×
ผลการค้นหา : เทอร์โบ
แสดง รายการ

     ใครที่ใช้รถบ่อยๆ คงจะสังเกตเรื่องของน้ำมันเชื้อเพลิงที่เป็นเหมือนกับแหล่งพลังงานของรถในการขับเคลื่อนไป แต่ถ้าอยู่ดีๆ ถ้าเกิดไฟเตือนขึ้นหลายคนก็มักจะไปเติมทันที แล้วถ้าไม่เติมปล่อยไว้ก่อน ทำแบบนี้บ่อยๆ ผลเสียที่ได้มานั้นอาจจะร้ายแรงกว่าที่คิด วันนี้ เราจะพาคุณมาดู 3 คำเตือน หากไฟเตือนเติมน้ำมันขึ้นบ่อยแล้วไม่เติม อาจจะทำให้เกิดอะไรขึ้นบ้าง

 

3 คำเตือนหากคุณปล่อยให้ไฟเตือนน้ำมันขึ้นบ่อยๆ

 1. ความเสียหายต่อชิ้นส่วนรถยนต์

  • ปั๊มน้ำมันเชื้อเพลิง (ปั๊มติ๊ก) พังก่อนเวลาอันควร นี่คือผลกระทบที่ร้ายแรงและพบบ่อยที่สุด ปั๊มติ๊กซึ่งเป็นชิ้นส่วนที่ทำหน้าที่ดูดน้ำมันจากถังส่งไปยังเครื่องยนต์ จะแช่อยู่ในถังน้ำมัน โดยอาศัยน้ำมันเชื้อเพลิงในการ หล่อลื่นและระบายความร้อน
    • เมื่อน้ำมันหมด: ปั๊มติ๊กจะดูดอากาศเข้ามาแทน ทำให้ตัวปั๊มทำงานหนักขึ้นในสภาพที่แห้งและเกิดความร้อนสูงสะสม เมื่อเกิดเหตุการณ์นี้บ่อยครั้ง จะทำให้ปั๊มเสื่อมสภาพและเสียหายถาวรได้ ซึ่งค่าเปลี่ยนปั๊มติ๊กนั้นมีราคาสูง
  • ระบบเชื้อเพลิงอุดตัน ที่ก้นถังน้ำมันมักจะมีตะกอนหรือสิ่งสกปรกขนาดเล็กตกค้างอยู่ เมื่อคุณขับรถจนน้ำมันใกล้หมด ปั๊มติ๊กจะดูดเอาตะกอนเหล่านี้เข้าไปในระบบด้วย
    • ผลที่ตามมา: ตะกอนจะเข้าไปอุดตันที่ กรองน้ำมันเชื้อเพลิง และอาจเล็ดลอดไปถึง หัวฉีด ทำให้การฉีดน้ำมันเชื้อเพลิงไม่สมบูรณ์ ส่งผลให้เครื่องยนต์สะดุด กำลังตก และหากอุดตันรุนแรงอาจต้องเสียค่าใช้จ่ายในการล้างหรือเปลี่ยนหัวฉีด
  • สร้างความเสียหายให้แคทตาไลติกคอนเวอร์เตอร์ (Catalytic Converter) เมื่อน้ำมันเหลือน้อย การจ่ายน้ำมันไปยังเครื่องยนต์อาจไม่สม่ำเสมอ ทำให้เครื่องยนต์เกิดอาการสะดุดหรือ "Misfire" (การจุดระเบิดผิดจังหวะ) ซึ่งจะทำให้มีน้ำมันเชื้อเพลิงที่ยังไม่เผาไหม้ถูกปล่อยออกไปทางท่อไอเสีย เมื่อไปเจอกับความร้อนสูงของแคทตาไลติกคอนเวอร์เตอร์ (ท่อแคท) อาจทำให้ชิ้นส่วนภายในหลอมละลายและเสียหายได้ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งชิ้นส่วนที่มีราคาสูงมาก

2. ปัญหาเฉพาะสำหรับเครื่องยนต์ดีเซล

สำหรับคนที่ใช้รถกระบะหรือรถที่ใช้เครื่องยนต์ดีเซล การปล่อยให้น้ำมันหมดถังจะสร้างปัญหาที่ยุ่งยากกว่ารถเบนซิน เนื่องจากอากาศจะเข้าไปในระบบทางเดินน้ำมัน ทำให้เกิด "ฟองอากาศ" ในระบบ เมื่อเติมน้ำมันแล้วจะ สตาร์ทรถไม่ติด จนกว่าจะทำการ ไล่ลม (Bleeding) ออกจากระบบให้หมดก่อน ซึ่งต้องอาศัยความชำนาญหรือต้องเรียกช่างมาจัดการให้

