขึ้นรถสไลด์เลยจะดีกว่า

5. ละเลยเปลี่ยนน้ำมันเกียร์ - น้ำมันเกียร์ถือเป็นเลือดหล่อเลี้ยงระบบเกียร์ให้ทำงานได้อย่างสมบูรณ์ ควรเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเกียร์ตามที่คู่มือกำหนดไว้ หรือทุก 40,000 กิโลเมตร เพื่อคงประสิทธิภาพการหล่อลื่นของระบบเกียร์ และช่วยกำจัดเศษตะกอนของเกียร์ที่อาจก่อให้เกิดปัญหาในระยะยาว

 

การดูแลรักษารถเกียร์ออโต้ให้ถูกวิธี จะช่วยยืดอายุการใช้งานของเกียร์ และทำให้รถของคุณมีสมรรถนะที่ดีอยู่เสมอ การหลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม 5 ข้อที่กล่าวมาข้างต้น จะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดปัญหาที่อาจนำไปสู่การเสียหายของเกียร์ได้อย่างมีประสิทธิภาพครับ

 

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com

.

.

.

.

_____________________________________

เราคือตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ

เทอร์โบแท้

IHI TURBO 🇯🇵

GARRETT 🇺🇸

MITSUBISHI TURBOCHARGER 🇯🇵

ซื้อกับเราได้สินค้าแท้100%

คุ้มค่ากว่า ใช้งานได้ในระยะยาว

สบายใจกว่า เทอร์โบแท้รับประกันสินค้ายาวนาน

บริการหลังการขายที่ยอดเยี่ยม

โดยทีมงานมืออาชีพ ผู้มีประสบการณ์มากกว่า 24 ปี”

สั่งอะไหล่กับเรา "ออกใบกำกับภาษี" ได้

พร้อมบริการการดูแลหลังการขายตลอดอายุการใช้งาน

⚙️เข้าชมสินค้าทั้งหมดในเว็บไซต์

คลิก: www.sqdparts.com

⚙️สั่งซื้อทางเพจ

คลิก: m.me/sqdparts

⚙️สั่งซื้อผ่านไลน์

คลิก: https://liff.line.me/1645278921-kWRPP32q/?accountId=sqdparts

คลิกYoutube : https://bit.ly/3IAJstu

คลิกTiktok : https://bit.ly/3bXmLmN

คลิกInstagram : https://bit.ly/3AFxMDx

เขียนโดย sqdparts เมื่อ Mon 22 Dec, 2025
อ่านต่อ
แสดง รายการ
ร้านค้าออนไลน์ และ ขายของออนไลน์ โดย © 2006-2025 Vevo Systems Co., Ltd.