3. ความเสี่ยงด้านความปลอดภัยและค่าใช้จ่ายแฝง

นอกเหนือจากความเสียหายของตัวรถแล้ว ยังมีความเสี่ยงอื่นๆ ตามมาอีกด้วยไม่ว่าจะเป็น

  • เสี่ยงเกิดอุบัติเหตุ: การที่รถดับกลางถนน, บนทางด่วน หรือบริเวณทางโค้ง อาจเป็นสาเหตุให้เกิดอุบัติเหตุซ้ำซ้อนได้
  • อันตรายจากการจอดในที่เปลี่ยว: หากรถเสียในเวลากลางคืนหรือในเส้นทางที่ไม่คุ้นเคย อาจเสี่ยงต่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน
  • เสียเวลาและค่าใช้จ่าย: คุณจะต้องเสียเวลาในการรอความช่วยเหลือ และอาจมีค่าใช้จ่ายสำหรับบริการน้ำมันฉุกเฉิน หรือค่ารถลากไปยังอู่ซ่อมรถ ที่เรียกว่าเสียเยอะมาก

     เห็นไหมครับว่า หากคุณไม่เติมน้ำมันตามที่ไฟขึ้นบ่อยๆ ก็อาจจะส่งเสียเยอะกว่าที่คิด ดังนั้นเราไม่ควรปล่อยให้ไฟเตือนน้ำมันขึ้นถ้าไม่จำเป็นครับ

 

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com

.

.

.

.

_____________________________________

เราคือตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ

เทอร์โบแท้

IHI TURBO 🇯🇵

GARRETT 🇺🇸

MITSUBISHI TURBOCHARGER 🇯🇵

ซื้อกับเราได้สินค้าแท้100%

คุ้มค่ากว่า ใช้งานได้ในระยะยาว

สบายใจกว่า เทอร์โบแท้รับประกันสินค้ายาวนาน

บริการหลังการขายที่ยอดเยี่ยม

โดยทีมงานมืออาชีพ ผู้มีประสบการณ์มากกว่า 24 ปี”

สั่งอะไหล่กับเรา "ออกใบกำกับภาษี" ได้

พร้อมบริการการดูแลหลังการขายตลอดอายุการใช้งาน

⚙️เข้าชมสินค้าทั้งหมดในเว็บไซต์

คลิก: www.sqdparts.com

⚙️สั่งซื้อทางเพจ

คลิก: m.me/sqdparts

⚙️สั่งซื้อผ่านไลน์

คลิก: https://liff.line.me/1645278921-kWRPP32q/?accountId=sqdparts

คลิกYoutube : https://bit.ly/3IAJstu

คลิกTiktok : https://bit.ly/3bXmLmN

คลิกInstagram : https://bit.ly/3AFxMDx

เขียนโดย sqdparts เมื่อ Sun 22 Jun, 2025
อ่านต่อ

     มดขึ้นรถ เป็นปัญหาปวดหัวของใครหลายคน เพราะไม่เพียงแต่จะสร้างความรำคาญแก่ผู้ใช้รถ แต่ยังอาจไปทำรังซ่อนอยู่ในอุปกรณ์ไฟฟ้า หรือกล่องควบคุมระบบไฟฟ้า จนสร้างความเสียหายใหญ่โตได้ บทความนี้ เราขอแนะนำวิธีไล่มดแบบหายขาด เพียงทำตามนี้

 

5 วิธีไล่มดในรถด้วยตัวเอง

1. ทำความสะอาดรถยนต์แบบขั้นลึก

  • ดูดฝุ่น - เริ่มจากการดูดฝุ่นภายในรถให้สะอาด เพื่อกำจัดเศษอาหารหรือเศษขนมที่อาจเป็นแหล่งอาหารของมด
  • ล้างทำความสะอาด - ใช้ผ้าชุบน้ำยาทำความสะอาดเช็ดทำความสะอาดเบาะนั่ง พรม และทุกซอกทุกมุมภายในรถ
  • ตรวจสอบใต้เบาะและช่องเก็บของ - มักจะมีเศษอาหารหรือสิ่งสกปรกซ่อนอยู่ตามซอกมุมเหล่านี้ จึงควรทำความสะอาดให้ทั่วถึง

2. กำจัดรังมด

  • หาแหล่งที่มา - พยายามสังเกตว่ามดเข้ามาในรถทางไหน อาจจะเป็นรอยร้าวตามขอบประตู หรือช่องว่างเล็กๆ
  • กำจัดรัง - หากพบรังมด ให้ทำการกำจัดรังมดโดยใช้น้ำยาฆ่าแมลง หรือปิดกั้นทางเข้าออกของมด

3. ใช้เหยื่อล่อมด

  • เหยื่อสำเร็จรูป - สามารถหาซื้อเหยื่อกำจัดมดสำเร็จรูปได้ตามซูเปอร์มาร์เก็ต โดยวางเหยื่อไว้ในบริเวณที่พบมด
  • ทำเหยื่อเอง - ผสมน้ำตาลกับกรดบอริก แล้วปั้นเป็นก้อนเล็กๆ วางไว้ในบริเวณที่มดชอบมาชุมนุม มดจะนำเหยื่อไปกินและตายในที่สุด

4. ใช้สารไล่มดตามธรรมชาติ

  • เปลือกส้ม - วางเปลือกส้มแห้งไว้ในรถยนต์ กลิ่นของเปลือกส้มจะช่วยไล่มดได้
  • ใบสะระแหน่ - วางใบสะระแหน่สดหรือแห้งไว้ในรถยนต์ กลิ่นของสะระแหน่ก็ช่วยไล่มดได้เช่นกัน

5. ป้องกันไม่ให้มดกลับมา

  • อุดรอยร้าว - ตรวจสอบและอุดรอยร้าวทุกจุดที่มดอาจเข้ามาได้ เช่น รอยร้าวตามขอบประตู หรือช่องว่างรอบๆ ไฟหน้า
  • ทำความสะอาดรถยนต์เป็นประจำ - การทำความสะอาดรถยนต์เป็นประจำจะช่วยป้องกันไม่ให้มดกลับมาทำรังอีก

     อย่างไรก็ดี หากพบว่ามีมดจำนวนมากภายในห้องโดยสารหรือห้องเครื่องยนต์ ควรเพิ่มความระมัดระวังกล่องควบคุมอุปกรณ์ไฟฟ้าต่างๆ เพราะเป็นชิ้นส่วนที่ละเอียดอ่อน เสี่ยงต่อการช็อตได้ง่าย หากเกิดความผิดปกติเกี่ยวกับระบบไฟฟ้า ควรรีบนำรถเข้าเช็กที่อู่หรือศูนย์บริการโดยทันที

 

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com

.

.

.

.

_____________________________________

เราคือตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ

เทอร์โบแท้

IHI TURBO 🇯🇵

GARRETT 🇺🇸

MITSUBISHI TURBOCHARGER 🇯🇵

ซื้อกับเราได้สินค้าแท้100%

คุ้มค่ากว่า ใช้งานได้ในระยะยาว

สบายใจกว่า เทอร์โบแท้รับประกันสินค้ายาวนาน

บริการหลังการขายที่ยอดเยี่ยม

โดยทีมงานมืออาชีพ ผู้มีประสบการณ์มากกว่า 24 ปี”

สั่งอะไหล่กับเรา "ออกใบกำกับภาษี" ได้

พร้อมบริการการดูแลหลังการขายตลอดอายุการใช้งาน

⚙️เข้าชมสินค้าทั้งหมดในเว็บไซต์

คลิก: www.sqdparts.com

⚙️สั่งซื้อทางเพจ

คลิก: m.me/sqdparts

⚙️สั่งซื้อผ่านไลน์

คลิก: https://liff.line.me/1645278921-kWRPP32q/?accountId=sqdparts

คลิกYoutube : https://bit.ly/3IAJstu

คลิกTiktok : https://bit.ly/3bXmLmN

คลิกInstagram : https://bit.ly/3AFxMDx

เขียนโดย sqdparts เมื่อ Sun 22 Jun, 2025
อ่านต่อ

     ปัญหาเครื่องยนต์ร้อนจัด หรือโอเวอร์ฮีต เป็นปัญหาที่พบเจอบ่อยในรถยนต์รุ่นเก่า โดยเฉพาะในสภาพอากาศร้อน หรือเมื่อใช้งานรถยนต์หนักๆ หากปล่อยปละละเลยอาจส่งผลเสียต่อเครื่องยนต์ได้ ดังนั้นเมื่อพบว่ารถของคุณมีอาการร้อนจัด ควรปฏิบัติตามขั้นตอนเหล่านี้

 

วิธีแก้รถความร้อนขึ้น ต้องทำยังไงบ้าง

1. จอดรถในที่ปลอดภัยทันที

สิ่งแรกที่ควรทำเมื่อสังเกตเห็นว่ารถยนต์มีความร้อนสูงขึ้น คือ การหาที่จอดรถที่ปลอดภัยโดยเร็วที่สุด อาจจะเป็นข้างทาง หรือปั๊มน้ำมัน จากนั้นจึงดับเครื่องยนต์ทันที การจอดรถในที่ปลอดภัยจะช่วยป้องกันอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นได้จากการที่รถเสียหลักเนื่องจากความร้อนสูง

2. ตรวจสอบระดับน้ำหล่อเย็น

หลังจากจอดรถแล้ว ให้รอสักครู่จนเครื่องยนต์เย็นลงเล็กน้อย จากนั้นจึงเปิดฝากระโปรงรถเพื่อตรวจสอบระดับน้ำหล่อเย็นในหม้อน้ำ หากระดับน้ำต่ำกว่าขีดกำหนด ให้เติมน้ำหล่อเย็นลงไปตามปริมาณที่กำหนดในคู่มือรถยนต์ ควรระวังอย่าเปิดฝาหม้อน้ำขณะที่เครื่องยนต์ยังร้อนอยู่ เพราะอาจทำให้เกิดการระเบิดของไอน้ำได้

3. ตรวจสอบพัดลมระบายความร้อน

พัดลมระบายความร้อนมีหน้าที่ระบายความร้อนออกจากเครื่องยนต์ หากพัดลมทำงานไม่ปกติ หรือไม่ทำงานเลย อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้เครื่องยนต์ร้อนเกินไป ให้ตรวจสอบว่าพัดลมทำงานหรือไม่ หากไม่ทำงาน ควรเรียกช่างมาซ่อมแซม

4. เรียกช่างซ่อม

หลังจากทำการตรวจสอบเบื้องต้นแล้ว หากยังไม่สามารถระบุสาเหตุของปัญหาได้ หรือไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ด้วยตัวเอง ควรเรียกช่างผู้ชำนาญมาตรวจสอบและซ่อมแซม เพราะปัญหาเรื่องความร้อนของรถยนต์อาจมีสาเหตุมาจากหลายปัจจัย เช่น ปั๊มน้ำเสีย หม้อน้ำรั่ว หรือวาล์วน้ำไม่ทำงาน

 

สาเหตุโอเวอร์ฮีตที่พบได้บ่อย

  • น้ำหล่อเย็นหมดหรือมีปริมาณน้อยเกินไป - ทำให้ระบบระบายความร้อนทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ
  • พัดลมระบายความร้อนเสีย - พัดลมระบายความร้อนไม่ทำงาน ทำให้ความร้อนระบายออกจากเครื่องยนต์ได้ไม่ดี
  • หม้อน้ำรั่ว - ทำให้น้ำหล่อเย็นรั่วไหลออกจากระบบ
  • ปั๊มน้ำเสีย - ทำให้น้ำหล่อเย็นหมุนเวียนไม่สะดวก
  • วาล์วน้ำเสีย - ทำให้น้ำหล่อเย็นไม่สามารถไหลเวียนไปยังหม้อน้ำได้
  • สนิมหรือหินปูนในระบบหล่อเย็น - คราบหินปูนหรือสนิมที่เกาะตามท่อและหม้อน้ำจะทำให้การถ่ายเทความร้อนไม่ดี

วิธีป้องกันเครื่องยนต์โอเวอร์ฮีต

  • ตรวจสอบระดับน้ำหล่อเย็นเป็นประจำ - ควรตรวจสอบระดับน้ำหล่อเย็นอย่างน้อยเดือนละครั้ง
  • เปลี่ยนถ่ายน้ำหล่อเย็นตามระยะทางที่กำหนด - การเปลี่ยนถ่ายน้ำหล่อเย็นเป็นประจำจะช่วยป้องกันการเกิดคราบสเกล
  • ตรวจสอบระบบระบายความร้อนเป็นประจำ - ควรตรวจสอบสภาพของสายพาน พัดลม และชิ้นส่วนอื่นๆ ในระบบระบายความร้อนเป็นประจำ
  • ใช้ชิ้นส่วนอะไหล่แท้ - การใช้อะไหล่แท้จะช่วยให้มั่นใจได้ว่าระบบระบายความร้อนจะทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

     การปฏิบัติตามคำแนะนำเหล่านี้จะช่วยให้คุณสามารถรับมือกับปัญหาเครื่องยนต์ร้อนได้อย่างถูกวิธี และป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหายกับเครื่องยนต์ในระยะยาว

 

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com

.

.

.

.

_____________________________________

เราคือตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ

เทอร์โบแท้

IHI TURBO 🇯🇵

GARRETT 🇺🇸

MITSUBISHI TURBOCHARGER 🇯🇵

ซื้อกับเราได้สินค้าแท้100%

คุ้มค่ากว่า ใช้งานได้ในระยะยาว

สบายใจกว่า เทอร์โบแท้รับประกันสินค้ายาวนาน

บริการหลังการขายที่ยอดเยี่ยม

โดยทีมงานมืออาชีพ ผู้มีประสบการณ์มากกว่า 24 ปี”

สั่งอะไหล่กับเรา "ออกใบกำกับภาษี" ได้

พร้อมบริการการดูแลหลังการขายตลอดอายุการใช้งาน

⚙️เข้าชมสินค้าทั้งหมดในเว็บไซต์

คลิก: www.sqdparts.com

⚙️สั่งซื้อทางเพจ

คลิก: m.me/sqdparts

⚙️สั่งซื้อผ่านไลน์

คลิก: https://liff.line.me/1645278921-kWRPP32q/?accountId=sqdparts

คลิกYoutube : https://bit.ly/3IAJstu

คลิกTiktok : https://bit.ly/3bXmLmN

คลิกInstagram : https://bit.ly/3AFxMDx

เขียนโดย sqdparts เมื่อ Sun 22 Jun, 2025
อ่านต่อ

     ระบบแอร์รถยนต์ ก็ไม่ต่างอะไรกับแอร์บ้านที่อาจมีสิ่งสกปรกสะสมเมื่อผ่านการใช้งานมาเป็นระยะเวลานาน การล้างแอร์จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งเพื่อสุขภาพของผู้โดยสารภายในรถ และยังเป็นการยืดอายุการใช้งานของระบบปรับอากาศอีกด้วย

 

เมื่อไหร่ถึงต้องล้างแอร์รถยนต์?

การล้างแอร์รถยนต์ควรกระทำทุกๆ 1-2 ปี หรือเมื่อผ่านการใช้งานทุกๆ 20,000 กิโลเมตร แต่กรณีมีความผิดปกติเกิดขึ้นกับระบบแอร์ที่เกิดจากสิ่งสกปรก เช่น มีกลิ่นเหม็นอับจากช่องแอร์ หรือลมแอร์เบากว่าปกติ การล้างแอร์อาจช่วยแก้ปัญหาในเบื้องต้นได้

 

นอกจากนี้ การใช้งานของแต่ละบุคคลอาจส่งผลให้ระบบแอร์รถยนต์ตันเร็วขึ้น เช่น การใช้น้ำหอมระเหยดับกลิ่น, การใช้การบูรในรถ รวมถึงการนำรถไปใช้ในพื้นที่ที่มีฝุ่นเป็นปริมาณมาก ทางที่ดีควรหมั่นสังเกตอาการผิดปกติของระบบแอร์ และรีบดำเนินการแก้ไขก่อนจะลุกลามบานปลายไปจนถึงขั้นต้องเปลี่ยนคอยล์เย็นหรือตู้แอร์ ซึ่งการล้างแอร์อาจช่วยแก้ไขปัญหาเบื้องต้นได้เช่นกัน

 

การล้างแอร์รถยนต์มีทั้งหมดกี่แบบ?

ปัจจุบันการล้างแอร์มี 2 วิธีหลักๆ คือ การล้างแบบถอดตู้และแบบไม่ถอดตู้ โดยแต่ละแบบมีข้อแตกต่างกัน ดังนี้

1. การล้างแอร์แบบถอดตู้

การล้างแอร์รถยนต์แบบถอดตู้เป็นการล้างแบบดั้งเดิมที่นิยมใช้มาอย่างยาวนาน โดยเป็นการถอดรื้อตู้แอร์ทั้งแผงตอยล์เย็นและคอยล์ร้อนออกมาทำความสะอาดด้านนอก ซึ่งสามารถล้างสิ่งสกปรกได้อย่างสะอาดหมดจดแทบทุกส่วน

 

แต่ข้อเสียของการล้างแอร์แบบถอดตู้ คือ ช่างจำเป็นต้องรื้อแผงคอนโซลหน้าออกมาแทบทั้งหมด ซึ่งต้องอาศัยความชำนาญอย่างยิ่งในการรื้อ เพราะอาจเกิดความเสียหายกับชิ้นส่วนและอุปกรณ์ต่างๆ และงานประกอบกลับอาจไม่เต็ม 100% เมื่อเทียบกับการติดตั้งมาจากโรงงาน อีกทั้งยังจำเป็นต้องทำการแวกคั่มและเติมน้ำยาแอร์ใหม่ มักกินเวลานานอย่างน้อยครึ่งวันจึงจะเสร็จสมบูรณ์

 

2. การล้างแบบไม่ถอดตู้แอร์

การล่างแอร์แบบไม่ถอดตู้เป็นวิธีที่ได้รับความนิยมในช่วงหลังๆ โดยอาศัยเครื่องมือพิเศษเพื่อใช้ในการล้างแอร์โดยเฉพาะ ซึ่งจะเป็นการสอดกล้องพร้อมกับอุปกรณ์ล้างแอร์เพื่อทำความสะอาดภายในตู้แอร์ จึงไม่จำเป็นต้องรื้อคอนโซลออกมาแต่อย่างใด (หากเทียบเป็นคนก็คล้ายกับการผ่าตัดส่องกล้องนั่นเอง)

 

แต่ข้อเสียของการล้างแอร์แบบไม่ถอดตู้ คือ ความสะอาดในการล้างมักอยู่ที่ประมาณ 70-80% เมื่อเทียบกับการล้างแบบถอดตู้ แต่นั่นก็เพียงพอสำหรับการใช้งานไปได้อีก 1-2 ปี หรือประมาณ 20,000 กิโลเมตร แถมยังใช้เวลาไม่นานและไม่ต้องกังวลว่าจะเกิดความเสียหายกับแผงคอนโซลในระหว่างการรื้อและประกอบเข้าไปใหม่

 

     รู้แบบนี้แล้วหากใครที่ใช้รถมานานๆ แล้วยังไม่เคยล้างแอร์แล้วล่ะก็ ลองเลือกวิธีที่เหมาะสมสำหรับคุณเองเพื่อเป็นการบำรุงรักษาระบบแอร์รถยนต์ให้ใช้ได้อีกนานๆ ครับ

 

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com

.

.

.

.

_____________________________________

เราคือตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ

เทอร์โบแท้

IHI TURBO 🇯🇵

GARRETT 🇺🇸

MITSUBISHI TURBOCHARGER 🇯🇵

ซื้อกับเราได้สินค้าแท้100%

คุ้มค่ากว่า ใช้งานได้ในระยะยาว

สบายใจกว่า เทอร์โบแท้รับประกันสินค้ายาวนาน

บริการหลังการขายที่ยอดเยี่ยม

โดยทีมงานมืออาชีพ ผู้มีประสบการณ์มากกว่า 24 ปี”

สั่งอะไหล่กับเรา "ออกใบกำกับภาษี" ได้

พร้อมบริการการดูแลหลังการขายตลอดอายุการใช้งาน

⚙️เข้าชมสินค้าทั้งหมดในเว็บไซต์

คลิก: www.sqdparts.com

⚙️สั่งซื้อทางเพจ

คลิก: m.me/sqdparts

⚙️สั่งซื้อผ่านไลน์

คลิก: https://liff.line.me/1645278921-kWRPP32q/?accountId=sqdparts

คลิกYoutube : https://bit.ly/3IAJstu

คลิกTiktok : https://bit.ly/3bXmLmN

คลิกInstagram : https://bit.ly/3AFxMDx

เขียนโดย sqdparts เมื่อ Sun 22 Jun, 2025
อ่านต่อ

     เชื่อว่าเจ้าของรถหลายคนคงสังเกตเห็นกันมาบ้าง ว่าบริเวณแผงคอนโซลภายในรถจะมีช่องเล็กๆ ติดตั้งไว้ฝั่งผู้ขับขี่แทบทุกคัน บางรุ่นก็อาจมีลักษณะเป็นสี่เหลี่ยม บางรุ่นอาจเป็นวงกลม แล้วทราบหรือไม่ว่าช่องดังกล่าวมีไว้ทำอะไร?

 

อันที่จริงแล้วช่องบนแผงคอนโซลที่ว่านี้ไม่ได้มีขึ้นมาลอยๆ เท่านั้น หากแต่ภายในจะมีเซ็นเซอร์สำหรับตรวจจับอุณหภูมิภายในห้องโดยสาร เพื่อใช้ในการทำงานของระบบปรับอากาศ ช่วยให้อุณหภูมิภายในห้องโดยสารเป็นไปตามที่ตั้งค่าไว้นั่นเอง โดยรถแทบทุกคันมักจะติดตั้งเซ็นเซอร์ตรวจจับอุณหภูมิไว้ใกล้กับผู้ขับขี่มากที่สุด และรถบางรุ่นอาจมีเซ็นเซอร์มากกว่า 1 จุดขึ้นไปก็เป็นได้

 

นอกจากนี้ ระบบปรับอากาศภายในรถแต่ละคันยังอาศัยเซ็นเซอร์อื่นๆ เพื่อใช้ในการควบคุมอุณหภูมิและคุณภาพอากาศภายในรถให้เป็นไปอย่างเหมาะสมมากที่สุด ยกตัวอย่างเช่น เซ็นเซอร์ตรวจจับแสงอาทิตย์, เซ็นเซอร์ตรวจจับความชื้น, เซ็นเซอร์ตรวจจับฝุ่นและอนุภาค และเซ็นเซอร์ตรวจจับอุณหภูมิภายนอก เป็นต้น

 

     ดังนั้น หากพบว่าระบบปรับอากาศของรถคุณเกิดมีปัญหาขึ้นมา โดยเฉพาะรถที่มีระบบปรับอากาศอัตโนมัติ ก็เป็นไปได้ว่าสาเหตุอาจเกิดจากเซ็นเซอร์เหล่านี้ทำงานผิดปกตินั่นเอง

 

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com

.

.

.

.

_____________________________________

เราคือตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ

เทอร์โบแท้

IHI TURBO 🇯🇵

GARRETT 🇺🇸

MITSUBISHI TURBOCHARGER 🇯🇵

ซื้อกับเราได้สินค้าแท้100%

คุ้มค่ากว่า ใช้งานได้ในระยะยาว

สบายใจกว่า เทอร์โบแท้รับประกันสินค้ายาวนาน

บริการหลังการขายที่ยอดเยี่ยม

โดยทีมงานมืออาชีพ ผู้มีประสบการณ์มากกว่า 24 ปี”

สั่งอะไหล่กับเรา "ออกใบกำกับภาษี" ได้

พร้อมบริการการดูแลหลังการขายตลอดอายุการใช้งาน

⚙️เข้าชมสินค้าทั้งหมดในเว็บไซต์

คลิก: www.sqdparts.com

⚙️สั่งซื้อทางเพจ

คลิก: m.me/sqdparts

⚙️สั่งซื้อผ่านไลน์

คลิก: https://liff.line.me/1645278921-kWRPP32q/?accountId=sqdparts

คลิกYoutube : https://bit.ly/3IAJstu

คลิกTiktok : https://bit.ly/3bXmLmN

คลิกInstagram : https://bit.ly/3AFxMDx

เขียนโดย sqdparts เมื่อ Fri 06 Jun, 2025
อ่านต่อ

     ทุกวันนี้เราต้องยอมรับครับว่า รถยนต์นั้นก้าวล้ำไปอย่างมาก และด้วยเทคโนโลยีที่เปี่ยมล้นไปอย่างมากมายในปัจจุบันนั้น ทำให้คนจำนวนมากลืมคิดถึงชิ้นส่วนสำคัญๆ อย่างคลัทช์ ที่แม้ปัจจุบัน รถยนต์จะเป้นระบบเกียร์อัตโนมัติ แต่คลัทช์ที่อยู่ในทุกส่วนที่ต้องถ่ายทดกำลังยังเป็นชิ้นส่วนสำคัญเสมอ

 

เมื่อพูดถึงคลัทช์แล้ว เราหลายคนคงไม่เคยอาการคลัทช์หมด ที่นับว่าเป้นเรื่องใหญ่พอๆกับเครื่องฮีท ซึ่งทำให้รถไม่สามารถไปต่อได้ และนอกจากคลัทช์จะทำให้รถไม่สามารถขับต่อไปได้แล้ว ยังอาจทำให้ระบบเกียร์พังคาที่ถ้าคุณรู้เท่าไม่ถึงการณ์

 

แน่นอนของทุกอย่างมันมีสัญญาณบอกลางร้ายก่อนที่มันจะเกิดขึ้นเสมอเพียงแต่คุณจะใส่ใจมันหรือไม่ แต่ถ้าตอนนี้คุณใช้รถมือสอง หรือรถที่มีอายุนานกว่า 10 ปี มีระยะทางผ่านมาแล้ว 1.5-2 แสนกิโลเมตร ไม่ว่าจะเกียร์ธรรมดา หรือเกียร์อัตโนมัติ ...นี่เป็นเวลาที่เหมาะสมในการตรวจเช็คคลัทช์

 

วิธีตรวจเช็คคัลทช์

การตรวจเช็คคัลทช์นั้นไม่ยากและสามารถทำได้ด้วยตัวโดยไม่ต้องอาศัยผู้เชี่ยวชาญ เพียงแต่คุณต้องจับความรู้สึกให้ได้ว่ารถคุณกำลังต้องการจะบอกอะไร แล้วลองทำตามดังนี้

 

1. คลัทช์ลื่น นี่เป็นอาการเริ่มต้นที่คุณควรจะสนใจและมันเป้นลางร้ายที่บอกคุณก่อนที่คลัทช์ของคุณจะหมด อาการคลัทช์ลื่นนั้น สามารถเกิดขึ้นได้ ใน 2 กรณี คือ 1 คลัทช์ใกล้หมด ซึ่งมีสาเหตุใหญ่มาจากผ้าคลัทช์ที่เริ่มบาง และ 2.เครื่องมีกำลังเกินกว่าที่คลัทช์ จะรับได้ ซึ่งมักจะพบในรถยนต์กลุ่มที่มีการโมดิฟายเครื่องยนต์เท่านั้น

 

หากรถคุณไม่ได้โมเครื่อง แน่นอนว่า นี่เป็นสาเหตุของอาการคลัทช์ใกล้หมดที่เริ่มบ่งชี้อาการว่ารถของคุณกำลังไม่ปกติ

 

2. ความเร็วลดลงในรอบเครื่องเท่าเดิม บางครั้งในรถยนต์บางรุ่น คุณอาจไม่พบอาการคลัทช์ลื่นก็เป้นไปได้ และ นี่อาจเป้นอาหารที่ 2 ที่คุณอาจ โดยเฉพาะ ในรถยนต์เกียร์อัตโนมัติ ที่ยากมากที่คุณจะสังเกตอาการคลัทช์ลื่น บางครั้งถ้าคุณพบว่าที่ความเร็วเท่าเดิม แต่ใช้รอบเครื่องสูงขึ้นกว่าเดิม หรือรอบเครื่องเท่าเดิม แต่ได้ความเร็วต่ำกว่าที่เคยทำได้ นั่นก็เป็นอาการหนึ่งของคลัทช์ลื่นที่ช่วยเตือนคุณก่อนคลัทช์จะหมด

 

3. ขึ้นเนินชันได้ช้ากว่าปกติ บางครั้งทั้ง 2 อาการ ขั้นต้นคุณอาจจะยังไม่พบ แต่ถ้าคุณสามารถสังเกตได้ว่า รถเริ่มไต่เนินได้ช้า หรือต้องลดจังหวะเกียร์เพื่อขึ้นเนิน ทั้งๆที่ เมื่อก่อนไม่จำเป็นนั้น นี่เป็นอาการเริ่มต้นของอาการคลัทช์บาง ที่เป็นต้นเหตุอาหารคลัทช์หมด

 

อาการทั้ง 3 นี้คุณสามารถสังเกตได้และมักตบ ถ้ารถคุณเริ่มมีอาการคลัทช์ใกล้หมด แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ตามปกติแล้วคลัทช์ 1 ชุดจะมีอายุการใช้งานที่ 150,000-200,000 กิโลเมตร หากคุณต้องการให้คลัทช์ใช้งานได้นานๆ ควรจะต้องรู้จักวิธีการใช้คลัทช์ให้ถูกต้อง

 

วิธีการใช้คลัทช์ให้ถูกต้อง

1. อย่าเลี้ยงคลัทช์ หลายคนมักนิยมเหยียบแช่คลัทช์ หรือที่เราเรียกกันว่า เลี้ยงคลัทช์ โดยเฉพาะใครก็ตามที่นิยมขับรถในเขตเมืองการเหยียบคลัทช์แช่ไม่ใช่เรื่องที่ถูกต้อง และสำหรับเกียร์อัตโนมัติ นี่คือคำตอบที่ดีสำหรับ ใครที่ถามว่าทำไมต้องเปลี่ยน D เป็น N ทั้งๆที่ติดไม่นาน เพราะในเจ้าตัว Torque Convertor นั้น มันก็มีคลัทช์เช่นกัน

2. อย่าเหยีบยคลัทช์โดยไม่จำเป็น ตามปกติแล้ว คลัทช์เราจะต้องใช้งานมันนั้นก็ต่อเมื่อ เราต้องการเปลี่ยนเกียร์ ซึ่งนั่นเป็นจังหวะเดียวที่เราจะใช้ ดังนั้นใครที่ใช้คลัทช์บ่อยๆโดยไม่จำเป็น ก็จะทำให้คลัทช์หมดไว

3. อย่าพักเท้าที่คลัทช์ หลายคนมักจะชอบพักเท้ารอที่คลัทช์ เพื่อรอจังหวะเปลี่ยนเกียร์ แต่ความจริงแล้วมันเป้นพฤติกรรมที่ผิดเพราะเพียงน้ำหนักนิดเดียวที่กฏลงแป้นก็อาจทำให้จานกดคลัทช์หนีห่างจากฟลายวีล และทำให้คลัทช์สึกหรอมากกว่าปกติได้

4. หลีกเลี่ยงการทำคลัทช์ไหม้ นี่เป็นเรื่องที่ต้องจำเอาไว้เลยสำหรับขาลุยที่ชอบเฮอาตามต่างจังหวัด การขับรถทางไกล โดยเฉพาะใครที่ขึ้นเขาลงห้วยบ่อยๆ พยายามหลีกเลี่ยงการทำคลัทช์ไหม้ให้ดี เพราะการทำคลัทช์ไหม้นี้จะทำให้หน้าสัมผะสของคลัทช์ เสื่อไวกว่าปกติ และท้ายที่สุด มันก็นจะเป็นอาการเรื้อรังไปถึงคลัทช์หมด

 

ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องราวของคลัทช์ ที่เราอยากให้คุณรู้ โดยเฉพาะ อย่างยิ่งกับใครก้ตามที่ไม่เคยได้มีโอกาสสังเกตรถที่ใช้งานทุกวัน สุดท้าย เราอยากให้กฏข้อหนึ่งไว้ว่า "เราดุแลรถ แล้วรถจะดูแลเรา" และมันจะไม่งอแงยามที่คุณเรียกใช้

 

อาการคลัทช์หมดนี้ปัจจุบันหลายคนไม่ทราบจริงๆ โดยเฉพาะ อย่างยิ่งเมื่อคุณกำลังพูดถึงรถระบบเกียร์อัตโนมัติที่ก็มีคลัทช์ทำงานอยู่ข้างในเช่นกัน ความจริงเสียจองรถมักจะมีอาการเตือนล่วงเพียงแต่มันก้ขึ้นอยู่กับว่า คุรจะใส่ใจมันหรือเปล่าก็แค่นั้นเอง

 

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com

.

.

.

.

_____________________________________

เราคือตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ

เทอร์โบแท้

IHI TURBO 🇯🇵

GARRETT 🇺🇸

MITSUBISHI TURBOCHARGER 🇯🇵

ซื้อกับเราได้สินค้าแท้100%

คุ้มค่ากว่า ใช้งานได้ในระยะยาว

สบายใจกว่า เทอร์โบแท้รับประกันสินค้ายาวนาน

บริการหลังการขายที่ยอดเยี่ยม

โดยทีมงานมืออาชีพ ผู้มีประสบการณ์มากกว่า 24 ปี”

สั่งอะไหล่กับเรา "ออกใบกำกับภาษี" ได้

พร้อมบริการการดูแลหลังการขายตลอดอายุการใช้งาน

⚙️เข้าชมสินค้าทั้งหมดในเว็บไซต์

คลิก: www.sqdparts.com

⚙️สั่งซื้อทางเพจ

คลิก: m.me/sqdparts

⚙️สั่งซื้อผ่านไลน์

คลิก: https://liff.line.me/1645278921-kWRPP32q/?accountId=sqdparts

คลิกYoutube : https://bit.ly/3IAJstu

คลิกTiktok : https://bit.ly/3bXmLmN

คลิกInstagram : https://bit.ly/3AFxMDx

เขียนโดย sqdparts เมื่อ Fri 06 Jun, 2025
อ่านต่อ
แสดง รายการ
ร้านค้าออนไลน์ และ ขายของออนไลน์ โดย © 2006-2025 Vevo Systems Co., Ltd.